“สหายน้อยจากนิกายหมื่นกระบี่ทั้งหลาย พวกเจ้ามั่นใจในความสามารถของตนเองมากเกินไปแล้ว ส่งแร่พวกนั้นมาเสียดี ๆ และเราจะปล่อยพวกเจ้าไป หากคิดขัดขืน พวกเจ้าก็จะต้องกลายเป็นผีเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดกาล !”
ผู้ที่อยู่ถัดจากเฉินเฟิงเซี่ยวคลี่ยิ้มพร้อมกับมองฉินอวี้โม่และทุกคนก่อนกล่าวอย่างวางท่า
“ถูกต้อง ส่งหินศักดิ์สิทธิ์ห้าสีและแร่ระดับสูงทั้งหมดมาเสียดี ๆ แล้วพวกข้าจะเมตตาปล่อยพวกเจ้าไป มิเช่นนั้น…อย่าหาว่าพวกข้าโหดเหี้ยมเกินไปก็แล้วกัน !”
คนอื่น ๆ ก็กล่าวเสริมอย่างเห็นพ้องตรงกันและใช้วาจาข่มขู่ฝ่ายของฉินอวี้โม่อย่างชัดเจน
เฉินเฟิงเซี่ยวไม่กล่าวสิ่งใดต่อ ทว่าเจตนาของเขาก็ชัดเจนอยู่แล้ว
การปล่อยฉินอวี้โม่และทุกคนไปมิใช่เรื่องยาก ทว่าพวกนางอาจต้องหลั่งเลือดสาบานเสียก่อน
“เหอะ ฝันไปเถอะ ! พวกเจ้าฆ่าผู้บริสุทธิ์ในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาไป วันนี้ข้าจะทวงคืนความเป็นธรรมให้กับทุกคน !”
เถาเซี่ยวเซี่ยวแค่นเสียงอย่างเย็นชา นางไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายได้หินศักดิ์สิทธิ์ห้าสีไปครองอย่างแน่นอน
จากลักษณะนิสัยของพระปีศาจที่ฉาวโฉ่ ต่อให้มอบทุกอย่างให้ตามต้องการ เขาก็คงไม่ปล่อยพวกนางไปง่าย ๆ เกรงว่าการเอาตัวรอดออกจากที่นี่ในวันนี้คงจะไม่ง่ายดายนัก
“เหอะ หากจ้าวนิกายหมื่นกระบี่มาที่นี่ด้วยตัวเอง พวกเจ้าก็อาจจะมีคุณสมบัติในการกล่าววาจาสามหาวเช่นนี้ ทว่าในเมื่อตอนนี้มีเพียงพวกเจ้าไม่กี่คน การกระทำของพวกเจ้าเป็นเพียงการรนหาที่ตายเท่านั้น !”
เฉินเฟิงเซี่ยวแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นและไม่พยายามรักษาภาพลักษณ์อีกต่อไป จากนั้นเขาก็แผ่แรงกดดันมหาศาลออกไปครอบงำฉินอวี้โม่และทุกคนอีกคราเพื่อพยายามทำให้พวกนางสูญเสียพลังในการต่อสู้
“แม่สาวน้อย เจ้ามิใช่คู่มือของพวกเขาหรอก เอาเช่นนี้ดีกว่า…ร่วมมือกับข้า ข้าจะช่วยเจ้าฆ่าพวกเขา แต่เจ้าก็ต้องพาข้ากลับไปด้วย”
เสียงของมหาเทพแห่งความว่างเปล่าดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่ แม้พลังของเขาจะสลายไปเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว ทว่าเขาก็ยังสามารถมอบพลังให้กับฉินอวี้โม่เพื่อจัดการกับศัตรูเหล่านี้ได้
เพียงจอมยุทธ์ในขอบเขตเทวราชและขอบเขตเทพเซียนเหล่านี้ไม่ทรงพลังมากพอที่จะประจันหน้ากับผู้ที่เคยทรงพลังที่สุดในดินแดนอย่างแน่นอน !
“ตกลง ได้โปรดช่วยข้าด้วย…ท่านผู้อาวุโส !”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะอย่างไม่ลังเลเนื่องจากเข้าใจแล้วว่ามหาเทพแห่งความว่างเปล่าไม่ได้เป็นอาชญากรที่ชั่วช้าดังข่าวลือ ยิ่งไปกว่านั้น การที่ร่วมมือกับเขาเพื่อสังหารคนหยาบช้าไร้จิตสำนึกตรงหน้านี้ก็ถือเป็นความคิดที่ดีเช่นกัน
“อย่าต่อต้านข้า !”
มหาเทพแห่งความว่างเปล่ากล่าวกำชับกับฉินอวี้โม่ก่อนที่พลังงานสีดำของเขาจะหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของนางอย่างรวดเร็ว
ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่เพิ่มสูงขึ้นในพริบตาและเป็นสิ่งที่ทุกคนในที่นี้สัมผัสได้อย่างชัดเจน
ทันใดนั้น นางก็ส่งเถาเซี่ยวเซี่ยวและคนอื่น ๆ เข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวและจ้องมองเฉินเฟิงเซี่ยวและคณะด้วยแววตาเย้ยหยัน
“พวกเจ้าอยากจะตายด้วยวิธีใด ?”
