ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 82 คนของบรรพตปาต้า

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

คืนนี้​ดวงดาว​สว่าง​นัก​ ​เทือกเขา​ลดหลั่น​เป็นแนว​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไปดู​เหมือน​หมั่น​โถ​วที​่​ทำ​จาก​แป้ง​ขาว

ไม่​ ​เทือกเขา​เหล่านั้น​เตี้ย​ๆ​ ​ยิ่ง​เหมือน​ขนมห​มัวห​มัว​แป้ง​ขาว​ที่​พี่​หญิง​ซ่ง​ทำ​มากกว่า

เฉิน​ฉาง​เซิง​รู้สึก​หิว​นัก​ ​หลังจากนั้น​จึง​ได้​นึก​ขึ้น​ว่า​ตน​นั้น​รีบ​ไป​นอน​ ​ไม่ได้​ทาน​อะไร​มา​หนึ่ง​วัน​เต็มๆ​ ​แล้ว

เหตุใด​จึง​ได้​สว่าง​อย่างนี้​นะ​หรือ​ ​แน่นอน​ว่า​เป็น​เพราะ​ดาว​ดวง​นั้น

ดาว​ดวง​นั้น​กำลัง​มืด​ลง​ ​แต่​ยังคง​สว่าง​กว่า​ปกติ​หลายเท่า​นัก

นั่น​เป็น​สัญลักษณ์​ว่า​มี​ผู้​บำเพ็ญ​ทะลวง​ระดับ​ขั้น​บรรลุ​เข้าสู่​อาณาเขต​เทพศักดิ์​สิทธิ์​แล้ว

เนื่องด้วย​เหตุนี้​ ​ฉู​ซู​จึง​โกรธ​มาก​ ​แต่​เมื่อ​เขา​พบ​ว่า​คน​ผู้​นั้น​ไม่ใช่​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​และ​ไม่ใช่​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​ถึง​ได้ดี​ใจ​ขึ้น​มา​หน่อย

คน​ผู้​นั้น​เป็น​ใคร​กัน​แน่

เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​ไม่ได้​เอ่ยถึง​ชื่อ​ของ​คน​ผู้​นั้น​ ​แต่​เห็นได้ชัด​ว่า​ ​พวกเขา​ทราบ​ดี​ว่า​คน​ผู้​นั้น​เป็น​ใคร

เมื่อม​อง​ไป​ยัง​ดาว​ดวง​ที่​สว่าง​ที่สุด​ใน​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​นั้น​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​เกิด​ความ​ไม่เข้าใจ​ ​และ​ไม่สบายใจ​ขึ้น

ว่า​กันตา​มนิ​สัย​ของ​คน​ผู้​นั้นแล​้ว​ ​ต่อให้​ต้องตา​ยก​็​ไม่​ยินดี​ที่จะ​ขอความช่วยเหลือ​จาก​ใคร​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ตอนนี้​เขา​ได้​บรรลุ​ระดับ​ขั้น​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ยัง​ต้อง​กลัว​ผู้ใด​อีก​เล่า

วันนั้น​เขา​กำลัง​นั่ง​เรือ​ชม​ทิวทัศน์​แม่น้ำ​แดง

ฟัง​ปลา​อวี​๋​จิง​ขับ​ลำนำ​เสียงทุ้ม​ลึก​ ​ทาน​ผลไม้​สีแดง​ที่​มือ​เล็ก​ๆ​ ​ป้อน​เข้า​ปาก​ ​ชีวิต​เปรมปรีดิ์​ยิ่งนัก

หลังจากนั้น​ ​กระ​เรียน​ขาว​ก็​มาถึง​ ​นำ​ข่าว​นั้น​มาด​้วย

แรก​สุด​ข่าวสาร​นั้น​มาจาก​เผ่า​หมี​ ​จารชน​เผ่า​หมี​ผู้​หนึ่ง​นำ​ข่าว​นี้​มาส​่ง​ต่อ​แก่​พ่อค้า​โอสถ​ ​พ่อค้า​โอสถ​ส่งข่าว​นี้​ต่อ​แก่​กองทหาร​ซง​ซาน​ ​ก่อน​ส่ง​มาถึง​มือ​ของ​เฉินโฉว​ด้วย​ตัว​เขา​เอง

