ตอนที่ 2595

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,595 : ผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำ

 

“เจ้า..!!”

 

ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน แม่ทัพของกองทัพมังกรดำอย่างเจี่ยนชิวผิง ก็มีโมโหจนแทบกระอักเลือด

 

ขณะเดียวกันพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดก็เริ่มปะทุขึ้นมาลุกโชนที่ผิวกายมันอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว ทำราวกับมันพร้อมลงมือต่อต้วนหลิงเทียนได้ทุกเมื่อ!

 

อย่างไรก็ตามพอมันนึกถึงคำเตือนของไป่ฟูฉางชราด้านหลัง มันก็ได้แต่ระงับโทสะในใจ

 

หากมันทำร้ายหรือเข่นฆ่าชายหนุ่มเบื้องหน้าไป…

 

ต้องเป็นเรื่องใหญ่หลวงแน่! เพราะนี่ไม่ต่างอะไรกับท้าทายอำนาจของผู้บัญชาการ!!

 

มันรู้ดี

 

แม่ทัพของกองทัพมังกรดำ หวงจี่ปิ่ง ที่ตกตายไปนั้น เป็นแม่ทัพที่มีความสำคัญในสายตาผู้บัญชาการมากที่สุด

 

มิฉะนั้นผู้บัญชาการของมัน คงไม่ถึงขั้นประกาศสัญญาว่าหากใครนำป้ายประจำตัวนั่นกลับคืน จะแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพของกองทัพมังกรดำโดยตรง!

 

ต้องทราบด้วยว่า…ในอดีตนั้น กองทัพมังกรดำของพวกมันก็ไม่เคยขาดเรื่องที่แม่ทัพตายตก…

 

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการไม่เคยออกประกาศสัญญาว่าจะมอบตำแหน่งแม่ทัพให้แก่ผู้ที่เก็บป้ายประจำตัวของแม่ทัพที่ตายตกกลับมาได้แบบนี้สักครั้ง!

 

ถึงแม้ว่าจะหักห้ามใจไม่ให้ลงมือเล่นงานต้วนหลิงเทียนได้ แต่สายตาที่เจี่ยนชิวผิงใช้มองต้วนหลิงเทียนยิ่งมาก็ยิ่งเย็นชาลงทุกที “ไอ้หนู ในกองทัพมังกรดำของพวกเรา ต่อให้เจ้าจะปากดีแค่ไหนมันก็เท่านั้น…เพราะเจ้าจะดำรงตำแหน่งแม่ทัพได้หรือไม่ได้ มันอยู่ที่พลังฝีมือไม่ใช่ฝีปาก!”

 

“นี่ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า…”

 

ต้วนหลิงเทียนพูดเสียงเบา “รีบนำข้าไปพบผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำของเจ้าเถอะ…เพราะข้ายังคงรอให้ผู้บัญชาการของเจ้าทำตามสัญญาและแต่งตั้งข้าเป็นแม่ทัพคนใหม่ของกองทัพมังกรดำอยู่”

 

“ฮึ่ม!!”

 

หลังเจี่ยนชิวผิงแค่นคำสบถเสียงเย็น มันก็เหินร่างออกไปทันที ไม่คิดทักต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย

 

ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างติดตามไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน

 

ซู่มมม!!

 

บางทีมันอาจต้องการทดสอบพลังของต้วนหลิงเทียน เจี่ยนชิวผิงที่เหินร่างนำอยู่ด้านหน้า ก็เร่งความเร็วให้สูงล้ำขึ้นในชั่วพริบตา ไม่ทันไรมันก็กลายเป็นจุดดำเล็กๆต่อหน้าต่อตาต้วนหลิงเทียน!

