บทที่ 1266 ความสำเร็จ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,266 ความสำเร็จ

ดวงตาของอวิ๋นอู่เหินกลายเป็นสีแดงก่ำ

เจี๋ยนเซียวเหยาไม่ต้องเหนื่อยแรงอันใด ก็ได้รูปสลักเทวะมาครอบครองถึงเก้าตัวแล้ว

ต้องทราบก่อนว่าหากเป็นสถานการณ์ปกติ รูปปั้นเทวะแต่ละตัวนั้น กว่าที่ผู้ใดจะได้มาครอบครอง ก็ต้องผ่านการแย่งชิงอย่างนองเลือดและมันก็มีราคามหาศาลนัก

“ไปเถอะ ลุยกันต่อ”

หลินเป่ยเฉินยังคงไม่พอใจกับจำนวนรูปสลักที่ตนเองได้รับ

พวกเขาเดินหน้ากันต่อ

หลังจากนั้น ทั้งหมดก็มาถึงเขตทะเลทรายที่มีเนินดินปรากฏให้เห็นอยู่ไม่ห่างออกไป

หลินเป่ยเฉินเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเนินดินที่มีความสูงเท่ากับตึกสิบชั้นแห่งหนึ่ง เขาชี้มือไปยังกำแพงเนินดินนั้นและกล่าวว่า “ขุด”

เห็นได้ชัดว่าเนินดินแห่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

แต่มันถูกผู้คนก่อสร้างขึ้นมา

ในอดีต มันอาจจะเคยเป็นแท่นบูชาหรือหอคอยที่สง่างาม แต่เมื่อผ่านการกัดกร่อนของกาลเวลา รูปโฉมดั้งเดิมก็สลายหายไป และขณะนี้ มันจึงกลายเป็นเพียงเนินดินที่ไม่ต่างจากชายชรารอคอยวันตายเท่านั้น…

“ข้าจะขุดเอง ข้าจะขุดเอง”

หวังซือหูรีบวิ่งออกมาข้างหน้า

“ทะ ทะ ท่าน…”

เจ้าอ้วนรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างยิ่งที่ถูกตัดหน้าแย่งทำหน้าที่ของตนเอง

แต่หลินเป่ยเฉินกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจ “ปล่อยให้เขาขุดไปเถอะ”

เจ้าอ้วนยืนนิ่งเงียบ ๆ อยู่ด้านหลังหลินเป่ยเฉิน

หวังซือหูชักกระบี่ออกมาตวัดฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง กำแพงดินพังถล่มทลาย เกิดเป็นรูลึกขนาดใหญ่

“เดี๋ยวข้าช่วยอีกแรง”

หนึ่งในกลุ่มของลูกสมุนอวิ๋นอู่เหินกล่าวขึ้นมา

“ไม่ต้องยุ่ง”

หวังซือหูหันหน้ามาคำรามใส่ด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดดุดัน สีหน้าบอกชัดว่าไม่ต้องการแบ่งปันรูปสลักเทวะตัวนี้กับผู้ใด

ลูกสมุนของอวิ๋นอู่เหินที่กำลังจะก้าวเข้าไปช่วยเหลือจึงต้องชะงักเท้าลง

“รูปสลักตัวนี้ต้องเป็นของข้า”

หวังซือหูหัวเราะเยาะและใช้กระบี่ขุดกำแพงดินอย่างต่อเนื่อง

นักบวชสาวเซียงเหยียนหันมาจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความสงสัย

นางไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะเป็นคนใจกว้างถึงเพียงนี้

นั่นทำให้นักบวชสาวต้องปรับเปลี่ยนความเข้าใจต่อตัวเด็กหนุ่มใหม่ทั้งหมด

แต่ไม่นานหลังจากนั้น

“ฮ่า ๆๆ…”

ลึกเข้าไปในอุโมงค์ดิน เสียงหัวเราะของหวังซือหูดังกังวานออกมา “ในที่สุดข้าก็เจอแล้ว… เหวอออ!”

เสียงหัวเราะพลันแปรเปลี่ยนเป็นเสียงอุทานด้วยความตื่นกลัว

ครืน!

เนินดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

แล้วหัวของกิ้งก่ายักษ์ก็ทะลุพรวดออกมาจากอุโมงค์ดินนั้น

ในปากที่เต็มไปด้วยโลหิตของมันกำลังกัดร่างกายท่อนล่างของหวังซือหูไม่ยอมปล่อย

โลหิตไหลหยดเนืองนอง

หวังซือหูเป็นเพียงนักรบเทวะระดับสามัญ

ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง

“พี่อวิ๋น ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย…”

เขาร้องตะโกน เลือดไหลทะลักออกปากออกจมูก แม้ร่างกายท่อนบนจะมีชุดเกราะคุ้มกัน แต่บัดนี้ชุดเกราะก็ใกล้แตกสลายเต็มที หวังซือหูไม่มีเวลาโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ใส่ลงไปในชุดเกราะทองคำที่ได้รับเป็นของขวัญมาจากใต้เท้าก่ายปาหวง เพราะว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นรวดเร็วมากเกินไป

“ยังไม่รีบเข้ามาช่วยข้าอีก”

หวังซือหูถือรูปสลักเทวะตัวหนึ่งอยู่ในมือซ้าย ส่วนมือขวาพยายามฟันกระบี่ไม่หยุด แต่เมื่อคมกระบี่ของเขาปะทะเข้ากับปากของเจ้ากิ้งก่ายักษ์ตัวนั้น ประกายไฟก็สาดกระจาย ผิวหนังของมันไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน

“นี่มันตัวอะไรเนี่ย?”

“อย่าบอกนะว่าเป็นอสูรกิ้งก่าทะเลทราย?”

“ทำไมกิ้งก่าทะเลทรายจึงได้มีร่างกายใหญ่ยักษ์เช่นนี้”

บรรดาพรรคพวกของอวิ๋นอู่เหินพร้อมใจกันผงะถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ไม่มีผู้ใดคิดยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือหวังซือหูเลยแม้แต่คนเดียว

หลินเป่ยเฉินเองก็เช่นกัน

เพราะจากการนำทางของแอปไป่ตู้ แมป เด็กหนุ่มจึงรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเนินดินแห่งนี้เป็นที่ซ่อนตัวของกิ้งก่าทะเลทรายยักษ์ใหญ่ ดังนั้น แม้ว่ามันจะเป็นที่ซ่อนรูปสลักเทวะเช่นกัน แต่เขาก็ไม่คิดขัดขวางเมื่อหวังซือหูอาสาเป็นคนขุด

อสูรกิ้งก่าทะเลทรายทองคำสะบัดหัวอย่างแรง

ตุบ!

ร่างกายครึ่งท่อนบนของหวังซือหูร่วงหล่นกระทบพื้นดิน

“เจ้า… ทำร้ายข้า…”

เขาจ้องมองหลินเป่ยเฉิน

ก่อนหน้านี้ หวังซือหูไม่เข้าใจเลยว่าเพราะเหตุใด เจี๋ยนเซียวเหยาถึงอนุญาตให้ตนเองเป็นคนขุดรูปสลักเทวะ ดังนั้น กว่าที่เขาจะเข้าใจ ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว

กร๊อบ!

อสูรกิ้งก่าทะเลทรายทองคำกระทืบเท้าเหยียบร่างท่อนบนของหวังซือหูเต็มแรง ได้ยินเสียงกระดูกแตกหักดังละเอียด ก่อนที่ตัวคนจะกลายเป็นกองเนื้อกองหนึ่ง

เสียชีวิตไปอย่างน่าอนาถใจ

หลินเป่ยเฉินหลุบตามองสายรัดข้อมือประจำตัวผู้เข้าแข่งขันของตนเอง ไม่มีการลงทัณฑ์เกิดขึ้น… นี่หมายความว่าการยืมมือสัตว์อสูรฆ่าคนไม่ถือเป็นการละเมิดกฎการแข่งขันครั้งนี้

เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ตุบ!

พลัน รูปสลักเทวะสีแดงตกลงบนพื้นดิน

“นี่มันอะไรกัน?”

หลินเป่ยเฉินอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น

เพราะเขาค้นพบว่ารูปสลักเทวะตัวนี้มีความแตกต่างจากรูปสลักเทวะที่ตนเองได้มาก่อนหน้านี้ทั้งเก้าตัวอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรูปทรง สีสัน หรือขนาด

หรือนี่จะเป็นรูปสลักรูปแบบใหม่?