ข่าวสาร​นั้น​คือ​ ​วันที่​และ​เส้นสาย​ที่​ดู​ลวกๆ​ ​ไร้​ระเบียบ

เฉิน​ฉาง​เซิง​หยิบ​กระดาษ​แผ่น​เล็ก​แผ่น​หนึ่ง​ออกมา​จาก​อก​เสื้อ​ ​มองดู​ลายเส้น​ที่อยู่​บน​นั้น​ ​ค่อยๆ​ ​เชื่อมโยง​กับ​แผ่น​ที่​ที่อยู่​ใน​ห้วง​แห่ง​จิต​ตน

หาก​ข้อมูล​ไม่ผิด​พลาด​ ​คืนนี้​คน​ผู้​นั้น​ต้อง​ปรากฏตัว​ที่นี่

ทุ่งหญ้า​ที่อยู่​ภายใต้​แสงดาว​ช่าง​เงียบสงัด​ยิ่งนัก

วานร​ดิน​รับรู้​ได้​ถึง​อารมณ์​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​มัน​หมอบ​อยู่​เบื้องหน้า​เขา​เงียบๆ​ ​ไม่ได้​ส่งเสียง​ออกมา​แม้​เพียง​นิด

อสูร​ปีศาจ​เหล่านั้น​ถอย​ออก​ไป​ไกล​ ​แต่​ไม่​จาก​จากไป​ไหน​ ​พวก​มัน​มอง​ไป​ยัง​วานร​ดิน​อย่าง​เครียด​ขึ้ง​ ​เตรียมพร้อม​ที่จะ​รับคำ​สั่ง​ตลอดเวลา

ดูเหมือนว่า​ ​ผู้ปกครอง​ทุ่งหญ้า​แห่ง​นี้​ที่แท้​จริง​มิใช่​ฉู​ซู​ ​แต่​เป็น​วานร​ดิน​ตัว​นี้

มอง​ไป​ยัง​ดวงดาว​ที่​สว่าง​ดวง​นั้น​ ​วานร​ดิน​ก็​หรี่​ตา​ ​มัน​งงงวย​ยิ่งนัก

ถึงแม้ว่า​มัน​จะ​เจ้าเล่ห์​และ​โหดเหี้ยม​ ​แต่​ก็​ไม่ใช่​สิ่งมีชีวิต​ที่​ฉลาด​นัก​ ​ไม่เข้าใจ​เรื่อง​การ​บำเพ็ญพรต​ ​แน่นอน​ว่า​ไม่มีทาง​เข้าใจ​ใน​สถานการณ์​นี้​เป็นแน่

ทันใดนั้น​ ​วานร​ดิน​ก็​ยืน​ขึ้น​ ​มอง​ไป​ยัง​เทือกเขา​ศิลา​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไป​ ​แววตา​ปรากฏ​ความระแวดระวัง​และ​ไม่สบายใจ​ออกมา

เวลา​ต่อมา​ ​มัน​อ้อม​มา​อยู่​ด้านหลัง​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ด้วย​ความเร็ว​สูงสุด​ ​โผล่​แต่​ศีรษะ​ออกมา​ ​จ้อง​ไป​ยัง​ท้องฟ้า​ฝั่ง​ตรงข้าม​ก่อน​คราง​เสียงต่ำ​ออกมา

สวี​โหย​่ว​หรง​ยืน​ขึ้น​มอง​ไป​ทาง​นั้น​ ​ก่อน​เอ่ย​ ​“​มา​แล้ว​”

กระ​เรียน​ขาว​สยาย​ปีก​ ​ก่อน​บิน​ไป​ยัง​ท้องฟ้า​สูง​ด้าน​นั้น​ ​เตรียมตัว​รับมือ

สายลม​ยามค่ำคืน​กำลัง​โหมกระหน่ำ​ ​ส่งเสียง​ราว​ผิวปาก​เสียงดัง​ ​วัชพืช​ลู่​ลม​ไป​ทางทิศใต้

ทุ่งหญ้า​รอบด้าน​กว้าง​นัก​ ​ไม่มี​ต้นไม้​ใด​ ​แต่​ไม่ทราบ​ว่า​เหตุใด​จึง​เกิด​เสียงดัง​ ​พึ่บพั​่บ

นั่น​คือ​เสียง​ลมแรง​พัด​กระดาษ

กลาง​ท้องฟ้า​ดวงดาว​สุก​สว่าง​ ​ว่าว​ยักษ์​อัน​หนึ่ง​พัดมา​จาก​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​ทางเหนือ

