บทที่ 1998 เจ็ดมือแปดเท้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

คนที่ถูกควบคุมให้ล้อมโจมตีไม่ได้มีกระบวนการคิดเหมือนคนปกติแล้ว โดยทั่วไปจะไม่มีการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง รู้จักเพียงการโจมตีเป้าหมายอย่างไม่คิดชีวิต หรือพูดได้ว่านี่คือจุดอ่อนของวิธีควบคุมของพระปีศาจหนานโป

วิธีการโจมตีอย่างไม่คิดชีวิตของคนกลุ่มนี้อาจจะสร้างภัยคุมคามมากต่อคน แต่สำหรับตั๊กแตนทมิฬที่แยกเขี้ยวโบกกรงเล็บ คนที่เห็นจะต้องปวดหัว

ทวนดาบที่ฟันแทงบนตัวตั๊กแตนทมิฬทำให้เกิดประกายไฟ ทำอะไรตั๊กแตนทมิฬไม่ได้เลย เห็นเพียงปล้องขาที่แหลมคมของตั๊กแตนทมิฬอาละวาดอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน และไม่กลัวไฟผีสีเขียวเข้มที่กำลังแผดเผาด้วย เจาะเข้าเจาะออกอยู่ในไฟผี ราวกับยมทูตถือเคียว กวาดล้างคนที่ล้อมโจมตีอย่างรวดเร็ว

เหยียนซิวไม่สามารถใช้พลังจิตบัญชาการตั๊กแตนทมิฬได้เหมือนเหมียวอี้ เขาทำได้เพียงส่งสัญญาณมือหรือไม่ก็ใช้เสียงบัญชาการ นี่ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ได้รับคำสั่งจากเหมียวอี้ให้ยอมรับเหยียนซิวด้วย ไม่อย่างนั้นตั๊กแตนทมิฬก็ไม่ฟังคำบัญชาการของเขาเลย

เหลือไว้สองตัวเพื่อคอยคุ้มกันอยู่ข้างกาย เขาโบกมือชี้ พร้อมเปล่งเสียงมืดครึ้มแหบพร่า “ฆ่า!”

ส่วนมืออีกข้างก็หยิบระฆังดาราอันหนึ่งขึ้นมาเขย่า ไม่รู้ว่ากำลังติดต่อไปที่ไหน

ตั๊กแตนทมิฬแปดตัวพุ่งออกมาสังหารพร้อมกันราวกับพายุฟ้าคะนองทันที พุ่งลงไปหากระบวนทัพใหญ่หลายพันคนเบื้องล่าง พุ่งเข้าไปสังหารในนั้นอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อเจอกับคนที่ร้ายกาจ ร่างมหึมาของตั๊กแตนทมิฬตัวหนึ่งก็ถูกคนใช้ฝ่ามือตบจนร่วงลงมา ราวกับมีหินจากฟ้าร่วงลงมากระแทกพื้น เพียงแต่มันลุกขึ้นมาส่ายหน้าสองสามที แล้วก็กระพือปีกพุ่งขึ้นฟ้าอีก เจ้าตัวนี้มันไม่กลัวตาย ไม่มีจิตสำนึกหวาดกลัวโยธรรมชาติอยู่แล้ว เดิมทีเป็นสิ่งที่อยู่ในจุดลึกของน้ำพุวังเวง

เมื่อเจอสัตว์แปดตัวที่อาวุธฟันแทงไม่เข้าแบบนี้ ค่ายกลที่ควบคุมเหยียนซิวไว้ก็ไม่ได้ผลแล้ว เหยียนซิวรู้สึกทันทีว่าเคล็ดวิชาในร่างกายกำลังฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

สถานการณ์พลิกในชั่วพริบตาเดียว

ถ้าข้างกายเหยียนซิวพายอดฝีมือมาด้วยแปดคน เกรงว่าอาจจะไม่ได้ผลแบบนี้ก็ได้ ตั๊กแตนทมิฬเหมาะกับการโยนเข้าไปในกลุ่มคน

“ตั๊กแตนทมิฬ?” เทียนหยวนรึ้กอัศจรรย์ใจ

สงฉีส่ายหน้าเบาๆ “ดูเหมือนใช่ แต่ก็ไม่ใช่ ตั๊กแตนทมิฬมาบินเพ่นพ่านอยู่ตอนกลางวันแสกๆ ได้ยังไง”

ใบหน้าของหู่หลินกลับบึ้งตึง ขณะมองตั๊กแตนทมิฬบุกอาละวาดราวกับหมูตายไม่กลัวน้ำร้อน ก็เดือดดาลจนตาลุกเป็นไฟ จู่ๆ ก็มีเจ้าเดรัจฉานแปดตัวโผล่มาทำลายเรื่องดีๆ ของเขา!