“ไปเก็บมา”

หลินเป่ยเฉินยกมือส่งสัญญาณ

เจ้าอ้วนวางกระเป๋าลงบนพื้นดิน ก่อนจะวิ่งทะยานออกไปข้างหน้า

“เจ้านั่นเสียสติไปแล้วหรือ?”

อวิ๋นอู่เหินและพรรคพวกเห็นเช่นนี้ก็อดอุทานออกมาไม่ได้

สัตว์อสูรที่ร้ายกาจเช่นนี้ เจ้าอ้วนกล้าเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเชียวหรือ?

แต่ลมหายใจต่อมา สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงมากกว่าเดิมก็บังเกิดขึ้น

อสูรกิ้งก่าทะเลทรายทองคำรู้สึกว่าตนเองถูกคุกคาม มันระเบิดเสียงคำราม สะบัดหัวสะบัดหางอย่างรุนแรง หางขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีเดือยแหลมสีทองคำตวัดวาดผ่านอากาศ หวังจะฟาดใส่เจ้าอ้วนให้ตายอยู่ตรงนั้น

แต่เจ้าอ้วนกลับใช้มือเปล่าคว้าจับหางเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ มิหนำซ้ำ เขายังดึงอสูรกิ้งก่ายักษ์ออกมาข้างหน้าได้อย่างง่ายดายยิ่ง

พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!

เจ้าอ้วนกระชากอสูรกิ้งก่าทะเลทรายทองคำฟาดลงกับพื้นดินอย่างหนักหน่วง

พื้นดินสั่นสะเทือนราวกับเกิดเหตุแผ่นดินไหว

อวิ๋นอู่เหินเบิกตาโตด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ

โกหก นี่เขากำลังเห็นภาพหลอนอยู่ใช่หรือไม่?

เจ้าอ้วนจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?

เพียงพริบตาเดียว อสูรกิ้งก่าทะเลทรายทองคำก็ถูกโยนลงไปบนพื้นดิน ดวงตาของมันเหม่อลอย ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก…

ทันใดนั้น เจ้าอ้วนกระโดดขึ้นไปขี่อยู่บนก้านคอของอสูรกิ้งก่าทะเลทราย และใช้กำปั้นของเขาต่อยกระแทกลงไปอย่างบ้าคลั่ง

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

ได้ยินเหมือนเสียงโลหะถูกทุบ

สะเก็ดไฟสาดกระจายไปทุกทิศทุกทาง

แม้แต่นักบวชสาวเซียงเหยียนก็ยังอดแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาไม่ได้

นางไม่ทันได้สังเกตเลยว่าเด็กหนุ่มผู้มีความบกพร่องทางสติปัญญาผู้นี้จะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

อสูรกิ้งก่าทะเลทรายทองคำถูกยกให้เป็นสัตว์อสูรระดับสูง แต่กลับถูกเด็กอ้วนปัญญาอ่อนผู้หนึ่งจัดการได้อย่างราบคาบ

เป็นไปได้อย่างไร?

หรือว่าจะเป็นเขา?

ชื่อของบุคคลหนึ่งปรากฏขึ้นในห้วงคิดของนักบวชสาว

“เอาล่ะ พอได้แล้ว”

หลินเป่ยเฉินกล่าว

เจ้าอ้วนกระโดดลงจากหลังศีรษะของอสูรกิ้งก่าทะเลทรายทันที

“นะ…นะ…นายท่าน… มะ…มัน…”

เจ้าอ้วนพูดตะกุกตะกัก

“ข้ารู้ว่ามันยังไม่ตาย”

หลินเป่ยเฉินกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนต้นคอของเจ้ากิ้งก่ายักษ์เช่นกัน ก่อนพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “ผิวหนังของมันเหมือนเป็นทองคำจริง ๆ เลยแฮะ หากถลกออกมาได้ คงเอาไปขายได้ราคา…”

จังหวะนี้ เจ้ากิ้งก่ายักษ์พยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถอีกครั้ง

มันสะบัดหัวเงยหน้าขึ้นมาหมายจะทำร้ายหลินเป่ยเฉิน

เมื่อเห็นดังนั้น เจ้าอ้วนก็รีบส่งเสียงร้องตะโกน

หลินเป่ยเฉินประทับฝ่ามือลงไปบนก้านคอของเจ้ากิ้งก่ายักษ์เพียงแผ่วเบา หลังจากนั้น เขาก็โคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ใส่ลงไป

