ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 81 หากเจ้าเป็นฉูซู

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

คืนนี้​ดวงดาว​จรัสแสง​เรืองรอง​ ​แต่​หลังจาก​ถูก​เจตจำนง​กระบี่​กรีด​แทง​ ​จน​กระจาย​ไปร​อบ​ทิศทาง​ ​กลับ​ทำให้​ทุ่งหญ้า​สว่าง​ยิ่งกว่า​เดิม​ ​ราวกับ​นี่​คือ​กลางวัน​ ​แสง​สาดส่อง​เสีย​จน​สามารถ​มอง​ทุกอย่าง​ได้​ชัด​นัก

โลหิต​เหล่านั้น​เป็น​สีดำ​ ​เมื่อ​หยด​ลง​บน​ทุ่งหญ้า​ก็​ส่งเสียง​ ​ฟู่​ๆ​ ​เกิด​หมอก​ที่​มีกลิ่น​แสบ​จมูก​ ​หญ้า​อ่อน​ไหม้​ดำ​ทันที​ด้วย​ความเร็ว​ที่สามา​รถ​มองเห็น​ได้​ด้วย​ตาเปล่า

เสียง​ตะโกน​รุนแรง​และ​พายุ​บ้าคลั่ง​ไม่​หยุด​ลง​ ​ลมปราณ​ที่​น่า​สะพรึง​ก่อกวน​ฟ้า​ดิน

โคลน​มากมาย​เหมือน​น้ำตา​ที่​ย้อน​ไหล​ขึ้น​สู่​ท้องฟ้า​ ​ต่อมา​ก็​มี​เจตจำนง​กระบี่​ที่​น่า​ประหวั่น​กดดัน​ลงมา

ไม่รู้​ว่า​เวลา​ผ่าน​ไป​นาน​แค่ไหน​ ​ในที่สุด​ก็​สงบ​ลง

ฉู​ซู​ก้มหน้า​อยู่กับที่

เขา​ร่าง​เตี้ย​เล็ก​ ​แถม​ยัง​หลัง​ค่อม​ ​เมื่อ​ตอนนี้​ก้มหน้า​ ​ยิ่ง​ดูเหมือนว่า​ต่ำต้อย​น่าสงสาร​เข้าไป​ใหญ่

ชุด​ดำ​ยิ่ง​ดู​ย่ำแย่​ ​บน​นั้น​เต็มไปด้วย​คราบ​โลหิต​และ​ฝุ่น​โคลน​ ​โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​บาดแผล​ใหญ่​สอง​แห่ง​ที่อยู่​ด้านหน้า​นั้น

นั่น​เป็น​บาดแผล​ที่เกิด​จาก​กระบี่​ ​มัน​แทง​ทะลุ​เกล็ดปลา​และ​ขน​สีดำ​ๆ​ ​ที่​ปกคลุม​อยู่​ทั้ง​ร่างกาย​ ​เฉือน​ซี่โครง​เข้าไป​ ​โลหิต​ไหล​ทะลัก​ออกมา​ไม่​หยุด

ปีกนก​สีเทา​ขยับ​สอง​สาม​ที​อย่างไร​้​เรี่ยวแรง​ ​โลหิต​สีดำ​บางส่วน​กระเด็น​ออกมา​ ​บาดแผล​เก่า​ปริ​ทันที

ไหล่​ที่​หัก​อยู่​ของ​เขา​มี​กิ่งไม้​ปัก​อยู่​ ​แขน​ปลอม​นั้น​ถูก​ปราณ​กระบี่​สะบั้น​จน​แตก​ละเอียด

หาก​ถือเอา​จุด​ที่​เขา​ยืน​เป็น​ศูนย์กลาง​ ​ใน​รัศมี​รอบ​วง​ยี่สิบ​จั้ง​บน​ทุ่งหญ้า​นั้น​เต็มไปด้วย​โลหิต​ ​ใน​โลหิต​นั้น​ล้วน​คือ​พิษ

อสูร​ปีศาจ​ล้วน​ได้รับ​ผลกระทบ​ ​แต่​เสียชีวิต​ไม่​มาก​นัก​ ​อสูร​ปีศาจ​ส่วนใหญ่​ได้​หลบหนี​ไป​ไกล​แล้ว​ภายใต้​การนำ​ของ​วานร​ดิน

แสงดาว​ส่อง​บน​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​ ​ไม่มี​กระบี่​ปรากฏ​ออกมา​ ​กระบี่​เหล่านั้น​ได้​กลับคืน​สู่​ฝัก​แล้ว

