ตอนที่ 1263 สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ทุกคน​มอง​ฉิน​อวี​้​โม่​และ​คนอื่น​ ​ๆ​ ​ที่​เหาะ​ออก​ไป​ด้วย​ความ​สับสน​และ​คาดเดา​ไม่ได้​เลย​ว่า​พวก​นาง​ต้องการ​จะ​ทำ​สิ่งใด

หลังจาก​เวลา​ผ่าน​ไป​หนึ่ง​ก้านธูป​ ​ฉิน​อวี​้​โม่​และ​อีก​หก​คน​ก็​กลับมา​ถึง​ลาน​จัตุรัส​อีก​ครา​ ​เวลานี้​ ​สมาชิก​ทั้ง​เจ็ด​เปลี่ยน​อาภรณ์​และ​ถือ​อุปกรณ์​การแสดง​ใน​มือ​ซึ่ง​ทำให้​ทุกคน​ตะลึง​ไป​ชั่วขณะ

อาภรณ์​ของ​ฉิน​อวี​้​โม่​ก็​เหนือ​ความคาดหมาย​ของ​บรรดา​ศิษย์​ทุกคน​อย่างแท้จริง

ในเวลานี้​ ​ฉิน​อวี​้​โม่​และ​เห​ลิ่ง​ซวง​เสวี​่ย​เปลี่ยนเป็น​อาภรณ์​สีขาว​ของ​บุรุษ​และ​ถือ​พัด​พับ​ไว้​ใน​มือ​ ​สำหรับ​เจียง​ฉา​และ​อีก​สี่​คน​ ​พวก​นาง​สวม​กระโปรง​ยาว​ใน​สีสัน​และ​ทรงผม​ที่​แตกต่าง​กัน​ซึ่ง​แสดงออก​ถึง​ลักษณะเฉพาะ​ของ​แต่ละคน​ได้​อย่างชัดเจน

เจียง​ฉา​ผู้​มี​รูปลักษณ์​งดงาม​และ​มี​ลักษณ์​นิสัย​ที่​อ่อนโยน​ ​ในเวลานี้​ ​นาง​สวม​กระโปรง​ยาว​สีขาว​และ​ถือ​เครื่องดนตรี​ลักษณะ​คล้าย​พิณ​ชนิด​หนึ่ง​ใน​มือ​ ​เส้น​ผม​สลวย​ของ​นาง​ถูก​ปล่อยไป​ด้านหลัง​อย่าง​สบาย​ ​ๆ​ ​และ​รอยยิ้ม​มีเสน่ห์​ประดับ​บน​ใบหน้า​ซึ่ง​ทำให้​นาง​ดูรา​วกับ​เป็น​หญิงสาว​ที่​งดงาม​ประจำตำบล

เจียง​จิ้ง​ซึ่ง​เป็น​ตรงไปตรงมา​และ​ค่อนข้าง​อารมณ์ร้อน​สวม​กระโปรง​ยาว​สีแดง​สด​และมัด​ผม​หาง​ม้า​โดย​ปล่อย​ปอยผม​เล็กน้อย​ด้านหน้า​ซึ่ง​เสริม​ความทะนง​ตน​และ​ความ​ทะเล้น​ ​กอปร​กับ​แส้​ยาว​ที่​ถือ​ใน​มือ​ทำให้​นางใน​ตอนนี้​ดูรา​วกับ​เป็น​ราชินี​ที่​ยืน​อยู่​เหนือ​ทุก​ชีวิต​บน​ดินแดน​และ​ทำให้​ทุกคน​แทบ​คุกเข่า​ศิโรราบ​โดยอัตโนมัติ

ลั​่ว​ซือ​และลั​่ว​ฉิ​งก​็​สวม​กระโปรง​ใน​ลักษณะ​เดียวกัน​ทว่า​ใช้​สี​ที่​แตกต่าง​กัน​ ​นั่น​คือ​สีน้ำเงิน​และ​สีเขียว​ ​ทั้งสอง​เป็น​พี่น้อง​ฝาแฝด​และ​มี​รูปลักษณ์​ที่​คล้าย​กัน​มาก​ถึง​เก้า​ส่วน​ ​เมื่อยืน​เคียงข้าง​กัน​ ​หาง​ม้า​สอง​ช่อ​ที่​เหมือนกัน​ของ​พวก​นาง​ก็​ทำให้​ดู​คล้าย​กัน​จน​แทบ​แยก​ไม่​ออก

