ท้องฟ้าในสวนโจวต่ำกว่าโลกแห่งความเป็นจริงมากนัก จึงง่ายที่จะวัดระยะห่างด้วยตาเปล่า
จากระยะเวลาที่ตกจากหุบเขาอัสดงลงบนพื้น เฉินฉางเซิงเห็นชัดเจนว่าท้องฟ้าสีครามนั้นเคลื่อนที่ออกไปอย่างรวดเร็ว
ลมหนาวกรีดหน้าเขาราวกับมีด ทำให้เขานึกถึงเมื่อหลายปีก่อนที่เขาถูกปีกคู่ของหนานเค่อตามไล่สังหาร เขาโผล่ขึ้นมาจากน้ำ เมื่อกำลังจะถูกสังหารนั้น จู่ ๆ ก็มีมือหนึ่งยื่นออกมาจากรัตติกาล คว้าคอเสื้อเขาไว้แล้วพาเขาจากไปไกล
น่าเสียดายที่ในวันนี้สวีโหย่วหรงไม่อยู่ในสวนโจว แน่นอนว่าไม่มีทางจับเขาไว้ได้
ยังดีที่ด้านล่างของหุบเขาอัสดงนั้นเต็มไปด้วยวัชพืชน้ำและทะเลสาบ นี่อาจจะเป็นโอกาสรอด
เกิดเสียงดังสนั่นในหูของเขา
พื้นผิวทะเลสาบที่อ่อนนุ่มกลายเป็นแข็งแกร่ง ความเจ็บปวดอย่างไม่อาจบรรยายถาโถมเข้าสู่จิตใจของเขาจากทั่วทั้งร่างกาย
ในเวลานั้นเขารู้สึกราวกระดูกทั้งหมดนั้นกำลังแหลกสลาย
น้ำในทะเลสาบสีเขียวแสนเย็นเฉียบกระเพื่อมตีใบหน้าเขาให้สั่นอย่างต่อเนื่อง
เขานึกถึงภาพที่เคยหนีตายในทะเลสาบเมื่อสามปีก่อน
โลหิตสด ๆ กระอักออกมาจากมุมปากเขา ไหลรวมไปในน้ำกลายเป็นหมอกสีชมพูอ่อน
ฝูงปลาหลายร้อยตัวแหวกว่ายออกมาจากวัชพืชรอบทิศทาง พวกมันว่ายเข้าไปในน้ำสีชมพูนั้นอย่างบ้าคลั่ง
หลังถูกจักรพรรดินีเทียนไห่ฝืนชะตาพลิกชีวิต โลหิตของเขามิได้เป็นน้ำผึ้งรสเลิศที่เต็มไปด้วยพิษอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นมีประโยชน์อย่างที่ยากจะจินตนากรได้
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับใด ในสัญชาตญาณล้วนยินดีอยากจะเข้าใกล้โลหิตของเขา
ความปรารถนาใกล้ชิดที่ว่า บางครั้งก็คือความละโมบ ระหว่างทั้งสองนั้นไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย
เหล่าปลาที่แหวกว่ายไปมาท่ามกลางหมอกโลหิตนั้นเปรียบเสมือนมนุษย์บางประเภท เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งดึงดูดยิ่งใหญ่แล้ว ก็แทบไม่เหลือสติปัญญาใด
คนที่มีสติปัญญาที่แท้จริงนั้น มักไม่ง่ายที่จะถูกดึงดูด
ก่อนจะหมดสติไป เฉินฉางเซิงนึกถึงคำถามที่ไร้สาระเหล่านี้ สุดท้ายก็นึกถึงหนานเค่อ
เขาหลับตาและนอนลงใต้น้ำอย่างเงียบ ๆ
วัชพืชน้ำเริงระบำไปรอบ ๆ มันกระทบเข้ากับเท้าเขาเป็นบางครั้ง
ราวกับมือของปีศาจที่ยื่นมือออกมาจากความว่างเปล่า พยายามาลากเขาเข้าสู่เหวลึกที่ไม่มีพื้น
เขาลืมตาขึ้น
เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน นับแต่เขาหมดสติไปจนตื่นขึ้นมา
ผิวทะเลสาบไม่ได้ถูกเติมเต็มไปด้วยน้ำ
เฉินฉางเซิงเงยหน้ามองผิวน้ำ ขยับตัวขึ้นมา
ขาสองข้างของเขาก้าวไปด้วยความเร็วที่ยากจะจินตนาการ มีมังกรน้ำสองสายนำพาร่างเขา พลังน่าสะพรึง
เสียงดังซ่า กลางทะเลสาบบังเกิดเสานทีขึ้น ดูคล้ายกับน้ำตกที่ไหลย้อนกลับขึ้นไปบนท้องฟ้า
เฉินฉางเซิงตกลงที่ชายฝั่งทะเลสาบ พร้อมที่จะเดินทางไปยังทะเลสาบเล็ก ๆ อีกแห่งทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ
ทะเลสาบเล็ก ๆ นั้นสามารถทะลุไปยังโลกอีกด้านหนึ่งของสวนโจวได้
ตราบใดที่เขาไปถึงที่นั่น เขาจะซ่อนตัวได้สักพัก ด้วยความช่วยเหลือจากเจตนากระบี่ที่เหลืออยู่ของกระบี่บังฟ้า
