บทที่ 2021 ท่านจอมพลกินเนื้อ ข้าดื่มน้ำแกง

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้อาจไม่ได้ดูโดดเด่นเหมือนนาง แต่การกระทำที่ยอมสละทุกอย่างเพื่อความรักนั้นทำให้เหมียวอี้มีรัศมีเปล่งประกายยามอยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนอื่น

มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่หวังให้ตัวเองเป็นนางเอกในเรื่องแบบนั้น? โดยเฉพาะผู้หญิงที่รอคนมาสู่ขอจากห้องนอนอย่างผังเสี้ยวเสี้ยว วิธีการคิดก็ยิ่งไร้เดียงสา นางเคยใฝ่ฝันเช่นกัน

“เสี้ยวเสี้ยวคำนับผู้ตรวจการใหญ่ค่ะ!” ไม่รอให้บิดาเอ่ยปาก ผังเสี้ยวเสี้ยวทักทายอย่างเขินอาย รายงานฐานะของตัวเองแล้ว

“ไข่มุกล้ำค่าในมือจอมพลผังงดงามไร้ที่เปรียบจริงๆ ด้วย” เหมียวอี้กล่าวชม สายตาไปหยุดบนตัวเฉินหวยจิ่วอีกครั้ง ทั้งสองรู้จักกันมานาน แค่พยักหน้าก็เข้าใจแล้ว ฐานะของเฉินหวยจิ่วก็เห็นๆ กันอยู่ ไม่สะดวกจะแสดงอำนาจเกินเจ้านาย

เหมียวอี้หันกลับมาโบกมือ เฟยหงกับเสวี่ยหลิงหลงที่อยู่ไม่ไกลก็เข้ามาด้วยกัน ไม่ต้องพูดถึงเลย ช่วงนี้สวีถังหรานประจบสอพลอได้ผลดีมาก

เหมียวอี้แนะนำตัวแทนให้ สองสาวทำความเคารพ ผังก้วนมีท่าทีเป็นมิตร ยิ้มบางๆ บอกใบ้ว่าไม่ต้องมากพิธี

“จอมพลผัง ฮูหยิน เชิญ!” เหมียวอี้ยื่นมือเชิญ แล้วนำพวกเขาไปที่โถงหลักด้วยตัวเอง

ตอนนี้หยางชิ่งที่อยู่ในประตูพระจันทร์ของลานด้านข้างโผล่ตัวออกมาครึ่งหนึ่ง มองคล้อยหลังคนที่เดินออกไปด้วยท่าทางครุ่นคิด ก่อนหน้านี้ตอนเหมียวอี้เอ่ยถึง เขาก็ยังแปลกใจอยู่บ้าง พอมาดูตอนนี้แล้ว พบว่าเหมียวอี้กับผังก้วนก็สนิทกันจริงๆ ไม่รู้ว่าในหลายปีมานี้ท่านผู้สำเร็จราชการแอบสร้างเครือข่ายที่ตัวเองไม่รู้ไว้ตั้งเท่าไร

ตึกศาลา ซิงอยู่บนที่สูง คอยระแวะระวังรอบๆ เรือนด้านใน ป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ ตอนนี้นางกลายเป็นคนเฝ้าเรือนในของจวนผู้สำเร็จราชการ

พวกเขาเดินเขามานั่งในโถงหลัก พวกบ่าวไพร่ถูกกันออกไปหมด คนที่ทำหน้าที่รินน้ำชามีเพียงเฟยหงกับเสวี่ยหลิงหลง

หลังจากนั่งลงพูดคุยกันตามมารยาทแล้ว ผังก้วนก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกนางสองแม่ลูกเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก ให้อนุภรรยาของท่านพาพวกนางไปเปิดหูเปิดตาหน่อยได้หรือไม่?”

เขาย่อมรู้ว่าเหมียวอี้เชิญเขามาไม่ใช่เพื่อมาเที่ยวเล่นแน่นอน ถ้าจะคุยเรื่องสำคัญก็ย่อมต้องให้บางคนหลบเลี่ยงไป

เหมียวอี้ย่อมรู้ว่าด้วยครอบครัวอย่างพวกเขา มีหรือที่จะมาเปดหูเปิดตาที่นี่ จึงหันกลับมาบอกผู้หญิงทั้งสองด้วยรอยยิ้มว่า “เฟยหง หลิงหลง ต้องดูแลฮูหยินกับคุณหนูให้ดี อย่าเมินเฉย!”