ทั้งสอง​คลี่​ยิ้ม​บางขณะ​ถือ​แปรง​ใน​มือ​ข้าง​หนึ่ง​และ​ผี​ผา​ใน​มือ​อีก​ข้าง​ซึ่ง​ทำให้​ยาก​จะ​คาดเดา​ว่า​พวก​นาง​กำลังจะ​ทำการ​แสดง​ใน​รูปแบบ​ใด

*​ ​琵​琶​ ​pipa​ ​ผี​ผา​ ​เครื่องดนตรี​ของ​จีน​ที่​มี​ลักษณะ​เป็น​เครื่องสาย​ ​มีประวัติ​ยาวนาน​นับ​ ​1000​ ​ปี

​ ​ ​

สำหรับ​คน​สุดท้าย​ ​หลี​่ก​่​วนก​่​วน​สวม​ชุด​ยาว​สีชมพู​สดใส​ซึ่ง​มี​แขน​ยาว​หลาย​ฉื่อ​จน​เกือบ​ลาก​ถึงกับ​พื้น​ ​อีกทั้ง​ใบหน้า​ของ​นาง​ก็​แต่ง​แต้ม​ด้วย​เครื่องสำอาง​หนา​จน​ดู​โดดเด่น​อย่างชัดเจน

“​พวก​นาง​กำลังจะ​แสดง​อะไร​กัน​ ​?​”

ทุกคน​ต่าง​ก็​ตกตะลึง​กับ​สิ่ง​ที่​เห็น​และ​สงสัย​ใคร่รู้​เกี่ยวกับ​การแสดง​ของ​กลุ่ม​สุดท้าย​ ​พวกเขา​มิ​อาจ​คาดเดา​ถึง​รูปแบบ​ของ​การแสดง​นี้​ได้​แม้แต่น้อย

“​ข้า​ก็​ไม่ทราบ​ ​แต่​อีก​ประเดี๋ยว​เรา​จะ​ได้​ทราบ​เอง​”

ทุกคน​ได้​เพียง​ส่าย​ศีรษะ​อย่าง​จนปัญญา​และ​บ่งบอก​ว่า​พวกเขา​ไม่​สามารถ​คาดเดา​ได้​เลย​ว่า​ฉิน​อวี​้​โม่​และ​คนอื่น​ ​ๆ​ ​เตรียมการ​แสดง​ที่​ชวน​ตกตะลึง​ประเภท​ใด

“​ลำดับ​ต่อไป​ ​เชิญ​กลุ่มก​่​วน​ฉิง​ซือ​อวี​้​จิ้ง​ซวง​ฉา​ทำการ​แสดง​ใน​บทเพลง​ ​‘​จันทร์กระจ่าง​ฟ้า​จัก​มี​ใน​ยาม​ใด​’​”

ว่าน​จิน​ประกาศ​ตามปกติ​ก่อน​เหาะ​ลง​จาก​เวที​และ​มอบ​พื้นที่​ทำการ​แสดง​ให้​กับ​ฉิน​อวี​้​โม่​และ​กลุ่ม​ของ​นาง

สมาชิก​ทั้ง​เจ็ด​ก็​เหาะ​ขึ้นไป​บน​เวที​และ​ประจำตำแหน่ง​ของ​ตน​อย่างรวดเร็ว

ทุกคน​วาง​อุปกรณ์​การแสดง​ใน​มือ​ลง​ ​ในขณะที่ลั​่ว​ซือ​และ​หลี​่ก​่​วนก​่​วน​ยืน​อยู่​ตรงกลาง​และ​คนอื่น​ ​ๆ​ ​กระจาย​กัน​ออก​ไป​โดยรอบ

เสียงดนตรี​ไพเราะ​ดัง​ขึ้น​เมื่อ​กู่​เจิง​และ​ผี​ผา​ถูก​บรรเลง​พร้อมกัน​ ​เสียง​ขับร้อง​เปิด​การแสดง​ก็​ดัง​มาจาก​เจียง​ฉา​และ​ทำให้​เสียง​กระซิบกระซาบ​ของ​ทุกคน​หยุด​ลง​ในทันที

