บทที่ 1410 วุ้นเส้นต้มเลือดหมูร้อนฉ่า + ตอนที่ 1411 ร่างกายอ่อนแอภูมิต้านทานต่ำ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1410 วุ้นเส้นต้มเลือดหมูร้อนฉ่า + ตอนที่ 1411 ร่างกายอ่อนแอภูมิต้านทานต่ำ โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1410 วุ้นเส้นต้มเลือดหมูร้อนฉ่า

“คุณถังไม่เป็นไรใช่ไหม?”

หนุ่มร่างสูงใหญ่ถามด้วยความเป็นห่วง ณ เวลานี้เขายังไม่รู้ตัวว่าวุ้นเส้นต้มเลือดหมูร้อนฉ่าของตัวเองได้ย้ายตำแหน่งไปแล้ว ในสายตามีเพียงถังม่านลี่และในหัวพาลนึกถึงคำพูดของเจ้าหมอนั่น เมื่อได้เชยชมระยะใกล้จึงเห็นว่าด้านหน้าของถังม่านลี่ค่อนข้างตูมอย่างว่าจริง ๆ ทำเอาเขามองจนตามืดเบลอไปเลย

“…นายเดินอย่างไรกัน…หน้าของฉัน…”

ถังม่านลี่เป็นฝ่ายผิดแต่กลับโบ้ยความผิดเสียอย่างนั่น สองมือประคองหน้าและลูบดวงตาที่แสบเพราะในน้ำซุปใส่พริกป่นเข้าไปด้วย ไม่แสบสิแปลก!

หนุ่มร่างสูงใหญ่รู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง ทั้งที่สาวงามเป็นฝ่ายชนก่อนแท้ ๆ แต่ผู้ชายมักใจกว้างต่อหญิงงามเสมอ หนุ่มร่างสูงใหญ่เลยมองข้ามจุดนี้ไปแล้วยังเป็นฝ่ายเอ่ย ‘ขอโทษ’ ก่อน

เหมยเหมยยืนมองด้วยสายตาเย็นชา เมื่อกี้ถังม่านลี่จงใจจะชนเธออย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เกิดสติแตกอะไรอีก ทำชั่วได้ชั่วจริง ๆ ทำไมในน้ำซุปเลือดหมูถึงไม่ใส่พริกป่นเยอะกว่านี้นะ!

“ถังม่านลี่เธออย่าเป็นคนไร้เหตุผลสิ ทั้ง ๆที่เธอเป็นคนชนเพื่อนเขาก่อนแล้วยังเปลืองกับข้าวชามโตของเขาอีก เธอคิดว่าตัวเองมีเหตุผลนักหรือไง?” ฉีฉีเก๋อที่เห็นถึงความไม่เป็นธรรมจึงก้าวออกมาตำหนิ

“ตาของฉัน…ตาของฉันลืมไม่ขึ้นแล้ว…”

ถังม่านลี่จะมีอารมณ์ทะเลาะกับฉีฉีเก๋อเสียที่ไหนอีก เอาแต่ร่ำไห้ร้องบอกว่าตาใกล้บอดแล้ว

ครูฝึกคนอื่น ๆเดินเข้ามาหา ถามไถ่เรื่องราวว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ให้ฉีฉีเก๋อพยุงถังม่านลี่กลับไปทวนท่าระเบียบที่หอพัก เมื่อสักครู่ใครใช้ให้สองคนนี้เสียงดังกันล่ะ!