“ค่ะ!” สองสาวเอ่ยรับ

จาหรูเยี่ยนไม่ถึงขั้นตาไม่มีแววเลย รู้ว่านายท่านต้องการให้พวกนางสองแม่ลูกหลบเลี่ยงไปเพื่อคุยธุระ จึงเรียกลูกสาวให้ออกไปด้วยกัน

ในห้องยังเหลือหยางเจาชิงกับเฉินหวยจิ่ว ที่ให้สองคนนี้อยู่ต่อได้ก็เพราะเป็นลูกน้องคนสนิท

ผังก้วนที่จิบน้ำชาไปคำหนึ่งเปิดประเด็นก่อน “เพราะเรื่องเล็กน้อยในอดีต ภรรยาของข้าเลยไม่พอใจผู้ตรวจการใหญ่นิดหน่อย ถ้ามีจุดไหนที่ไม่เหมาะสม ก็หวังว่าผู้ตรวจการใหญ่จะไม่เก็บมาใส่ใจ ถ้าไปถือสาผู้หญิงความรู้พื้นๆ อย่างนาง” พูดจาด้วยท่าทีที่ไม่ถือตัว เป็นเพราะสิ่งที่เฝ้ารอในใจ

“เข้าใจได้ ถ้าเปลี่ยนเป็นใครก็ต้องทำอย่างนี้! ว่ากันว่าความแค้นควรแก้ไขมิควรผูกไว้ ครั้งนี้เชิญท่านจอมพลมา ก็เพราะอยากจะแก้ไขเรื่องนี้ด้วยความจริงใจ” เหมียวอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“อ้อ!” ผังก้วนถามอย่างสนใจ “ข้าจะล้างหูรอฟัง ไม่ทราบว่าผู้ตรวจการใหญ่เตรียมจะแก้ไขเรื่องความแค้นในปีนั้นยังไง?”

เหมียวอี้ยิ้มพร้อมบอกว่า “ได้ยินมานานแล้วว่าท่านจอมพลมีบุตรสาวคนหนึ่งที่เหมือนไข่มุกล้ำค่าในมือท่านจอมพล ได้รับความรักจากท่านจอมพลมาก มีความงามจนมัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง วันนี้ได้เห็นกับตาก็พบว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่ทราบว่าแต่งงานหรือยัง?”

เฉินหวยจิ่วฟังจนหนังตากระตุก ในใจเกิดความระแวดระวัง เจ้าเด็กนี่มันคิดจะทำอะไร?

ผังก้วนหัวใจกระตุกวูบ เจ้าเด็กเปรตนี่คงไม่ได้ถูกใจลูกสาวพ่อหรอกใช่มั้ย? ถ้าเอ่ยปากขอแต่งงานจริงๆ ตนควรจะตอบตกลงหรือไม่ตกลงดีล่ะ ถ้าปฏิเสธก็เหมือนจะไม่เหมาะสม แต่ถ้าตอบตกลง เจ้าเด็กนี่ก็มีเมียแล้ว ลูกสาวสุดที่รักของตนจะไม่กลายเป็นอนุภรรยาหรอกเหรอ

“รอคนมาสู่ขออยู่ในห้องนอน ยังไม่แต่งงาน!” ผังก้วนตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย วางถ้วยน้ำชาลง แล้วหรี่ตาจ้องเหมียวอี้

เหมียวอี้แสดงสีหน้าจริงใจทันที กุมหมัดคารวะอย่างจริงจัง “หนิวตกหลุมรักคุณหนูตั้งแต่แรกพบ หวังว่าจะได้อุทิศกายถวายชีวิตให้ ท่านจอมพลได้โปรดช่วยให้สมหวังในรัก!”

เป็นอย่างนี้จริงๆ ด้วย เฉินหวยจิ่วรีบมองไปที่นายท่านของตัวเอง

ผังก้วนใบหน้ากระตุกอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เข้าใจจุดประสงค์ที่อีกฝ่ายให้ตนพาลูกสาวมาด้วยแล้ว ในใจด่าบรรพบุรุษเหมียวอี้สิบแปดรุ่น ตอบด้วยใบหน้านิ่งเฉยว่า “ผู้ตรวจการใหญ่ แบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง? ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยให้สมปรารถนา เพียงแต่ผู้ตรวจการใหญ่ก็รู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดี ถ้าเจ้ากับข้าเกี่ยวดองกัน ท่านอ๋องฮ่าวคงไม่เป็นอันกินอันนอน แล้วจะให้ตำหนักสวรรค์คิดยังไงกับเจ้า? เพื่อให้เป็นผลดีต่อทุกคน ข้าว่าเรื่องนี้ช่างเถอะ” ถือว่าปฏิเสธอย่างอ้อมๆ

“ถ้าเกี่ยวดองกันได้ ผู้น้อยกับฮูหยินของท่านก็ย่อมคลายปมความแค้น…” เหมียวอี้กล่าว

ผังก้วนยกมือตัดบท “ผู้ตรวจการใหญ่เชิญข้ามาครั้งนี้ อย่าบอกนะว่าเพื่อให้ข้าพาลูกสาวมาส่งให้ถึงที่ ทำเกินไปหน่อยหรือเปล่า?”