 

ทว่า แม้จะเห็นเจี่ยนชิวผิงเร่งความเร็วแบบนี้ ด้านต้วนหลิงเทียนกลับทำราวกับมองไม่เห็น เขายังคงเหินร่างติดตามไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน

 

แต่ต้นจนจบไม่แม้แต่จะเร่งความเร็วอะไร

 

นั่นเพราะเขารู้ดีว่าเจี่ยนชิวผิงไม่มีวันทิ้งเขาแน่นอน สุดท้ายมันก็ต้องรอเขาอยู่ดี!

 

และผลลัพธ์ก็พิสูจน์ออกมาว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ

 

เมื่อพบว่าต้วนหลิงเทียนเหินร่างตามมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน สีหน้าเจี่ยนชิวผิงที่หยุดรออยู่ก็ดำคล้ำราวตับเป็ด แววตาลุกวาวด้วยไฟโทสะอันเกรี้ยวกราด ทำราวกับจะแผดเผาได้ทุกสิ่ง!

 

มันคิดทดสอบระดับพลังฝีมือของชายหนุ่มชุดม่วงที่จะกลายเป็นแม่ทัพคนใหม่ของกองทัพมังกรดำดู

 

คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกลับไม่แยแสการล่อลวงของมัน!

 

ถึงแม้ตลอดทางที่เจี่ยนชิวผิวนำทางต้วนหลิงเทียน สีหน้ามันจะปั้นปึ่งเยียบเย็นหาดีไม่ได้

 

แต่พอมันพาต้วนหลิงเทียนมาถึงหุบเขาอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง ใบหน้าปั้นปึ่งเย็นชาของมันก็ละลายหายไปทันใด แทนที่ด้วยสีหน้าท่าทีเคารพ

 

“ใต้เท้าผู้บัญชาการ!”

 

เจี่ยนชิวผิงเหินร่างนำลงไปในหุบเขา ก่อนที่จะมาหยุดลงหน้ากระโจมหลังใหญ่กลางหุบเขา พลางประสานมือโค้งคารวะเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงท่าทางมากเคารพ

 

ขณะที่ต้วนหลิงเทียนเหินร่างตามเจี่ยนชิวผิงมาเขาก็พบว่า

 

มีกระโจมหลังใหญ่รองลงมาตั้งอยู่ล้อมรอบกระโจมหลังใหญ่ที่สุดตรงกลางเอาไว้อย่างน่าประทับใจ ‘ในเมื่อตรงกลางสุดเป็นกระโจมของผู้บัญชาการทัพ…ถ้างั้นกระโจมทั้ง 10 รอบๆนี่สมควรเป็นกระโจมแม่ทัพทั้ง 10 ของกองทัพมังกรดำสินะ’

 

‘อย่างไรก็ตาม…สมแล้วที่ตั้งอยู่เหนือใจกลางสายแร่หินอมตะ พลังวิญญาณฟ้าดินที่นี่ช่างหนาแน่นบริบูรณ์จนที่อื่นไม่อาจเทียบได้เลย…’

 

‘กระทั่งสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะนอกหุบเขาที่ว่าดี…ยังด้อยกว่าที่นี่หลายเท่า!’

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังวิญญาณฟ้าดินอันหนาแน่นในหุบเขา ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าเคลิบเคลิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

 

“มีอะไร?”

 

หลังเจี่ยนชิวผิงโค้งคารวะกล่าวเรียกหา ‘ใต้เท้าผู้บัญชาการ’ หน้ากระโจมหลังใหญ่ได้ไม่ทันไร ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นตอบกลับทันท่วงที

 

“เรียนใต้เท้าผู้บัญชาการ…มีคนพบป้ายประจำตัวของแม่ทัพหวงจี่ปิ่งแล้วขอรับ”

 

เจี่ยนชิวผิงกล่าว

 

และแทบจะพร้อมกันกับที่เจี่ยนชิวผิงกล่าวจบคำ

 

ฟุ่บ!