วันนี้ครูฝึกหน้านิ่งไม่อยู่โรงอาหารเลยไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเขาถูกใครบางคนเรียกตัวกลับไปถามอะไรบางอย่าง

ครูฝึกหน้านิ่งที่ดูเฉิดฉายมีมาดยามอยู่ต่อหน้านักศึกษา ในขณะนี้กลับเหมือนเด็กนักเรียนชั้นประถมที่ยืนหลังตรงอย่างเชื่อฟังไม่กล้าแม้แต่กรอกตาไปมา

ลำคอแห้งผาก หนังท้องตึง อยากไปเข้าห้องน้ำจัง

เฮ่อเหลียนชิงอุ้มต้าหวงไว้ไม่ปริเสียงทำให้บรรยากาศอึดอัดในชั่วขณะ และทำให้ครูฝึกหน้านิ่งอยากไปเข้าห้องน้ำมากกว่าเดิม

เสี่ยวเมิ่งเองก็หมดคำจะพูด นายท่านกำลังทานข้าวอยู่ จู่ ๆก็สั่งให้เรียกตัวเสี่ยวเฉามาถามอะไรสักหน่อย แต่พอเรียกเจ้าตัวมานายท่านกลับไม่ถามอะไรเลย ให้อีกฝ่ายยืนรออยู่อย่างนั้น

“จ้าวเหมยเป็นยังไงบ้าง?” เสี่ยวเมิ่งจำต้องเอ่ยถามแทนนายท่านผู้แสนเย่อหยิ่งของตน

ครูฝึกหน้านิ่งถอนหายใจโล่งอกไปทีพลางตอบกลับเสียงดัง “ผู้บัญชาการเมิ่งไว้วางใจได้ ดีมากครับ กินเนื้อหนึ่งถ้วยทุกมื้อจนมีเหนียงยื่นออกมาแล้ว”

เอ่ยถึงเรื่องนี้ครูฝึกหน้านิ่งยังค่อนข้างได้ใจพอสมควร ดูสิว่าเขาเลี้ยงว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ในอนาคตได้ดีขนาดไหน!

เสี่ยวเมิ่งชะงัก เหนียงนี่มันอะไรกัน?

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้สั่งให้ช่วยเลี้ยงภรรยาให้อุดมสมบูรณ์ขนาดนั้นหรือเปล่า?

เขาเหลือบมองใครบางคนที่ยังได้ใจอยู่แวบหนึ่งก็ยิ่งรู้สึกขบขันเลยพูดให้กำลังใจ “ไม่เลว พยายามต่อไป!”

“ครับ!”

ครูฝึกหน้านิ่งตอบรับเสียงดังลั่นด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างท้วมท้น ในที่สุดเขาก็ได้เจอ ‘นายท่าน’ ในตำนานแล้ว รวมถึงผู้บัญชาการเมิ่งที่ไม่ดุขรึมเลยสักนิด แต่กลับใจดีเป็นมิตรขนาดนี้แท้ ๆ

เฮ่อเหลียนชิงเองก็รู้สึกขำ ยายบ้านั่นวัน ๆแหกปากแต่จะลดความอ้วน หากเธอรู้ว่าหลังจากจบการเข้าค่ายนอกจากจะไม่ผอมลงแล้วยังอ้วนขึ้นไม่รู้ว่าจะโกรธขนาดไหนเชียว!

จู่ ๆก็เริ่มรู้สึกคาดหวังขึ้นมาเสียเหลือเกิน!

เสี่ยวเมิ่งถามชีวิตประจำวันในระหว่างเข้าค่ายของจ้าวเหมยอีกนิดหน่อย เมื่อรู้ว่ายายเด็กคนนี้ไม่อู้ไม่ขี้เกียจสักนิด แถมยังประพฤติดีกว่าคนอื่น ๆ เฮ่อเหลียนชิงก็ยิ่งกระตุกยิ้มอย่างพอใจ ยัยบ้านี่ยังนิสัยดื้อรั้นดีเหมือนเดิม

หัวใจที่ตื่นเต้นของครูฝึกหน้านิ่ง หลังจากกลับมายังค่ายทหารแล้วแต่ยังคงใจเต้นเร็วเหมือนรัวกลองเหมือนเดิม ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาเคลิบเคลิ้ม หน้าตาเหมือนคนที่เพิ่งไปสวีทหวานแหววกับคนรักมาเสียอย่างนั้น เพราะเมื่อกี้ก่อนจะกลับเฮ่อเหลียนชิงจับมือเขาแล้ว

จับมือแล้ว!