เหมียวอี้ทำสีหน้าเสียดายทันที แต่ก็ไม่บังคับ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลงหลายส่วน “ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว ถ้าทำให้เรื่องมงคลสำเร็จได้ก็ย่อมดี แต่จะให้เรื่องนี้มาขัดขวางงานใหญ่ได้ยังไง ที่เชิญท่านจอมพลมาครั้งนี้ เพราะอยากจะถามท่านจอมพลสักหน่อย รู้หรือเปล่าว่าตระกูลเซี่ยโห้วมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว?”

ตระกูลเซี่ยโห้วมีการเปลี่ยนแปลง? ผังก้วนกับเฉินหวยจิ่วสบตากันแวบหนึ่ง ผังก้วนถามทันทีว่า “ไม่เคยได้ยินว่ามีการเปลี่ยนแปลง ไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไร?”

เหมียวอี้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปตรงข้ามเขา ไปนั่งลงโดยมีโต๊ะน้ำชากั้น ทั้งสอล้วนนั่งพิงโต๊ะชา สุมหัวกัน เหมียวอี้ตอบด้วยเสียงต่ำเบาว่า “เซี่ยโห้วลิ่งตายแล้ว!”

“หา!” ผังก้วนตกใจมาก โยนเรื่องไม่พอใจเกี่ยวกับลูกสาวทิ้งไปทันที รีบถามว่า “พูดจริงหรือเปล่า?”

“จริงจนไม่รู้จะจริงยังไงแล้ว โดนแทงตาย!” เหมียวอี้พยักหน้า

“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่มีข่าวเลยสักนิด?” ผังก้วนถาม

เหมียวอี้ตอบว่ “ในเวลานี้ตระกูลเซี่ยโห้วจะปล่าอยข่าวหลุดไปข้างนอกได้ยังไง เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด พวกเขาปิดข่าวสนิทเลย คาดว่าคนส่วนใหญ่ในตระกูลเซี่ยโห้วก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ”

“แล้วผู้ตรวจการใหญ่รู้ข่าวนี้ได้ยังไง?” ผังก้วนระแวงสงสัย

เหมียวอี้ตอบว่า “เฉาหม่านมาขอให้ข้าช่วย มาบอกต่อหน้าเลยว่า เซี่ยโห้วลิ่งโดนพระปีศาจหนานโปเล่นงาน!”

ไม่น่าเชื่อว่าจะโดนพระปีศาจเล่นงาน! ผังก้วนกับเฉินหวยจิ่วสูดหายใจลึกอย่างตกตะลึง คิดในใจว่าพระปีศาจหนานโปไม่ยอมปล่อยตระกูลเซี่ยโห้วไปจริงๆ ด้วย

“ทำไมเฉาหม่านถึงมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าล่ะ?” ผังก้วนสงสัย

“บางเรื่องนั้นทุกคนรู้อยู่แก่ใจ พอเซี่ยโห้วลิ่งตาย ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติหรือลำดับอาวุโส เฉาหม่านล้วนเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตำแหน่งหัวหน้าตระกูล แต่พี่น้องพวกนั้นจะยอมหลักทางให้เขาเหรอ ท่านจอมพลรู้สึกว่าตอนนี้เฉาหม่านกังวลอะไรที่สุด?” เหมียวอี้ถาม

สายตาผังก้วนหยุดอยู่บนตัวเขาทันที คุร่นคิดเล็กน้อย แล้วหรี่ตาบอกว่า “เขากังวลว่าจะมีคนอยากแย่งตำแหน่งหัวหน้าตระกูลและทำร้ายเขา แต่ผู้ตรวจการใหญ่มีกำลังทหารมากมาย ทั้งสามารถรักษาความปลอดภัยให้เขาได้ อีกทั้งในช่วงเวลาสำคัญยังเอาชีวิตของเขาได้หากโดนคนอื่นซื้อไป คาดว่าเขาคงต้องการร่วมงานกับผู้ตรวจการใหญ่มาก”