เขาสามารถควบคุมสัตว์ป่าทั่วไปได้ไม่มีปัญหา แต่จนใจที่ควบคุมตั๊กแตนทมิฬไม่ได้ สัตว์เดจรัจฉานที่ประหลาดหายากแบบนี้ ถ้าคิดจะควบคุมก็จับจุดได้ยาก เขาทำได้เพียงมองตาปริบๆ แต่กลับไร้ความสามารถที่จะทำอะไรพวกมัน

ดันเป็นเวลานี้ จู่ๆ สงฉีก็พลันเงยหน้ามองบนท้องฟ้า

บนฟ้ามีจุดดำๆ จุดหนึ่งพุ่งลงมาในแนวตรง เป็นคนคนหนึ่ง เป็นคนสวมผ้าปิดหน้าเช่นกัน!

ผู้ที่มาไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเยี่ยนเป่ยหงนั่นเอง พอได้รับข่าวด่วนจากเหยียนซิวก็พุ่งฟ้าท้องฟ้าเข้ามา ใช้มือข้างเดียวจับดาบใหญ่กลับด้านแนบติดหลัง เอาศีรษะโหม่งลงพื้น ตกลงมาในแนวตรงราวกับดาวตก แววตาราวกับมีคบเพลิง ไม่สนใจความเป็นความตายของเหยียนซิว มุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่พวกสงฉียืนอยู่

เหยียนซิวเองก็ไม่อยากใช้งานเยี่ยนเป่ยหง แต่ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้เขาไม่อยากให้พระปีศาจหนานโปหนีไปเลยจริงๆ นี่คือปัญหาใหญ่ในใจนายท่าน เก็บไว้ไม่ได้!

คนข้างกายเหยียนซิวถูกควบคุมหมด อาศัยเขาคนเดียวก็ทำงานให้สำเร็จได้ยาก ทำได้เพียงขอการสนับสนุนจากเยี่ยนเป่ยหง แต่ก็ไม่ได้ให้เยี่ยนเป่ยหงมาช่วยเขา เพราะให้เยี่ยนเป่ยหงไม่ฆ่าสามคนนั้นแทนเขา!

พอได้ยินว่านี่คือปัญหาใหญ่ในใจเหมียวอี้ พอเยี่ยนเป่ยหงมาถึงก็ไม่สนใจว่าเหยียนซิวจะถูกขังอยู่ในวงล้อมหรือไม่ มุ่งตรงไปที่สามคนนั้นด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า!

หู่หลินกับเทียนหยวนก็ทอยยกันเงยหน้ามองบนฟ้าเช่นกัน

หู่หลินจ้องบนฟ้าพลางพึมพำ เมื่อเห็นคนบนฟ้าไม่มีปฏิกิริยาอะไร ก็ประนมมือพึมพำสวด ผลปรากฏว่าคนที่พุ่งเข้ามาก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรอีก ยังคงพุ่งเข้ามาโดยไม่เปลี่ยนแปลงเป้าหมาย

หู่หลินรู้ทันทีว่าตัวเองไม่มีทางควบคุมคนคนนี้ได้

เมื่อได้รับการเตือนล่วงหน้าจากเหยียนซิวแล้ว เยี่ยนเป่ยหงยังโดนควคุมได้ก็แปลกแล้ว

“อืม!” สงฉีเอียงหน้าบอกใบ้ ให้เทียนหยวนทดสอบฝีมืออีกฝ่าย

เทียนหยวนโบกทวนทันที พุ่งขึ้นฟ้าไปแล้ว

คนหนึ่งขึ้นคนหนึ่งลง ชั่วพริบตาที่ทั้งสองชนปะทะกัน เยี่ยนเป่ยหงที่ถือดาบใหญ่แนบไว้ข้างหลัง ปราณดาบฟันลงมาอย่างแรงหนึ่งที

เมื่อเผชิญกับปราณดาบที่พุ่งเข้ามา เทียนหยวนก็ตกใจมาก รู้ทันทีว่าคนคนนี้วรยุทธ์เหนือกว่าตน ทว่าสายไปแล้ว ทำได้เพียงใช้วรยุทธ์ทั้งหมดที่มีถือทวนในแขวงขวางต้านไว้