หลังจากผสานเข้ากับพลังของมหาเทพแห่งความว่างเปล่า เสียงของฉินอวี้โม่ก็กลายเป็นแหบพร่า ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มสูงขึ้นจนบรรลุถึงขอบเขตเทวราชขั้นสูงสุดในพริบตาซึ่งแกร่งกล้ากว่าก่อนหน้านี้ถึงหลายเท่าตัวนัก
“เจ้าเป็นใคร ?”
สีหน้าของเฉินเฟิงเซี่ยวกลายเป็นเคร่งขรึมขึ้นทันที แววตาที่เขามองฉินอวี้โม่ไม่ได้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเช่นเดิม
พลังของฉินอวี้โม่ในตอนนี้มากพอที่จะบดขยี้เขาได้อย่างง่ายดาย เพียงแรงกดดันที่นางแผ่ออกมาก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก นับประสาอะไรกับการเอาชนะเขา
“เหอะ ชื่อเสียงเรียงนามของเทพผู้นี้…เจ้าไม่คู่ควรที่จะได้รู้หรอก ! สิ่งที่เทพผู้นี้เกลียดชังเป็นที่สุดคือคนเช่นเจ้าที่สังหารได้แม้กระทั่งผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เลือกมาเถอะว่าอยากจะพบกับจุดจบเช่นไร อย่ามัวแต่เสียเวลาอีกเลย !”
เสียงของมหาเทพแห่งความว่างเปล่าดังออกมา เวลานี้ เขาครอบงำร่างของฉินอวี้โม่เป็นการชั่วคราว
“อย่ามาวางมาดอวดเบ่งอยู่ที่นี่ แม้ไม่รู้ว่าพลังของเจ้าพัฒนาขึ้นมากเช่นนี้ในเวลาสั้น ๆ ได้อย่างไร แต่หากคิดจะฆ่าพวกข้าก็เชิญฝันต่อไปเถอะ !”
เฉินเฟิงเซี่ยวพยายามสงบสติอารมณ์ลง จากนั้นเขาก็โบกมือไปมาและฟาดไม้เท้าสีดำสนิทในมือตรงไปที่ฉินอวี้โม่อย่างจัง
ตูมมม !
ไม้เท้าของเขาเข้าไปไม่ถึงตัวฉินอวี้โม่ด้วยซ้ำและถูกขวางไว้โดยพลังบางอย่าง พลังที่หลงเหลืออยู่ของมหาเทพแห่งความว่างเปล่าไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ายอดฝีมือในขอบเขตมหาเทวะของดินแดนระดับสูงด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับผู้ที่มีพลังเพียงขอบเขตเทวราชเช่นนี้
“ไม้เท้านี่ไม่เลวเลย ข้าอยากจะได้มันมาครอง !”
พลังของมหาเทพแห่งความว่างเปล่าพันเกี่ยวไปรอบ ๆ ไม้เท้าสีดำก่อนที่จะชิงไม้เท้าในมือของเฉินเฟิงเซี่ยวมาโดยตรง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ?!”
สีหน้าเฉินเฟิงเซี่ยวบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตากังวล
แม้เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ในขอบเขตมหาเทวะหลายคนในดินแดน เขาก็ยังมีพลังมากพอที่จะต่อกรได้ ทว่าความแข็งแกร่งที่เพิ่มสูงขึ้นในพริบตาอย่างไม่ทราบสาเหตุของสตรีตรงหน้ากลับเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้น เขาสัมผัสได้อย่างเลือนรางว่าร่างของฉินอวี้โม่ในตอนนี้ถูกครอบงำโดยจิตวิญญาณที่แตกต่างไปจากเดิม
“เทพผู้นี้ลั่นวาจาไปแล้ว…เจ้าไม่คู่ควรที่จะได้รู้ !”
แน่นอนว่ามหาเทพแห่งความว่างเปล่าเมินเฉยและโบกมือเพื่อปลดปล่อยพลังออกไปปกคลุมเฉินเฟิงเซี่ยวและคณะของเขาส่งผลให้ทุกคนเริ่มขยับเขยื้อนได้ลำบาก
“ท่านจอมยุทธ์ เราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใดต่อกันและไม่จำเป็นต้องถึงขั้นสังหารกันหรอก ตราบใดที่ปล่อยพวกเราไป นิกายพันปีศาจของเราจะรับใช้และยกให้ท่านเป็นผู้นำด้วยความยินดี”
ต้องยอมรับว่าเฉินเฟิงเซี่ยวคู่ควรกับชื่อเสียงที่มีมาช้านาน ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาก็ถือว่ารวดเร็วยิ่งนักขณะก้มศีรษะคำนับและกล่าววาจาแสดงความจำนน
หากมิใช่เพราะเฉินเฟิงเซี่ยวสังหารผู้คนในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาไป มหาเทพแห่งความว่างเปล่าก็อาจพิจารณาไว้ชีวิตเขา สำหรับคนจิตใจชั่วร้ายที่ฆ่าล้างผู้บริสุทธิ์ในหมู่บ้านไปอย่างไม่ปรานีเช่นนี้ การที่มหาเทพแห่งความว่างเปล่าไม่บุกเข้าไปถล่มนิกายพันปีศาจจนราบก็ถือว่าเป็นความเมตตามากพอแล้ว
“คนจิตใจหยาบช้าเช่นเจ้าไม่คู่ควรที่จะได้มีชีวิตหน้า !”