ครูฝึกหน้านิ่งมองมือข้างขวาอย่างอาลัยอาวรณ์ ตัดสินใจนับตั้งแต่นี้ไปจะไม่ใช้มือข้างขวาอีกเพราะทำใจใช้ไม่ลง!

…………………….

ตอนที่ 1411 ร่างกายอ่อนแอภูมิต้านทานต่ำ

เหมยเหมยหยิบกะละมังล้างหน้าและเสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วกลับหอพัก ยังมีกาต้มน้ำเปล่าสองใบ การอาบน้ำในค่ายไม่สะดวกนัก โชคดีที่มีน้ำร้อนไม่จำกัดไม่งั้นเธอคงกลุ้มใจตายแน่ สำหรับเธอแล้วต่อให้เป็นวันที่ร้อนที่สุดของปีเธอก็ต้องอาบน้ำร้อน ไม่เหมือนพวกถังม่านลี่และฉีฉีเก๋อที่ต่อให้จะสาดน้ำเย็นบนร่างกายก็ไม่กลัวหนาวเลยสักนิด

ในหอพักถังม่านลี่ดวงตาบวมแดง โดนพริกป่นจนแสบไปหมด บนใบหน้ายังมีรอยแดงลวกปรากฏอยู่อีกหลายที่

เหมยเหมยเพิ่งจะก้าวเข้าหอพัก ถังม่านลี่ก็หันไปมองเธอด้วยสายตาแห่งความโกรธ เป็นเพราะนังผู้หญิงคนนี้ถึงได้ทำให้เธอปล่อยไก่ต่อหน้าผู้คนมากมาย และหน้าแตกยับไม่เหลือชิ้นดี

เพียงแต่ถังม่านลี่ก็ถือว่ายังมีสติมีเหตุผลอยู่บ้าง รู้ว่าจ้าวเหมยร่ำรวยและมีอำนาจ นักเรียนยากจนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างเธอ แน่นอนว่าไม่ควรจะไปหาเรื่องด้วย ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่แสดงความโกรธทางสายตาเท่านั้น

“โห ถังม่านลี่หน้าของเธอกลัวว่าจะอักเสบเข้าแล้วน่ะสิ! มันจะทิ้งรอยแผลเป็นไหม?” สีอันน่าอุทานพูดเกินจริงขึ้นมา

ถังม่านลี่ตกใจยกใหญ่ ใบหน้ารูปไข่งามของเธอคือไม้เด็ดสุดไว้ใช้ในเมืองหลวง ถ้าหากทิ้งรอยแผลเป็นไว้จริง เธอยังจะจับสามีรวย ๆได้อย่างไร?

จะกระโดดขึ้นไปอยู่ที่สูงได้เช่นไร?

จะกลับไปโอ้อวดที่บ้านเกิดได้ไช่นไร?

ถังม่านลี่ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห และยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกปวดใจจึงฟุบลงโต๊ะและเริ่มร้องไห้ ทำเอาทุกคนต่างตกอกตกใจกันหมด ไม่คิดว่าถังม่านลี่บทจะร้องไห้ก็ร้องเลย อีกทั้งยังร้องไห้อย่างน้อยเนื้อต่ำใจเสียขนาดนี้

ตอนนี้คนอื่น ๆต่างก็เห็นใจถังม่านลี่ขึ้นมาอยู่บ้าง รู้สึกว่าเธอโชคไม่ดีเอามากจริง ๆ

คนส่วนใหญ่มักเป็นแบบนี้ชอบเห็นอกเห็นใจผู้อ่อนแอโดยไม่รู้ตัว แทนที่จะตรวจสอบถูกหรือผิดเสียก่อน

“หน้าของฉันเป็นแบบนี้ไปแล้ว……ถ้าหากว่าไม่หายจะทำอย่างไร?” ถังม่านลี่ร้องไห้สะอึกสะอื้นพูดถึงความกังวลของตัวเองออกมา