บึ้ม! ปราณดาบระเบิดสลายไป

อั้ก! เทียนหยวนเงยหน้ากระอักเลือก คนสะเทือนตกลงมาแล้ว

เยี่ยนเป่ยหงที่ฟันดาบไปแล้วครั้งหนึ่ง ถือโอกาสฟันเสริมปล่อยปราณดาบไปอีกครั้ง ราวกับมีเงาดาบไล่ตามลงมา ฟันจนเลือดสาดกระจายกลางอากาศ

เทียนหยวนโบกทวนต้านโดยจิตใต้สำนึก ถูกฟันบ่าในแนวเฉียงจนขาดครึ่งท่อน

ทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าหมุนวนอย่างรวดเร็ว ความคิดนับไม่ถ้วนหมุนอยู่ในหัว เกียรติยศความร่ำรวยในอดีตที่ยามปกติจำแทบไม่ได้แล้ว

เขานึกไม่ถึงว่าตัวเองจะจบชีวิตนี้ลงด้วยวิธีการที่รวดเร็วตรงไปตรงมาแบบนี้ แม้แต่โอกาสลังเลก็ไม่ให้เขาเลยสักนิด

สุดท้ายฉากเดียวที่เหลืออยู่ในหัวของเทียนหยวนก็คือเงาร่างที่งดงามอ่อนช้อย เป็นเงาร่างของปี้เยว่ เป็นใบหน้าของปี้เยว่

ทั้งชีวิตนี้ผ่านผู้หญิงสวยมากมายขนาดนั้น

ทั้งชีวิตผ่านผู้หญิงที่สวยกว่าปี้เยว่มาตั้งมากมาย

แต่ตอนนี้กลับนึกหน้าไม่ออกสักคน

ภาพเดียวที่จำได้ก็คือครั้งแรกตอนเข้าห้องหอ ใบหน้างามของปี้เยว่ที่ยิ้มให้เขาอย่างเสน่หาเมื่อเปิดผ้าคลุมออก ความปรารถนาแรกงดงามที่สุด!

เขานึกเสียใจทีหลังเป็นอย่างมาก เสียใจที่ไม่ควรหลอกปี้เยว่มาก ถ้าไม่ได้หลอกปี้เยว่มา จะได้เผชิญหายนะอย่างนี้หรือ นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้ตัวเองจะได้จากลาปี้เยว่ตลอดกาล ไม่ได้พบกันอีกแล้ว

“ปี้เยว่…” เทียนหยวนพึมพำ พออ้าปาก เลือดสดจำนวนมากก็ทะลักออกปากออกจมูก

เยี่ยนเป่ยหงไม่สนใจว่าเขาจะมีความรัก ไร้ความรักหรือความผูกพันมากขนาดไหน และไม่รู้ด้วยว่าเหมียวอี้ได้สั่งให้เหยียนซิวทำอะไรก่อนสังหารเทียนหยวนหรือเปล่า เขาไม่รู้เลยว่าคนที่ถูกฆ่าคือใคร เหยียนซิวเองก็ไม่ได้บอกสิ่งนี้ เขารู้เพียงว่าสามคนที่อยู่ตรงหน้าจะต้องตายหมด ดังนั้นจึงลงมืออย่างไม่ปรานี ฆ่าไม่ละเว้น!

ใช้สองกระบวนท่าก็ฆ่าเทียนหยวนได้แล้ว สงฉีที่กำลังมองฟ้าพลันหรี่ตา ถือทววนในมือพลางกล่าวเสียงต่ำ “ผู้อาวุโส เลิกลังเลได้แล้ว ข้าจะดักหลังให้ ท่านหนีไปก่อน!” พูดจบก็พุ่งขึ้นฟ้าทันที

หู่หลินกลับไม่ไป เขาไม่ยอม ถ้าหนีไปอย่างนี้ ความพยายามก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่าแล้ว จะพลาดโอกาสที่จะได้สมุนไพรจิตวิญญาณต้นนั้นในหนิวโหย่วเต๋อ เขาจะต้องฆ่าเหยียนซิวให้ได้ จะปล่อยให้เหยียนซิวรอดชีวิตกลับไปไม่ได้เด็ดขาด!

ทว่าเหยียนซิวก็คิดอย่างนี้เช่นกัน พอเห็นว่าถูกฆ่าไปแล้วคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งเข้าไปหาเยี่ยนเป่ยหง ยังเหลืออยู่อีกหนึ่งคน โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้วมีหรือที่จะพลาด พาตั๊กแตนทมิฬสองตัวฝ่าวงล้อมออกไปทันที ชี้ไปที่หู่หลินพร้อมตะโกนสั่ง “ฆ่า!”

