ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 72 ซางสิงโจวแพ้แล้ว

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​หอ​เฟิง​พังทลาย​ลง​กว่า​ครึ่ง​ ​ทุกหน​แห่ง​เต็มไปด้วย​ซากปรักหักพัง​ของ​กำแพง​และ​หน้าต่าง

​แสง​จาก​ฟากฟ้า​ถูก​กั้น​ไว้​โดย​เมฆ​บางเบา​ที่​ลอย​กลับมา​และ​ต้น​ชิว​เฟิง​สีแดง​ที่สูง​ใหญ่​ ​ดู​มืดครึ้ม​ยิ่งนัก

​เส้น​แสง​ที่​มืด​สลัว​ถูก​กระบี่​กว่า​พัน​เล่ม​ฟาดฟัน​ไม่​หยุด​อย่างต่อเนื่อง​ ​มัน​ไม่ได้​สว่าง​ขึ้น​มา​ ​กลับ​ดูเหมือน​แสง​นที

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ปล่อยมือ​ ​กระบี่​สั้น​ที่ซ่อน​อยู่​ใน​กระถางดอกไม้​เล่ม​นั้น​บิน​หาย​ไป​แล้ว​ ​กลืน​หาย​ไป​ท่ามกลาง​สายฝน​ของ​กระบี่​ที่อยู่​บน​ท้องฟ้า

​เขา​เอื้อมมือ​ออก​ไป​คว้า​กระบี่​มาจาก​ท้องฟ้า​ ​ราวกับ​เด็ด​ผลไม้​ลงมา​จาก​ต้นไม้​ใน​ฤดูใบไม้ร่วง​อย่างนั้น

​กระบี่​เล่ม​นั้น​สั้น​มา​ ​และ​สว่าง​มาก​เช่นกัน​ ​ดูแล​้ว​แหลมคม​อย่าง​หา​ใด​เปรียบ​ ​นั่น​คือ​กระบี่​ไร้ราคี

​ปิ่น​ไม้​นั้น​หักออก​เป็น​สอง​ท่อน​ ​ไม่รู้​ว่า​ตกลง​อยู่​ ณ​ ​ที่​แห่งใด

​ฝัก​ซ่อนคม​ตกลง​ที่​เท้า​ของ​ซาง​สิง​โจว

​ฝัก​กระบี่​นาม​ว่า​ซ่อนคม​นี้​ ​เป็น​ของล้ำค่า​ของ​พระราชวัง​หลี​ใน​ปีนั​้น​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​นำ​ติดตัว​ไว้​ข้าง​กาย​ตลอด​นับแต่​เขา​จาก​เมือง​ซี​หนิง​ไป

​ใน​ตอนแรก​อาจ​เป็น​เพียง​บันทึก​ทั่วไป​ของ​ซาง​สิง​โจว​เท่านั้น​ ​แต่​ในที่สุด​วันนี้​ก็ได้​กลายเป็น​กลวิธี​แอบซ่อน​ที่​คาดไม่ถึง​เสีย​อย่างนั้น

​แรกเริ่ม​ต่อสู้​ ​ซาง​สิง​โจว​ก็​แย่งชิง​เอา​ฝัก​กระบี่​ซ่อนคม​จาก​เฉิน​ฉาง​เซิง​เสีย

​เมื่อ​ฝัก​กระบี่​ซ่อนคม​อยู่​ไกล​จาก​ดวงจิต​ของ​เฉิน​ฉาง​ ​เขา​ก็​มิ​อาจ​เรียกคืน​กระบี่​เหล่านั้น​มา​ได้

​เขา​ตก​อยู่​ใน​ความสิ้นหวัง​ ​หรือ​แม้กระทั่ง​ตก​อยู่​ใน​สถานการณ์​อันตราย

​แต่​ต่อมา​เขา​ก็​ทยอย​พบ​กระบี่​มากมาย​ใน​สำนัก​ฝึก​หลวง​ ​กระบี่​เหล่านั้น​ล้วน​มี​เจตนา​กระบี่​ที่​แน่วแน่​