เขาต้องการเวลาสักพักในการครุ่นคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อย่างน้อยก็ต้องทำให้บาดแผลนี้ดีขึ้นเสียก่อน
แต่จู่ ๆ เขาก็หยุดฝีเท้าลงและหันหลังกลับไป
ซางสิงโจวยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบ มองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
สีหน้าของเฉินฉางเซิงซีดขาว
เขาเกิดมาไร้ราคี ได้ชำระกระดูกที่สำนักฝึกหลวงอย่างสมบูรณ์แบบ เคยอาบโลหิตมังกรที่ใต้สะพานอุดรใหม่ นอกจากราชามารแล้วไม่มีผู้ใดสามารถมาวัดความแข็งแกร่งกับเขาได้ ยิ่งเพิ่มการเปลี่ยนแปลงตอนนั้นในช่วงเวลาสำคัญเข้าไป ดังนั้นเมื่อเขาตกลงพื้นที่อยู่ด้านนอกถึงสิบกว่าลี้จากหุบเขาอัสดง จึงยังคงมีชีวิตอยู่
แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บไม่เบา
ซี่โครงของเขาไม่ได้หัก แต่มีรอยร้าวบนนั้น ความเจ็บปวดลึกเข้าไปในกระดูก
ที่สำคัญไปกว่านั้น ดวงจิตของเขาได้รับการกระทบกระเทือน วิถีพรตจึงไม่มีทางกลับคืนได้
และที่ทำให้สิ้นหวังที่สุดคือตอนนี้เขาไม่มีกระบี่แล้ว ไม่มีแม้ฝักกระบี่ซ่อนคมอยู่ข้างกาย
นั่นหมายความว่าเขาไม่มีทางจะขานเรียกกระบี่นับพันเล่มที่อยู่ในฝักกระบี่ซ่อนคมได้
ทุกวันนี้เขาฝึกฝนกระบี่ในห้องศิลาของพระราชวังหลีไม่หยุดหย่อน ฝึกฝนสงบจิตและปรับสภาพตนให้อยู่ในจุดสูงสุด ก็เพื่อการต่อสู้ในวันนี้
เขาเตรียมตัวมากมายนักสำหรับการต่อสู้ในครั้งนี้
กระบี่สามกระบวนท่าที่ซูหลีมอบให้แก่เขา ภายใต้เจตนากระบี่ที่มีประสบการณ์จากเขาหลีซาน วิชาแห่งกระบี่ของสถานศึกษาหนานซีรวมถึงค่ายกลกระบี่ เขาล้วนฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ
เขาเชื่อมั่นว่าตนเองเมื่ออยู่ในสภาพที่ดีที่สุดจะมีคุณสมบัติเพียงพอหากจะท้าทายอาจารย์ของตนในสวนโจว
แต่ในขณะที่การต่อสู้กำลังเริ่มขึ้น เขาก็สูญเสียงกระบี่ของไปแล้ว
กระบี่ทั้งหมดเลย
หลายปีที่ผ่านมาเขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากมายโดยอาศัยกระบี่เหล่านี้
เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะด้านวิถีกระบี่ แม้กระทั่งตอนนี้หลายคนก็คิดว่าเขาเป็นปรมาจารย์ด้านวิถีกระบี่แล้ว
แต่หากไม่มีกระบี่แล้วเขายังสามารถทำสิ่งใดได้อีก เขายังเป็นอะไรได้อีก
คำถามคือเหตุใดซางสิงโจวสามารถแย่งชิงกระบี่ทั้งหมดของเขาไปได้เพียงแค่ยื่นมือ
แท้ที่จริงแล้วนี่มิใช่ปัญหา เพียงแต่ในวันคืนที่ผ่านมานั้น เขาหลงลืมเรื่องราวเหล่านี้ไปแล้ว
หลายปีก่อน ซางสิงโจวตัดเคราของมังกรทองที่ริมทะเลสาบ เพื่อทำกระบี่และมอบมันให้กับศิษย์ของเขา
นั่นก็คือกระบี่ไร้ราคีที่เฉินฉางเซิงพกติดกายไว้ตลอดหลายปีมานี้
ฝักของกระบี่ซ่อมคมเล่มนั้นเดิมทีก็คือสิ่งของล้ำค่าที่อยู่ในพระราชวังหลี
แล้วก็เป็นซางสิงโจวที่นำมันออกมาจากพระราชวังหลีและส่งมอบให้กับเขาหลังจากนั้น
ซางสิงโจว ว่าเอาไว้ไม่มีผิด
ไม่ว่าจะเป็นกระบี่ไร้ราคีหรือฝักกระบี่ซ่อนคมล้วนเป็นเขาที่มอบมันให้แก่เฉินฉางเซิง
แม้กระทั่งการหมั้นหมายระหว่างเขาและสวีโหย่วหรง ก็เป็นซางสิงโจวที่มอบมันให้แก่เขา