ตั๊กแตนอีกแปดตัวก็ยิ่งพุ่งเข้ามาทางนี้ราวกับฝูงผึ้ง เกราะแข็งพุ่งฝ่ากระบวนทัพออกมาในชั่วพริบตาเดียว โผไปที่หู่หลิน

เมื่อเห็นเดรัจฉานเปลือกแข็งแปดตัวพุ่งเข้ามาแล้ว เจตนาสังหารของหู่หลินก็หายหมดในทันที ได้สติกลับมาโดยพลัน จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับความจริง ช่วงเวลาที่รุ่งเรืองที่สุดของตัวเองผ่านไปแล้ว ไม่มีสิทธิ์เหิมเหริมอีกแล้ว

เมื่อเห็นภัยคุกคามมาเยือย หู่หลินก็เลี้ยวหนี นึกเสียใจทีหลังนิดหน่อยที่ไม่เชื่อฟังสงฉี ขณะเดียวกันก็ขยับปากร่ายมนต์

กำลังพลที่ล้อมโจมตีเลิกดักเหยียนซิวทันที แต่รีบเหาะไปยังตั๊กแตนทมิฬแปดตัวที่ไล่ตามมา มาช่วยสนับสนุนหู่หลินแล้ว

พลังของตั๊กแตนทมิฬอาจไม่นับว่าแข็งแกร่งมาก แต่บินเร็วมากจริงๆ ประเดี๋ยวเดียวก็ตามหู่หลินทันแล้ว

บึ้ม! พลังอิทธิฤทธิ์ที่สะเทือนขึ้นไปบนฟ้าระเบิดราวกับสายฟ้าฟาด อาวุธโจมตีเข้ามาตรงหน้า

อั้ก! เยี่ยนเป่ยหงกระอักเลือดสดใส่ผ้าคลุมหน้า ดาบใหญ่ในมือกระเด็นออกไป ร่างกายสะเทือนถอยหลัง

คนที่เป็นผู้ตรวจการขวาของทัพตระกูลอิ๋งได้จะธรรมดาได้อย่างไร ขณะที่สงฉีกำลังจะตามไปสังหารเยี่ยนเป่ยหง ก็ชำเลืองมองอย่างเย็นเยียบ พบว่าหู่หลินตกอยู่ในอันตราย จึงรีบหันเลี้ยวกลับไปช่วย

ผู้รอดชีวิตของตระกูลอิ๋งไม่มีใครอยากอยู่อย่างหลบซ่อนอย่างนี้ตลอดไป โดยเฉพาะคนที่เคยใช้ชีวิตอย่างมีหน้ามีตามาก่อน สงฉีก็ย่อมไม่ยอมตกอยู่ในสภาพนี้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นจะมารวมตัวอยู่ใต้การควบคุมของอิ๋งเยว่เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร การมาของพระปีศาจหนานโปทำให้เขาเห็นความหวังที่จะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือทุกคนรู้อยู่แก่ใจกว่าความสามารถของอิ๋งเยว่เป็นอย่างไร อิ๋งเยว่เป็นเพียงข้ออ้างโดยชอบธรรมเพื่อให้ทุกคนภักดีต่อเจ้านายเก่าเท่านั้น ทำให้ใจคนมั่นคงได้ สามารถชี้แจ้งกับเบื้องล่างได้ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่พระปีศาจหนานโป ทว่าไม่สามารถประกาศตัวตนของพระปีศาจหนานโปได้ ดังนั้นจะให้เกิดเรื่องกับพระปีศาจหนานโปไม่ได้ ต้องรีบช่วยเหลือ!

เยี่ยนเป่ยหงที่พยุงร่างกายได้แล้วโผลงมาอีกครั้ง ไล่ตามสงฉีไป ดวงตาสองข้างเริ่มเป็นสีแดงเข้ม

ตั๊กแตนทมิฬตัวหนึ่งไล่ตามหู่หลินไปก่อน แล้วโบกเคียวฟันไปทางศีรษะหู่หลิน หู่หลินเอียงตัวหลบ โบกมือคว้าค้อนใหญ่ออกมาหนึ่งอัน

เขาไม่ได้เลือกอาวุธอย่างอื่น แต่เลือกค้อนใหญ่ด้ามหนึ่งในกำไลเก็บสมบัติที่สามารถแสดงพลังได้ดีกว่า เขาโบกแขนฟันบนด้านข้างลำตัวของตั๊กแตนทมิฬตัวนั้น แกร๊ง! ทุบจนตั๊กแตนทมิฬโซเซไปด้านข้าง