 

ประหนึ่งมีสายลมกรรโชกพัดผ่านเบื้องหน้าของต้วนหลิงเทียนกับเจี่ยนชิวผิงไปหอบหนึ่ง จากนั้นในความว่างเปล่า ก็มีร่างผู้คนปรากฏกายขึ้น…

 

เป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าคมเข้มดุดันหนวดเคราเฟิ้ม มาในชุดเกราะสีดำประดับด้วยดิ้นทอง ทั้งมีชุดคลุมสีแดงคลุมทับ โครงร่างให้กลิ่นอายเข้มแข็งปานพยัคฆ์ครองภู หว่างคิ้วแผ่พุ่งความน่าเกรงขาม ลักษณะท่าทางเอาเรื่องไม่น้อย

 

‘นี่น่ะเหรอ ผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำ เฉินเฉวียนป้า?’

 

ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยค่อยกล่าวในใจ

 

ตั้งแต่ตอนที่เขาไปนั่งฟังผู้คนคุยกันในเหลาที่เมืองเฉวี่ยโยว เขาก็ได้ยินผู้คนกล่าวถึงเฉินเฉวียนป้า ผู้บัญชาการของกองทัพมักรดำผู้นี้ไม่น้อย แน่นอนว่ายังได้ยินเรื่องของผู้บัญชาการกองทัพมังกรมามากไม่แพ้กัน…

 

ด้วยเหตุนี้เขาจึงทราบว่าอีกฝ่ายมีนามว่า เฉินเฉวียนป้า

 

“เจ้า…พบป้ายประตำตัวของแม่ทัพกองทัพมังกรดำข้า หวงจี่ปิ่ง แล้วงั้นหรือ?”

 

หลังจากที่เฉินเฉวียนป้าปรากฏกายมันก็ไม่ได้มองเจี่ยนชิวผิงเลย เพียงมองจ้องต้วนหลิงเทียนทันทีกล่าวถามออกมาเสียงทุ้ม

 

ถูกเฉินเฉวียนป้ามองจ้อง ทั้งสัมผัสได้ว่าสำนึกเทวะของเฉินเฉวียนป้ากำลังแผ่ออกมาตรวจสอบ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงยกมือขึ้นด้วยท่าทีไม่นอบน้อมไม่ถือดี เรียกป้ายแม่ทัพที่เขาพบเจอในโลกใบเล็กอันถูกตัวตนขอบเขตราชาอมตะจากนิกายสราญรมย์ทิ้งไว้ออกมาให้เฉินเฉวียนป้าดูทันที

 

ขวับ!

 

เฉินเฉวียนป้าเพียงยกมือขึ้น ป้ายแม่ทัพก็ถูกพลังไร้สภาพขุมหนึ่งดูดรั้งจนบินออกจากมือต้วนหลิงเทียนมาเข้ามือมัน

 

“เป็นป้ายประจำตัวของแม่ทัพหวงจี่ปิ่งจริงๆ”

 

มองป้ายในมือเพียงครู่เดียวเฉินเฉวียนป้าก็พยักหน้ากล่าวออก

 

ป้ายประจำตัวแม่ทัพของกองทัพมังกรดำทั้ง 10 นั้น ถึงแม้จะแลดูเหมือนกันทุกป้ายไม่มีอะไรแตกต่าง

 

แต่อันที่จริงแล้วแต่ละป้ายได้มีเศษพลังของเฉินเฉวียนป้าฝังไว้ และเศษพลังนั่นก็แตกต่างกันออกไป ทำให้ผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำเฉินเฉวียนป้า แยกแยะได้ง่ายดายว่าป้ายในมือเป็นของเชียนฟูฉางหรือแม่ทัพคนไหน…

 

“เจ้าพบป้ายประจำตัวนี่ที่ใดหรือ?”

 

หลังยืนยันได้แล้วว่านี่คือป้ายคนของมันไม่ผิดแน่ เฉินเฉียนป้าก็มองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างลึกล้ำ แววตายังเผยความคาดหวังไม่น้อย

 

“หุบเขาทางตอนใต้ของเมืองเฉวี่ยโยว…ในโลกใบเล็ก”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบออกมาตรงๆ

 

วูบ! วูบ!

 

พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำไม่เพียงแต่สีหน้าของเจี่ยนชิวผิงแม่ทัพของกองทัพมังกรดำจะแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก กระทั่งสีหน้าของผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำอย่างเฉินเฉวียนป้าก็เปลี่ยนไป

 

“เจ้า…เจ้าหมายความว่า…เจ้าเข้าไปในโลกใบเล็กแห่งนั้น…และรอดกลับออกมาได้?”

 

เฉินเฉวียนป้ามองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาแหลมคมดุดัน กลิ่นอายพลังอันยิ่งใหญ่สุดไพศาลปะทุออกมาจากร่างของมันดั่งคลื่นสมุทรโถมทับไปยังร่างต้วนหลิงเทียนทันที! หมายกดดันบีบคั้นให้ต้วนหลิงเทียนหวาดกลัว ไม่กล้ากล่าววาจามดเท็จภายใต้แรงกดดันของมัน!!

 

“ใต้เท้าผู้บัญชาการ มันกล่าววาจาปั้นน้ำเป็นตัวชัดๆ!!”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ทันได้ตอบคำอะไร แต่เจี่ยนชิวผิงที่อยู่ด้านข้างก็โพล่งออกมาทันที “โลกใบเล็กนั่นกระทั่งใต้เท้าเจ้าเมืองอันเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดของเมืองเฉวี่ยโยวเรายังไม่กล้าพูดว่าจะเข้าไปแล้วกลับออกมาได้…”

 

ในขณะที่เจี่ยนชิวผิงกำลังจะกล่าวคำสาธยายสืบต่อ มันก็ถูกสายตาดุร้ายของเฉินเฉวียนป้ามองขัดเอาไว้ “หุบปาก! หรือเจ้าคิดว่า…ข้าโง่ถูกหลอกได้ง่ายๆจนต้องให้เจ้าเตือน?!”

 

เมื่อถูกสายตาดุร้ายของเฉินเฉวียนป้ามองจ้องมา เจี่ยนชิวผิงก็หวาดกลัวอย่างหนัก ใบหน้ามันซีดลงทันใด ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาต่อแม้ครึ่งคำ

 

“ใช่”

 

และเมื่อเฉินเฉวียนป้าละสายตาออกจากเจี่ยนชิวผิงมามองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ด้านต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ากล่าวตอบออกไปเสียงเบาทันที

 

“โลกใบเล็กนั่น…นับประสาอะไรกับใต้เท้าเจ้าเมืองเฉวี่ยโยวเรา กระทั่งผู้พิทักษ์มณฑลที่แข็งแกร่งที่สุดในมณฑลจิ่วโยวของพวกเรา ยังไม่กล้าพูดว่าจะรอดกลับออกมาทั้งยังมีชีวิตหากเข้าไปในนั้น”

 

เฉินเฉวียนป้ากล่าวถามออกมาเสียงหนัก “แล้ว…ไฉนเจ้าถึงรอดกลับออกมาได้?”

 

ในสายตาของเฉินเฉวียนป้า

 

ถึงมันจะมองพลังฝึกปรือของชายหนุ่มเบื้องหน้าไม่ออก แต่มันคิดไปว่าอีกฝ่ายสมควรมีทักษะเก็บงำซุกซ่อนพลังฝึกปรือเท่านั้น…

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ชายหนุ่มผู้นี้จะมีพลังฝีมือเหนือกว่าผู้พิทักษ์มณฑลจิ่วโยวได้เลย อีกฝ่ายสมควรมีพลังอ่อนด้อยกว่าเจ้าเมืองเฉวี่ยโยวของมันด้วยซ้ำ

 

หาไม่แล้วอีกฝ่ายจะมายังค่ายของกองทัพมังกรดำแห่งนี้ทำอะไร? ต้องลำบากลดตัวเก็บป้ายแม่ทัพนั่นกลับมาคืนที่กองัทพมังกรดำด้วย?

