มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1200

ร่างเนื้อยิ่งแกร่ง ผลการฝึกตนที่สามารถเก็บสะสมก็จะยิ่งมาก กำลังรบจึงแข็งแกร่งขึ้นโดยปริยาย

ระยะเวลาที่กำหนดไว้สามเดือนยิ่งอยู่ยิ่งใกล้เข้ามา เมื่อหลัวซิวเดินออกมาจากห้องพักที่ใช้สำหรับการฝึกตนปิดขัง ออร่าและกลิ่นอายทั่วทั้งร่างกายของเขาแตกต่างจากก่อนฝึกตนปิดขังโดยสิ้นเชิง

“หลัวซิว เจ้ามีความมั่นใจหรือไม่?”

ซุ๋นซินเหลียนเดินตรงเข้ามาถามด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด: “ศักยภาพของเทียนหวูเชวไม่ธรรมดา ต่อให้อยู่ในแดนเดียวกันก็ใช่ว่าเจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาเสมอไป อีกทั้งผลการฝึกตนของพวกเจ้าทั้งสองยังแตกต่างกันตั้ง 7 แดนเล็ก ๆ อีก?”

“หากเจ้าเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน มากสุดก็แค่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเท่านั้นเอง ยังไม่ถึงขั้นต้องสูญเสียชีวิต”

“ข้ารู้ว่าที่เจ้าท้าท้ายเทียนหวูเชวนั้นเป็นเพราะอยากจะออกหน้าแทนข้าและเสี่ยวเจียงหมิง แต่หากเจ้าต้องเสียชีวิตไปด้วยเหตุนี้ มันได้ไม่คุ้มเสียจริง ๆ”ช่าจื่อเยียนก็เดินเข้ามาพูดโน้มน้าวเขาเช่นกัน

เธอใช้ชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์มานานหลายหมื่นปี เข้าใจสิ่งที่เกี่ยวกับเทียนหวูเชวไม่ค่อยมากนัก แต่ทว่าตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมานางได้ยินพี่น้องตระกูลซุ๋นพูดถึงบุคคลดังกล่าวมาไม่น้อย จึงยิ่งรู้สึกว่าเทียนหวูเชวเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งและน่ากลัวอย่างมาก

ถึงแม้นางก็ทราบเช่นกันว่าหลัวซิวน่าจะยังมีวิธีการเด็ด ๆ ในกำมืออยู่ ดังนั้นเขาถึงได้ท้าประลองเทียนหวูเชวอย่างมั่นใจ แต่นางก็ยังคงรู้สึกว่าหลัวซิวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทียนหวูเชวอยู่ดี

เนื่องจากเทียนหวูเชวแข็งแกร่งมากเกินไป ร่างแด่เทพเจ้าทำให้เขาเคี่ยวกรำรากฐานในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 ได้แข็งแรงมาก ๆ กำลังรบอยู่เหนือเทพมารขั้นปฐมภูมิ ซึ่งสามารถเทียบทัดกับผู้แข็งแกร่งเทพมารช่วงกลางได้

ถึงแม้จะเป็นเหล่าเจ้านภาที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบัน ครั้นเมื่อพวกเขายังอยู่แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 พวกเขาก็ยังไม่มีกำรบที่น่าเกรงขามเช่นนี้เลย

สามารถพูดได้อย่างไม่ลังเลใจเลยว่า อัจฉริยะที่มีความฉลาดเป็นเลิศที่ได้อยู่ร่วมสมัยกับคนอย่างเทียนหวูเชว มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับคนเหล่านั้นมาก พวกเขาถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องได้ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงามืดของเขา ถูกกดอัดจนไร้ความมั่นใจในตัวเอง

“วันนี้เทียนหวูเชวต้องตาย!”