น้ำเสียงเรียบเฉยดังมาจากปากของฉินอวี้โม่อีกครั้งพร้อมกับพลังที่แผ่ออกไปครอบงำร่างของเฉินเฟิงเซี่ยว อึดใจต่อมา ร่างของเขาก็สลายหายไปกลางอากาศและแม้แต่เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ไม่หลงเหลือสักเศษเสี้ยวเดียว
คนอื่น ๆ ทำได้เพียงอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวนิกายผู้ทรงพลังของพวกเขาจะพบจุดจบเช่นนี้ กล่าวได้ว่าพลังของเฉินเฟิงเซี่ยวนั้นจัดเป็นหนึ่งในร้อยอันดับแรกของดินแดน ต่อให้ต้องประจันหน้ากับเทพผู้ทรงพลังของดินแดน แม้จะเอาชนะไม่ได้ เขาก็ยังสามารถหลบหนีเอาตัวรอดได้ทุกครา
“พวกเจ้าที่เหลือ สาบานตนเพื่อยอมจำนนต่อฉินอวี้โม่เสีย และข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”
มหาเทพแห่งความว่างเปล่าในร่างของฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นอีกครั้งเพื่อสั่งให้คนที่เหลือหลั่งเลือดสาบาน
พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อยและรีบหลั่งเลือดสาบานเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อฉินอวี้โม่ทันที
“เอาล่ะ เสี่ยวอวี้โม่ เก็บกล่องสีดำไว้ในคฤหาสน์ล่องหนของเจ้าก่อนเถอะ หลังออกไปจากที่นี่ เจ้าสามารถหาวิธีเปิดมันและข้าก็จะออกไปได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อครู่ข้าครอบงำร่างของเจ้าและแบ่งปันพลังไปบางส่วน เพราะเหตุนั้นข้าจึงต้องหลับใหลไปสักพัก ไว้พบกันใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”
หลังจากกล่าวทิ้งท้าย พลังที่เผด็จการนั้นก็ค่อย ๆ จางหายไปและจิตวิญญาณของฉินอวี้โม่ก็กลับมาควบคุมร่างของตนเองได้อีกครั้ง
เวลานี้ มหาเทพแห่งความว่างเปล่าก็กลับเข้าไปในกล่องสีดำแล้วและลอยลงสู่มือของฉินอวี้โม่ จากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัด
ไอสีดำที่ล้อมรอบกล่องใบนี้ก็เจือจางลงมากซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเมื่อครู่มหาเทพแห่งความว่างเปล่าได้ใช้พลังไปมากทีเดียว เกรงว่าหลังจากนี้เขาจะต้องเข้าสู่สภาวะหลับใหลไปเป็นเวลานาน
“นายหญิง เราควรจะทำอย่างไรต่อไป ?”
หนึ่งในผู้ที่หลั่งเลือดสาบานเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมและขัดจังหวะการใช้ความคิดของฉินอวี้โม่
“ออกไปข้างนอกกันก่อนเถอะ”
ฉินอวี้โม่ตอบกลับเบา ๆ ก่อนที่เถาเซี่ยวเซี่ยวและทุกคนจะก้าวออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหรือ ?”
สีหน้าของทุกคนแสดงถึงความไม่อยากเชื่ออย่างเห็นได้ชัด เดิมทีพวกนางคิดว่าจะต้องเผชิญกับการต่อสู้อย่างดุเดือด ไม่น่าเชื่อเลยว่าการต่อสู้จะจบลงง่าย ๆ เช่นนี้
“พลังของมหาเทพแห่งความว่างเปล่าแกร่งกล้าเกินไปจริง ๆ ข้าไม่รู้เลยว่าควรจะจัดการกับนิกายพันปีศาจอย่างไรต่อไปในเมื่อตาเฒ่าพระปีศาจนั่นตายไปแล้ว”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะยืนยันก่อนเปิดเผยชื่อของมหาเทพแห่งความว่างเปล่าออกไปโดยตรง
ถึงอย่างไร คนของนิกายพันปีศาจเหล่านี้ก็ได้หลั่งเลือดสาบานและแสดงความจงรักภักดีต่อนางแล้ว นางจึงไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะคิดคดทรยศแต่อย่างใด