​กระบี่​สามารถ​ปิดกั้น​ดวงจิต​ของ​เขา​ได้​ ​แต่​ไม่รู้​ว่าด้วย​เหตุใด​มัน​ไม่​สามารถ​ปิดกั้น​เจตนา​กระบี่​ได้

​เจตนา​กระบี่​ก็​คือ​จุดมุ่งหมาย​ของ​กระบี่​นั่นเอง

​เจตนา​ของ​กระบี่​เหล่านั้น​ก็​คือ​การ​เรียกคืน​ ​การ​เคียงบ่าเคียงไหล่​ ​การ​เปลื้อง​อาภรณ์​และ​เครื่องแบบ

​ใน​ตอนนี้​ฝัก​กระบี่​ก็​ไม่​อาจ​ต้านทาน​กระบี่​ทั้งหมด​ได้​อีกต่อไป​ ​ถึงแม้ว่า​มัน​จะ​มีชื่อ​ว่า​ซ่อนคม​ก็ตาม

​เนื่องจาก​เจตนา​กระบี่​เหล่านั้น​เฉียบคม​อย่างโจ่งแจ้ง

​…​…

​…​…

​ดวงตา​ของ​เซี่ยง​อ๋อง​แดงก่ำ​เล็กน้อย​ ​ไม่รู้​ว่า​เป็น​เพราะ​เศษไม้​ที่​ลอย​ออกมา​จาก​ใน​สำนัก​ฝึก​หลวง​หรือไม่​ที่​เป็น​เหตุ

​หรือ​อาจจะ​เป็น​เพราะ​กำแพง​หนามาก​ที่​กั้น​ไว้​ ​ก็​มิ​อาจ​ปิดกั้น​เจตนา​กระบี่​ที่​เฉียบคม​อย่างโจ่งแจ้ง​ได้

​เขา​ยก​ปลาย​แขน​เสื้อ​ขึ้น​มา​เช็ด​รอบ​ดวงตา​ ​ทันใดนั้น​ก็​หันหน้า​เดิน​ไป​ยัง​ตรอก​ไป่ฮ​วา​ ​ทำให้เกิด​ความ​แตกตื่น​ยกใหญ่

​หวังผ​้อ​เหลือบมอง​เขา​ ​แต่​ไม่ได้​เดินตาม​ไป

​ไม่นาน​นัก​ ​เซี่ยง​อ๋อง​ก็​ปรากฏตัว​ ณ​ ​สะพาน​หน่าย​เหอ

​ฤดูหนาว​ผ่าน​ไป​แล้ว​ ​สรรพสิ่ง​คืน​สภาพ​ ​ฤดูใบไม้ผลิ​ใกล้​เข้ามา​ ​น้ำ​ใน​แม่น้ำลั​่​วละ​ลาย​แล้ว​ ​และ​ค่อย​ ​ๆ​ ​ไหล​ไป​พร้อมกับ​เศษ​น้ำแข็ง​เหล่านั้น

​น้ำตา​สอง​สาย​ไหล​อาบ​แก้ม​สอง​ข้าง​ของ​เซี่ยง​อ๋อง

​ใบหน้า​ของ​เขา​กลม​และ​ใหญ่​มาก​ ​เป็น​ภาพ​ที่​ดูแล​้ว​ช่าง​น่าขัน​ยิ่งนัก​ ​ไม่​เศร้าโศก​แต่อย่างใด

​ผู้​ที่​ยืน​อยู่​ข้าง​กาย​เขา​คือ​ผู้อาวุโส​ที่​มี​ผมสีดอกเลา​ ​ใบหน้า​ก็​กลม​และ​ใหญ่​มาก​เช่นกัน​ ​มองดู​แล้วก็​น่าขบขัน​หรือ​ปิติยินดี​อย่างยิ่ง

