เดิมทีการหาเสียงเรียกคะแนนถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญพอสมควร อย่างไรก็ตาม สำหรับฉินอวี้โม่และสมาชิกอีกหกคนในตอนนี้ พวกนางไม่สนใจแม้แต่น้อย
ปฏิกิริยาของทุกคนเมื่อครู่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการแสดงของพวกนางประสบความสำเร็จไปด้วยดี ต่อให้ไม่ได้อันดับหนึ่งมาครอง พวกนางก็พึงพอใจกับผลงานของตนเป็นอย่างมาก
“เชิญทุกคนลงคะแนนตามสบายเจ้าค่ะ เราทุกคนน้อมรับผลที่จะเกิดขึ้น”
ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม เจียงฉาก้าวออกไปข้างหน้าและกล่าวเพียงสั้น ๆ
กลุ่มของฉินเสี่ยวเยี่ยนและว่านหลิงเอ๋อร์ก็มิได้ลงจากเวที ทว่ายังรอฟังผลคะแนนของฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ อย่างใจจดใจจ่อ
ทุกคนเริ่มลงคะแนนโดยการชูป้ายสัญญาณในมืออย่างรวดเร็วและแสดงความสนับสนุนต่อการแสดงของกลุ่มก่วนฉิงซืออวี้จิ้งซวงฉา
หลังจากเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจ ว่านจินก็เริ่มนับคะแนนทั้งหมด
เดิมทีบรรยากาศของการนับคะแนนควรจะเป็นบรรยากาศที่ตึงเครียดอย่างมาก ทว่าในเวลานี้ทุกคนกลับนิ่งเงียบและเฝ้ารอฟังผลลัพธ์ที่จะมาถึง แม้แต่กลุ่มของฉินเสี่ยวเยี่ยนและว่านหลิงเอ๋อร์เองก็กำลังพูดคุยกับเจียงฉาและคนอื่น ๆ อย่างสนุกสนานราวกับไม่สนใจผลคะแนนที่จะออกมา
ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร กลุ่มของฉินอวี้โม่ก็ถือเป็นอันดับหนึ่งในหัวใจของพวกนางแล้ว
“เอาล่ะ ผลคะแนนสุดท้ายออกมาแล้ว”
ว่านจินกล่าวขึ้นเพื่อให้ทุกคนในลานจัตุรัสเงียบลง
“กลุ่มก่วนฉิงซืออวี้จิ้งซวงฉา ทุกคนคิดว่าพวกนางจะได้คะแนนเท่าใด ?”
เขากล่าวเพื่อกระตุ้นความใคร่รู้ของทุกคน ส่งผลให้ทุกคนตื่นเต้นจนมือสั่นขึ้นมา
“คะแนนที่พวกนางได้รับคือสี่ร้อยเก้าสิบสามคะแนน !”
ผลคะแนนถูกประกาศออกไปอย่างชัดเจนและเป็นจำนวนที่ทำให้ทั้งลานจัตุรัสเกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที
ทว่านั่นก็มิใช่เป็นเพราะคะแนนที่กลุ่มของฉินอวี้โม่ได้รับสูงเกินไป แต่เป็นเพราะว่าผลคะแนนนี้เหนือความคาดหมายไปเล็กน้อย ด้วยการที่ผลงานการแสดงของพวกนางยอดเยี่ยมเช่นนี้และยากที่จะหาเหตุผลใดมิให้ชื่นชอบ มิอาจคาดเดาเลยว่าผู้ที่ไม่ลงคะแนนให้กับพวกนางกำลังคิดอะไรอยู่
“ศิษย์น้องฉินอวี้โม่ เป็นพวกเราเองที่ไม่ได้ลงคะแนนให้กับเจ้า”
บุรุษเจ็ดคนยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียงและเห็นได้ชัดว่าพวกเขามาจากหอพักเดียวกัน
สำหรับหอชั้นในของนิกายหมื่นกระบี่ ศิษย์สตรีห้าคนจะพักรวมกันในแต่ละห้อง ในขณะที่หอพักบุรุษแต่ละห้องจะรองรับศิษย์ได้ถึงเจ็ดคน
“จางเชา เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่ลงคะแนนให้ศิษย์น้องฉินอวี้โม่ล่ะ ? พวกเจ้าพอจะบอกเหตุผลได้หรือไม่ ?”
