แม้ว่ามหาเทพแห่งความว่างเปล่าจะมิใช่คนดี ทว่าเขามิใช่คนที่ชั่วร้ายเช่นกัน จากเรื่องราวที่ได้ฟัง กล่าวได้ว่าเขาเพียงเป็นบุคคลที่น่าสงสารคนหนึ่งเท่านั้น
นับตั้งแต่ที่ยอดฝีมือในขอบเขตมหาเทวะวางแผนทำให้ทั้งหมู่บ้านเดือดร้อนเพราะปรารถนาที่จะแย่งชิงพลังแห่งความว่างเปล่า รวมถึงการที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ขุมกำลังระดับสองซึ่งอ้างตนว่าเป็นขุมกำลังที่เที่ยงธรรมเกิดหวาดหวั่นในพรสวรรค์และความแข็งแกร่งของมหาเทพแห่งความว่างเปล่าจนมีส่วนร่วมในโศกนาฏกรรมครานั้น สิ่งที่เกิดขึ้นได้กลายเป็นเงาแค้นที่ฝังแน่นในหัวใจของมหาเทพแห่งความว่างเปล่า
หากมิใช่เพราะมหาเทพแห่งความว่างเปล่าหลบหนีได้เร็วพอ เกรงว่าเขาคงถูกคนจากขุมกำลังระดับสองสังหารไปนานแล้ว
หลังจากเหตุการณ์นั้น เขาก็หลบซ่อนตัวและตัดขาดจากโลกภายนอกมาโดยตลอด สิ่งเดียวที่เขาทำคือการเก็บตัวพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองจนกระทั่งมีพลังอำนาจที่มากพอ เขาจึงกลับไปชำระความแค้นกับขุมกำลังระดับสองแห่งนั้นอีกครั้ง
ในเวลานั้น ขุมกำลังระดับสองในอดีตก็กลายเป็นขุมกำลังระดับหนึ่งไปแล้วเนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากยอดฝีมือในขอบเขตมหาเทวะผู้นั้น
เดิมทีมหาเทพแห่งความว่างเปล่าก็ต้องการสะสางความแค้นกับยอดฝีมือในขอบเขตมหาเทวะที่สังหารบิดามารดาและมิตรสหายในหมู่บ้านของตน เขาจึงไม่ยอมรามือง่าย ๆ
เมื่อโอกาสมาถึง เขาก็กวาดล้างขุมกำลังระดับหนึ่งแห่งนั้นจนสิ้นซากด้วยมือของตนเอง รวมถึงหลอกล่อให้ผู้ที่สังหารบิดามารดาของตนปรากฏตัวขึ้นมาเช่นกัน
ในช่วงเวลานั้น มหาเทพแห่งความว่างเปล่ายังคงอ่อนแอกว่ายอดฝีมือในขอบเขตมหาเทวะผู้นั้น ทว่าสุดท้ายเขาก็สามารถเอาชนะได้ด้วยเจตจำนงอันแกร่งกล้าและทำให้จิตวิญญาณของอีกฝ่ายดับสูญไปตลอดกาลโดยที่ไม่มีโอกาสได้ฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่อีก
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดบรรดาเทพผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนจึงร่วมมือกันโจมตีข้า ?”
จู่ ๆ มหาเทพแห่งความว่างเปล่าก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูหดหู่เล็กน้อย
ฉินอวี้โม่ไม่กล่าวสิ่งใดเนื่องจากทราบดีว่ามหาเทพแห่งความว่างเปล่าจะอธิบายต่อ อย่างไรก็ตาม นางตั้งข้อสันนิษฐานไว้ในใจแล้ว
“เป็นเพราะในตอนนั้นข้าแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ และคนพวกนั้นกังวลว่าข้าจะทำให้สถานะของพวกเขาสั่นคลอนจึงรวมหัวกันฆ่าข้า เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะฆ่าผู้บริสุทธิ์และกระทำเรื่องที่ชั่วช้าเหล่านั้น ?”