เมื่อเผชิญหน้ากับคำโน้วน้าวของช่าจื่อเยียนและพี่น้องตระกูลซุ๋น หลัวซิวยังคงเรียบนิ่งอยู่เช่นเคย ภายในน้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

พูดได้เลยว่าคนในสถานประลองยุทธ์เยอะมากจนเป็นที่น่าทุกข์ใจ ที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่คึกคักที่สุดในเมืองแก้วเทวเช่นกัน พื้นที่ภายในกว้างใหญ่ไพศาล สามารถจุคนได้เป็นหมื่น วินาทีนี้ทุกที่นั่งกลับถูกนั่งเต็มหมดแล้ว มากกว่านั้นคือยังมีคนบางส่วนที่ไม่มีที่นั่งด้วย ทำได้เพียงยืนอยู่ตรงกลางทางเดินอย่างถี่ยิบ เห็นเพียงศีรษะของผู้คนที่เบียดแน่นและเคลื่อนไหวไปมา

เมื่อหลัวซิวไปถึงสถานประลองยุทธ์ ชั่วพริบตาเดียวสายตาของทุกคนก็ถูกเขาดึงดูดไป แต่กลับไม่มีสายตาที่ดูให้กำลังใจเลยแม้แต่สายตาเดียว แต่เป็นสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัยและความอยากรู้

สิ่งที่สงสัยคือชายหนุ่มผู้มีนามว่าหลัวซิวนั่น กินยาเพิ่มความกล้าหาญอะไรเข้าไปกันแน่ ถึงกับกล้าท้าท้ายเทียนหวูเชว อีกทั้งยังเป็นศึกการต่อสู้ที่เอาเป็นเอาตายด้วย?

ส่วนสิ่งที่อยากรู้คือชายหนุ่มที่มีความกล้าหาญเป็นเลิศนี้ หน้าตาเขาจะเป็นอย่างไรกันแน่?

“เป็นชายหนุ่มที่เฉลามาก เสียดายที่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาต้องตายอยู่ในเงื้อมมือของคุณชายหวูเชวแล้ว”

เมื่อเห็นสภาพที่ดูสำอางของหลัวซิว หญิงสาวจำนวนมากต่างรู้สึกเสียดายมาก ๆ

พื้นที่แท่นประลองความเป็นความตายกว้างใหญ่มาก เทียนหวูเชวมาถึงที่นี่ตั้งนานแล้ว เขากำลังยืนอยู่ตรงกลางสนาม แขนเสื้อพลิ้วไหว สีหน้าอารมณ์ดูเงียบสงบ พลังออร่าลึกซึ้งดุจเหวลึก

“ศิษย์น้องหลัว ผ่านมาหลายสิบปีแล้วที่วัยรุ่นในรุ่นเดียวกันไม่เคยท้าประลองข้า ส่วนเจ้านั้นกลับกล้าเขียนจดหมายท้าประลองศึกตัดสินความเป็นความตายต่อข้า ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่ความกล้าหาญนี้ เจ้าก็อยู่เหนือคนอื่น ๆ ในรุ่นเดียวกันแล้ว”

สายตาที่เรียบนิ่งของเทียนหวูเชวจับจ้องไปทางหลัวซิว แววตาที่ลึกซึ้งมีจิตที่จะฆ่าทะลุออกมาอย่างไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย

“ในเมื่อเป็นศึกตัดสินความเป็นความตาย เหตุใดเจ้าถึงพูดมากเช่นนี้? ดูท่าที่ข้าบอกว่าเจ้ามันโง่น่ะ คงเป็นเรื่องจริงสินะ”

หลัวซิวแตกต่างจากเทียนหวูเชวที่สูงส่งและพูดคุยอย่างมีอารมณ์ขันโดยสิ้นเชิง หลังจากที่หลัวซิวเดินขึ้นไปบนแท่นประลองแล้ว แค่คำพูดเดียวก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความดูถูกและถากถางแล้ว

“เป็นเพียงตัวตลกที่มีดีแค่ปากเท่านั้นแหละ!”จิตที่จะฆ่าในแววของเทียนหวูเชวเข้มข้นมากยิ่งขึ้น