“แค่แผลพุพองเล็กน้อยแค่นั้นเอง ไปโรงพยาบาลและเอาครีมมาทามันก็หายแล้ว มีอะไรน่าร้องไห้กัน?“ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเกิดอาการรำคาญอยู่บ้าง พลางทานของว่างเสียงดังจ๊อบแจ๊บ

ถังม่านลี่สะอื้นอีกครั้งพลางพูดว่า “ฉัน…บาดแผลของฉันมักจะหายช้า สมัยเด็ก ๆตอนฉันเจาะหู พี่สาวของฉันไม่กี่วันก็หายแล้ว แต่ฉันต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนถึงจะหาย ถ้าหน้าของฉันต้องเละไปอีกหนึ่งเดือน ฉันจะมีหน้าไปเจอคนอื่นอย่างไร…ฮือ…”

สงสัยว่าผู้หญิงคนนี้จะมีภูมิต้านทานร่างกายที่ไม่ค่อยดีเท่าไร!

ถ้าหากว่าเป็นจริง ตุ่มพองบนใบหน้าของเธอนี่คงจะสร้างความลำบากให้เธอจริง ๆ!

“ฉันจำได้ว่าโรงพยาบาลมียาแขนงหนึ่งที่รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้มีประสิทธิภาพมาก ต่อให้โดนไฟไหม้ไฟลวกก็หายได้ไม่เหมือนเดิม เพียงแต่แพงไปหน่อย ยาหลอดหนึ่งก็หลายสิบหยวนอยู่”

เจิ้งเสวี่ยซานพูดอย่างนุ่มนวล ไม่พอเธอยังเอื้อมมือไปตบหลังถังม่านลี่เบา ๆเหมือนพี่สาวคนสนิทที่รู้ใจ

ถังม่านลี่ตกใจจนลืมร้องไห้ ยาราคาหลายสิบหยวน?

เธอจะเอาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน?

ทุกคนมองออกถึงความยากลำบากของเธอ อย่ามองแค่ว่าถังม่านลี่เอาแต่โอ้อวดถึงความร่ำรวยถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีอย่างนู้นอย่างนี้ทั้งวันแต่ต่างก็ไม่มีใครเชื่อ เกรงว่าคนที่มีสถานะต่ำต้อยที่สุดในหอพักก็น่าจะเป็นผู้หญิงคนนี้แล้วล่ะ ยาหลายสิบหยวนสำหรับพวกเธอยังว่าแพง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถังม่านลี่

“ฉัน…ฉัน…ฉันซื้อยาที่แพงขนาดนั้นไม่ไหวหรอกนะ”

ถังม่านลี่ใบหน้าแดงก่ำ พูดตะกุกตะกักออกมาว่า เธอซื้อไม่ไหวจริงๆ เงินหลายสิบหยวนคือเงินค่าอาหารเดือนหนึ่งของเธอเลยนะ

เธอตัดใจซื้อไม่ลงหรอก!

แต่ถ้าจะเหลือแผลเป็นไว้บนใบหน้าก็ไม่ได้เช่นกัน

คนอื่น ๆไม่ได้พูดอะไรอีก พวกเธอก็คงไม่ออกปากจ่ายเงินสิบกว่าหยวนแทนให้ได้หรอกนะ พวกเธอไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น บรรยากาศภายในห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงเคี้ยวขนมของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อดังชัดเจน

ถังม่านลี่เข้าใจความหมายของคนพวกนี้ ไม่มีทางที่จะยื่นมือช่วยอย่างแน่นอน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมดหวัง แถมยังรู้สึกเกลียดเพื่อนร่วมชั้นเรียนขึ้นมา

เห็นอยู่ชัด ๆว่าซื้ออาหารซื้อเสื้อผ้าอย่างมือเติบขนาดนั้น เงินสิบกว่าหยวนก็แค่เงินอันน้อยนิด ช่วยซื้อยาให้เธอหน่อยไม่ได้เลยหรือไง?

…………………………………………..