​ท่าน​ผู้อาวุโส​ท่าน​นี้​มีชื่อ​ว่า​เฉา​อวิ​๋น​ผิง​ ​เป็น​หลานชาย​ของ​ผู้เฒ่า​ความลับ​สวรรค์​ ​และ​ก็​เป็น​มรสุม​แปด​ทิศ​ใน​อดีต​นั่นเอง​ ​ร้อย​กว่า​ปีก่อน​หน้า​ ​เขา​พ่ายแพ้​ภายใต้​กระบี่​ของ​ซู​หลี​ ​นอกเหนือจาก​ความ​โศกเศร้า​และ​โกรธแค้น​แล้ว​ ​เขา​ไม่ได้​สนใจ​การ​ห้ามปราม​ของ​ผู้เฒ่า​ความลับ​สวรรค์​และ​จักรพรรดินี​เทียน​ไห่​ ​เขา​ตัดกำลัง​ภายใน​ของ​ตน​ทิ้ง​ไป​เริ่มต้น​บำเพ็ญ​ใหม่​ ​สุดท้าย​แล้วก็​ธาตุ​ไฟ​เข้า​แทรก​ ​เสียสติ​ไป​ในที่สุด

​หลาย​ปี​มานี​้​เฉา​อวิ​๋น​ผิง​แทบจะ​ไม่​ปรากฏตัว​ต่อหน้า​ผู้คน

​มี​เพียง​น้อย​คนที​่​จะ​ทราบ​ว่า​ระหว่างทาง​ที่​เฉิน​ฉาง​เซิง​เดินทาง​ไป​ยัง​เมือง​จักรพรรดิ​นั้น​เคย​พบ​กับ​เขา​มาก​่อน

​เดิมที​เขา​ได้รับ​การ​ไหว้วาน​จาก​ผู้มีอำนาจ​บางคน​ให้​มาก​่อ​ความยุ่งยาก​ให้​กับ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​แต่​ผลสุดท้าย​เขา​กลับ​ถูก​โน้มน้าว​โดย​เฉิน​ฉาง​เซิง​ว่า​ให้​มอง​ถึง​ผลประโยชน์​ของ​เผ่าพันธุ์​มนุษย์​เป็นสำคัญ

​ต่อมา​เขา​สังหาร​มู่​จิ​่ว​ซือ​ใน​ทะเล​ซี​ไห่

​ใช่​แล้ว​ ​ผู้​แข็งแกร่ง​แห่ง​ดินแดน​ศักดิ์สิทธิ์​ท่าน​นี้​ได้​ฟื้น​คืน​บรร​คาพ​รต​ของ​ตน​แล้ว​ ​ซึ่ง​อาจจะ​แข็งแกร่ง​ยิ่งกว่า​ใน​ปีนั​้น​เสียอีก

​ใน​ส่วน​ของ​ความรู้​และ​ความสามารถ​นั้น​ ​ไม่มี​ผู้ใด​รู้​ว่า​เขา​นั้น​บริสุทธิ์​ไร้เดียงสา​ราวกับ​เด็ก​คน​หนึ่ง​อย่างนั้น​จริง​ ​ๆ​ ​หรือ​เขา​เรียนรู้​ที่จะ​แสดงออก​ให้​บริสุทธิ์​และ​ไร้เดียงสา

​เพียงแต่​เหตุใด​ใน​วันนี้​เขา​จึง​ได้​ปรากฏตัว​ใน​เมืองหลวง​ทั้ง​ยัง​ได้มา​พบ​กับ​เซี่ยง​อ๋อง​ที่​ริมแม่น้ำลั​่​วอี​กด​้วย

​หรือ​คนที​่​ไหว้วาน​ให้​เขา​ไป​ทำความ​ยากลำบาก​ให้​กับ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ใน​ตอนนั้น​ ​ก็​คือ​เซี่ยง​อ๋อง​น่ะ​หรือ

