บทที่ 1198 ใครกันที่จะไม่ชอบอำนาจ

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1198 ใครกันที่จะไม่ชอบอำนาจ

คนทั้งสี่กลับบ้าน

พอมาถึงที่เดอะวิวซี ไชยันต์ก็ได้เดินอย่างสง่าผ่าเผยออกมา แล้วก็บอกกับพวกเขาว่าเตชินทร์ได้โทรมาให้พรุ่งนี้แสนรักไปเข้าร่วมประชุมรัฐสภาแต่เช้า

ม็อกโก “นี่เป็นการจัดระเบียบใหม่หรือเปล่าครับเนี่ย คิดไม่ถึงเลยว่าตระกูลเทวเทพของพวกเรากับการต่อสู้กันอย่างดุเดือดกับคนกลุ่มนั้น เตชินทร์กลับเป็นคนนั่งเสวยผลประโยชน์จากการต่อสู้ระหว่างสองฝ่าย”

ไชยันต์พูดอย่างเย็นชา “บางทีเขาอาจจะวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว รอให้พวกเราเป็นหมากเดินให้เขา”

ตอนนี้สองคนปู่หลานโกรธแค้นเต็มอก

แสนรักไม่ได้พูดอะไร

เขาเพียงแค่หยิบจดหมายที่เพิ่งส่งมาวางอยู่บนโต๊ะนั้นเปิดออกดูแล้วก็ลากเก้าอี้ที่อยู่หน้าโต๊ะ แล้วนั่งลง

เตชินทร์ให้น่าสงสัยนัก

แต่ถึงอย่างไรประเทศนี้ต้องการคนนึงมาควบคุมสถานการณ์ ถ้าการที่เขานั่งจัดการคนที่เสวยสุขอยู่เฉลยเป็นเรื่องดี งั้นเขาแสนรักคนนี้ก็ไม่ยุ่งอะไรแล้ว

ไม่งั้น…..

นัยน์ตาดำขลับของเขาที่มองจดหมายที่เล่นอยู่ในมือนั้น มีความอารมณ์ร้ายอยู่

วันต่อมา

พอแสนรักตื่นนอนก็ไปที่ไวท์ พาเลซ

เส้นหมี่ก็ตื่นนอนด้วย คิดไปถึงว่าวันนี้ม็อกโกต้องไปหาคนให้ทำหน้าให้เหมือนเดิม เธอเลยลงไปหาแสงดาวข้างล่าง อยากจะดูว่าวันนี้เธอจะจัดการยังไง

แต่หลังจากที่เธอลงมาที่ชั้นล่างแล้ว ก็พบว่าผู้หญิงคนนี้กับหนูดาราไม่อยู่แล้ว

“คุณผู้หญิง อุ้มลูกออกไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้วค่ะ เห็นบอกว่าจะกลับเรด พาวิเลี่ยน” พี่ภาพูดอธิบาย

เรด พาวิเลี่ยนหรอ?

แสงดาวไม่ค่อยเชื่อ

แต่ในความเป็นจริง แสงดาวไม่ได้ไป เช้าตรู่วันนี้เธออุ้มลูกตามไปกับม็อกโก ตั้งแต่ผู้หญิงคนนี้ได้ยินว่าผู้ชายของตัวเองจะกลับมาอีกสองสามเดือน เธอก็ให้ทนไม่ไหว

ดังนั้นก็เหมือนกับตอนที่เธอถือกระเป๋าเดินทางหนีไปที่ค่ายทหารกับเขา

ครั้งนี้เธอก็เอาลุกอุ้มไปด้วยเสียเลย

เส้นหมี่รู้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะขำหรือว่าร้องไห้ดี!

ผู้หญิงคนนี้ยังทำก่อความวุ่นวายได้อีกหรอ?

แต่เรื่องก็มาเป็นไปอย่างนี้แล้ว ก็ไม่มีทางอื่น อาจพูดได้แค่ว่าภรรยาของตระกูลเทวเทพได้นำลูกกลับไปหาแม่ที่เมืองA

ครึ่งเดือนผ่านไป ในที่สุดที่ไวท์ พาเลซก็สงบลง และในเวลานี้ก็ใกล้วันปีใหม่แล้ว

“พี่ หลายวันที่แล้วคุณนายพิมลได้โทรหาฉัน บอกว่าที่นี่เป็นปีที่24 ทางเขตเมืองเก่าจะมีงานวัดที่สนุกงานนึง สามารถซื้อของตกแต่งวันปีใหม่ได้ เธอเชิญผมให้ไปเดินช้อปเป็นเพื่อนเธอ”

แปปๆวันนี้ก็จะเป็นส่งท้ายปีแล้ว หลังจากที่เส้นหมี่ลุกขึ้นจากที่นอนก็เห็นผู้ชายข้างกายยังไม่ไปไวท์ พาเลซดังนั้นขออนุญาติเขาด้วยท่าทางที่รู้สึกตื่นเต้นน้อยๆ

เมืองหลวงที่นี้เป็นสถานที่ที่ซับซ้อนเกินไป ตอนนี้ฐานะของเธอก็ไม่เหมือนเดิม ออกไปไหนบอกเขาไว้ก่อนก็เป็นการณ์ดี

และเมื่อได้ยินว่าจะไปที่ที่คนพลุ่นพล่าน ปฏิกิริยาแรกของเขาคือขมวดคิ้ว

“ที่นั่นมีอะไรให้น่าเดิน คนก็ออกจะเยอะแยะ ไปเดินห้างไม่ดีกว่าหรอ เดี๋ยววันหลังพี่ไปเป็นเพื่อน”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ”