ว่านเฉินซีซึ่งอยู่บนแท่นยกสูงอดเอ่ยถามออกไปไม่ได้เนื่องจากสงสัยยิ่งนักว่าเหตุใดจางเชาและสหายจึงตัดสินใจเช่นนั้น
“ท่านผู้อาวุโสสามขอรับ เพียงเท่านี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ทุกคนลงคะแนนให้กับพวกนางทว่าพวกเราไม่ทำเช่นนั้น ต่อไปศิษย์น้องฉินอวี้โม่จะจดจำพวกเราได้อย่างแม่นยำ นับจากวันนี้ไป เราคือกลุ่ม ‘ขนนก’ ของศิษย์น้องฉินอวี้โม่ !”
* คำว่าอวี้ในชื่อของฉินอวี้โม่ แปลว่า ขนนก
ศิษย์พี่นามว่า ‘จางเชา’ กล่าวด้วยความมั่นใจและกลายเป็นสาวกผู้คลั่งไคล้ของฉินอวี้โม่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ถึงขั้นตั้งชื่อกลุ่มให้กับพวกตน
“กลุ่มขนนก…”
ทุกคนถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คิดไม่ถึงเลยว่าเหตุผลของพวกเขาจะเกินคาดเดาเช่นนี้
“พวกเราด้วย เราจะเป็นขนนกของศิษย์น้องฉินอวี้โม่ !”
ศิษย์สตรีหลายคนอดกล่าวออกไปไม่ได้ ความสง่างามและความทะนงตนที่ฉินอวี้โม่ถ่ายทอดออกมาในการแสดงก่อนหน้านี้ทำให้พวกนางชื่นชอบอย่างแท้จริง หากฉินอวี้โม่เป็นบุรุษละก็ พวกนางก็คงปรี่เข้าไปพลีกายเป็นแน่
หลังจากนั้น หลายคนที่กลายเป็นสาวกของฉินอวี้โม่เนื่องจากได้ชมการแสดงของนางก็แสดงตัวออกมาทีละคน ๆ เพื่อขอร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มขนนก
“ทว่าพวกเราคิดต่าง นับจากวันนี้ไป เราจะเป็นกลุ่ม ‘เกล็ดหิมะ’ ของศิษย์น้องเหลิ่งซวงเสวี่ย”
เมื่อได้ชมการแสดง พวกเขาหลายคนก็รู้สึกชื่นชอบและกลายเป็นสาวกผู้ติดตามของเหลิ่งซวงเสวี่ย แน่นอนว่าเจียงฉาและคนอื่น ๆ ก็มีกลุ่มผู้สนับสนุนของตนเองมานานแล้ว ทว่าหลังจากการแสดงอันยอดเยี่ยมในวันนี้ คนเหล่านั้นก็คลั่งไคล้ในตัวพวกนางมากยิ่งขึ้น
…
“ขอแสดงความยินดีกับกลุ่มของศิษย์น้องเจียงฉา กลุ่มของพวกเจ้าถือเป็นผู้ชนะเลิศของการประกวดครานี้ อย่างไรก็ตาม เรายังมีเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ขอให้ทุกคนเงียบเสียงด้วย”
ว่านจินกล่าวแสดงความยินดีกับฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก่อนโบกมือให้กับผู้ชมเพื่อให้พวกเขาเงียบลง
“จริงสิ เรายังต้องคัดสรรผู้ที่ได้รับรางวัลความนิยมสูงสุด และข้าไม่ทราบเลยว่าผู้ใดจะได้รับคะแนนมากที่สุด”
ทุกคนเรียกสติกลับคืนมาและเริ่มคิดเรื่องนี้เช่นกัน
ในการประกวดในคราที่ผ่าน ๆ มา หากเทียบจากกลุ่มที่ทำการแสดงได้ดีที่สุด การคัดเลือกผู้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดมักจะดุเดือดและน่าเร้าใจมากกว่า
ความนิยมของฉินเสี่ยวเยี่ยนสูงมากเป็นทุนเดิมและนางคว้าอันดับหนึ่งไปครองได้หลายครา อย่างไรก็ตาม สิ่งนั้นยังไม่ผูกขาดและมีความไม่แน่นอนอยู่พอสมควร เพราะถึงอย่างไร ในการจัดอันดับครั้งล่าสุด ว่านหลิงเอ๋อร์พ่ายแพ้ให้กับฉินเสี่ยวเยี่ยนไปเพียงสองคะแนนเท่านั้น แม้แต่เจียงฉาเองก็แพ้ไปเพียงแปดคะแนนซึ่งถือว่าเป็นคะแนนที่ต่างกันเพียงเล็กน้อย
ครานี้มีศิษย์เพิ่มเข้ามาสองคน นั่นก็คือฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ย พวกนางก็ทำการแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมและกลายเป็นที่ชื่นชมของคนมากมาย ครานี้จึงยากจะคาดเดาว่าฉินเสี่ยวเยี่ยนจะรักษาตำแหน่งผู้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดไว้ได้หรือไม่