ฝัก​กระบี่​คาด​อยู่​ที่​สาย​รัด​เอว

เฉิน​ฉาง​เซิง​ไม่ได้​เอ่ย​คำ​ใด​ ​เอาแต่​มอง​เขา

“​ล้วน​ไม่​จริง​เลย​”

ฉู​ซู​เงยหน้า​ขึ้น​มาทั​้ง​ยัง​เอ่ย​ด้วย​เสียง​แหบ​พร่า​ ​“​ไร้​ศัตรู​นั้น​ไม่​จริง​ ​สืบทอด​ก็​ไม่​จริง​ ​ท้า​ลิขิต​พลิก​โชคชะตา​ก็​มิใช่​เรื่องจริง​ ​แม้แต่​การพึ่งพาอาศัยกัน​ดำรงชีวิต​ก็​มิใช่​เรื่องจริง​ ​ข้า​เพียง​อยาก​มีชีวิต​ต่อไป​ ​แต่​การ​มีอยู่​ของ​ข้า​ไม่มี​ความหมาย​ใด​ ​ดังนั้น​แม้แต่​การ​มีชีวิต​อยู่​ก็​ล้วน​เป็นเรื่อง​ไม่​จริง​ ​ข้า​เกิด​มา​เพียง​เพื่อ​เป็น​อาวุธ​ใน​การสังหาร​คน​ก็​เท่านั้นเอง​”

ขณะ​เอ่ย​วาจา​นี้​ ​เขา​ไม่ได้​มอง​ไป​ยัง​วานร​ดิน​ ​และ​ก็​ไม่ได้​มอง​ไป​ทาง​ตอน​ใต้

พรรค​ฉาง​เซิง​อยู่​ทางใต้

เฉิน​ฉาง​เซิง​เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​ก่อน​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ ​“​ข้า​เอง​ก็​เกิด​มา​ใน​ฐานะ​เครื่องมือ​หนึ่ง​เช่นกัน​ ​แต่​ข้า​คิด​ว่า​ ​พวกเรา​มีชีวิต​อยู่​ ​แน่นอน​ว่า​ก็​ต้อง​มีความหมาย​แน่​”

ว่า​กัน​ใน​บาง​มุม​หนึ่ง​แล้ว​ ​ชาติกำเนิด​ของ​เขา​และ​ฉู​ซู​คล้าย​กัน​ยิ่งนัก

ฉู​ซู​ส่ายหน้า​ ​ก่อน​เอ่ย​ ​“​นั่น​เป็น​เพราะ​ท่าน​ได้​พบ​กับ​คนที​่​สามารถ​ให้​คุณค่า​ใน​การ​มีอยู่​ต่างหาก​เล่า​”

เฉิน​ฉาง​เซิง​คิด​ก่อน​เอ่ย​ ​“​ที่​เจ้า​ว่า​ก็​ไม่ผิด​”

ฉู​ซู​เอ่ย​ ​“​ดังนั้น​ถึง​ได้​บอกว่า​ท่าน​โชคดี​กว่า​ข้า​ ​และ​มีความสุข​กว่า​ข้ามาก​”

เฉิน​ฉาง​เซิง​เอ่ย​ ​“​ถูกต้อง​ ​แต่​นี่​ไม่​อาจ​เป็น​เหตุผล​ได้​”

เหตุผล​อะไร​นะ​หรือ​ ​แน่นอน​ว่า​ต้อง​เป็น​เหตุผล​ที่จะ​กระทำ​ผิด​ได้

ประสบการณ์​เลวร้าย​ของ​คน​อาจ​เป็น​ขุมทรัพย์​ทาง​สติปัญญา​ ​แต่​ไม่​อาจ​เป็น​ภาระ​ที่จะ​โยน​ไป​ให้​ใครก็ได้

ชีวิต​ที่​ขื่นขม​ใน​วัยเด็ก​ต่อให้​จะ​น่าสงสาร​เพียงใด​ ​เมื่อ​เติบใหญ่​แล้ว​กลายเป็น​มารคลั​่ง​สังหาร​ผู้คน​ก็​ยังคง​ต้อง​รับผิดชอบ​ใน​สิ่ง​ที่​ต้อง​ทำ​เช่นกัน