เส้นหมี่รีบพูดอธิบาย “งานวัดก็คืองานวัดสิ เมืองหลวงเป็นเมืองเก่าหลายพันปี การรวมตัวอย่างนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะชนชาตินะ ได้ยินมาว่ามีอะไรน่าเล่นน่ากินเยอะเลยนะ ฉัน….อยากไปดูอ่ะ”

พูดไปพูดมา เธอก็ทำท่าทางงอแงไม่ยอมเหมือนกับหนูรินจัง

แสนรักเปรยตามองมา

นี่อายุเท่าไหร่แล้ว ยังทำตัวเหมือนกับเด็ก

แต่สุดท้ายเขาก็ยอม และเขาก็กำชับให้ดลธีตามไปด้วย

ดังนั้นในเช้าวันนี้ เส้นหมี่เลยพาอิคคิวและรินจังไปงานวัดด้วยกัน แต่ชินจังที่ไม่เคยชอบสถานที่ที่มีคนพุ่งพล่าน กลับอยู่เล่นหมากรุกที่เดอะวิวซีกับไชยันต์

ปีใหม่แล้วก็ต้องคึกคักซะหน่อย

อย่างน้อยๆในมุมมองของเส้นหมี่คืออย่างนี้

ดังนั้นวันนี้หลังจากที่เธอมาถึงงานวัดแล้วก็พาลูกๆซื้อของเยอะแยะมากมาย มีทั้งดอกไม้ ป้าย โคมไฟ แล้วก็ของใช้ต่างๆที่ใช้จัดปีใหม่ เหนื่อยจนดลธีที่ตามอยู่ด้านหลังนั้นถือไม่ไหว

“คุณเส้นหมี่ ฉันได้ยินมาว่าครอบครัวของคุณที่อยู่เมืองAเป็นคนรวยลำดับต้นๆ คิดไม่ถึงเลยนะคะว่าจะชอบซื้อของเล็กๆพวกนี้”

พิมลเห็นก็อดไม่ได้ที่จะพูดจาหยอกล้อ

เส้นหมี่ถือของรีบพูดอธิบายว่า “คุณนายพิมลก็พูดเกินไปค่ะ พวกเราเป็นคนธรรมดา ปกติก็ไปซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อซื้อของใช้ในชีวิตประจำวัน ของพวกนี้แค่ใช้ได้ก็พอแล้ว ใช่มั้ยล่ะคะ?”

“ใช่ค่ะๆ”

พิมลยิ้มอย่างสวยงาม

เดินช้อปกันไปสามชั่วโมงเต็มๆ ในที่สุดคนทั้งสองก็เดินต่อไม่ไหว และตอนนี้หนูรินจังเห็นหมูหันไม่ยอมเดินต่อ ร้องแต่อยากกิน

ดังนั้นพวกเขาเลยเข้าไปนั่งในร้านนั้น

“คุณเส้นหมี่ หลังจากนี้พวกคุณจะอยู่ที่เมืองหลวงใช่มั้ยคะ?”

“คะ?”

เส้นหมี่ที่กำลังก้มหน้าก้มตาฉีกหมูหันให้กับลูกสาวนั้น ได้ยินคำถามนี้เลยเงยหน้าขึ้น

ทำไมอยู่ดีๆ คุณนายอันดับหนึ่งคนนี้ถึงได้ถามคำถามนี้กับเธอ

หรือว่าเป็นเพราะช่วงเวลานี้ตระกูลเทวเทพของพวกเธอได้ช่วยกวาดล้างสิ่งกีดขวางแทนตระกูลคีรวัตรของพวกเขา แล้วก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา เลยอยากให้ครอบครัวพวกเธอออกไปจากเมืองAหรอ

เส้นหมี่เก็บสายตา พูดยิ้มๆว่า “แน่นอนค่ะ ที่นี่เป็นบ้านของพวกเรา ถ้าไม่อยู่ที่นี่เลย จะให้ไปอยู่ไหนคะ?”

พิมลสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยทันที

“นั่นสิคะ งั้นก็ดีค่ะ อย่างนี้แล้วชินทร์ก็ไม่ต้องกังวล เขาก่อนหน้านี้น่ะค่ะกลัววสุของครอบครัวคุณมาก เอะอะก็จะปฏิเสธงาน”

“คงไม่หรอกค่ะ คุณนายพิมลวางใจได้ตระกูลเทวเทพของพวกเราอยู่ที่ไวท์ พาเลซมาสิบกว่าปี ถึงแม้ว่าสามีของฉันอยากจะปฏิเสธงาน นายท่านของตระกูลเราคงไม่เห็นด้วย ท่านเคยพูดกับพวกเราว่าภาระหนักนี้เป็นสิ่งที่คุณตระกูลอุดมฐีมอบให้กับตระกูลเทวเทพของพวกเราตอนที่สถาปนาประเทศ ท่านไม่สามารถที่จะทำให้เขาผิดหวังได้ เพียงแค่ตระกูลเทวเทพยังมีอยู่ ท่านก็จะรักษาคุ้มครองประเทศนี้ตลอดไป”

เส้นหมี่พูดแสดงท่าทีของครอบครัวตัวเองอย่างชัดเจนมากที่สุด

พูดจบ สีหน้าท่าทางของผู้หญิงคนนั้นก็ทนไม่ไหว เลยเสียการควบคุมต่อหน้าของเธอ…..