บทที่ 1213 เอ้อระเหยลอยชาย

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1213 เอ้อระเหยลอยชาย

วันนี้หลังจากเส้นหมี่ถือนาฬิกาเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็ก ติดต่อกับคริสที่อยู่ไกลในเมืองYแล้ว เธอก็กลับไปในโบสถ์ นั่งคิดอยู่ตรงนั้นคนเดียวตั้งนาน

เธอว้าวุ่นใจเล็กน้อย

เธอไม่รู้ว่าตัวเองคิดมากไปหรือเปล่า?

แต่ฉากที่เธอสังเกตเห็นนั้น ก็ชัดเจนมาก จนเธอไม่สามารถโน้มน้าวใจตัวเองได้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

งั้น สรุปว่าเขามีปัญหาหรือเปล่า?

เส้นหมี่กระวนกระวายอยู่ในโบสถ์ตั้งนาน สุดท้าย เธอก็ตัดสินใจไว้ค่อยหาโอกาสดูดีๆ

“เส้นหมี่ เธอทำอะไรน่ะ?ทำไมเอาแต่หลบอยู่ในห้อง?มาช่วยฉันทำอาหารสิ หนูดาราจะกินอาหารเสริม ฉันทำไม่เป็น”

“อ้อ โอเค”

เส้นหมี่ก็เดินไป

ที่จริงพวกเขาทำกินเอง เพราะนักบวชที่นี่กินเนื้อและของคาวไม่ได้ ดังนั้นพระผู้เฒ่าจึงให้คนในวัดสร้างโรงครัวไว้นอกวัดให้พวกเขา แล้วปล่อยให้พวกเขาทำกินกันเอง

ไม่ว่าจะเนื้อหรือของคาง แค่ไม่อยู่ในวัด ก็ไม่เป็นไร

เส้นหมี่ตามแม่ลูกคู่นี้ไปที่ห้องครัวนั้น เธอเปิดตู้เย็น หยิบเนื้อหมูสดไร้มันออกมาชิ้นหนึ่งจากด้านใน

“พี่เธออยากทำเป็นแบบไหน?แล้วก่อนหน้านี้เธอกินอย่างไร?”

“มีพวกธัญพืชบด และก็โจ๊กเนื้อ พ่อเธอทำให้กินหมด”

แสงดาวอุ้มลูกยืนอยู่ข้างเธอ แล้วก็พูดออกไป

เส้นหมี่ได้ยิน สายตาก็มองไปยังเธอ:“พี่เขาทำเป็นด้วยเหรอ แล้วทำไมพี่ไม่ไปเรียกเขาล่ะ?เขาจะชินมากกว่านะ”

“เขา……”หญิงสาวคนนี้ชะงักไปเล็กน้อยทันที

“เขายังไม่กลับมา เขาไปช่วยพระพวกนั้นตัดฟืนไง ดาราก็หิวแล้ว เธอช่วยทำให้เธอก่อนสิ”

เธอพูดไป ก็เร่งขึ้นมา

เส้นหมี่มองเธอ สุดท้าย ก็ไม่ถามอีก หลังจากเอาเนื้อวางในน้ำเย็น ก็เริ่มลงมือ

อาหารค่ำผ่านไป สามคนพ่อแม่ลูกก็กลับไปพักผ่อนแต่หัวค่ำ ส่วนเส้นหมี่เก็บครัว น่าจะใช้เวลาไปประมาณหลายชั่วโมง ตอนที่เธอถือน้ำร้อนกลับมาที่โบสถ์

เธอเห็นในโบสถ์ที่อยู่ไม่ไกลใต้ชายคาเดียวกันกับเธอ มีแสงสีส้มส่องมาจากในนั้น

ต้องไปดูหน่อยไหม?

เธอลังเลอยู่หลายวินาที

แต่สุดท้าย เธอก็ทนต่อความสงสัยที่อยู่ในใจไม่ไหว หลังจากวางถังไม้ในมือลงแล้ว เธอก็เดินเข้าไปอย่างแผ่วเบา

“ก๊อกแก๊ก——”

พอเดินเข้าไป ในโบสถ์ที่ปิดประตูอยู่ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้น เหมือนเสียงที่มีอะไรถูกลาก

เส้นหมี่ได้ยิน ก็กลั้นหายใจทันที ในขณะเดียวกัน มือและเท้าก็ย่องเบาที่สุด

“คุณจะลากโต๊ะทำไม?เก้าอี้พวกนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ?”

“ไม่ได้ มันไม่สบายเลย”

มีเสียงของผู้ชายออกมาจากในห้อง โทนเสียงเป็นคนที่เส้นหมี่รู้จัก แต่ว่า น้ำเสียงของเขาตอนนี้ฟังดูแปลกๆ

รู้สึกเหมือน ไม่มีความนิ่งสงบ เต็มไปด้วยความไม่อดทน

แสงดาวอยู่ด้านในได้ยิน ก็พูดว่า:“งั้นคุณนอนบนเตียงไหม?เดี๋ยวฉันพาลูกไปนอนที่เก้าอี้เอง”

“ไม่ต้องๆ จะได้ไงล่ะ?คุณเป็นผู้หญิง และยังมีลูกอีกคน เหอะๆ เอาล่ะ ผมไม่ย้ายแล้ว ผมจะนอนบนเก้าอี้พวกนี้แหละ คุณหนูดาว”

“……”

กว่าสี่ถึงห้าวินาที ที่เส้นหมี่ยืนอยู่ด้านนอกห้องของพวกเขา ไม่ได้ขยับตัวเลย

ในที่สุดเธอก็แน่ใจแล้วว่า คนๆ นี้ ไม่ใช่ม็อกโกจริงๆ!

ม็อกโกไม่มีทางเรียกแสงดาวว่าคุณหนูดาว และก็ พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน ทำไมสามีภรรยาต้องแยกกันนอนด้วย?อากาศหนาวแบบนี้ คนหนึ่งนอนเตียง อีกคนนอนอยู่บนเก้าอี้

เส้นหมี่ไม่รู้ว่ากลับไปได้อย่างไร

เธอรู้แค่ว่า เธอหนาวสั่นไปทั้งตัว และไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกลัว หรือเพราะข่าวนี้ที่น่าตกใจไป จนกระตุ้นเธอ ทำให้เธอกลับไปที่ห้องของตัวเอง

เป็นเวลานานมาก ที่เธอนั่งอยู่บนขอบเตียง ตัวกำลังสั่นอยู่

ทำไม?

ทำไมคนๆ นี้เป็นตัวปลอม?งั้นม็อกโกตัวจริงไปไหนแล้ว?

ดูเหมือนเธอจะมีคลื่นลูกใหญ่ออกมา ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ในหัวของเธอก็ปั่นป่วนไปหมดจนไม่สามารถสงบลงได้เลย

เพราะว่า เธอยังตระหนักได้ถึงเรื่องที่น่ากลัวสุดๆ แสงดาวผู้หญิงคนนั้นรู้เรื่องนี้ด้วย

เส้นหมี่ไม่ได้นอนทั้งคืน

วันถัดมา

พวกแสงดาวที่อยู่ห้องข้างๆ ตื่นมากันหมดแล้ว หนูดารายังไม่ตื่น แสงดาวที่ถอดแต่เสื้อคลุมนอนพอตื่นมาก็คลุมเสื้อแล้วลงมาจากเตียง

“วิธีนั้นที่เมื่อวานคุณไปหาเส้นหมี่ใช้ได้ไหม?ช่วยไชยันต์ได้ไหม?”

“น่าจะได้แหละ น้องชายคุณให้ทำแบบนี้เอง น้องชายคุณเก่งขนาดนั้น ไม่มีทางทำเรื่องอะไรที่ไม่แน่ใจได้หรอก”

ชายหนุ่มที่ยังนอนอยู่บนเก้าอี้และหาวอ้าปากกว้าง หลังจากได้ยินประโยคนี้ ก็ตอบกลับอย่างสบาย

แสงดาวเห็นท่าทางเอ้อระเหยลอยชายของเขา ก็เริ่มโกรธ

“คุณรีบลุกขึ้นเร็ว สามีฉันไม่เหมือนคุณนะ คุณอย่ามาโกหกฉันนักเลย ทำเรื่องให้ยุ่งยาก!”เธอเดินไปเตะเก้าอี้ที่ทำเป็นเตียงอย่างโกรธจัด

เหอะ ผู้หญิง!

ชายหนุ่มที่ไม่อยากลุกขึ้น สุดท้ายก็ถูกบังคับให้ลุกขึ้นมา

เขาถีบผ้าบนตัวออก นั่งขึ้นมาด้วยผมยุ่งๆ และก็ไม่ได้มองไปรอบๆ แค่หรี่ตาสองข้าง แล้วลากรองเท้าแตะบนพื้นเข้าไปในห้องน้ำด้วยเสียงที่ดัง