ในครานั้น หลังจากชำระความแค้นได้สำเร็จ เขาก็ไม่คิดที่จะก่อตั้งขุมกำลังใด ๆ ทว่าเลือกที่จะออกท่องไปทั่วยุทธภพ เมื่อเผชิญกับความไม่เป็นธรรมในระหว่างทาง เขาก็มักจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือและคลี่คลายปัญหาเหล่านั้นด้วยตนเอง เพราะเหตุนั้นมันจึงนำไปสู่เหตุการณ์ที่หลายคนไม่พอใจนัก ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการที่พลังแห่งความว่างเปล่าของมหาเทพแห่งความว่างเปล่าลึกลับน่าพิศวงมากเกินไปและพรสวรรค์ของเขาก็น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก หากปล่อยให้เขาพัฒนาเติบโตต่อไปได้อีก เขาจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อบรรดาเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของดินแดนอย่างแน่นอน
ในที่สุด ผู้แกร่งกล้าในขอบเขตมหาเทวะหลายคนก็ร่วมมือกัน จุดประสงค์ของพวกเขาไม่เพียงแต่เป็นการทำลายชื่อเสียงและกระจายข่าวว่ามหาเทพแห่งความว่างเปล่าสังหารผู้บริสุทธิ์อย่างเลือดเย็นเท่านั้น ทว่ายังร่วมมือกันเพื่อกำราบเขาและปิดผนึกไว้ที่นี่
“ข้าถูกขังไว้ที่นี่มานานนับหมื่นปี คนพวกนั้นใช้หินศักดิ์สิทธิ์ห้าสีเพื่อยับยั้งข้าไว้ เดิมทีพวกเขาวางแผนที่จะหลอมรวมข้าเข้ากับหินศักดิ์สิทธิ์นั่น ทว่าข้าไม่ยินยอม ข้าไม่ยอมตายง่าย ๆ และปล่อยให้ขุมกำลังที่อ้างตัวว่าเป็นคนดีพวกนั้นลอยนวลไป ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าก็ดูดซับสภาวะพลังมาอย่างต่อเนื่องซึ่งช่วยมิให้จิตวิญญาณของข้าสลายไป ทว่าตอนนี้ ร่างกายของข้ากลายเป็นของเหลวสีดำและเป็นหนึ่งเดียวกับกล่องใบนี้ไปแล้ว”
น้ำเสียงของมหาเทพแห่งความว่างเปล่าค่อย ๆ สงบลง ทว่ายังคงเจือด้วยความไม่พอใจ
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว เถาเซี่ยวเซี่ยวอดร่ำไห้ไม่ได้ เถียนซินและสวีเยว่เองก็มีดวงตาที่แดงก่ำเช่นกัน แม้แต่เหลิ่งซวงเสวี่ยก็มีสีหน้าที่เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
เรื่องราวของมหาเทพแห่งความว่างเปล่าส่งผลต่อความรู้สึกของพวกนางเป็นอย่างมาก
คิดไม่ถึงเลยว่าปีศาจร้ายที่ผู้คนเล่าขานกันมาแต่โบราณจะประสบพบเจอกับเรื่องราวที่น่าเศร้าเช่นนี้ และแท้จริงแล้วคนเหล่านั้นที่อ้างตนว่าเที่ยงธรรมและถูกต้องกลับเป็นกลุ่มคนที่น่าขยะแขยงที่สุด
“นั่นคือสาเหตุที่ท่านฆ่าคนในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาอย่างนั้นหรือ ?”
ฉินอวี้โม่มีจิตใจที่สงบนิ่งมากที่สุดและไม่ปล่อยให้ความคิดเอนเอียงไปตามอารมณ์ นางเองก็เคยพานพบเรื่องราวน่าเศร้ามาแล้วมากมาย แม้สิ่งที่เกิดขึ้นกับมหาเทพแห่งความว่างเปล่าจะน่าเห็นใจ นางก็ไม่ปักใจเชื่อโดยง่าย
“เหอะ แม่สาวน้อย ข้าเพิ่งจะยืนยันกับเจ้าว่าข้าไม่เคยฆ่าผู้บริสุทธิ์ แม้แต่คนเหล่านั้นที่ตายไปซึ่งได้รับอิทธิพลจากพลังแห่งความว่างเปล่าก็เป็นเพราะความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของพวกเขาเอง ทว่าในทางกลับกัน คนอย่างพวกเจ้าที่มีจิตใจอันดีงามและจริงใจ พลังแห่งความว่างเปล่าของข้าจึงทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้”
มหาเทพแห่งความว่างเปล่าแค่นเสียงเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมรับความผิดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เขามิใช่ตัวการอย่างแท้จริงและไม่มีทางทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นการสังหารผู้บริสุทธิ์ในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา แม้เขาจะช่วงชิงโชคดวงและสภาวะพลังของหมู่บ้านมาจริง นั่นก็เพื่อรักษาจิตวิญญาณของตนมิให้เสื่อมสลาย ทว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชากรในหมู่บ้าน
“หากมิใช่ท่านแล้วใครกัน ?”