*​ ​古​筝​ ​guzheng​ ​กู่​เจิง​ ​เป็น​เครื่องสาย​ดีด​โบราณ​ของ​จีน​ซึ่ง​มีประวัติ​ยาวนาน​ประมาณ​ ​2,500​ ​ปี​ ​

“​จันทร์กระจ่าง​ฟ้า​จัก​มี​ใน​ยาม​ใด​ ​ยก​จอก​สุรา​ขึ้น​ถาม​ต่อ​ฟ้า

ไม่​อาจ​รู้​ว่าวิ​มาน​บน​สรวงสวรรค์​ ณ​ ​ยาม​นี้​เป็น​ปี​ไหน​…​”

สี่​ประโยค​เรียบง่าย​ที่​ใช้​บรรเลง​เพื่อ​เริ่ม​การแสดง​แตกต่าง​ไป​จาก​เสียงแหลม​เสียด​หู​ที่​ทุกคน​เคย​ได้ยิน​ก่อนหน้านี้​อย่าง​สิ้นเชิง​ ​ทำนอง​บรรเลง​ถูกปรับ​ให้​เข้ากับ​เสียง​อันเป็น​เอกลักษณ์​ของ​เจียง​ฉา​ได้​อย่างเหมาะสม​และ​ทำให้​ผู้ฟัง​รู้สึก​รื่นหู​อย่างมาก

จากนั้น​คนอื่น​ ​ๆ​ ​ก็​เริ่ม​ขับร้อง​ท่อน​ของ​ตน​ไป​ตามลำดับ​และ​เสียง​ของ​พวก​นาง​ก็​แตกต่าง​ไป​จาก​เดิม​อย่าง​สิ้นเชิง​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ ​ด้วย​เสียง​อัน​ไพเราะ​ของ​เครื่องดนตรี​ประกอบ​เช่น​กู่​เจิง​และ​ผี​ผา​ ​ผู้ชม​ทุกคน​จึง​ดื่มด่ำ​ไป​กับ​บทเพลง​มากยิ่งขึ้น

ฉิน​อวี​้​โม่​และ​เห​ลิ่ง​ซวง​เสวี​่ย​รับบท​เป็น​บุรุษ​ใน​การแสดง​นี้​ ​ทว่า​พวก​นาง​ก็​ยังคง​สง่างาม​และ​ดู​ทรงพลัง​อย่างยิ่ง​ ​ทั้งสอง​ถ่ายทอด​ถึง​อารมณ์​ของ​ความสุข​และ​ความเศร้า​ของ​บทเพลง​ได้​อย่างแม่นยำ​และ​ประสาน​เข้ากับ​การแสดง​ของ​เจียง​ฉา​และ​คนอื่น​ ​ๆ​ ​ได้​อย่าง​สมบูรณ์แบบ

การร้อง​ ​‘​แร​็ป​’​ ​ของ​ฉิน​อวี​้​โม่​ใน​ท่อน​กลาง​ของ​บทเพลง​ก็​ทำให้​ทุกคน​ตกตะลึง​ยิ่งกว่า​เดิม​และ​การฟ้อนรำ​ใน​แบบ​ ​‘​จิง​หง​’​ ​ที่​หลี​่ก​่​วนก​่​วน​ฝึกฝน​มา​เป็นพิเศษ​ก็​ทำให้​ทุกคน​มิ​อาจ​ละสายตา​ได้​ ลั​่ว​ซือ​ก็​แสดงผล​งาน​ที่​น่าทึ่ง​เช่นกัน​ ​นาง​วาดภาพ​ในขณะที่​เต้นรำ​ซึ่ง​เป็น​ภาพ​ของ​สมาชิก​ทั้ง​เจ็ด​ท่ามกลาง​นิกาย​หมื่น​กระบี่​และ​แม้แต่​ผู้ตัดสิน​หลาย​ร้อย​คน​ก็​ถูก​วาด​ลง​บน​นั้น​ทีละ​คน​ ​เมื่อ​บทเพลง​ดำเนิน​มาถึง​ตอนท้าย​ ​แปรง​สี​ใน​มือ​ของ​นาง​ก็​ถูก​ตวัด​เป็น​ครั้งสุดท้าย​เช่นกัน​และ​ทำให้​ทุกคน​เข้าใจ​ถึง​จุดประสงค์​ของ​การ​วาดภาพ​ดังกล่าว​ได้​ในทันที

