ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1200 ให้วสุมาเป็นเลขาผมเป็นไง
ไชยันต์เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่า เขาอยู่ในวงการราชการมาหลายสิบปี แม้ว่าจะมีนิสัยตรงไปตรงมา แต่ก็รู้ว่าจะทักทายกับคนพวกนี้ยังไง
“คุณก็เกรงใจเกินไปครับ ผมเป็นลมชัก แต่โชคยังดีที่หลานสะใภ้ของผมฝังเข็มให้ทุกวัน ผมถึงลุกขึ้นจากเตียงได้ ทำให้คุณต้องมาเป็นห่วงเลย”
“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะครับ ท่านเป็นบุคคลที่สร้างคุณูปการให้กับประเทศชาติ ผมมาเยี่ยมท่านเป็นเรื่องที่ควรทำไม่ใช่หรอครับ”
เตชินทร์ก็พูดอย่างมีมารยาทขึ้นมาอีก
ทักทายเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดทุกคนก็นั่งที่โต๊ะ อาหารที่เดิมทีเอาไว้กินฉลองกับตระกูลเทวเทพคนในครอบครัว กลับต้องมากินฉลองกลับพวกคนเหล่านี้
กินและพูดคุยมาถึงช่วงสุดท้าย เพราะเด็กๆอยากที่จะจุดพลุ ทุกคนเลยวางช้อนลง แล้วไปหอคอย
“ปั๊ง…”
เมื่อพลุได้แตกอยู่บนท้องฟ้าก็สวยงดงาม พลุมีสีสันหลากหลาย ทำให้ท้องฟ้านั้นสว่างสไหว บนพื้นผิวน้ำที่ใสแจ๋วนั้นก็สะท้อนเงาของมัน งดงามเป็นที่สุด
“ท่านจอมพล ไม่ทราบว่าปีหน้าพวกท่านมีแพลนอะไรครับ”
ไชยันต์ที่ยืนมองบนหอคอยด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม ได้ยินเตชินทร์ที่อยู่ข้างๆถามขึ้น
ปีหน้าหรอ?
ไชยันต์เก็บสายตา แล้วหันหน้ามามองเขา “ไม่ทราบว่าคุณกำลังถามถึงด้านไหนครับ หมายถึงเรื่องเศรษฐกิจของตระกูลเทวเทพในปีหน้าหรือ…..”
“เป็นเรื่องทางรัฐสภาสิครับ ผมเตรียมไว้ว่าหลังปีใหม่นี้สภาผู้แทนราษฎรกับวุฒิสภาของรัฐสภาจะรวมเข้าด้วยกัน ก็เลยอยากที่จะถามท่านจอมพลว่าต้องการให้เหลือตำแหน่งไหนให้กับตระกูลเทวเทพของท่านถึงจะดี?”
เตชินทร์คนนี้ ได้ปูเรื่องมาตลอดทั้งคืน จนในที่สุดถึงเข้าประเด็น
ผู้นำที่ตำแหน่งสูงสุด ยังถามคำถามแบบนี้หรอ?
ไชยันต์มองพลุที่อยู่ไม่ไกลแล้วยิ้มพูดว่า “นายท่านก็พูดเกินไปครับ แต่ไหนแต่ไรมาตระกูลเทวเทพของพวกเรารับใช้ประชาชน ไม่ใช่พวกเราจะเอาตำแหน่งไหนจะได้ตำแหน่งนั้น แต่เป็นประชาชนอยากให้เราอยู่ตำแหน่งไหน พวกเราก็จะอยู่ตำแหน่งนั้นครับ!”
นายท่านนี้ไม่ไว้หน้าแก่เขาเลย
สีหน้าของคนที่อยู่รอบๆเปลี่ยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิมล เห็นสามีของตัวเองถูกประทะอย่างโหดเช่นนั้น เธอก็ไม่อยากที่จะจุดพลุที่อยู่ในมือเลย
แต่จ้องมองมาที่ฝั่งนี้แทน
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาเหนือความคาดหมายคือเตชินทร์เจ้าของเรื่องได้ฟังดังนั้นกลับไม่ได้มีปฏิกริยามากมายอะไร
“อย่างนี้แล้ว งั้นผมก็คิดว่าวสุเขาไม่เหมาะจะอยู่ในรัฐสภา ตระกูลของพวกท่านเป็นครอบครัวทหาร พึ่งพาทหารในการสู้รบ แต่วสุไม่เป็นสิ่งนี้ เอาอย่างนี้ดีกว่ามั้ยครับ ผมจะให้เขามาเป็นคนข้างกายของผม เป็นเลขาของผม”
“ท่านว่าอะไรนะครับ เลขาหรอ?”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา คนที่อยู่ตรงนั้นกลับรู้สึกตกใจ
ไม่ใช่แค่ไชยันต์ แต่เป็นพวกกลุ่มคนพวกนั้นที่มากับเขาด้วย ต่างก็ตะลึงมองไปที่ท่านผู้นำสูงสุดคนนี้
เลขา!