วาจาของมหาเทพแห่งความว่างเปล่าทำให้ฉินอวี้โม่เชื่อว่าเขามิใช่ตัวการของเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นางมั่นใจคือเขาจะต้องทราบถึงสาเหตุการตายของคนในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาอย่างแน่นอน
“เหอะ ยอดฝีมือที่มาที่นี่คือฆาตกรที่ฆ่าล้างคนของหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา เขาค้นพบความลับใต้บ่อน้ำและกังวลว่าคนในหมู่บ้านจะรู้เข้า เพราะเหตุนั้น เขาจึงลงมือสังหารคนเหล่านั้นทั้งหมด ส่วนดวงวิญญาณในหมู่บ้านที่ไปจากที่นี่ไม่ได้ก็เป็นเพราะหนึ่งในคนที่กักขังข้าไว้ในอดีตวางข่ายอาคมตรึงวิญญาณไว้ที่นี่ จิตวิญญาณของพวกเขาจึงถูกกักขังไว้ที่นี่เช่นกัน”
มหาเทพแห่งความว่างเปล่าไม่ปิดบังสิ่งใดและแค่นเสียงเย็นชาก่อนอธิบายด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม
คนในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาคงไม่คาดคิดเลยว่ายอดฝีมือที่พวกเขาไว้วางใจจะเป็นคนที่สังหารพวกตน หากไม่เชิญยอดฝีมือผู้นั้นมาที่นี่ตั้งแต่แรก คนในหมู่บ้านก็คงไม่ตกอยู่ในชะตากรรมอันเลวร้ายเช่นนี้
“แล้วกลุ่มคนที่ลงมาในบ่อน้ำก่อนหน้านี้ล่ะ ?”
ฉินอวี้โม่ไม่สงสัยในวาจาของมหาเทพแห่งความว่างเปล่าและเอ่ยถามอีกเรื่องหนึ่งที่นึกขึ้นได้
“ในตอนนั้น หินศักดิ์สิทธิ์ห้าสีเปล่งแสงออกไปจากบ่อน้ำ คนพวกนั้นจึงลุ่มหลงไปในความโลภ ทว่าเมื่อลงมาเพื่อตรวจดู พวกเขาก็ได้รับอิทธิพลจากพลังบนผนึกจนตายไปในท้ายที่สุด อันที่จริงข้าก็สามารถช่วยพวกเขาได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่มีจิตใจด่างพร้อยเหล่านั้น ข้าจะไม่ช่วยเหลือพวกเขาเด็ดขาด ส่วนสาเหตุที่สองคนนั้นมีสติรับรู้อยู่ได้ก็เป็นเพราะจิตใจของพวกเขาบริสุทธิ์และขาวสะอาดอย่างยิ่ง พวกเขาจึงต้านทานพลังของข่ายอาคมตรึงวิญญาณได้ มิเช่นนั้น พวกเขาก็คงจะลงเอยไม่ต่างจากดวงวิญญาณดวงอื่น ๆ”
เนื่องจากทราบว่าฉินอวี้โม่จะถามสิ่งใด มหาเทพแห่งความว่างเปล่าจึงอธิบายทั้งหมดในคราวเดียว
แม้แต่สาเหตุที่เหลิ่งต้าซานและภรรยามีสติรับรู้เป็นของตนเอง เขาก็อธิบายอย่างไม่ปิดบัง
“สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา ในตอนนั้นข้าเองก็ไร้ซึ่งพลัง มิเช่นนั้น คนผู้นั้นคงฆ่าคนทั้งหมู่บ้านไม่สำเร็จ”
แม้มิใช่คนดีโดยสมบูรณ์ ทว่าหากหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาต้องตกอยู่ในวิกฤตเพราะตัวเขา มหาเทพแห่งความว่างเปล่าก็ไม่มีทางเพิกเฉยได้แน่ อย่างไรก็ตาม ตอนที่คนผู้นั้นลงมือสังหารคนในหมู่บ้านเป็นช่วงที่เจตจำนงของเขาอ่อนแอมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ยอดฝีมือผู้นั้นก็จงใจกระตุ้นพลังของข่ายอาคมตรึงวิญญาณซึ่งมีอิทธิพลยับยั้งพลังของมหาเทพแห่งความว่างเปล่าได้มากพอสมควร เขาจึงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ฉินอวี้โม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้แล้วและไม่เอ่ยถามสิ่งใดต่อ ในเวลานี้ ความระแวดระวังที่นางมีต่อมหาเทพแห่งความว่างเปล่าก็เริ่มหายไปมากแล้ว
“แม่สาวน้อย เจ้าอยากจะเป็นศิษย์ของข้าหรือไม่ ?”
เป็นเรื่องยากที่จะได้พบคนที่ถูกชะตาเช่นนี้ มหาเทพแห่งความว่างเปล่าจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอีกครั้ง
“หากจะให้ข้าเป็นศิษย์ก็ลืมไปได้เลย ทว่าเราสามารถผูกมิตรเป็นสหายกันได้”
ฉินอวี้โม่ปฏิเสธอย่างไม่ลังเล ทว่านั่นมิใช่เพราะนางยังอคติกับมหาเทพแห่งความว่างเปล่า หากแต่เป็นเพราะนางมีอาจารย์อยู่แล้วและไม่ต้องการรับผู้อื่นเป็นอาจารย์เพิ่มเติม
“เป็นสหายกันก็ยังดี แม่สาวน้อย…ข้ารู้สึกถูกชะตากับเจ้าจริง ๆ”
มหาเทพแห่งความว่างเปล่าไม่มีท่าทีโกรธเคืองแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังจะกล่าวต่อ จู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของคนแปลกหน้าที่กำลังเข้ามาที่นี่
มีใครบางคนกำลังมาที่นี่ !