เห็นได้ชัดว่าสมาชิกในกลุ่มของว่านหลิงเอ๋อร์เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีสำหรับการแสดงนี้ พวกนางสวมชุดเกราะเต็มรูปแบบซึ่งดูเหมือนทหารที่สู้รบในสมรภูมิและแสดงการเต้นรำที่ดุดันน่าทึ่ง
ผู้ชมหลายคนในที่นี้เคยร่วมต่อสู้กันมานับครั้งไม่ถ้วน เพราะเหตุนั้น กลิ่นอายของสมรภูมิรบเช่นนี้จึงกระตุ้นความรู้สึกฮึกเหิมของผู้ตัดสินหลายคนได้อย่างง่ายดาย การต่อสู้ด้วยเลือดเนื้อและรอยเลือดบนชุดเกราะทำให้พวกเขาดื่มด่ำไปกับการแสดงและเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกมากมาย
“ข้าชอบการแสดงนี้มาก”
ณ แท่นยกสูงสำหรับผู้อาวุโส ผู้อาวุโสหกซึ่งมักจะปิดปากเงียบกล่าวขึ้นและรู้สึกพึงพอใจกับการแสดงของกลุ่มว่านหลิงเอ๋อร์เป็นอย่างมาก สมรภูมิรบเป็นความฝันของบุรุษทุกคน เมื่อใช้รูปแบบของสงครามนองเลือดในการแสดงเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่จะทำให้บุรุษทุกคนรู้สึกสะเทือนใจขึ้นมา
ผู้อาวุโสหลายคนพยักศีรษะเบา ๆ เช่นกันและแสดงให้เห็นว่าพวกเขาก็พึงพอใจกับการแสดงเมื่อครู่ยิ่งนัก
ผลงานการแสดงของกลุ่มว่านหลิงเอ๋อร์ในครานี้แตกต่างไปจากคราก่อนอย่างสิ้นเชิง มันเหนือความคาดหมายและทำให้ทุกคนตกตะลึงได้อย่างง่ายดาย
“เป็นการแสดงที่น่าทึ่งมากจริง ๆ !”
แม้แต่ฉินเสี่ยวเยี่ยนก็อดที่จะกล่าวบางอย่างไม่ได้และแสดงถึงความชื่นชมในการแสดงของกลุ่มว่านหลิงเอ๋อร์ หากต้องพ่ายแพ้ต่อการแสดงที่น่าทึ่งเช่นนี้ มันก็เป็นเรื่องที่นางยอมรับได้
หวังเผยยวี่แสดงใบหน้าที่บูดบึ้งเล็กน้อย ทว่าไม่ได้กล่าวสิ่งใด การแสดงของว่านหลิงเอ๋อร์ยอดเยี่ยมไร้ที่ติอย่างแท้จริง การที่ใช้รูปแบบของสมรภูมิรบเข้ามาประยุกต์กับการเต้นรำเช่นนี้ จำนวนคะแนนที่พวกนางได้รับจะไม่มีทางต่ำอย่างแน่นอน
“เอาล่ะ ศิษย์น้องทั้งหลาย เชิญหาเสียงเรียกคะแนนได้เลย”
ว่านจินรู้สึกว่าการแสดงของสตรีเหล่านี้ประจักษ์ต่อทุกสายตาและไม่มีสิ่งใดจะบรรยายได้ เขาจึงกล่าวเพื่อให้ว่านหลิงเอ๋อร์และสหายของนางเรียกคะแนนจากผู้ตัดสินโดยตรง อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าต่อให้พวกนางไม่กล่าวสิ่งใด กลุ่มของว่านหลิงเอ๋อร์ก็จะได้รับคะแนนที่มากอย่างแน่นอน
“ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลาย ก่อนหน้านี้เราได้อันดับสองมาตลอดและครานี้ต้องการจะคว้าอันดับหนึ่งมาครองบ้าง เราได้รับแนวคิดสำหรับการแสดงนี้มาจากตำราที่ข้าเคยศึกษามาซึ่งเป็นเรื่องราวของสตรีที่ต่อสู้ในสงครามอย่างกล้าหาญเพื่อบิดาของตน เรื่องราวของนางทำให้ข้าสะเทือนใจมาก ข้าหวังที่จะถ่ายทอดให้ทุกท่านได้ทราบในรูปแบบอื่นและมีความเข้าใจในแบบของตนเอง ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนจากทุกคน ข้าหวังว่าทุกท่านจะลงคะแนนให้กับเรา”
ว่านหลิงเอ๋อร์เป็นสตรีที่ตรงไปตรงมาอย่างมาก รูปลักษณ์ภายนอกของนางไม่ได้ดูงดงามดึงดูดสายตาเท่าใดนัก เครื่องหน้าของนางก็ดูชัดเจนและเฉียบคมจนทำให้ดูกลมกลืนกับบุรุษเพศได้ไม่ยาก หากนางปลอมตัวเป็นบุรุษ เชื่อว่าหลายคนคงไม่สามารถบ่งบอกความแตกต่างได้ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ความตรงไปตรงมาและความชัดเจนของนางก็ทำให้ทุกคนพึงพอใจไม่น้อย
สมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มของนางเพียงกล่าวขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและไม่กล่าวสิ่งใดเพื่อชักชวนหาคะแนนเสียงมากนัก
ไม่นานนักผลการลงคะแนนก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน
ว่านจินนับคะแนนรวมทั้งหมดและมีสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“คะแนนรวมที่กลุ่มของว่านหลิงเอ๋อร์ได้รับคือสี่ร้อยเจ็ดสิบ…”
ถ้อยคำของเขาชัดเจนและเป็นจังหวะก่อนหยุดลงชั่วครู่เพื่อกระตุ้นความตื่นเต้นของทุกคน
สมาชิกทั้งห้าในกลุ่มของว่านหลิงเอ๋อร์ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา นอกเหนือจากหวังเผยยวี่ สมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มของฉินเสี่ยวเยี่ยนยังคงดูสงบนิ่งเป็นปกติ
“มาลองทายกันดูเถอะ พวกนางจะเอาชนะกลุ่มของฉินเสี่ยวเยี่ยนได้หรือไม่ ?”