หลังจากที่อวี๋เหรินปฏิเสธแล้ว
ในเมื่อทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเขาที่มอบมันให้แก่เฉินฉางเซิง แน่นอนว่าเขาก็ต้องสามารถเรียกกลับคืนมาเมื่อไหร่ก็ได้
ไม่เพียงคุณสมบัติ แต่ยังรวมไปถึงความสามารถ
นี่คือ ผู้ชนะที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เพียงแต่วิธีการนี้ก็ลึกล้ำไปเสียหน่อยกระมัง
ลึกล้ำเสียจนทำให้คนรู้สึกเย็นวาบไปถึงจิตใจ
ปีนั้นที่วัดเก่าในเมืองซีหนิง ย้อนไปเมื่อเขารับกระบี่เล่มเล็กด้ามนี้มาจนกระทั่งตอนนี้น่าจะสิบปีแล้วกระมัง
คำพูดที่ซางสิงโจวเอ่ยต่อมานั้น ยิ่งทำให้เย็นวาบลึกเสียยิ่งกว่า
“ปีนี้เจ้าอายุเท่าใดแล้ว
เฉินฉางเซิง เป็นลูกศิษย์ของเขาเป็นลูกศิษย์ที่เขาเลี้ยงให้เติบใหญ่ในเมืองซีหนิง
แต่เขากลับไม่ทราบถึงอายุของเฉินฉางเซิง
ไม่ว่าจะเป็นการจงใจหรือไม่ได้เจตนาสุดท้ายแล้วมันก็คือความเย็นชา
เฉินฉางเซิงเอ่ยตอบ “ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็เกินยี่สิบปีแล้ว”
ซางสิงโจว ไม่ได้สนใจความหมายแฝงที่แอบซ่อนอยู่ในประโยคนี้ เขาเอ่ยว่า “พรสวรรค์ของข้าเทียบเจ้าไม่ได้ดังนั้นต้องเพิ่มเข้าไปอีกสิบปี”
เฉินฉางเซิง เข้าใจในความหมายของเขา จึงเงียบไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยว่า “ได้ ”
ซางสิงโจวที่อายุสามสิบปีและเฉินฉางเซิงที่อายุยี่สิบปี ผู้ใดจะแข็งแกร่งกว่ากันแน่
ไม่มีผู้ใดทราบได้
แม้หลังจากการต่อสู้ในวันนี้แล้วก็ยังคงไม่มีผู้ใดทราบ
เนื่องจากเฉินฉางเซิงไม่มีกระบี่แล้ว
ซ่า ซ่า
เสียงน้ำดังขึ้น
เหล่าปลาเล็กปลาน้อยตามติดละอองโลหิตโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ
น้ำในทะเลสาบปั่นปวนอย่างมีชีวิตชีวา มองดูแล้วรื่นเริงยิ่งนัก แต่เมื่อมองนานเข้า กลับรู้สึกคลื่นไส้ชวนอาเจียน
ทันใดนั้นโลหิตก็เบ่งบานเป็นดอกไม้บนผิวน้ำ ปลาทั้งหลายที่ไม่สมบูรณ์ว่ายจมลงไปใต้น้ำ
ซางสิงโจวหายไปที่ริมฝั่ง
เฉินฉางเซิงก็หายไปแล้ว
ปรากฏรอยเท้าขึ้นบนวัชพืชน้ำที่ลอยอยู่
ต่อมาก็ปรากฏรอยเท้าที่สองขึ้นในที่ห่างไกลออกไป
รอยเท้าปรากฏขึ้นอย่างไร้ที่มาและมองไม่เห็นความเชื่อมโยงระหว่างกันนั้น ดูแล้วช่างประหลาดยิ่งนัก
เมื่อเฉินฉางเซิงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาอยู่ในป่าผืนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป
และเมื่อซางสิงโจวปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง ก็มาอยู่เบื้องหน้าของเขาแล้ว
เขาใช้วิชาย่างก้าวหยั่งเทวา แต่ยังคงไม่สามารถเอาชนะวิชาของซางสิงโจวได้
อย่างนั้นลองใช้หมัดดีหรือไม่
เกิดภาพหนึ่งขึ้นในดวงจิตของเขา
เปี๋ยยั่งหงมองเขานิ่ง ๆ ปลายนิ้วกดไปที่หว่างคิ้วของเขา
จากนั้นก็มีภาพนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามา
ในภาพเหล่านั้นมีลำแสงมากมาย ทุกลำแสงนั้นล้วนเป็นหมัด
ภาพเหล่านั้นหายไป
ลำแสงมากมายกลายเป็นลำแสงเดียว
หมัดมากมายกลายเป็นหมัดเดียว
เฉินฉางเซิงกำหมัด พร้อมทั้งปล่อยหมัดพุ่งไปทางใบหน้าที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยนั้น