ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่คุ้นเคยเช่นกัน และด้วยความคิดเพียงแวบเดียว นางก็เข้าไปซ่อนตัวในคฤหาสน์เฟิงหัวโดยตรง มหาเทพแห่งความว่างเปล่าเองก็ถอยกลับไปในรอยแยกใต้ก้อนหินเช่นกันและทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิมก่อนหน้านี้
ตรงหน้าม่านป้องกันหน้าห้องโถง ในเวลานี้มีร่างของคนหลายคนปรากฏขึ้นมา
“เฮ้ เมื่อครู่นี้ข้าคิดว่าข้าได้ยินเสียงคนคุยกัน นี่ข้าหูฝาดไปงั้นหรือ ?”
น้ำเสียงประหลาดใจดังขึ้นและนั่นเป็นเสียงของบุรุษวัยกลางคนในกลุ่มนั้น
คนทั้งห้าปรากฏตัวหน้าม่านป้องกันและพวกเขาทั้งหมดล้วนมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มอยู่ในขอบเขตเทพเซียนเจ็ดดาราซึ่งแข็งแกร่งกว่าฉินอวี้โม่และทุกคนในคฤหาสน์เฟิงหัวมากนัก
“เขานั่นเอง !”
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว เหลิ่งซวงเสวี่ยจดจำผู้ที่เดินอยู่ข้างหน้าสุดของกลุ่มคนทั้งห้าได้และโพล่งออกไปทันที
“พี่เหลิ่ง เขาเป็นใครหรือ ?”
เถาเซี่ยวเซี่ยวเอ่ยถามทันทีและต้องการทราบว่าคนที่เหลิ่งซวงเสวี่ยกล่าวถึงคือผู้ใด
“เขาคือผู้ที่มาที่หมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาของเราในอดีตและเป็นผู้ที่ถูกเรียกกันว่า ‘ยอดฝีมือ’ ข้าเคยได้ยินถึงรูปลักษณ์ของเขาจากท่านแม่ เขามีรอยย่นเท่านิ้วหัวแม่มือบนคาง ศีรษะล้านและสวมใส่จีวรของพระสงฆ์ ใช่เขาไม่ผิดแน่”
สีหน้าของเหลิ่งซวงเสวี่ยแสดงถึงความจริงจังอย่างมาก ผู้ที่ถูกเรียกว่า ‘ยอดฝีมือ’ คือคนที่บอกกับประชากรในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาว่ามีสิ่งผิดปกติอยู่ในบ่อน้ำและห้ามมิให้พวกเขาเข้าไปใกล้ รวมถึงวางผนึกปิดกั้นที่นี่ไว้
เหลิ่งซวงเสวี่ยได้ยินบทสนทนาระหว่างฉินอวี้โม่และมหาเทพแห่งความว่างเปล่าก่อนหน้านี้ นางจึงคาดเดาได้ไม่ยากว่าคนผู้นี้คือฆาตกรตัวจริงที่สังหารผู้คนทั่วทั้งหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา
“เจ้าคงจะหูฝาดไป คนในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาตายไปนานกว่าครึ่งเดือนแล้วและที่นี่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา อีกทั้งเราก็ปล่อยข่าวออกไปแล้วว่าเกิดเรื่องประหลาดในหมู่บ้านนี้ ไม่มีคนสมองทึบหน้าไหนกล้ามาที่นี่หรอก”
ผู้ที่อยู่ถัดจากพระสงฆ์ลวงโลกกล่าวขึ้น เวลานี้กลุ่มของพวกเขาหยุดลงตรงหน้าผนึกแล้ว
“หัวหน้า เราจะทำลายผนึกนี่อย่างไรขอรับ ?”
เขาหันไปเอ่ยถามพระสงฆ์จอมปลอมด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเคารพและพิสูจน์สถานะของบุรุษผู้นั้นได้อย่างชัดเจน
ผู้ที่อาวุโสที่สุดในกลุ่มคนทั้งห้าคือคนที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดเช่นกัน ตอนนี้พลังของเขาบรรลุถึงขอบเขตเทวราชแล้วและน่าจะอยู่ในระดับที่สูงพอสมควร ต่อให้ฉินอวี้โม่และทุกคนร่วมมือกัน พวกนางก็มิใช่คู่มือของเขาแม้แต่น้อย
“หากมิใช่เพราะผนึกนี่ อาตมาคงเข้าไปได้ตั้งแต่คราก่อนแล้ว ครานี้อาตมาเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดีและไม่เชื่อหรอกว่าจะทำลายผนึกนี่ไม่ได้ !”
พระสงฆ์ลวงโลกผู้นั้นเอ่ยขึ้นพร้อมกับไม้เท้าสีดำที่ปรากฏในมือ
เขาโบกมือเล็กน้อยและจ่อไม้เท้าในมือตรงไปยังผนึกตรงหน้า
และเพียงเสี้ยวอึดใจ ผนึกที่ฉินอวี้โม่และทุกคนมิอาจทำให้สั่นคลอนแม้ใช้เวลานานก่อนหน้านี้ก็เกิดช่องว่างขึ้นมาทันที
“เข้าไปเร็วเข้า !”