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ หารือกันด้วยเสียงเบาและไม่รู้สึกกดดันกับผลงานการแสดงอันยอดเยี่ยมของกลุ่มว่านหลิงเอ๋อร์
“แน่นอนว่าต้องได้ !”
ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยความมั่นใจ การแสดงของกลุ่มว่านหลิงเอ๋อร์ยอดเยี่ยมอย่างไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นด้านบทเพลงหรือการเต้นรำ รวมถึงการประยุกต์ดัดแปลงที่ทำได้อย่างเป็นเอกลักษณ์ซึ่งสามารถจับใจคนได้มากมาย เพราะเหตุนั้น นางจึงเชื่อว่าคะแนนรวมที่กลุ่มของว่านหลิงเอ๋อร์ได้รับจะต้องเหนือกว่ากลุ่มของฉินเสี่ยวเยี่ยนและคว้าอันดับหนึ่งไปครองได้ชั่วคราว
“สี่ร้อยเจ็ดสิบเจ็ดคะแนน ! ขอแสดงความยินดีกับกลุ่มกองทัพสตรีด้วย ตอนนี้พวกเจ้าขึ้นเป็นอันดับหนึ่งแล้ว”
ว่านจินประกาศผลคะแนนออกไปซึ่งทำให้ว่านหลิงเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ในเวทีอดกระโดดด้วยความดีใจไม่ได้
ในการประกวดที่ผ่านมา พวกนางพ่ายแพ้ต่อฉินเสี่ยวเยี่ยนมาเสมอและในที่สุดก็สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้เสียที แม้ห่างกันเพียงสองคะแนน มันก็มากพอที่จะทำให้พวกนางตื่นเต้นอย่างที่สุด
“ศิษย์น้องทั้งหลายอย่าเพิ่งดีใจไปเลย เรายังเหลือผู้เข้าประกวดอีกสามกลุ่มและผลลัพธ์สุดท้ายก็ยังไม่แน่นอน”
ว่านจินกล่าวเพื่อบรรเทาความตื่นเต้นของว่านหลิงเอ๋อร์และสหาย ในหัวใจของเขา เขาเชื่อว่าผลงานของกลุ่มฉินอวี้โม่จะออกมาในทางที่ดีอย่างแน่นอน เพียงแต่กลุ่มของฉินเสี่ยวเยี่ยนและว่านหลิงเอ๋อร์ทำการแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมเกินไป เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จะแสดงผลงานใดที่จะสามารถเอาชนะทั้งสองกลุ่มนั้นได้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงตั้งตารอการแสดงของพวกนางอย่างใจจดใจจ่อ สำหรับอีกสองกลุ่มที่เหลือ กลุ่มที่แสดงเป็นลำดับที่หกและเจ็ดถือเป็นกลุ่มที่เรียกได้ว่านำมาคั่นกลางเท่านั้นและไม่มีสิ่งใดที่ต้องกังวล
ว่านหลิงเอ๋อร์กล่าวขอบคุณทุกคนก่อนลงจากเวที จากนั้นว่านจินก็ประกาศดำเนินการแสดงต่อไปและเชิญกลุ่มที่หกขึ้นมาบนเวที
เป็นจริงดังที่คิดไว้ การแสดงของกลุ่มที่หกและเจ็ดอยู่ในระดับกลางซึ่งไม่มีสิ่งใดโดดเด่นหรือน่าตื่นตาจนเกินไป
คะแนนรวมที่พวกนางได้รับก็ไม่ต่างกันมากนักโดยกลุ่มหนึ่งได้สี่ร้อยคะแนนและอีกกลุ่มได้สามร้อยเก้าสิบแปดคะแนน
เวลานี้ ผู้เข้าประกวดเจ็ดกลุ่มทำการแสดงสมบูรณ์แล้วและอันดับคะแนนชั่วคราวก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน
กลุ่มกองทัพสตรีซึ่งนำโดยว่านหลิงเอ๋อร์ครองอันดับหนึ่ง อันดับสองคือกลุ่มนกจีจิวขันร้องเรียกหาคู่ซึ่งนำโดยฉินเสี่ยวเยี่ยน และอันดับสามคือกลุ่มที่ได้รับสี่ร้อยสามสิบสามคะแนน สำหรับกลุ่มที่ทำการแสดงด้วยการเต้นรำในรูปแบบของตะวันตกและกลุ่มที่เหลือ พวกนางไม่มีสิ่งใดที่โดดเด่นมากพอจนติดสามอันดับแรก