​“​เหตุใด​ท่าน​ต้อง​ร้องไห้​เล่า​”

​เฉิน​อวิ​๋น​ผิง​มอง​ไป​ที่​เซี่ยง​อ๋อง​ ​ก่อน​เอ่ย​ออกมา​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ว่า​ ​“​เพราะ​ไม่มีใคร​ยอมให้​ลูกอม​เจ้า​ทาน​หรือ​”

​ไม่​รอ​ให้​เซี่ยง​อ๋อง​ตอบคำถาม​ ​เขา​ก็​รีบ​เอ่ย​เสริม​ขึ้น​อย่างรวดเร็ว​ว่า​ ​“​สวี​โหย​่ว​หรง​ให้​ข้ามา​เพียง​หนึ่ง​ห่อ​เท่านั้น​ ​ข้า​ไม่​อาจ​แบ่ง​ให้​เจ้า​ได้​”

​คำพูด​สอง​ประโยค​ที่​ง่ายดาย​นัก​ ​มองดู​แล้ว​น่ารัก​ไร้เดียงสา​หรือ​อาจจะ​พูด​ได้​ว่าน​่า​สงสาร​เลย​ทีเดียว​ ​แต่​มัน​ก็ได้​เปิดเผย​ข้อมูลออก​มามาก​มาย​เพียงพอ​

​หาก​เอ่ย​ว่านี​่​คือ​เงื่อนไข​ของ​การเจรจาต่อรอง​ก็​ถือว่า​ชัดเจน​มาก​พอแล้ว

​เซี่ยง​อ๋อง​ใช้​ผ้าเช็ดหน้า​เช็ดน้ำ​ตา​ที่​หาง​ตา​ ​ก่อน​เอ่ย​ออกมา​อย่าง​ทอดถอนใจ​ว่า​ ​“​ที่​ข้า​เสียใจ​ก็​เนื่องด้วย​ท่าน​อาจารย์​ผู้ยิ่งใหญ่​จะ​ต้อง​พ่ายแพ้​แล้ว​ ​วัน​คืน​ใน​ภายภาคหน้า​ก็​คง​ยากลำบาก​แล้ว​เช่นกัน​”

​เมื่อ​ได้​ฟัง​คำ​นี้​เฉา​อวิ​๋น​ผิง​ก็​มึนงง​ ​หลังจากนั้น​ริว​ฝีปาก​ก็​ยก​ยิ้ม​ออกมา​ ​พร้อม​เอ่ย​ออกมา​ด้วย​ท่าทาง​ไร้เดียงสา​ไม่มี​พิษภัย​ว่า​ ​“​เจ้า​คน​หลอกลวง​ ​จะ​เป็น​เช่นนั้น​ไป​ได้​อย่างไร​”

​ถูกต้อง​แล้ว​ ​ซาง​สิง​โจว​ไม่มีเหตุผล​ใด​ที่จะ​พ่ายแพ้​แก่​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​ขั้น​เทพศักดิ์​สิทธิ์​ระหว่าง​ทั้งสอง​นั้น​แตกต่าง​กัน​มากเกินไป

​แต่ทว่า​ ​การต่อสู้​ระหว่าง​อาจารย์​และ​ลูกศิษย์​นี้​ ​ตั้งแต่​เมื่อ​เริ่มต้น​ก็​มี​เงื่อนไข​และ​ข้อเสนอ​แล้ว​ ​นั่น​ก็​คือ​ซาง​สิง​โจว​ต้อง​ลดขั้น​เทพศักดิ์​สิทธิ์​ของ​ตน​ลงมา​อยู่​ภายใต้​ดินแดน​ศักดิ์สิทธิ์​นี้​