ด้านล่าง​ของ​ว่าว​ยักษ์​นั้น​มี​เชือก​เส้น​หนึ่ง​ ​เหมือนกับ​มัด​คน​คน​หนึ่ง​เอาไว้

ว่าว​ลอย​ผ่าน​เทือกเขา​ศิลา​สีขาว​ ​อาบ​ไล้​แสงดาว​ระหว่าง​ที่มา​ทุ่งหญ้า

เกิด​เสียงดัง​ ​ปัง​ ​เชือก​เส้น​นั้น​ขาด​ลง

ว่าว​ลอย​ขึ้น​ล้อ​ลม​ ​ค่อยๆ​ ​ลับ​ไป​ ​ราวกับ​จะ​เดินทาง​ไป​ยัง​ท้องฟ้า​ดวงดาว​ด้านบน​ ​มองไม่เห็น​ไร้​ร่องรอย​อีก

พื้น​ของ​ทุ่งหญ้า​สะเทือน​เล็กน้อย

คน​ผู้​นั้น​ลงมา​อยู่​ตรงหน้า​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง

บน​ใบหน้า​ของ​เขา​มี​กระดาษ​แผ่น​หนึ่ง​ติด​อยู่

ที่แท้​เสียง​ ​พึ่บพั​่บ​ ​ไม่ได้​มาจาก​ว่าว​นั้น​ ​แต่​มาจาก​กระดาษ​ใบ​นี้

บน​กระดาษ​นั้น​มี​รู​อยู่​สอง​สาม​รู​ ​รู​สีดำ​ๆ​ ​น่ากลัว​มาก​ ​โดยเฉพาะ​วันนี้​ ​บน​นั้น​เต็มไปด้วย​หยด​โลหิต​ ​ยิ่ง​ดูแล​้ว​โหดร้าย​ทารุณ

ใน​มือ​ของ​เขา​มีท​วน​เหล็ก​ด้าม​หนึ่ง​ ​ท่าทาง​ไม่รีบร้อน​ ​เหมือนกับ​ถือ​ถุง​ใบ​หนึ่ง​ ​หรือ​คน​คน​หนึ่ง​ไว้​เท่านั้นเอง

แต่​ทวน​ด้าม​นั้น​ตรง​นัก​ ​ตรง​เหมือนกัน​กับ​เขา

ร่างกาย​ของ​เขา​ก็​ตรง​แน่ว​ ​เหมือน​จะ​ไม่มีทาง​ล้ม​เลย​ตลอดกาล

เซียว​จาง​ ​เคย​อยู่​อันดับ​ต้น​บน​ประกาศ​เซียว​เหยา​ ​คน​คลั่ง​ลือชื่อ​ใน​ผู้​แข็งแกร่ง​ยุค​กลาง​ ​หรือ​จะ​เรียกว่า​คนบ้า​ก็ได้

หลาย​ปีก่อน​ ​เขา​ถูก​ทั้ง​ราชสำนัก​ต้า​โจว​ไล่​ล่า​สังหาร​ ​สงคราม​ดุเดือด​หลาย​ปี​ ​สุดท้าย​ถูก​บังคับ​ให้​เข้าสู่​ทุ่ง​หิมะ​ ​หลังจากนั้น​ก็​ไม่มี​ข่าวสาร​อะไร​จาก​เขา​อีก

ผู้ใด​ก็​คาดไม่ถึง​ ​เขา​ปรากฏตัว​อีกครั้ง​ ​และ​บรรลุ​ระดับ​ขั้น​แล้ว​ ​กลายเป็น​ผู้​แข็งแกร่ง​ ​คน​หนึ่ง​ใน​อาณาเขต​เทพศักดิ์​สิทธิ์

แสงดาว​ทอด​ตกลง​บน​ใบหน้า​ของ​เซียว​จาง​ ​และ​มัน​ถูก​กระดาษ​ขาว​สะท้อน​กลับ​ไป​เสีย​ ​เกิด​ประกาย​วูบวาบ

เฉิน​ฉาง​เซิง​รับรู้​ได้​ถึง​ลมปราณ​ของ​เขา​ ​มั่นใจ​ว่าที่​บรรลุ​ระดับ​ขั้น​เมื่อ​ครู่​ต้อง​เป็น​เขา​แน่​ ​เขา​ดีใจ​มาก​นัก

แต่​เขา​ยัง​ไม่ทัน​ได้​เอ่ย​คำ​ใด​ ​ก็​ถูก​เซียว​จาง​ยกมือ​ขัด​ขึ้น​เสียก่อน

“​ข้า​เหนื่อย​แล้ว​ ​ขอ​พัก​สักครู่​”