พระสงฆ์จอมปลอมตะโกนเสียงดังก่อนคนทั้งกลุ่มจะเหาะเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“พี่ใหญ่ แร่และอัญมณีมากมายที่ท่านกล่าวถึงหายไปที่ใดกัน ?”
ใครคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความสงสัยและกวาดสายตามองห้องโถงว่างเปล่าอย่างงุนงง
จากสิ่งที่พี่ใหญ่ของเขากล่าวไว้ก่อนหน้านี้ หลังม่านป้องกันในห้องโถงเต็มไปด้วยแร่และผลึกคุณภาพสูง รวมถึงหินศักดิ์สิทธิ์ห้าสีในตำนาน ทว่าเวลานี้ตรงหน้าพวกเขากลับไม่มีแม้แต่ก้อนกรวดอยู่เลย นับประสาอะไรกับหินศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่ล้ำค่า
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?!”
สีหน้าของพระสงฆ์จอมปลอมเปลี่ยนไปทันที เขารีบสำรวจรอบตัวทว่าไม่พบหินแม้แต่ก้อนเดียวเช่นกัน
“พี่ใหญ่ หรือว่าจะมีคนมาที่นี่ก่อนพวกเรา ?”
หนึ่งในห้าคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแสดงความสงสัยอย่างชัดเจน หากไม่มีผู้ใดเข้ามาที่นี่ แล้วหินศักดิ์สิทธิ์ห้าสีจะหายไปได้อย่างไร ?
“เป็นไปไม่ได้หรอก อาตมากังวลว่าจะมีคนค้นพบความลับของที่นี่จึงได้ใช้ยาพิษฆ่าทุกคนในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา อีกอย่าง…คนในหมู่บ้านนี้ก็อ่อนแอจนเกินไป พวกเขาทำลายผนึกของอาตมาไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการลงมาถึงที่นี่ !”
พระสงฆ์จอมปลอมปฏิเสธข้อสงสัยดังกล่าวทันทีเนื่องจากไม่คิดว่าจะมีใครบุกมาที่นี่ได้ ทว่าในขณะเดียวกัน เขาก็ได้เปิดเผยสาเหตุการตายของประชากรในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา
“เขาเป็นคนที่ฆ่าคนในหมู่บ้านจริง ๆ !”
บิดามารดาของเหลิ่งซวงเสวี่ยถูกอดีตคู่หมั้นของนางสังหาร ทว่าคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านถูกลอบวางยาโดยพระสงฆ์จอมปลอมผู้นี้ การที่ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งและมีพลังในขอบเขตเทวราชสังหารชาวหมู่บ้านผู้บริสุทธิ์มากมายเพียงเพราะผลประโยชน์ของตนเองช่างเป็นสิ่งที่น่าชังชิงอย่างที่สุด !
“การที่เสแสร้งวางตัวเป็นบุคคลในศีลธรรมช่างเป็นเรื่องที่น่าขันชะมัด พระสงฆ์ปลอมนั่นคงจะเป็นเฉินเฟิงเซี่ยว—จ้าวนิกายของขุมกำลังระดับสองที่มีชื่อว่านิกายพันปีศาจและเขาก็เป็นที่รู้จักกันในฉายาพระปีศาจเช่นกัน เขาทั้งเห็นแก่ตัวและยึดหลักการใช้ชีวิตที่โหดเหี้ยมมาก แม้แต่จ้าวนิกายของเราก็ยังชิงชังเจ้าลาหัวโล้นนี้มากเลยล่ะ”
เถาเซี่ยวเซี่ยวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่านางไม่ชอบ ‘พระปีศาจ’ ผู้นี้แม้แต่น้อย
พระสงฆ์ลวงโลกตรงหน้าคือเฉินเฟิงเซี่ยว—จ้าวนิกายพันปีศาจ หากอยู่ต่อหน้าคนที่ไม่ทราบถึงธาตุแท้ เขามักเสแสร้งแสดงตัวเป็นคนดีน่าเลื่อมใสและหลอกลวงให้ผู้คนไว้วางใจ นิกายพันปีศาจเป็นขุมกำลังที่ทรงพลังและไม่เป็นที่ชื่นชอบในบรรดาขุมกำลังระดับสอง พวกเขาก่อกรรมทำชั่วมามากมายและรังแกผู้อ่อนแอเป็นประจำ ทว่ากลับไม่เคยมีผู้ใดที่คิดจะเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับพวกเขา
“เหอะ ในเมื่อแย่งชิงสิ่งที่เป็นของอาตมาไปแล้วก็โผล่หัวออกมาเถิด !”