ทว่าตั๊กแตนเจ็ดตัวที่เหลือถือโอกาสกรูเข้ามา อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าเจ็ดมือแปดเท้าล่ะ? ตั๊กแตนมากมายขนาดนี้เข้ามาล้อมโจมตีพร้อมกัน อึกทึกวุ่นวายยิ่งกว่าเจ็ดมือแปดเท้าเสียอีก

“เอื้อ…” หู่หลินส่งเสียงคราง ส่วนท้องแยกออก หน้าอกระเบิดออกมา

ที่เจ็บปวดกว่านั้นยังอยู่ตอนหลัง ทั้งตัวแทบจะโดนเจ้าสัตว์เจ็ดมือแปดเท้าฉีกออกในชั่วพริบตาเดียว

เงาร่างแสงสีทองลอยออกจากร่างที่แหลกกระจาย

ชั่วพริบตานี้ กำลังพลจำนวนมากที่ไล่ตามมาข้างหลังแทบจะตัวสั่นพร้อมกันหมด บางคนลอยนิ่งอยู่บนฟ้าอย่างเหม่อลอยงุนงง

เหยียนซิวที่ไล่ตามมาข้างหลังเหลือบไปเห็นเงาร่างสีทอง มุมปากกระตุกเล็กน้อย เป็นพระปีศาจหนานโปจริงๆ ด้วย จึงโบกมือชี้ “ฆ่า!” ตั๊กแตนสองตัวที่อยู่ทางซ้ายและขวาพุ่งออกไปจากเขา ไล่ตามไปแล้ว!

ส่วนเหยียนซิวก็โบนธงสีดำด้ามหนึ่งออกมาแล้ว ธงหมุนวนอย่างรวดเร็วอยู่กลางอากาศ ยิงแสงสีดำออกมาหลายสาย โจมตีไปบนตัวกำลังพลที่ลอยเคลิบเคลิ้มอยู่บนฟ้า พอเหยียนซิวโบกธงเรียกวิญญาณชี้ไปบนพื้นดิน คนพวกนี้ก็ลอยลงบนพื้นดินอย่างช้าๆ

ไม่มีเวลามาสนใจคนพวกนี้ เหยียนซิวถือธงเรียกวิญญาณไล่ตามพระปีศาจหนานโปต่อไป

ส่วนตั๊กแตนที่ไล่ตามเงาร่างแสงทองก็ตะกุยข่วนมั่วๆ ทั้งยังอ้าปากกัดด้วย เงาร่างสีทองที่ถูกรังแกตัวสั่นอยู่กลางอากาศ เปล่งเสียงครางออกมาเป็นพักๆ ถูกพัวพันจนสลัดทิ้งลำบาก

สงฉีพุ่งเข้ามาใช้ทวนแทง แกร๊ง! ตั๊กแตนตัวหนึ่งถูกกระแทกปลิวออกไป

เงาทวนตีกระแทกติดต่อกันหลายครั้ง มีเสียงดังแกร๊งๆ ต่อเนื่อง ตั๊กแตนแปดตัวถูกตีออกไปในชั่วพริบตาเดียว วรยุทธ์ของสงฉีสูงเกินไป

เงาร่างสีทองฉวยโอกาสหนีออกมา แล้วสิงเข้าร่างสงฉีโดยตรง

เยี่ยนเป่ยหงที่พุ่งขึ้นฟ้าตาแดงก่ำแล้ว ใช้สองมือถือดาบฟันอย่างเกรี้ยวกราด มีเงาดาบฟันออกมาเยอะมาก แล้วเงาดาบจำนวนมากพวกนั้นก็รวมเป็นเงาดาบสีแดงอันเดียว ฟันตรงไปที่สงฉี

สงฉีติดใจนิดหน่อย โบกทวนโจมตีไปที่ท้องฟ้า

บึ้ม! เสียงระเบิดสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เยี่ยนเป่ยหงสะเทือนตัวปลิวอีกครั้ง สงฉีที่สะเทือนจนถอยหลังไปหลายจั้งเงยหน้าอย่างตกใจ “องครักษ์เงา!”

ขณะเดียวกันนี้เอง ในร่างกายเขาก็มีเสียงพระปีศาจหนานโปดังขึ้น “หลีกไป อย่าสัมผัส!”

สงฉีหันกลับไปมองแวบหนึ่ง เห็นเพียงเหยียนซิวที่พุ่งเข้ามากำลังตีกวนธงเรียกวิญญาณในมือ มีแสงสีดำยิงเข้ามาหลายสาย

…………………