​คน​คน​หนึ่ง​ที่​มีค่า​ยกล​สถานศึกษา​หนาน​ซี​เป็น​ของ​ตน​ ​และ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ใน​ยาม​นี้​ถือได้ว่า​เป็น​ผู้​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ที่อยู่​ภายใต้​อาณาจักร​ศักดิ์สิทธิ์​ ​ต่อให้​ราชา​มาร​หรือ​แม้กระทั่ง​ชิว​ซานจ​วิน​เอง​ก็​ไม่ใช่​คู่ต่อสู้​ของ​เขา​ ​หรือ​แม้แต่​ย้อนกลับ​ไป​มอง​ประวัติศาสตร์​การ​บำเพ็ญพรต​นับ​หลาย​หมื่น​ปี​ที่ผ่านมา​ ​ก็​ยาก​ที่จะ​หา​ผู้ใด​ที่สามา​รถ​แข็งแกร่ง​ได้​อย่าง​เขา​เช่นนี้​ก่อนที่จะ​ทำลาย​อาณาจักร​ศักดิ์สิทธิ์​เสียด​้วย​ซ้ำ

​เซี่ยง​อ๋อง​มองผ่าน​กำแพง​สำนัก​ฝึก​หลวง​ไป​ ​หลังจากนั้น​ก็​เริ่ม​หลั่ง​น้ำตา​ ​เนื่องจาก​เขามอง​เห็น​เจตนา​กระบี่​เหล่านั้น​ ​แล้วก็​ต้อง​รู้สึก​ผิดหวัง​จริง​ ​ๆ

​ดูเหมือนว่า​ซาง​สิง​โจว​จะ​ต้อง​พ่ายแพ้​แล้ว

​…​…

​…​…

​หอ​เฟิง​เงียบ​ยิ่งนัก

​สำนัก​ฝึก​หลวง​ก็​เงียบ​เช่นกัน

​ลม​พัด​ไป​ทั่ว​ทะเลสาบ​และ​ป่า​ชิว​เฟิง​ ​ผ่าน​ศาลา​ต้น​ชิว​เฟิง​ที่​ถูก​ทำลาย​ด้วย​กระบี่​ใน​ท้องฟ้า​จน​แหลก​ละเอียด​ ​และ​จากนั้น​ก็​ปิด​ลง​อีกครั้ง​ ​พลัน​เกิด​เสียง​ที่​ซับซ้อน​มาก

​บาง​เสียง​ก็​เหมือน​สะอื้น​ไห้​ ​บาง​เสียง​ก็​เหมือน​กล่าวโทษ

​“​ข้า​จะ​ไม่ยอม​แพ้​เจ้า​”

​ซาง​สิง​โจว​เอ่ย​กับ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ว่า​ ​“​เป็น​ข้า​ที่​สอน​เจ้า​มา​”

​นี่​ก็​คือ​หลักการ​ของ​เขา​ ​หรือ​จะ​พูดว่า​เหตุผล​ก็ได้

​ข้า​จะ​ไม่ยอม​แพ้​เจ้า​ ​ประโยค​นี้​ที่จริง​แล้วก็​คือ​ข้า​ไม่​อาจ​พ่ายแพ้​แก่​เจ้า​ได้

​ซาง​สิง​โจว​ดำเนิน​ไป​ด้านหน้า​หนึ่ง​ก้าว​ ​ก่อน​เอ่ย​คำ​หนึ่ง​ออกมา

​คำ​นี้​ฟัง​แล้ว​ไม่​ซับซ้อน​ ​มี​เพียง​พยางค์​เดียว

​แต่​เมื่อ​ได้ยิน​คำ​นี้​เข้า​ ​จึง​ได้​ปรากฏ​ใบหน้า​ที่แท้​จริง​ออกมา​ ​สีหน้า​ที่​ซับซ้อน​ยิ่งนัก