จู่ ๆ เฉินเฟิงเซี่ยวก็แค่นเสียงอย่างเย็นชาและเหวี่ยงไม้เท้าตรงไปยังทิศทางของคฤหาสน์เฟิงหัวที่ล่องหนอยู่กลางอากาศ
พระปีศาจผู้นี้มิใช่บุคคลที่ธรรมดาอย่างแท้จริงและสามารถระบุพิกัดของคฤหาสน์ล่องหนได้อย่างแม่นยำ
“จ้าวนิกายพันปีศาจ เหตุใดไม่ดูแลรักษานิกายของตนเองให้ดี แต่กลับมาที่หมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาเพื่อทำสิ่งที่ไร้จิตสำนึกเช่นนี้ ไม่กลัวหรือว่าผลกรรมจะตามสนองและไม่ได้นอนตาหลับอีกต่อไป ?”
น้ำเสียงเรียบเฉยของฉินอวี้โม่ดังขึ้นก่อนนางและคนอื่น ๆ จะก้าวออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัว
“ฮ่า ๆ ๆ อาตมาก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นศิษย์ของนิกายหมื่นกระบี่นี่เอง”
เฉินเฟิงเซี่ยวไม่มีท่าทีแปลกใจแต่อย่างใด หมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ในอาณาบริเวณของนิกายหมื่นกระบี่ หากเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้นที่นี่ เป็นธรรมดาที่นิกายหมื่นกระบี่จะส่งคนมาสืบหาความจริง
อย่างไรก็ตาม ในบรรดาทุกคนที่มาที่นี่ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่เพียงขอบเขตเทพเซียนสามดาราเท่านั้นซึ่งไม่มีความจำเป็นที่เฉินเฟิงเซี่ยวจะต้องเห็นอยู่ในสายตา
“โยมเอาหินศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของอาตมาไปใช่รึไม่ ?”
เขาเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาและสายตาจ้องตรงไปที่ฉินอวี้โม่ แม้เสิ่นเสี่ยวไห่จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากฉินอวี้โม่และคาดเดาได้ว่านางคงจะเป็นคนที่รับมือได้ยากที่สุดในกลุ่มนี้
“หากใช่แล้วอย่างไร…หากมิใช่แล้วอย่างไร ?”
ฉินอวี้โม่ไม่ยอมรับแม้แต่น้อย ทว่าตอบกลับด้วยคำถามและสีหน้าก็ยังคงสงบนิ่งเช่นเดิม
“หากใช่ก็ส่งมันมาเสียดี ๆ เถิด เพื่อเห็นแก่หน้าของจ้าวนิกายของพวกโยม อาตมาสามารถไว้ชีวิตพวกโยมได้”
พระสงฆ์จอมปลอมกล่าวอย่างไม่แยแสขณะแผ่แรงกดดันตรงไปยังฉินอวี้โม่และทุกคน เขาทราบแล้วว่าหินศักดิ์สิทธิ์ห้าสีถูกพวกนางชิงไป ถึงอย่างไรคนเหล่านี้ก็เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่เข้ามาถึงที่นี่ได้
“เหอะ คิดว่าพวกเราจะเชื่อเจ้างั้นรึ ? คนในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาที่เป็นเพียงผู้บริสุทธิ์ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราว ทว่าเจ้าที่เป็นถึงยอดฝีมือในขอบเขตเทวราชกลับฆ่าพวกเขาได้อย่างเลือดเย็น ?”
ฉินอวี้โม่เพิกเฉยต่อแรงกดดันของเฉินเฟิงเซี่ยวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา เถาเซี่ยวเซี่ยวและคนอื่น ๆ ก็ต้านทานแรงกดดันดังกล่าวได้เช่นกันจึงไม่ได้รับผลกระทบมากจนเกินไป
“เจ้าลาหัวโล้น การที่เจ้าฆ่าคนบริสุทธิ์ไปมากมาย เจ้าไม่รู้สึกผิดบ้างเลยรึ ? ไม่กลัวรึว่าคนเหล่านั้นจะกลายเป็นผีและตามมาหลอกหลอนเพื่อล้างแค้นเจ้า ?”
เถาเซี่ยวเซี่ยวตะโกนกร้าว แม้เผชิญหน้ากับเฉินเฟิงเซี่ยวที่เป็นถึงจอมยุทธ์ในขอบเขตเทวราช สีหน้าของนางก็ยังคงเรียบเฉยและไม่มีความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย
“แม่สาวน้อย เจ้าเป็นคนแรกที่ริอาจเรียกข้าว่าลาหัวโล้น !”
เฉินเฟิงเซี่ยวกัดฟันแน่นและเหวี่ยงฝ่ามือตรงเข้าใส่เถาเซี่ยวเซี่ยว
เสิ่นเสี่ยวไห่และเมิ่งฝานก็ไม่รอช้าและตรงเข้าไปขวางฝ่ามือของอีกฝ่ายไว้ทันที ทว่านั่นทำให้พวกเขารับแรงโจมตีอย่างจังจนต้องถอยหลังออกไปหลายก้าว