หลาย​ปี​มานี​้​ฉู​ซู​ไม่ได้​ทำ​เรื่อง​ร้ายแรง​ใดๆ​ ​ใน​ทุ่งหญ้า​นี้​ ​แต่​โลหิต​ที่​เปื้อน​มือ​จาก​เหตุการณ์​ใน​ปีนั​้​นก​็​ไม่น้อย​เลย

ฉู​ซู​เข้าใจ​ใน​เจตนา​ของ​เขา​ ​ทราบ​ดี​ว่า​เคราะห์กรรม​นี้​ตน​ไม่​พ้น​ ​จึง​หัวเราะ​เสียงต่ำ​ออกมา

“​หาก​ท่าน​เป็น​ข้า​ ​อย่างนั้น​ตอนนี้​ท่าน​จะ​กลายเป็น​ฉู​ซู​หรือว่า​เฉิน​ฉาง​เซิง​กัน​”

นี่​เป็น​ประโยค​สุดท้าย​ที่​เขา​ทิ้ง​ไว้​บน​โลก​ใบ​นี้

ร่างกาย​ของ​เขา​ฉีก​ออก​เป็น​สิบ​กว่า​ส่วน​ ​คล้าย​กับ​ท่อนไม้​ที่​แตก​กระจาย​ลง​บน​พื้นดิน

โลหิต​สีดำ​สาด​กระเด็น​ไป​ทั่วทุกทิศ​ ​ลมปราณ​เน่าเหม็น​เย็นเยือก​กระจาย​ไปร​อบ​ทิศ

สวี​โหย​่ว​หรง​ยื่นมือ​ออก​ไป​ ​สะบัด​มือ​เกิด​เป็น​เปลวเพลิง​สาย​หนึ่ง

เปลวเพลิง​นั้น​เปล่งประกาย​สีทอง​ศักดิ์สิทธิ์​ ​และ​ยังคง​ลุกไหม้​อยู่​บน​พื้นดิน​ ​และ​แผดเผา​ลง​ไป​ยัง​ใต้​พื้น​พิภพ​ตามรอย​แตกแยก

โลหิต​สีดำ​เมื่อ​พบ​เจอ​กับ​เปลวเพลิง​ก็​กลายเป็น​ควัน​สีเขียว​ ​เกิด​เสียง​ ​ฟู่​ๆ​ ​ไม่​หยุด

ลมหายใจ​ที่​เหม็นสาบ​และ​เย็นยะเยือก​ค่อยๆ​ ​ถูก​ทำให้​บริสุทธิ์​ ​ราวกับว่า​มี​วิญญาณ​กำลัง​ครวญคราง​อยู่​ใน​นั้น​ ​เต็มไปด้วย​ความอาฆาต​พยาบาท​ ​น่ากลัว​อย่าง​หา​ใด​เปรียบ

เมื่อ​เห็น​ร่องรอย​ที่​หลงเหลือ​อยู่​ใน​เปลวเพลิง​สีทอง​น้อยลง​เรื่อยๆ​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​เอ่ย​ขึ้น​ ​“​บางที​สำหรับ​เขา​แล้ว​นี่​ถึง​จะ​เป็นการ​หลุดพ้น​”

“​ก่อน​ตาย​ก็​ยัง​ไม่ยอม​แพ้​ ​วิญญาณ​จะ​สงบ​ได้​อย่างไร​”

สวี​โหย​่ว​หรง​ยกมือ​ขวา​ขึ้น​ชี้​ไป​ยัง​เขา

ที่​ลำคอ​ของ​เขา​มีบาด​แผล​เล็ก​ๆ​ ​ใน​บาดแผล​มี​เกล็ด​สีดำ​ที่​เล็ก​มาก​ๆ​ ​เสียบ​อยู่

หาก​ดู​จาก​ระดับ​ขั้น​ของ​เขา​แล้ว​ ​ไหน​จะ​มีส​วี​โหย​่ว​หรง​ที่อยู่​ข้าง​กาย​ ​หาก​จะ​สังหาร​สัตว์ประหลาด​อย่าง​ฉู​ซู​ให้​สิ้น​ ​ก็​ต้อง​แลก​มาด​้ว​ยอะ​ไร​สัก​อย่าง​อยู่ดี​ ​หรือ​อาจจะ​พูด​ได้​เลย​ว่า​ต้อง​เสี่ยงอันตราย​เลย​ก็​ว่า​ได้

แสงสี​คราม​อ่อน​ที่​เต็มไปด้วย​ความบริสุทธิ์​ศักดิ์สิทธิ์​โผล่​ออกมา​จาก​ฝ่ามือ​ของ​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​และ​ตกลง​ที่​ลำคอ​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง

เกล็ด​สีดำ​บางส่วน​จะ​ละลาย​ทันที​เหมือน​เกล็ด​หิมะ​ที่​พบ​เจอ​แสงแดด​แผด​จ้า​ ​และ​ในขณะเดียวกัน​บาดแผล​ก็​สมาน​อย่างรวดเร็ว​ด้วย​ความเร็ว​ที่สามา​รถ​มองเห็น​ได้​ด้วย​ตาเปล่า

สวี​โหย​่ว​หรง​เอ่ย​ ​“​หากว่า​กันตา​มห​ลัก​การ​แล้ว​ ​ท่าน​ไม่​เกรงกลัว​การกลืน​กิน​ของ​วิชาน​้ำ​พุ​เหลือง​ ​แต่​ระวัง​ไว้​ก่อน​เป็น​ดี​”

เฉิน​ฉาง​เซิง​เอ่ย​ ​“​ขอบใจ​มาก​”

สวี​โหย​่ว​หรง​เอ่ย​ ​“​ขอให้​แสง​ศักดิ์สิทธิ์​จง​สถิต​อยู่​กับ​ท่าน​”

เฉิน​ฉาง​เซิง​เอ่ย​อย่างจริงจัง​ ​“​อย่างนั้น​ข้า​จะ​อยู่​ข้าง​กาย​เจ้า​ตลอดไป​”

นี่​คือ​คำ​รัก​ ​ถึงแม้ว่า​เขา​จะ​ไม่​ถนัด​เอ่ย​คำ​รัก​ ​แต่​เมื่อ​เอ่ย​ด้วย​ท่าที​จริงจัง​ ​จึง​ดูเหมือน​คนโง่​งม​ ​แต่​ก็​น่า​ซาบซึ้งใจ​นัก

สวี​โหย​่ว​หร​งก​ลับ​ไม่ได้​ตอบ​อะไร​ ​จึง​ดูเหมือน​ค่อนข้าง​เย็นชา

เฉิน​ฉาง​เซิง​ไม่เข้าใจ​ว่า​ทำไม​ ​เมื่อ​อยาก​ถาม​ออก​ไป​ ​กลับ​ถูก​ขัดจังหวะ​เสียก่อน

ไม่รู้​ว่าวา​นร​ดิน​โผล่​มา​อยู่​ตรงหน้า​ตอน​ไหน​ ​มัน​คุกเข่า​อยู่​บน​พื้น​เอาแต่​จุมพิต​ไป​ยัง​เท้า​เขา​ไม่​หยุด​ ​คล้าย​กับ​เคารพ​และ​เลื่อมใส​อย่าง​ถึงที่สุด

เฉิน​ฉาง​เซิง​จู่ๆ​ ​ก็​พบ​หลัก​เหตุผล​หนึ่ง

ถึงแม้ว่า​วานร​ดิน​จะ​เป็น​อสูร​ปีศาจ​ที่​ขึ้นชื่อ​เรื่อง​เจ้าเล่ห์​โหดเหี้ยม​และ​น่ากลัว​ ​แต่​หาก​ต้อง​ทำความเข้าใจ​ว่า​มัน​คิด​สิ่งใด​อยู่​กัน​แน่​กลับ​ง่าย​กว่า​ทำความเข้าใจ​ใน​ตัว​สตรี​นัก

“​ที่​เมื่อ​ครู่​ข้า​ห้ามปราม​ไม่​ให้ท่า​นล​งมือ​ ​ไม่ใช่​ว่า​ไม่เชื่อใจ​ท่าน​ ​และ​ก็​ไม่ได้​เห็น​ต่าง​กับ​ท่าน​”

เฉิน​ฉาง​เซิง​มอง​ไป​ยัง​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​ก่อน​เอ่ย​ ​“​ข้า​เอง​ก็​ไม่ได้​สงสาร​เขา​ ​เพียงแต่​รู้สึก​ว่า​มัน​ไม่จำเป็น​”

เมื่อ​ปีนั​้น​เขา​เอง​ก็​ไม่ได้​ชอบ​ใน​การ​จัดการ​ต่างๆ​ ​ของ​หู้​ซาน​สือ​เอ้อร​์

ฉู​ซู​ก็​รนหาที่​ตาย​จริงๆ​ ​นั่นแหละ​ ​แต่​เหตุใด​ต้อง​ให้​เขา​ตาย​เพราะ​ต้องโทษ​ทรยศ​เล่า