เหมียวอี้ปรบมือ “ท่านจอมพลปราดเปรื่องจริงๆ ด้วย พอพูดก็ถูกเลย ไม่ผิดหรอก เป็นอย่างนี้! ที่จริงเว่ยซูก็มาที่ตึกศาลาสัตยพรตแล้ว ยื่นอยู่ข้างกายเฉาหม่านแล้ว ขอเพียงไม่มีอะไรผิดพลาด เรื่องที่เฉาหม่านได้คุมตระกูลเซี่ยโห้วก็ถูกกำหนดไว้แน่นอนแล้ว ยิ่งเป็นเวลานี้เขาก็ยิ่งไม่กล้าประมาท ไม่กล้าออกจากถิ่นตัวเองโดยพลการ หนิวคนนี้เลยกลายเป็นกุญแจสำคัญ! ไม่ทราบว่าจอมพลผังเตรียมจะทำยังไง?”

ผังก้วนหัวใจเต้นตึกตัก แต่กลับผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ แสร้งทำท่าทางผ่อนคลายสบายๆ ถามเสียงเรียบว่า “นี่เป็นเรื่องในตระกูลเซี่ยโห้ว เกี่ยวอะไรกับข้า?”

“ถ้าท่านจอมพลก่อกบฏในตอนนี้ แล้วข้าก็เคลื่อนทัพแดนรัตติกาล ตรึงกำลังพลหนึ่งสายให้ท่านจอมพล แล้วก็มีตระกูลเซี่ยโห้วสนับสนุนเต็มที่ ไม่ทราบว่าท่านจอมพลจะมีโอกาสชนะหรือเปล่า?” เหมียวอี้ถาม

เฉินหวยจิ่วกำหมัดแน่นโดยจิตใต้สำนึก ในหัวมีประโยคหนึ่งแวบเข้ามา สวรรค์ประทานโอกาสดี!

ผังก้วนพลันลุกขึ้น อดทนไม่ไหวแล้ว หลังจากเอามือไขว้หลัง ก็เดินไปเดินมาอยู่ในโถง แววตาเป็นประกายไม่หยุดนิ่ง หัวใจอันทะเยอทะยานถูกปลุกแล้ว

เหมียวอี้นั่งนิ่ง ไม่เร่งเร้าเขา กำลังมองเขาเดินไปเดินมา

ทันใดนั้น ผังก้วนก็รีบเดินมาตรงหน้าเขา ก้มมองเขาพร้อมบอกว่า “ถ้าเจ้าสนับสนุนให้เฉาหม่านได้กุมอำนาจของตระกูลเซี่ยโห้ว ถ้าตอนหลังเขากลับคำจะทำยังไง?”

เหมียวอี้ลุกขึ้นยืน กล่าวด้วยใบหน้าอมยิ้มว่า “ภายใต้สถานการณ์ที่ท่านจอมพลยังไม่ได้ลงมือ ถ้าเขากลับคำพวกเราก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย! ยิ่งไปกว่านั้น ข้ากับเฉาหม่านก็อยู่ที่แดนรัตติกาลด้วยกันมาไม่ใช่แค่ปีสองปีแล้ว กำพืดของเขาคนอื่นไม่รู้ แต่ข้ากลับรู้ชัดเจน เขาควบคุมตระกูลเซี่ยโห้วมานานจนบริหารได้เหมาะสมแล้ว ข้าอาจจะทำอะไรเขาไม่ได้ แต่ถ้าเขากล้ากลับคำในช่วงนี้ ของที่อยู่ในมือข้าก็เพียงพอที่จะทำให้เขาลงจากตำแหน่งได้!”

ผังก้วนตาเป็นประกาย “เจ้าได้จุดอ่อนอะไรของเขามา?”

เหมียวอี้ปฏิเสธทันที “ท่านจอมพลจะให้ข้าเผยไพ่ตอนนี้เหรอ บังคับกันไปหน่อยหรือเปล่า? เอาเป็นว่าถ้าข้าไม่มั่นใจ ท่านจอมพลคิดว่าข้าจะกล้าวางแผนนี้เหรอ?”

ผังก้วนเองก็รู้เช่นกันว่าการขุดไพ่ตายของอีกฝ่ายในตอนนี้ไม่เหมาะสม จึงปล่อยผ่านทันที จ้องตาเหมียวอี้พร้อมถามว่า “เจ้าต้องการอะไร?”