อสูรกิ้งก่าทะเลทรายทองคำส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความทรมาน ก่อนที่จะฟุบลงไปกับพื้นดินเป็นครั้งที่สอง

การประทับฝ่ามือของหลินเป่ยเฉินรวดเร็วมากเกินไปจนไม่มีผู้ใดทันสังเกต ดังนั้น พวกของอวิ๋นอู่เหินจึงเข้าใจว่าเจ้ากิ้งก่ายักษ์ฟุบลงไปอีกครั้งเพราะกลัวเสียงคำรามของเจ้าอ้วน

ร้ายกาจ

ร้ายกาจมากจริง ๆ

ผู้ใดเลยจะคิดว่าเจ้าอ้วนมีความแข็งแกร่งและร้ายกาจถึงเพียงนี้

บัดนี้ อวิ๋นอู่เหินนึกเสียใจกับการกระทำในอดีตของตนเองแล้วจริง ๆ

หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาไม่จำเป็นต้องเลี้ยงหวังซือหูหรือว่านหยวนเอาไว้ก็ได้ ขอแค่มีเจ้าอ้วนข้างกายเพียงคนเดียวก็เทียบเท่ากับอวิ๋นอู่เหินมีบริวารนับสิบคน… ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเทียบเท่ากับมีบริวารนับร้อยคนต่างหาก

และสิ่งที่อวิ๋นอู่เหินเจ็บใจมากที่สุดก็คือเจ้าอ้วนเคยเป็นผู้ติดตามของเขามาก่อน แต่ก็เป็นเขาเองที่ผลักไสเจ้าอ้วนออกไป

อวิ๋นอู่เหินสาบานว่าหากเขาสามารถทำให้เจ้าอ้วนกลับมาอยู่ฝ่ายเดียวกันได้อีกครั้ง เขาจะแต่งตั้งเด็กหนุ่มปัญญาอ่อนคนนี้ให้เป็นผู้ช่วยคนสนิททันที

อวิ๋นอู่เหินเริ่มวางแผนอยู่ในใจ

ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็กระโดดลงมาหยิบรูปสลักเทวะรูปทรงใหม่ที่ตกอยู่บนพื้นดินขึ้นมาดู

มันมีน้ำหนักมาก

อย่างน้อยก็หนักกว่ารูปสลักก่อนหน้านี้ถึงสิบเท่า

พื้นผิวก็เป็นประกายระยิบระยับราวกับแกะสลักขึ้นมาจากหยกสีแดง

เพียงสัมผัสก็รู้สึกได้ถึงมวลพลังร้อนอุ่น

และหลินเป่ยเฉินก็มองออกว่านี่คือรูปสลักเทพธิดานางหนึ่ง นางสวมใส่เสื้อคลุมที่มีสายคาดเอว รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น การแกะสลักถูกจัดสร้างอย่างละเมียดละไม รูปสลักตัวนี้ไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิต มีความประณีตมากกว่ารูปสลักตัวอื่น ๆ หลายร้อยเท่า

ตำหนิเดียวคือตรงส่วนของใบหน้าเท่านั้นที่มองเห็นไม่ชัดเจน

คล้ายกับว่ามีใครสักคนนำมีดมาขูดใบหน้าของรูปสลักตัวนี้ให้เลือนหายไป

ตกลงเจ้านี่ใช่รูปสลักเทวะหรือไม่?

หลินเป่ยเฉินนึกสงสัยอยู่ในใจ

เพราะมันดูไม่เหมือนรูปสลักที่ถูกฉายภาพออกมาจากสายรัดข้อมือประจำตัวผู้เข้าแข่งขันก่อนหน้านี้เลย

แต่แอปไป่ตู้ แมปนำทางหลินเป่ยเฉินมาที่นี่ หลังจากพิมพ์ค้นหาว่า ‘ที่ซ่อนรูปสลักเทวะ’ ดังนั้นคงไม่มีอะไรผิดพลาดหรอกกระมัง?

เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจเก็บรูปสลักตัวนี้เอาไว้เอง

“พวกเราไปกันต่อ”

เขาหันหน้ากลับมาผงกศีรษะบอกทุกคน

เมื่อใช้อสูรกิ้งก่าทะเลทรายเป็นพาหนะ พวกเขาก็สามารถเดินทางได้รวดเร็วมากขึ้น

สัตว์อสูรประเภทนี้ใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายมาตั้งแต่เกิด ความเร็วของมันยามที่วิ่งอยู่บนทะเลทราย จึงไม่ต่างไปจากเรือสปีดโบ๊ทที่วิ่งอยู่บนผิวน้ำในโลกมนุษย์ใบเก่าของหลินเป่ยเฉิน…

และเนื่องจากการนำทางที่แม่นยำของแอปไป่ตู้ แมป การเดินทางของทุกคนจึงดำเนินไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย ไม่มีสัตว์อสูรชนิดอื่น ๆ ปรากฏตัวเข้ามารบกวน

นี่แทบจะไม่ต่างจากการทัศนศึกษาแล้ว ขาดก็แค่ไกด์นำทางเท่านั้น

เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งวันเต็ม

หลินเป่ยเฉินอาศัยการนำทางของแอปไป่ตู้ แมป เดินทางไปทั่วทะเลทรายทองคำและขุดรูปสลักเทวะขึ้นมาได้ทั้งหมดหกสิบสี่ตัว

รูปสลักตัวอื่น ๆ ที่ถูกขุดพบ ไม่ได้แตกต่างไปจากรูปสลักที่ถูกขุดขึ้นมาก่อนหน้านี้

ไม่มีอะไรแตกต่าง

นักบวชสาวเซียงเหยียน อวิ๋นอู่เหินและพรรคพวกจากตอนแรกที่ตกตะลึง เปลี่ยนมาเป็นตื่นตกใจ และบัดนี้ พวกเขาก็คุ้นชินเสียแล้ว

นี่แทบจะไม่เรียกว่าเป็นการแข่งขันแบบกลุ่มอีกต่อไป เพราะรูปสลักแทบทั้งหมดที่ถูกซ่อนอยู่ในทะเลทรายทองคำได้ตกมาอยู่ในมือของเจี๋ยนเซียวเหยาแต่เพียงผู้เดียว

เป็นเช่นนี้ผู้เข้าแข่งขันกลุ่มอื่น ๆ จะทำอย่างไร?

นี่พวกเขามาเข้าร่วมการแข่งขันรอบที่สองของการค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่แห่งสภาเทพเจ้าจริง ๆ หรือ?

ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ

หลังจากที่หลินเป่ยเฉินค้นพบรูปสลักเทวะตัวที่หกสิบสี่ เขาก็ประกาศยุติการค้นหาทันที

เด็กหนุ่มเปลี่ยนเส้นทางการค้นหามาเป็นการออกล่าสัตว์อสูรผู้แข็งแกร่ง

หลายครั้งในช่วงเวลาเหล่านี้ หลินเป่ยเฉินอยากจะยืมมือสัตว์อสูรสักตัวสังหารพวกของอวิ๋นอู่เหิน แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเห็นความตายของหวังซือหูเป็นบทเรียน พวกของอวิ๋นอู่เหินก็ทำตัวฉลาดมากขึ้นจนน่าตกใจ และพวกเขาก็ไม่เปิดโอกาสให้หลินเป่ยเฉินมีจังหวะได้ลงมือ

นอกจากนี้ หลินเป่ยเฉินยังมุ่งเน้นความสำคัญไปที่การล่าสัตว์อสูร เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่อยากเสียพลังงานไปกับคนเหล่านี้มากเกินไป

ในไม่ช้า ภายใต้การนำทางของหลินเป่ยเฉิน เจ้าอ้วนก็สังหารโหดสัตว์อสูร ทำให้กลุ่มของพวกเขาได้รับคะแนนหนึ่งหมื่นแต้มอย่างง่ายดาย

ภารกิจขั้นแรกในการแข่งขันรอบนี้เสร็จสิ้นลง

ทันใดนั้น สายรัดข้อมือของทุกคนก็สั่นสะเทือนขึ้นมาพร้อม ๆ กัน

ข้อมูลใหม่ถูกส่งเข้ามา

ภารกิจขั้นที่สองได้รับการเปิดเผยออกมาแล้ว!