​ใน​ห้วงเวลา​สั้น​ ​ๆ​ ​ดูเหมือน​จะ​มี​ข้อมูล​มากมาย​แอบแฝง​ไม่รู้จบ

​นี่​ไม่ใช่​ภาษา​ของ​เผ่าพันธุ์​มนุษย์​ ​แต่​มาจาก​ซาก​อารยธรรม​โบราณ​อัน​ไกลโพ้น​ ​เป็นความ​งดงาม​ที่​อยาก​จะ​พรรณนา​ออกมา​ได้​ ​ราวกับ​โลก​แห่ง​สติปัญญา​ของ​ทะเล​ดวงดาว​

​อาภรณ์​นักพรต​สีเขียว​ปลิว​สะบัด​ ​เสียง​มังกร​ครวญ​ดัง​ขึ้น​ ​เสียง​นั้น​ดังก้อง​ไป​ทั้ง​สำนัก​ฝึก​หลวง

​ลูกตา​ดำ​ของ​ซาง​สิง​โจว​ก็​พลัน​ซีด​ขาว​ ​ราว​เทพ​ราว​ปีศาจ​

​ลมปราณ​ที่​ผ่าน​โลก​มา​โชกโชน​อย่าง​ยาก​จะ​จินตนาการ​ได้​ม้วนตัว​เข้าหา​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​รวมถึง​กระบี่​มากมาย​ที่อยู่​ใน​ท้องฟ้า​

​เฉิน​ฉาง​เซิง​มอง​สบตา​ซาง​สิง​โจว​ ​ทันใดนั้น​ก็​เอ่ย​ออ​อก​มา​หนึ่ง​คำ

​คำ​นั้น​ก็​มีพ​ยางค์​เดียว​ ​แต่​ก็​ซับซ้อน​เช่นกัน​และ​แทบจะ​ไม่​สามารถ​เข้าใจ​ได้​เลย​ ​วิเวก​และ​เงียบงัน​อย่าง​ถึงที่สุด

​บน​ท้องฟ้า​สูง​ขึ้นไป​ถูก​ปกคลุม​ไป​ด้วย​เมฆ​อีกครั้ง​ ​ได้ยิน​เสียง​มังกร​ครวญ​มา​ไกล​ ​ๆ​ ​มัน​เต็มไปด้วย​ความประหลาดใจ​และ​ความปลาบปลื้ม​ใจ

​กระบี่​นับไม่ถ้วน​ ​ตกลง​มาตาม​เจตนา​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง

​เจตนา​กระบี่​ที่​น่าสะพรึงกลัว​ ​เสียง​กระบี่​ทุกหน​แห่ง​ดัง​ต่อเนื่อง​ไม่​หยุด​ ​บน​ท้องฟ้า​ปรากฏ​ร่องรอย​กระบี่​จำนวน​มหาศาล​เป็นแนว​ตรง​และ​ลึกล้ำ

​เกิด​เสียง​ปัง​ขึ้น​เบา​ ​ๆ

​ลม​สงบ​ลง​แล้ว

​ระหว่าง​ฟ้า​ดิน​กลับมา​เงียบงัน​อย่าง​หา​ใด​เทียบ​ได้

​พายุฝน​กระบี่​ราวกับ​จะ​ตก​ก็​ไม่​ตก​ ​ลอยเคว้ง​อยู่​กลางอากาศ

​ซาง​สิง​โจว​ยืน​อยู่​เบื้องหน้า​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​ร่าง​อาบ​ไป​ด้วย​โลหิต

​มือขวา​ของ​เขา​บีบ​ไป​ที่​คอหอย​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง

​ตราบใดที่​เขา​ออกแรง​เพียง​สักนิด​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​จะ​ตาย​ในทันที

​และ​ในเวลานี้​เอง​ ​เสียง​ของ​หวัง​จือ​เช่​อก​็​ดัง​ขึ้น

​“​ท่าน​แพ้​แล้ว​”

​…​…

​…​…