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์สุดท้ายของการประกวดครานี้ก็ขึ้นอยู่กับการแสดงของกลุ่มสุดท้าย
“กลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มห้าราชินีบุปผาซึ่งนำโดยเจียงฉาและเจียงจิ้ง”
เมื่อนึกถึงกลุ่มของเจียงฉา ผู้ตัดสินหลายคนก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างมิอาจควบคุม เพราะถึงอย่างไรเสียงร้องของพวกนางก็มีผลกระทบที่ร้ายแรงต่อแก้วหูของทุกคนและแอบแฝงไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว หวังว่าการแสดงครานี้ของพวกนางจะไม่ทำให้ผู้คนเป็นลมหมดสติกันมากเกินไป
“นั่นคืออดีต ตอนนี้กลุ่มของพวกนางเปลี่ยนชื่อแล้วและไม่ได้มีห้าคนอีกต่อไป สมาชิกของพวกนางมีเจ็ดคนแล้ว”
ใครคนหนึ่งกล่าวขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขามีความคาดหวังในกลุ่มของเจียงฉาเป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรกลุ่มของพวกนางในตอนนี้ก็มีชื่อที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ‘ก่วนฉิงซืออวี้จิ้งซวงฉา’ เป็นชื่อที่รวบรวมหนึ่งคำจากชื่อของสมาชิกแต่ละคน ทว่าฟังดูคล้ายกับบทกวีบางอย่างซึ่งให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากห้าราชินีบุปผาอย่างสิ้นเชิง
มิอาจคาดเดาได้เลยว่าพวกนางจะแสดงผลงานที่น่าทึ่งเพียงใด
“ข้าก็หวังเช่นนั้น แต่ข้าจะไม่คาดหวังจนเกินไป หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ข้าคงต้องเอามืออุดหูไว้ล่วงหน้า มิเช่นนั้น…เกรงว่าแก้วหูของข้าคงอักเสบและต้องพักฟื้นไปนานหลายวัน”
บุรุษอีกคนกล่าวด้วยวาจาที่ทำให้หลายคนรอบตัวยิ้มอย่างรู้กัน
หลายคนที่เพิ่งมาใหม่ไม่เข้าใจบทสนทนาเหล่านี้เท่าใดนัก ในเมื่อผลงานการแสดงของกลุ่มเจียงฉาย่ำแย่ถึงเพียงนั้น เหตุใดพวกนางจึงได้รับคะแนนสูงจนครองอันดับสามในการประกวดคราก่อน ๆ ? อย่างไรก็ตาม มันก็มีคำอธิบายที่เหมาะสมอยู่ นั่นคือกลุ่มของเจียงฉาขับร้องด้วยเสียงที่ดังและมั่นใจมากพอ หลายคนที่ไม่ต้องการลงคะแนนให้กับพวกนางในตอนแรกต่างก็ต้องแสดงการสนับสนุนต่อเสียงที่ดังและความมั่นอกมั่นใจอย่างไร้ความอับอายในการแสดงของพวกนาง ถึงอย่างไร อันดับสามหรืออันดับสุดท้ายก็แทบไม่แตกต่างกัน
ฉินอวี้โม่และกลุ่มของนางไม่ทราบถึงบทสนทนาของคนเหล่านั้น ทันทีที่ได้ยินว่าถึงการแสดงของตน พวกนางก็ตื่นเต้นอย่างมาก
“ศิษย์พี่ รอพวกเราสักหนึ่งก้านธูปนะเจ้าคะ พวกเราขอตัวไปเตรียมตัวสำหรับการแสดงก่อน”
หลังจากกล่าวกับว่านจิน ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็เหาะตรงไปยังหอพักของพวกตนอย่างรวดเร็ว