*​ ​惊​鸿​舞​ ​การแสดง​ฟ้อนรำ​จีน​จิง​หง​ ​เป็นการ​ฟ้อนรำ​ของ​จีน​สมัยโบราณ​ที่​สตรี​จะ​สวม​ชุด​ที่​มี​แขน​ยาว​ออกมา​นอก​มือ

เวลา​ผ่าน​ไป​เกือบ​สอง​จิบ​ชา​และ​ในที่สุด​การแสดง​ของ​กลุ่มก​่​วน​ฉิง​ซือ​อวี​้​จิ้ง​ซวง​ฉาก​็​เสร็จ​สมบูรณ์​

สมาชิก​ทั้ง​เจ็ด​ยืน​เรียงหน้า​กัน​และ​โค้ง​คำนับ​ต่อ​ผู้ชม​ทุกคน​อย่าง​พร้อมเพรียง​ทว่า​กลับ​ไม่ได้​รับ​การ​ตอบสนอง​ใด

ในเวลานี้​ ​ผู้ชม​ทุกคน​กำลัง​ตะลึงงัน​และ​ชะงัก​นิ่ง​ไป​ ​ผลงาน​การแสดง​อัน​สมบูรณ์แบบ​เมื่อ​ครู่​ทำให้​พวกเขา​ตกอยู่ในภวังค์​เป็นเวลา​นาน

ไม่ว่า​จะ​เป็นการ​ขับร้อง​หรือ​การเต้นรำ​ ​รวมถึง​รูปแบบ​เรื่องราว​ที่​นำเสนอ​ออกมา​ ​พวกเขา​มิ​อาจ​สรรหา​จุดบกพร่อง​ใด​ได้​เลย

“​ไม่​แปลกใจ​เลย​ที่​ศิษย์​พี่​บอกว่า​ศิษย์​ใหม่​ทั้งสอง​คน​นั้น​จะ​นำพา​ความประหลาดใจ​มาสู่​ทุกคน​ ​การแสดง​ของ​พวก​นาง​ช่าง​น่าอัศจรรย์​จน​มิ​อาจ​ละสายตา​ได้​จริง​ ​ๆ​”

ณ​ ​แท่น​ยก​สูง​ของ​บรรดา​ผู้อาวุโส​ ​ว่าน​เฉิน​ซีเรียก​สติก​ลับ​คืน​มา​เป็น​คน​แรก​และ​ถอนหายใจ​ออกมา​ด้วย​อารมณ์​ที่​ล้นหลาม​ ​ ​

การแสดง​ของ​ฉิน​เสี่ยว​เยี​่​ยน​และ​ว่าน​หลิง​เอ๋อร​์​ถือว่า​ไร้​ที่​ติ​และ​สมบูรณ์แบบ​ ​ทว่า​เมื่อ​เทียบ​กับ​กลุ่ม​ของ​ฉิน​อวี​้​โม่​ ​พวก​นาง​ยัง​ขาด​การ​เล่าเรื่อง​และ​การบรรยาย​ภาพ​ ​รวมถึง​สมาชิก​ใน​กลุ่ม​ก็​ไม่ได้​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​ที่​เหมาะกับ​ตน​มาก​ที่สุด

สำหรับ​ผลงาน​ของ​กลุ่มก​่​วน​ฉิง​ซือ​อวี​้​จิ้ง​ซวง​ฉา​ ​ทุกคน​แสดง​จุดเด่น​ของ​ตนเอง​และ​พบ​ตำแหน่ง​ที่​เหมาะสม​สำหรับ​ตน​ที่สุด​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็นการ​ขับร้อง​อย่าง​เป็น​เอกลักษณ์​เพื่อ​เปิด​การแสดง​ของ​เจียง​ฉา​ ​การฟ้อนรำ​อัน​น่าทึ่ง​ของ​หลี​่ก​่​วนก​่​วน​ ​การ​วาดภาพ​ของลั​่ว​ซือ​ ​การบรรเลง​ผี​ผา​ของลั​่ว​ฉิง​ ​ทุกคน​ล้วน​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​ที่​เข้ากับ​ตนเอง​และ​แสดงผล​งาน​ได้​อย่างไร​้​ที่​ติ