 

ในเมื่ออีกฝ่ายเก็บป้ายกลับมามอบคืนให้ที่นี่ ย่อมหมายความได้อย่างเดียวว่า…อีกฝ่ายต้องการตำแหน่งแม่ทัพคนใหม่!

 

แล้วยังจะนับประสาอะไรกับผู้พิทักษ์มณฑลจิ่วโยวที่ทรงพลังแกร่งกล้า เอาแค่เจ้าเมืองเฉวี่ยโยวของมันก็ดูแคลนตำแหน่งแม่ทัพของกองทัพมังกรดำหนักหนาแล้ว…!

 

ตัวตนระดับนั้นไม่มีทางสนใจตำแหน่งต๊อกต๋อยอย่างแม่ทัพของกองทัพมังกรดำได้เลย กระทั่งตำแหน่งผู้บัญชาการของมันก็ยังไม่เหลือบแล…!

 

“มียอดฝีมือคนหนึ่งพาข้าออกมาจากโลกใบเล็กแห่งนั้น”

 

ต้วนหลิงเทียนได้คิดมาแล้วว่าจะกล่าวตอบคำถามเรื่องนี้ยังไง เขาอาศัยการตอบผสมระหว่างจริงเท็จ ไม่มีช่องโหว่ให้สืบสาวอะไรแน่นอน

 

“ยอดฝีมือคนนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง…จากที่ยอดฝีมือผู้นั้นกล่าว กระทั่งตัวตนอย่างต้าหลัวจินเซียนยังไม่แม้แต่จะอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”

 

“ยอดฝีมืออันร้ายกาจผู้นั้นยังกล่าวอีกว่า โลกใบเล็กแห่งนี้ถูกทิ้งไว้โดยยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะของนิกายสราญรมย์ที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสหนีมา…และที่ยอดฝีมือผู้นั้นเข้ามาในโลกใบเล็ก ก็เพื่อนำยอดสมบัติสวรรค์ประจำนิกายกลับคืน”

 

“ส่วนยอดสมบัติสวรรค์ประจำนิกายที่ว่าก็ช่างทรงพลังนัก…ยอดฝีมือคนนั้นเรียกมันว่า ไม้ปัดฝุ่นกวาดโลกา”

 

ต้วนหลิงเทียนมองเฉินเฉวียนป้าพลางกล่าว

 

เหตุผลที่เขายกเรื่อง ยอดสมบัติประจำนิกายนามไม้ปัดฝุ่นกวาดโลกาออกมากล่าวบอกเฉินเฉวียนป้านั้นไม่ใช่อะไรอื่น…

 

เพราะด้วยวิธีนี้อาจทำให้เขาได้รู้ว่ามู่หรงปิงมาจากนิกายใด

 

“ยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะของนิกายสราญรมย์?!”

 

แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ สีหน้าท่าทีของเฉินเฉวียนป้าก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน ลูกตายังหดเล็กลงทันใด

 

หลังจากตะลึงอยู่พักหนึ่ง เฉินเฉวียนป้าก็ขมวดคิ้วกล่าวออกเสียงหนัก “มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนยอดฝีมือมากมายที่ดั้นด้นมาไขความลับโลกใบเล็กอันเป็นสถานที่ต้องห้ามของเมืองเฉวี่ยโยวเราแต่สุดท้ายกลับไม่มีใครเคยรอดชีวิตกลับออกมาสักราย…ที่แท้โลกใบเล็กนั่นถูกทิ้งไว้โดยยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ!”

 

“ยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะของนิกายสราญรมย์…ดูเหมือนจะปรากฏตัวขึ้นเมื่อหมื่นปีที่แล้ว นับจากเวลาก็แทบจะพอดีกับเวลาที่โลกใบเล็กปรากฏขึ้น…”

 

เฉินเฉวียนป้าเหม่อพึมพำกับตัวเบาๆอยู่นาน