วาจา​นี้​เขา​พูด​กับ​วานร​ดิน​ ​แต่​ที่จริง​แล้ว​เขา​เอง​กำลัง​อธิบาย​ต่อ​สวี​โหย​่ว​หร​งด​้วย

เขา​ไม่​มั่นใจ​ว่าความ​สงบนิ่ง​ ​(​เย็นชา​)​ ​ของ​สวี​โหย​่ว​หรง​ใน​ตอนนี้​เกี่ยวข้อง​กับ​เรื่อง​นี้​หรือไม่

เปลวเพลิง​บน​พื้นผิว​ค่อยๆ​ ​ดับ​ลง​ ​เปลวเพลิง​ใต้​พื้น​พิภพ​ยังคง​แผดเผา​ ​แสงสว่าง​จาก​เปลวเพลิง​ลอด​ออกมา​ตามรอย​แตกแยก​ ​มองดู​แล้ว​เหมือน​ฟ้าแลบ​ ​มี​ความงดงาม​อัน​น่าสะพรึงกลัว​อยู่

สายตา​ของ​สวี​โหย​่ว​หร​งม​อง​ข้าม​พื้น​ไป​ไกล​ ​นาง​เอ่ย​ถาม​ ​“​ท่าน​แน่ใจ​หรือว่า​เขา​ไป​ทาง​นี้​”

เฉิน​ฉาง​เซิง​เอ่ย​ ​“​ใน​ปีนั​้​นที​่​ก่อน​เขา​ไป​จาก​ด่าน​ยง​หลาน​ ​ได้​ไป​พบ​เฉินโฉ​วก​่อน​ ​ร่องรอย​การนัด​พบ​เหมือนกับ​ใน​ครั้งนี้​”

ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​ขุนพล​ศาลทหาร​แห่ง​ซง​ซาน​ที่​สำนัก​ฝึก​หลวง​ผลักดัน​ให้​เข้าสู่​ตำแหน่ง​ ​เจตนา​ที่​คน​ผู้​นั้น​พบปะ​กับ​เฉินโฉ​วก​็​ชัดเจน​อยู่​แล้ว

สวี​โหย​่ว​หรง​เอ่ย​ ​“​คน​ผู้​นั้น​นิสัย​แย่​นัก​ ​เหตุใด​จึง​เชื่อถือ​ท่าน​มาก​”

เฉิน​ฉาง​เซิง​เอ่ย​ ​“​ใน​ปีนั​้น​ยาม​ที่​เจ้า​ยัง​เก็บตัว​บำเพ็ญพรต​ ​ข้า​เคย​พบ​เขา​มาก​่อน​”

เรื่อง​นี้​สวี​โหย​่ว​หรง​ทราบ​แล้ว​ ​เพียงแต่​คิดไม่ถึง​ว่า​จะ​มีอิทธิพล​มาก​เพียงนี้​ต่อ​คน​ผู้​นั้น

ลม​ยามค่ำคืน​พัด​โชย​ ​กระ​เรียน​ขาว​ก็​ถลา​ลงมา​ข้างๆ​ ​นาง

นาง​พิง​หลัง​ของ​กระ​เรียน​ ​หลับตา​ลง​เพื่อ​พักผ่อน

ไม่​กี่​วันที่​ผ่าน​มานา​งอ​อก​จาก​เทือกเขา​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์​ทันทีที่​ได้รับ​ข่าว​ ​ใน​คืนนี้​หลังจาก​ได้รับ​ดวงจิต​อัน​ศักดิ์สิทธิ์​ของ​มหา​วิหค​ปีก​ทอง​ก็​เร่งรุด​มา​ ​ตอนนี้​นาง​เอง​เหนื่อยล้า​นัก

เฉิน​ฉาง​เซิง​กลับมา​จาก​ที่​แสน​ไกล​ ​เหน็ดเหนื่อย​กว่านาง​นัก​ ​แต่กลับ​นอน​ไม่ได้

เขามอง​ไป​ยัง​เทือกเขา​ศิลา​รกร้าง​ผืน​นั้น​ ​รอคอย​อย่าง​เงียบๆ

หาก​ข้าม​ผ่าน​เทือกเขา​ศิลา​ผืน​นั้น​ไป​ ​ก็​จะ​เป็น​โลก​ของ​เผ่า​มาร

คืนนี้​ผู้ใด​จะ​เดินทาง​กลับมา​จาก​ที่นั่น​กัน

…​…

…​…