การลงคะแนนสำหรับรายบุคคลจะแตกต่างออกไปโดยทุกคนจะเขียนชื่อคนที่ตนสนับสนุนลงในแผ่นกระดาษและหย่อนลงในกล่องคะแนนที่ปิดมิดชิด ในตอนสุดท้าย ว่านจินและผู้อาวุโสทั้งหมดจะรวบรวมสถิติด้วยกันเพื่อหาผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดก่อนประกาศผล
ทุกคนตื่นเต้นขึ้นมาทันทีและบรรดาผู้ชมที่มิใช่ผู้ตัดสินต่างก็ต้องการทราบว่าคนเหล่านั้นจะเลือกอย่างไร
แม้ฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยจะมีสาวกผู้สนับสนุนเป็นจำนวนมากแล้ว พวกนางก็ยังดูมีความนิยมน้อยกว่าศิษย์พี่เช่นฉินเสี่ยวเยี่ยนและว่านหลิงเอ๋อร์ผู้ซึ่งอยู่ในหอชั้นในมานานหลายปี เพราะเหตุนั้น คะแนนความนิยมที่ทั้งสองได้รับอาจจะไม่สูงนัก
นอกจากนี้ยังมีเจียงฉาและสหายทั้งสี่ การแสดงของพวกนางในครานี้ลบล้างภาพลักษณ์ในอดีตได้อย่างสิ้นเชิง การแสดงอันสมบูรณ์แบบทำให้ผู้คนมากมายรู้สึกชื่นชอบพวกนางมากขึ้นและคะแนนที่พวกนางแต่ละคนจะได้รับจะไม่มีทางต่ำอย่างแน่นอน
ว่านจินเดินลงมาพร้อมกล่องคะแนนในมือและผู้ตัดสินทุกคนเขียนชื่อลงบนกระดาษด้วยท่าทางที่ระแวดระวังโดยกังวลคนอื่นจะเห็นชื่อที่ตนเขียนลงไป
“เลือกยากชะมัด ศิษย์น้องฉินอวี้โม่ ศิษย์พี่ฉินเสี่ยวเยี่ยน ศิษย์พี่ว่านหลิงเอ๋อร์ ข้าจะเลือกอย่างไรดี ?”
บุรุษคนหนึ่งเกาศีรษะแกรก ๆ และทำหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย ในความเป็นจริงเขาต้องการเลือกทั้งสามในคราวเดียว ทว่าน่าเสียดายที่สามารถเลือกให้คะแนนได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
“ใช่ ข้าเองก็ชื่นชอบทั้งเจ็ดคนในกลุ่มของเจียงฉา รวมถึงชื่นชอบศิษย์พี่ฉินเสี่ยวเยี่ยนและศิษย์พี่ว่านหลิงเอ๋อร์เช่นกัน การที่ต้องเลือกเพียงคนเดียวช่างเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากจริง ๆ”
คนอื่น ๆ ลังเลเช่นกันและตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเขียนชื่อของผู้ใดลงไป พวกเขามิได้ชื่นชอบเพียงใครคนใดคนหนึ่งและยากจะที่จะตัดสินใจเลือกเพียงคนเดียว
“ทุกคน เร่งมือเถิด พวกเจ้ามีเวลาคิดอีกเพียงหนึ่งจิบชาเท่านั้น”
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางลังเลของหลายคน ว่านจินก็อดกล่าวเตือนพร้อมรอยยิ้มไม่ได้
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็ดูใจเย็นลงและรีบเขียนชื่อลงในกระดาษก่อนพับมันอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าผู้ตัดสินทั้งห้าร้อยคนหย่อนกระดาษลงในกล่อง ว่านจินก็เดินกลับขึ้นบนแท่นยกสูงกลางลานจัตุรัส
“ทุกคน โปรดรอสักครู่”
หลังจากกล่าวกับผู้ชม เขาก็มุ่งหน้าไปยังที่นั่งของบรรดาผู้อาวุโสและยื่นกล่องคะแนนในมือให้กับว่านหรูชู
“เรามานับคะแนนกันเถอะขอรับ”
ว่านหรูชูและคนอื่น ๆ สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับผลลัพธ์ที่จะออกมาเช่นกันและต้องการทราบว่าศิษย์คนใดจะได้รับคะแนนความนิยมสูงสุดในการประกวดครานี้ จากนั้นเขาก็ไม่รอช้าและเทกระดาษในกล่องแบ่งให้กับคนอื่น ๆ เพื่อทำการนับคะแนนในขณะที่ว่านจินยืนรอทำการบันทึก
หลังจากเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป ผลลัพธ์สุดท้ายก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขา