ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 1018 แขกมาเยือน คุณชายดิน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

วันที่จะเริ่มพิธีเปิดสำนักรับลูกศิษย์ของเขากว่างเฉิงอย่างเป็นทางการกำลังใกล้เข้ามา

หลังจากข่าวถูกส่งออกไป คนหนุ่มที่ใฝ่ฝันจะได้เข้าเขากว่างเฉิงจากทั่วทุกสารทิศต่างพากันเดินทางมา

ที่ข่าวสารถูกส่งออกไปเร็ว เป็นเพราะว่าต้องการให้เวลาเดินทางแก่คนเหล่านี้

ถึงอย่างไรเส้นทางก็ยาวไกล สำหรับจอมยุทธ์ระดับต่ำไปจนถึงคนธรรมดาแล้ว ถ้าหากว่าไม่มีวิธีการเดินทางแบบพิเศษ แม้จะใช้เวลาชั่วชีวิตก็เดินทางไม่ถึงตีนเขากว่างเฉิง

แค่จากทิศใต้ถึงทิศเหนือ จากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกทะเลหวงเจีย ก็มีเส้นทางยาวไกลไม่ต่ำกว่าล้านลี้ ยิ่งอย่าว่าแต่ดินแดนด้านนอกทะเลหวงเจียเลย

เพื่อดึงดูดคนที่คิดจะกราบอาจารย์เหล่านี้ และเพื่อขยายอำนาจของตัวเอง เขากว่างเฉิงได้ส่งคนออกไปม่น้อย เพื่อไปคัดเลือกคนในสถานที่ต่างๆ คนที่ผ่านการคัดเลือกในช่วงแรก ก็จะมีจอมยุทธ์เขากว่างเฉิงพากลับทะเลหวงเจีย กลับเขากว่างเฉิง เข้าร่วมพิธีใหญ่ในครั้งนี้

เขากว่างเฉิงในปัจจุบันยังมีจำนวนคนน้อยไปบ้าง แต่ว่าเขากว่างเฉิงที่โด่งดังแล้วได้ดึงดูดให้คนหนุ่มสาวผู้มีความสามารถจำนวนมากคิดหาวิธีมาเข้าร่วมด้วยตัวเอง จึงประหยัดเวลาไปได้มาก

ในหลายปีมานี้ เขากว่างเฉิงไม่ได้ทำตัวอวดโอ่ แต่ขณะที่เก็บเนื้อเก็บตัว ก็เริ่มแทรกซึมเข้าไปทั่วทะเลหวงเจีย

เหมือนกับตอนยังอยู่บนโลกแปดพิภพ เขากว่างเฉิงครอบครองนภาพิภพ แต่ก็มีสำนักน้อยใหญ่มากมายอยู่ใต้บังคับบัญชา กลายเป็นเครือข่ายขนาดยักษ์

บนทะเลหวงเจียในตอนนี้ เครือข่ายนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เมื่ออาศัยมัน พิธีเปิดสำนักรับผู้มีความสามารถในครั้งนี้ของเขากว่างเฉิงจึงสะดวกขึ้นมาก

“ไม่ได้ให้พวกเจ้าออกไปรับแขก รู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่”

จอมยุทธ์หนุ่มสาวแห่งเขากว่างเฉิงที่ตอนนี้ยังอยู่ในสำนักเหลืออยู่ไม่กี่คน ส่วนใหญ่ถูกส่งออกไป มีจำนวนน้อยที่รั้งอยู่ในสำนัก

เยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่จำเป็นต้องออกไป เขาไม่เพียงแต่ไม่ออกไป ยังรั้งอยู่บนเขา

แขกส่วนหนึ่งที่ถูกเชิญมาในพิธีครั้งนี้ เมื่อมาถึงเขากว่างเฉิง เขาก็จำเป็นต้องต้อนรับ

ด้านข้างเยี่ยนจ้าวเกอยืนไว้ด้วยคนหนุุ่มสองคน ได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้า “ไม่ขอรับ”

คนหนึ่งในนี้รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาเป็นตัดเป็นเหลี่ยมมุมชัดเจน องคาพยพดูองอาจยิ่ง เพียงแต่ว่าบนตาขวาคาดไว้ด้วยผ้าปิดตาสีดำผืนหนึ่ง ปิดบังตาขวาเอาไว้

เป็นเซี่ยกวงที่เป็นกำพร้าจากตระกูลเซี่ยแห่งยอดเขาสดับอัสนี ซึ่งได้ติดตามเยี่ยนจ้าวเกอจากเขตเพลิงทักษิณกลับมา

เซี่ยกวงในตอนนี้หน้าตาดูมีอายุยังไม่ถึงยี่สิบปี

ในอดีตเขาได้กระตุ้นพิธีอัสนีโลหิตของตัวเอง เข้าต่อสู้กับผู้อาวุโสเขาสามขาผู้หนึ่ง เป็นเหตุให้อายุขัยของเขาได้รับความเสียหายสาหัส จนทำให้รูปร่างภายนอกดูเหมือนกับมีอายุมากกว่าครึ่งร้อย จากวัยผู้ใหญ่ล่วงเข้าสู่วัยชรา

นั่นไม่ใช่เพราะเซี่ยกวงจงใจเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นเพราะหลังจากอายุขัยได้รับความเสียหาย เขาก็ได้ล่วงเข้าสู่วัยชราของตัวเองตามอายุขัยจริงๆ

และในตอนนี้ เขากลับเหมือนเปลี่ยนจากชราเป็นเด็กอีกครั้ง นี่ไม่ใช่เพราะเขาตั้งใจเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นเพราะหลังจากเขาได้กราบเข้าเขากว่างเฉิง ก็ได้ฝึกฝนคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต หนึ่งในสิบคัมภีร์นภาแรกเริ่ม อายุขัยเพิ่มขึ้นอย่างใหญ่หลวง

อายุของเขาในตอนนี้ เทียบกับอายุขัยอันยาวนานของตัวเองแล้ว ยังนับเป็นคนหนุ่มไม่ได้ด้วยซ้ำ ได้แต่ถือว่าเป็นเด็กคนหนึ่ง

เสื้อผ้าในตอนนี้ของเซี่ยกวงได้เปลี่ยนจากอาภรณ์สีแดงในตอนแรก เป็นอาภรณ์มาตรฐานของผู้สืบทอดสายหลักของเขากว่างเฉิง เป็นเสื้อสีขาว คลุมทับด้วยเสื้อสีน้ำเงิน ขอบเสื้อคลุมขลิบสีดำเหมือนอย่างเยี่ยนจ้าวเกอ

ถ้าหากทำได้ เขาย่อมอยากไปต้อนรับแขกมากกว่า

คดีตระกูลเซี่ยแห่งยอดเขาสดับอัสนีได้ผ่านมาประมาณหกเจ็ดปีแล้ว นอกจากเซี่ยกวง สมควรยังมีผู้รอดชีวิตอีกสองคนถึงจะถูก แต่ว่าหลายปีผ่านไป เซี่ยกวงก็ยังไม่เคยเจอญาติของตัวเอง

พร้อมกับเวลาที่ล่วงเลย เซี่ยกวงก็รู้สึกหวั่นวิตก มีความหวังลดลงเรื่อยๆ เพียงแต่เขาไม่คิดยอมแพ้

หลังจากที่เยี่ยนจ้าวเกอสยบแดนใต้ สั่นสะเทือนใต้หล้า พิธีเปิดสำนักในครั้งนี้ เนื่องจากเขากว่างเฉิงมีชื่อเสียงไม่ธรรมดา จึงก่อเกิดความปั่นป่วนไปทั่วสี่ทิศ

ถ้าหากว่าญาติของเขายังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นครั้งนี้ก็อาจจะได้รับข่าวแล้วเดินทางมา

แต่ว่าเซี่ยกวงไม่เหมาะกับการรับแขก

ยังไม่พูดถึงนิสัยใจร้อนโมโหง่าย ตอนที่ยังอยู่ที่ตระกูลเซี่ย เขาก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับโลกภายนอกนัก ถึงแม้หลายปีมานี้หลังจากได้เข้าเขากว่างเฉิงจะได้ออกท่องโลกอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่คุ้นกับการต้อนรับคนอยู่ดี

นี่เกี่ยวข้องกับประสบปากรรณ์ และเกี่ยวข้องกับลักษณะนิสัย

ไม่กี่ปีมานี้ เซี่ยกวงอัสนีโลหิต เป็นชื่อที่ค่อนข้างโด่งดังในหมู่คนหนุ่มสาวของเขากว่างเฉิง แต่ชื่อนี้ก็มีทั้งดีทั้งแย่ ในขณะที่ความสามารถอันโดดเด่นของเซี่ยกวงสร้างบารมีให้แก่เขากว่างเฉิง ก็มักเกิดช่องโหว่น้อยใหญ่อยู่

เรื่องหลายเรื่องไม่แน่ว่าเขาจะเป็นคนผิด แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคนที่ช่ำชองมาจัดการ จะได้ผลลัพธ์จะดีกว่าไม่น้อย