ทายาทตระกูลเทวเทพที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งนั้นเดินมาถึงขั้นที่เป็นแค่เลขาให้กลับคนอื่นแล้วหรอ?
ทุกคนไม่กล้าพูดว่าอะไร แต่สายตามองไปที่ไม่กล้าด้วยท่าทางระมัดระวังทันที ยังดีที่คนที่น่ากลัวนั้นกำลังเล่นพลุอยู่กับเด็ก เขาเลยไม่ได้ยินเรื่องราวตรงนี้
“นายท่านหมายความว่าอย่างไรครับ ท่านจะให้หลานชายของผมเป็นเลขาของท่านหรอครับ นี่ท่านดื่มเยอะไปหน่อยมั้ยครับคืนนี้”
ในที่สุดนายท่านก็ได้เอ่ยปากขึ้น
เขาระงับความโกรธที่อยู่ในใจไว้ และจ้องมองถามเขาด้วยเสียงเยือกเย็น
แต่ได้ท้าทายขีดจำกัดของเขาอีกครั้ง ตระกูลเทวเทพของพวกเขาเพิ่งได้ช่วยเขานั่งอยู่ในตำแหน่งคุมอำนาจ เลยปฎิเสธว่าตัวเองนั้นไม่ได้เมา
“ท่านจอมพล ที่ผมจัดการอย่างนี้ก็เพราะสิ่งที่คุณพูดมาเมื่อกี้นี้แหละครับ ถ้าหลานชายคนโตของคุณยังอยู่ ตำแหน่งสามเหล่าทัพที่อยู่ทางรัฐสภานั้นก็เป็นของหลานชายท่าน แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว ผมไม่สามารถที่จะเอาสามเหล่าทัพนั้นมอบให้อยุ่ในมือของคนที่ไม่ได้ทำเรื่องการทหาร หรือถ้าท่านไม่อยากจะทิ้งเรื่องพวกนี้ไปจริงๆ ท่านจะเข้ามารับตำแหน่งก็ได้นะครับ”
“ท่าน…..”
ไชยันต์โมโหสุดขีด!
มีชีวิตอยู่มาแปดสิบกว่าปี นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอคนที่เหิมเกริมและน่าไม่อายอย่างนี้
ที่นี่ถือว่าเป็นตระกูลเทวเทพเขาเพิ่งเป็นคนคุมอำนาจที่เพิ่งเข้ามา กล้าที่จะมาเปิดอำนาจกับตระกูลเทวเทพที่นี่อย่างโจ่งแจ้ง เขาไม่กลัวว่าไชยันต์จะเล่นงานเขาตายหรอ?
ในที่สุดตาที่ฝ้าฟางของไชยันต์ก็เผยให้เห็นกลิ่นอายความอาฆาตขึ้น “เตชินทร์ ท่านอย่าลืมนะครับว่าใครเป็นคนให้แบ็คใหญ่กับท่าน ท่านอดใจรอไม่ไหวอย่างนี้ ท่านไม่กลัวหรอครับว่าหลังจากปีใหม่คนที่ต้องไสหัวลงไปก่อนคือท่านเอง”
“……”
คำพูดนั้นทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยน
คนที่อยู่รอบๆเห็น เลยรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย “นายท่านอย่าโกรธนะครับ อย่าโกรธ เขาคงดื่มเมาแล้วจริงๆ ท่านอย่าได้ถือสานะครับ”
“ใช่ค่ะ นายท่านเขาเมาแล้วจริงๆ กลับไปฉันจะจัดการเขาค่ะ!”
สีหน้าของพิมลก็ไม่ดี เธอรีบพูดแทนสามีของตัวเอง
ไชยันต์ถึงหยุด
แต่สายตาของเขายังคงดุดัน เหมือนเสือแก่ที่ถูกยั่วให้โกรธ แม้ว่าจะอายุมากแล้ว แต่ท่าทางดุร้ายยังคงทำให้อกสั่นขวัญหาย
“ผมจะบอกอะไรพวกท่านให้นะ อย่ามาคิดเอาชนะตระกูลเทวเทพของพวกเรา พวกท่านจะก่อตั้งรวมตั้งอำนาจรัฐของตัวเองยังไงผมไม่สนใจ แต่อย่ามาแตะตำแหน่งสามเหล่าทัพที่อยู่ทางรัฐสภานั้น ไม่อย่างนั้นแล้ว ผมจะให้พวกท่านเป็นเหมือนกับกลุ่มที่เพิ่งถูกกวาดล้างไป เริ่มจากลงไปจากตำแหน่งอำนาจรัฐก็เลย!”