เขาไม่เชื่อหรอกว่าเหมียวอี้จะช่วยเหลือเขามากขนาดนี้โดยไม่ต้องการผลประโยชน์อะไร ไม่เชื่อด้วยว่าเหมียวอี้จะเสี่ยงอันตรายมากขนาดนี้เพียงเพื่อแต่งงานกับลูกสาวที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อนของตน ต้องมีจุดประสงค์แน่นอน!

เหมียวอี้ตอบเหมือนจริงใจว่า “หากท่านจอมพลได้กินเนื้อ ข้าก็ย่อมได้ดื่มน้ำแกงตามไปด้วย หลังจากเรื่องนี้สำเร็จแล้ว ข้าสนใจอาณาเขตสายเถาะมาก ท่านจอมพลก็รู้ว่าแดนมรณะดึกดำบรรพ์สำคัญต่อการฝึกตนของข้ามาก ข้ารู้สึกว่าควบคุมไว้ในมือตัวเองจะวางใจกว่า หวังว่าท่านจอมพลจะช่วยให้สมปรารถนา!”

“ถ้าทำสำเร็จจริงๆ ข้าให้เจ้าก็ได้!” ผังก้วนให้สัญญาอย่างไม่ลังเล แต่กลับถามอย่างไม่ลังเลว่า “ข้าต้องการพบเฉาหม่าน จะแนะนำให้ได้หรือเปล่า?”

นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก เรื่องเกี่ยวกับชีวิตคนในครอบครัว เหมียวอี้พูดอะไรก็เชื่อหมดได้อย่างไร ต้องไปเจรจากับเฉาหม่านให้ชัดเจน

เขาเคยเห็นภาพวาดของเฉาหม่าน ส่วนตัวจริงของเฉาหม่านนั้น เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แม้เฉาหม่านจะมีฐานะกึ่งเปิดเผยของตระกูลเซี่ยโห้ว แต่ก็ลึกลับมากเช่นกัน ไม่ค่อยออกหน้า ใช่ว่าใครอยากเจอเขาก็เจอได้

เหมียวอี้พยักหน้า “ถ้าท่านจอมพลไม่รู้สึกว่ายุ่งยาก ตอนนี้พวกเราก็ไปที่ตึกศาลาสัตยพรตด้วยกันสักเที่ยวได้เลย”

ผังก้วนจะรู้สึกว่ายุ่งยากได้อย่างไร ถึงอย่างไรก็อยู่ที่แดนรัตติกาล ไม่ไกลด้วย จึงตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อมาผ่อนคลายที่นี่แล้ว เที่ยวให้ทั่วสักหน่อยก็ไม่เป็นไร” พูดจบก็เอียงหน้าบอกใบ้เฉินหวยจิ่ว ให้เขาเตรียมตัวให้เรียบร้อย

หลังจากพวกเขาสวมหน้ากากแล้วก็ออกไปทันที ส่วนจาหรูเยี่ยนและบุตรสาว ตอนนี้ผังก้วนทิ้งไว้ที่นี่ชั่วคราว งานใหญ่กำลังจะมา ตอนนี้จะสนใจพวกนางได้อย่างไร

ในสวนดอกไม้ จาหรูเยี่ยนและบุตรสาวที่กำลังเดินเล่นไม่ยอมพูดอะไร จาหรูเยี่ยนก็ยิ่งหน้าตึง เฟยหงกับเสวี่ยหลิงหลงพยายามเอาใจไปก็ไม่มีประโยชน์

แม้ผังเสี้ยวเสี้ยวจะรู้สึกว่ามารดาทำไม่เหมาะสม ทว่าแต่ไหนแต่ไรมามารดาก็มีอีกด้านที่ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ ในบ้านนอกจากบิดาแล้วก็ไม่มีใครควบคุมได้ นางเองก็ไม่กล้าพูดอะไร ทำได้เพียงเงียบตาม ไม่อย่างนั้นต้องโดนด่าใส่หน้าโครมๆ แน่นอน

รอจนผังก้วนระฆังดาราส่งข่าวมา บอกว่ามีธุระต้องออกไปกับหนิวโหย่วเต๋อสักเที่ยว ให้พวกนางสองแม่ลูกรออยู่ที่นี่ จาหรูเยี่ยนพอเก๋บระฆังดาราแล้วก็กัดฟันกรอดทันที พบว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้เรื่องเกินไปแล้ว มักทิ้งนางไว้โดยไม่ให้แม้แต่เหตุผล

เมื่อไม่มีผังก้วนคุมอยู่ที่นี่ กอปรกับเก็บกลั้นไฟโกรธไว้เต็มอก จาหรูเยี่ยนก็เหล่ตามองเฟยหงอย่างเย็นเยียบ

……………