หลังจาก​เอ่ย​คำ​นี้​ ​เซียว​จาง​ก็​ล้ม​ตัว​ไป​ด้านหลัง​ทันที

ต่อให้​เป็น​ตอนนี้​ ​เขา​ก็​ยังคง​รักษา​อาการ​ตัวตรง​อยู่​ ​ล้ม​ตัว​กระแทก​กับ​พื้นเสีย​ตรงๆ​ ​อย่างนั้น

เศษ​หญ้า​และ​โคลน​เปียก​ๆ​ ​กระเด็น​ไป​ทั่ว

เฉิน​ฉาง​เซิง​ชะงัก​ไป

เหตุการณ์​นี้​สถานการณ์​นี้​ ​ทำให้​เขา​นึกถึง​ภาพ​ต่างๆ​ ​มากมาย​หลังจากที่​เขา​และ​ซู​หลี​ได้​หลบหนี​ความตาย​กลับมา​ยัง​ทาง​ตอน​ใต้​เมื่อ​หลาย​ปีก่อน

หลังจากนั้น​ไม่นาน​ ​เขา​ก็ได้​สติก​ลับ​มา​ ​เขา​ถอด​เข็ม​สีทอง​ที่อยู่​รอบ​นิ้ว​ออกมา​ก่อน​แทง​ไป​ยัง​ลำคอ​ของ​เซียว​จาง​ ​และ​เริ่ม​รักษา

สำหรับ​ผู้​แข็งแกร่ง​แห่ง​อาณาเขต​เทพศักดิ์​สิทธิ์​แล้ว​ ​ประสิทธิผล​ของ​เคล็ด​วิชา​แสง​ศักดิ์สิทธิ์​นั้น​อ่อนแรง​นัก​ ​สวี​โหย​่ว​หรง​ที่​ยืน​มอง​อยู่​ด้าน​ข้าง​เลิก​คิ้ว​น้อย​ๆ​ ​ไม่รู้​ว่า​กำลัง​คิด​สิ่งใด​อยู่

เห็นได้ชัด​ว่า​ ​เขา​ได้รับ​บัตร​เจ็บ​สาหัส​ ​น่าจะ​ถูก​ติดตาม​ไล่​ล่า​สังหาร​มาต​ลอด​ทาง

แต่​ไม่ว่า​เขา​จะ​ได้รับบาดเจ็บ​ก่อนหน้า​ที่จะ​บรรลุ​ระดับ​ขั้น​ ​หรือว่า​ได้รับบาดเจ็บ​หลังจากนั้น​ ​ล้วน​พิสูจน์​ได้​ว่า​ผู้​ที่​ติดตาม​ไล่​ล่า​สรรหา​มานั​้น​แข็งแกร่ง​ยิ่งนัก

หากว่า​กันตา​มห​ลัก​การ​แล้ว​ ​ในเวลานี้​ทางเลือก​ที่​ดีที​่​สุด​ก็​คือ​พาตัว​เขา​หนี​ไป​ ​ต่อให้​คู่ต่อสู้​แข็งแกร่ง​เพียงใด​ก็​ไม่มีทาง​ที่จะ​ติดตาม​สวี​โหย​่ว​หรง​และ​นก​กระ​เรียน​ขาว​ได้​แน่นอน

แต่​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​ไม่ได้​ทำ​อย่างนั้น​ ​อาจ​เป็น​เพราะ​เนื่องด้วย​อาการ​บาดเจ็บ​ของ​เซียว​จาง​สาหัส​นัก​ ​และ​อาจ​เป็นเพราะว่า​พวกเขา​รับรู้​ได้​ถึง​การเปลี่ยนแปลง​ของ​รัตติกาล

แสง​แห่ง​ดวงดาว​ค่อยๆ​ ​มืด​ลง​ ​สี​แห่ง​รัตติกาล​ค่อยๆ​ ​เข้ม​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​ป่า​ที่​เงียบสงัด​ราวกับ​มีน​้ำ​หนัก​บางอย่าง​อยู่

รัตติกาล​ค่อยๆ​ ​รวมตัวกัน​ที่​ตำแหน่ง​หนึ่ง​ ​ทับ​ซ้อน​กัน​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​ยิ่ง​ลึกล้ำ​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​จนกระทั่ง​กลายเป็น​ภูเขา​สีดำ​จริงๆ​ ​แล้ว