ในขณะเดียวกัน​ ​ฉิน​อวี​้​โม่​และ​เห​ลิ่ง​ซวง​เสวี​่ย​ใน​อาภรณ์​ของ​บุรุษ​ก็​ดู​น่า​ตื่นตา​ยิ่งกว่า​ ​แม้แต่​ศิษย์​สตรีที​่​ได้​ชม​การแสดง​ของ​พวก​นาง​ต่าง​ก็​รู้สึก​ชื่นชม​และ​หลงใหล​ใน​ตัว​พวก​นาง​เป็นอย่างมาก​จนถึง​ขั้น​ปรารถนา​ให้​ทั้งสอง​เป็น​บุรุษ​จริง​ ​ๆ​ ​เพื่อ​ที่​พวก​ตน​จะ​ได้​สาน​สัมพันธ์​ต่อ​และ​ให้กำเนิด​ทายาท​ตัว​น้อย​ด้วยกัน

“​ฮ่า​ ​ๆ​ ​ๆ​ ​ช่าง​เป็น​สตรีที​่​น่าสนใจ​จริง​ ​ๆ​ ​!​”

ว่าน​หรู​ชู​ยิ้ม​อย่าง​พึงพอใจ​ ​เขา​ทราบ​ดี​ว่า​ทั้งหมด​จะ​ต้อง​เป็นความ​คิด​ของ​ฉิน​อวี​้​โม่​อย่างแน่นอน​และ​รู้สึก​ชื่นชม​นาง​มากยิ่งขึ้น

สตรีที​่​ชาญฉลาด​ ​ไหวพริบดี​และ​น่าสนใจ​เช่นนี้​ถือเป็น​ผลดี​สำหรับ​นิกาย​หมื่น​กระบี่​ของ​พวกเขา​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ ​ครานี​้​วิชา​หมื่น​กระบี่​หวนคืน​ที่​นิกาย​ของ​พวกเขา​ศึกษา​ทำความเข้าใจ​มานาน​หลาย​ปีก​็​อาจ​ได้​พบ​ผู้​เป็น​นายก​็​เป็นได้​…

“​น่าทึ่ง​จริง​ ​ๆ​ ​ศิษย์​น้อง​อวี​้​โม่​ ​พวกเรา​ขอ​ยอมรับ​ความพ่ายแพ้​ ​!​”

แปะ​ ​แปะ​ ​แปะ​ ​!

เสียง​ปรบมือ​ดัง​ขึ้น​อย่างต่อเนื่อง​และ​ว่าน​หลิง​เอ๋อร​์​ก็​เหาะ​ขึ้น​บน​เวที​พร้อมด้วย​สมาชิก​ใน​กลุ่ม​ของ​นาง​ ​แม้​บรรดา​ผู้ตัดสิน​ยัง​ไม่​ทำการ​ลงคะแนน​ ​นาง​ก็​มั่นใจ​แล้ว​ว่า​ผู้​ที่​คว้า​ชัยชนะ​ใน​การประกวด​ครานี​้​จะ​ต้อง​เป็น​กลุ่ม​ของ​ฉิน​อวี​้​โม่​อย่างแน่นอน

“​เจียง​ฉา​ ​ครานี​้​พวก​เจ้า​ทำให้​ข้า​รู้สึก​ประทับใจ​มาก​จริง​ ​ๆ​”

นาง​หันไป​กล่าว​กับ​เจียง​ฉา​และ​คนอื่น​ ​ๆ​ ​พร้อม​ยกนิ้ว​หัวแม่มือ​ชื่นชม

“​ฮ่า​ ​ๆ​ ​ๆ​ ​ทุกอย่าง​เป็นความ​คิด​ของ​อวี​้​โม่​ ​เรา​เพียง​ทำตาม​ที่นา​งบ​อก​เท่านั้น​และ​ไม่ได้​คิด​สิ่งใด​เอง​เลย​”

เจียง​ฉา​และ​สหาย​อด​หัวเราะ​อย่าง​มีความสุข​ไม่ได้​ ​อย่างไรก็ตาม​ ​พวก​นาง​ไม่​คิด​รับ​ความดี​ความชอบ​นี้​ไว้​เอง​และ​หันไป​มอง​ฉิน​อวี​้​โม่​พร้อม​กล่าว​ด้วย​ความซื่อตรง