แน่นอนว่าถ้าเทียบกันแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอยังถนัดสร้างเรื่องมากกว่าเขา

เซี่ยกวงถึงแม้จะไม่คิดรั้งอยู่บนเขา แต่ว่าเมื่อเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สองพ่อลูกออกคำสั่งแล้ว ที่แล้วมาเขาล้วนทำตามโดยไร้เงื่อนไข

เพียงแต่ว่าตั้งแต่เริ่มมีคนมาเข้ากับเขากว่างเฉิง เขาก็แอมบไปด้อมๆ มองๆ ที่สำนักอยู่บ่อยครั้ง เพื่อดูว่ามีญาติของตัวเองมาถึงหรือไม่

คนที่ยืนอยู่ด้านข้างเยี่ยนจ้าวเกอด้วยกันกับเซี่ยกวง เป็นหญิงสาวที่รูปลักษณ์ภายนอกยังมีอายุไม่ถึงยี่สิบปี รูปร่างงดงามไม่ธรรมดา เพียงแต่ว่าทั่วทั้งร่างเผยกลิ่นอายเย็นชา

กลับเป็นซือคงจิง

หลายปีก่อนหน้านี้นางได้เลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ ไม่นับเซี่ยกวงที่มีวิชาฝีมืออยู่ก่อนแล้ว นางเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนที่สี่ในลูกศิษย์รุ่นสามต่อจากเยี่ยนจ้าวเกอ สวีเฟย และเฟิงอวิ๋นเซิง

จากการฝึกปรือในหลายปีมานี้ นางได้เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง และเริ่มมุ่งสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามแล้ว

แต่ว่าหลังจากมาถึงโลกซ้อนโลกแล้ว เมื่อเทียบกับสวีเฟย เซี่ยกวง ไปจนถึงอิงหลงถูกับสือจวิน ซือคงจิงทำตัวสงบเสงี่ยมมาก ส่วนใหญ่นางมักจะปิดประตูแอบฝึกฝนอยู่ในสำนัก

จนกระทั่งถึงตอนนี้ ซือคงจิงได้ทราบถึงเรื่องหลายเรื่อง เข้าใจความพิเศษของสถานการณ์ ดังนั้นจึงไม่ต่อต้านการจัดการของพวกเยี่ยนจ้าวเกอและฟู่เอินซู

นางไม่ได้มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น อีกทั้งยังยินดีศึกษาความลี้ลับอยู่ในมหาสมุทรวรยุทธ์มากกว่า

การออกท่องโลกก่อนหน้านี้เป็นเพราะต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง ไม่ใช่เพราะความสนใจ

ไม่ต้องรับแขก รั้งอยู่บนเขา ทั้งยังมีเวลาฝึกฝนมากกว่า ซือคงจิงย่อมไม่รู้สึกเบื่อหน่ายอยู่แล้ว

“ศิษย์น้องซือคง หากการคาดการณ์ของข้าไม่ผิดพลาด หลังจากพิธีเปิดสำนักในครั้งนี้ เรื่องของเจ้าจะมีข้อมูลที่แน่นอนแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “เพียงแต่ในตอนนั้นผลลัพธ์จะดีหรือร้าย ตอนนี้ยังไม่อาจยืนยัน เจ้ากลับจำเป็นต้องเตรียมตัวไว้ด้วย”

ผลลัพธ์ดีร้ายที่ว่ากันนี้ เทียบกันแล้วไม่ใช่ว่าจะปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย ส่วนใหญ่แล้วหมายถึงซือคงจิงจำเป็นต้องอดทนไม่ทำตัวเด่นเช่นตอนนี้อยู่หรือไม่

ซือคงจิงพูดอย่างเรียบเฉย “ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ”

ในตอนนั้นเอง มีลูกศิษย์เขากว่างเฉิงคนอื่นเข้าใกล้ ดวงตาที่มองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ ปกปิดความเคารพนับถือไว้ไม่อยู่

เยี่ยนจ้าวเกอหมุนตัวไปยิ้มถาม “มีอะไรหรือ”

ลูกศิษย์คนนั้นรีบร้อนตอบว่า “อาจารย์อาเยี่ยน มีแขกคนหนึ่งมาถึง ท่านอาจารย์ปู่น้อยเจ้าสำนักให้ท่านไปต้อนรับ”

“โอ้” เยี่ยนจ้าวเกอถาม “ทราบหรือไม่ว่าผู้มาเยือนเป็นใคร”

อีกฝ่ายว่า “ผู้มาเยือนมีฉายาว่าคุณชายดิน แซ่เฉิน นามคุนหัว”

………………..