นั่น​คือ​เงา​ขนาดใหญ่​คล้าย​เทือกเขา​สามสาย​ ​ปรากฏ​ใน​ทุ่งหญ้า​ตามลำดับ​ ​พวก​มัน​ห่าง​กัน​หลาย​ร้อย​ลี้​ ​เหมือน​มัน​เพิ่ง​เกิดขึ้น​เพื่อ​ล้อมรอบ​พวกเขา​เอาไว้

สั่นสะเทือน​เล็กน้อย​ ​หญ้า​สีเขียว​ดิ้นรน​จาก​การรัด​รึง​ของ​ลม​รัตติกาล​ ​พวก​มัน​เริ่ม​เริงระบำ​อีกครั้ง

ที่​เริงระบำ​ไป​พร้อม​ๆ​ ​กับ​ต้น​หญ้า​ยัง​มี​กรวด​ศิลา

นั่น​เป็นเพราะว่า​เงา​ยักษ์​สีดำ​ที่​ใหญ่โต​ราว​ขุนเขา​สามสาย​นั้น​กำลัง​ขยับ​ ​ภายใน​ระยะเวลา​อัน​สั้น​ ​ก็​มายัง​เบื้องหน้า​ที่อยู่​ไม่​ไกล

เหมือนกับ​เทือกเขา​สีดำ​ที่แท้​จริง​ ​ที่สูง​กว่า​สิบ​จั้ง

จุดสูงสุด​นั้น​มี​คบไฟ​สอง​อัน​ ​เหมือนกับ​กำลัง​แผดเผา​ ​นั่น​คือ​ดวงตา​ของ​เขา

วานร​ดิน​กำลัง​หลบ​อยู่​ด้านหลัง​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​สีหน้า​หวาดกลัว​ ​ดวงตา​สีเขียว​กลอก​ไปมา​ไม่​หยุด​ ​มัน​กลัว​เสีย​จน​ไม่กล้า​หนี​ไป​เอง

มอง​ไป​ยัง​เงาดำ​ที่​เหมือน​เทือกเขา​นั้น​ ​สวี​โหย​่ว​หรง​เอ่ย​ ​“​ยาม​ที่​ยัง​เล็ก​ข้า​คิด​มาต​ลอด​ว่า​คน​ของ​บรรพต​ปา​ต้านั​้น​เป็น​คน​ผู้​หนึ่ง​”

เทือกเขา​สีดำ​เบื้องหน้า​นั้น​เริ่ม​เอ่ย​แล้ว

เสียงทุ้ม​ต่ำ​ของ​เขา​เหมือน​ลม​ที่​สะท้อน​กลับ​ไปมา​ใน​ถ้ำ

ลมหนาว​โหมกระหน่ำ​บน​ทุ่งหญ้า​ ​แสง​จาก​ดวงดาว​มืด​ลง​กว่า​เดิม

เงาดำ​ที่​เหมือน​เทือกเขา​นั้น​ ​เหมือนกับ​สี​ของ​รัตติกาล​ ​ฉาย​ลง​ตรงหน้า​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​นำมาซึ่ง​แรงกดดัน​ที่​ยาก​จะ​จินตนาการ​ได้​

“​คน​จาก​บรรพต​ปา​ต้า​ ​แน่นอน​ว่า​ต้อง​มี​แปด​คน​”

จาก​คำ​เล่าขาน​ ​เผ่า​มาร​ใน​อดีต​มี​ผู้​แข็งแกร่ง​มิ​อาจ​เทียม​ได้​แปด​คน

สำหรับ​ผู้คน​เผ่า​มาร​ทุก​กลุ่มชาติพันธุ์​แล้ว​ ​ผู้​แข็งแกร่ง​ทั้ง​แปด​นี้​เป็น​เหมือน​ยอดเขา​ที่​มิ​อาจเอื้อม​ได้​ ​ดังนั้น​จึง​ถูก​ขนานนาม​ว่า​คน​บรรพต​ปา​ต้า​…​แปด​ขุนเขา​ผู้ยิ่งใหญ่

วันนี้​เฉิน​ฉาง​เซิง​ถึง​ได้​มั่นใจ​ ​ที่แท้​ผู้​แข็งแกร่ง​เหล่านี้​มีอยู่​จริงๆ​ ​และ​พวกเขา​เป็น​เทือกเขา​จริงๆ