“​ศิษย์​น้อง​อวี​้​โม่​ ​เจ้า​คิดค้น​การแสดง​เช่นนี้​ขึ้น​มา​ได้​อย่างไร​หรือ​ ​?​”

ฉิน​เสี่ยว​เยี​่​ยน​และ​กลุ่ม​ของ​นาง​เหาะ​ขึ้น​มาบน​เวที​เช่นกัน​ ​จากนั้น​นาง​ก็​เอ่ย​ถาม​ด้วย​ความสงสัย​ใคร่รู้​ว่า​ฉิน​อวี​้​โม่​คิดค้น​การแสดง​ที่​สมบูรณ์แบบ​และ​น่า​ตื่นตา​เช่นนี้​ได้​อย่างไร

การแสดง​เมื่อ​ครู่​นำ​จุดเด่น​ของ​แต่ละคน​ออกมา​ใช้ได้​อย่าง​ยอดเยี่ยม​และ​การเต้นรำ​พัด​ของ​เจ็ด​คน​ก็​ดู​ไม่​แออัด​หรือ​จำเจ​แม้แต่น้อย​ ​พวก​นาง​ทำการ​แสดง​กัน​อย่างเต็มที่​ ​อีกทั้ง​ยัง​มี​การ​เล่าเรื่อง​ที่​น่าสนใจ​ซึ่ง​กล่าว​ได้​ว่าน​่า​ทึ่ง​ยิ่งนัก

ฉิน​เสี่ยว​เยี​่​ยน​เคย​คิด​ว่าการ​แสดง​ที่นา​งคิด​ค้น​ขึ้น​มา​เป็น​สิ่ง​ที่​ยาก​จะ​เป็น​สอง​รอง​ใคร​ ​ทว่า​ตอนนี้​นาง​ตระหนัก​แล้ว​ว่ายั​งด​้อ​ยก​ว่า​ฉิน​อวี​้​โม่​อีก​มาก​นัก

“​ข้า​เพียง​หยิบยืม​แนวคิด​จาก​คนอื่น​ ​ๆ​ ​มา​และ​นำมา​ประสาน​ดัดแปลง​เป็นแนว​คิด​ใหม่​ ​ข้า​ไม่ได้​คิด​เอง​ทั้งหมด​หรอก​เจ้าค่ะ​”

ฉิน​อวี​้​โม่​ตอบ​ตาม​ความจริง​ ​นาง​เพียง​ผสมผสาน​แนวคิด​จาก​การร้อง​เพลง​และ​เต้นรำ​หลากหลาย​ประเภท​ของ​ยุค​ที่​ตน​จาก​มา​เพื่อ​คิดค้น​การแสดง​ที่​เข้ากับ​สภาพแวดล้อม​ใน​ปัจจุบัน​เท่านั้น

“​ศิษย์​น้อง​ทั้งหลาย​ ​ไว้​คุย​กัน​ทีหลัง​เถอะ​ ​ศิษย์​น้อง​อวี​้​โม่​…​เชิญ​หาเสียง​เรียก​คะแนน​ได้​เลย​ ​จากนั้น​ผู้ตัดสิน​จะ​เริ่ม​ลงคะแนน​”

ว่าน​จิน​อด​ไม่ได้​ที่จะ​เดิน​เข้ามา​ขัดจังหวะ​บทสนทนา​ของ​ทุกคน​ ​ผู้เข้าประกวด​ร้อง​เล่น​เต้นรำ​ใน​ครานี​้​ปรองดอง​เป็นหนึ่งเดียว​กัน​กว่า​ก่อน​มาก​ ​นับเป็น​โอกาส​ยาก​ยิ่งนัก​ที่จะ​ได้​เห็น​ผู้เข้าประกวด​กล่าว​ชม​คู่แข่ง​อย่าง​ออกนอกหน้า​เช่นนี้

อย่างไรก็ตาม​ ​สิ่ง​ที่​เขา​สงสัย​ใคร่รู้​มาก​ที่สุด​ใน​ตอนนี้​คือ​กลุ่ม​ของ​ฉิน​อวี​้​โม่​จะ​ได้รับ​คะแนน​มาก​เพียงใด​ ​?