“โอ๊ยยย !”
เสียงโอดโอยดังมาจากร่างจ้ำม่ำของเฟิงชิงหลิงผู้ซึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะยาว
“ยัยโง่เอ๊ย บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้แอบย่องเบาเข้ามาและอย่าโหวกเหวกเสียงดังก่อน ต่อให้ตัวเจ้ายังมาไม่ถึง เสียงของเจ้าก็มาก่อนทุกครา ถ้าจับตัวเสี่ยวอ้ายฉือได้สำเร็จด้วยวิธีนี้ มันก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก”
เสี่ยวอ้ายโม่ก้าวออกไปประคองให้เฟิงชิงหลิงลุกขึ้นและจิ้มหน้าผากของอีกฝ่ายพร้อมแสดงสีหน้าที่ดูเหมือนหงุดหงิด
ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา เฟิงชิงหลิงสนิทสนมกับสองพี่น้องฝาแฝดมากขึ้นเรื่อย ๆ
เฟิงชิงหลิงมักทำตัวเซ่อซ่าและน่าขันอยู่เป็นประจำ สิ่งที่นางชื่นชอบคือการไล่ตามเสี่ยวอ้ายฉือผู้ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่สนใจและมักพยายามกระโดดกอดเขาเสมอ
น่าเสียดายที่เสี่ยวอ้ายฉือไหวตัวได้ทันและหลบหลีกออกไปได้ทุกครา เฟิงชิงหลิงจึงไม่เคยประสบความสำเร็จแม้แต่หนเดียว
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางน่าขบขันของเฟิงชิงหลิง เสี่ยวอ้ายโม่ก็อดกล่าวด้วยเสียงดุไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ต้องการเห็นเสี่ยวอ้ายฉือผู้ซึ่งวางท่าเงียบขรึมตลอดเวลาแสดงอาการตกใจออกมาเช่นกัน
แต่ทว่า ดูเหมือนนางจะคาดหวังมากเกินไป
ทุกครานางจะช่วยดูต้นทางให้เฟิงชิงหลิงลอบเข้ามาในขณะที่ตนเบี่ยงเบนความสนใจของเสี่ยวอ้ายฉือ น่าเสียดายที่เสียงของเฟิงชิงหลิงมักดังเจื้อยแจ้วมาก่อนสิ่งใด เสี่ยวอ้ายฉือจึงไหวตัวได้ทันและสุดท้ายแผนการของนางก็ล้มเหลว
“ฮี่ ๆ ๆ น้องอ้ายโม่ ช่วยไม่ได้นี่นา ทุกคราที่เห็นหน้าพวกเจ้า ปากของข้ามักส่งเสียงไปเองตลอด”
เฟิงชิงหลิงไม่รู้สึกหงุดหงิดแต่อย่างใด นางเพียงกอดแขนเสี่ยวอ้ายโม่ไว้และกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“น้องอ้ายฉือ ข้านำของโปรดของเจ้ามาให้ด้วย”
เด็กน้อยจ้ำม่ำไม่รอช้าและหยิบขนมออกมาจากแหวนมิติก่อนวางลงบนโต๊ะตรงหน้าพร้อมกล่าวกับเสี่ยวอ้ายฉือราวกับต้องการเรียกร้องความดีความชอบจากเขา
“ขอบคุณ”
เสี่ยวอ้ายฉือกล่าวขึ้นเบา ๆ ขณะนั่งลงในมุมหนึ่งโดยที่เว้นระยะห่างไว้ แววตาของเขาก็แสดงถึงความจนปัญญาระคนความเอ็นดู โชคดีที่เฟิงหลิงชิงคือผู้ที่พยายามเกาะติดเขาตลอดเวลา หากเป็นใครคนอื่น การบุ่มบ่ามพุ่งตรงเข้ามาเช่นนี้คงจะเป็นการรนหาที่ตายไม่น้อย
ในความจริง เมื่อเสี่ยวอ้ายฉือหลบหลีกออกไปเมื่อครู่ เขาก็ห่อหุ้มร่างของเฟิงชิงหลิงไว้ด้วยพลังมายาเช่นกัน เพราะเหตุนั้น นางจึงเพียงล้มลงด้วยท่าทางที่ดูตลกเล็กน้อย ทว่าไม่มีบาดแผลหรือเกิดอาการบาดเจ็บใด ๆ
“อะไรกัน ? ไม่มีส่วนของข้ารึ ?”
เสี่ยวอ้ายโม่ตวัดสายตามองเฟิงชิงหลิงและจงใจกล่าวขึ้น
“แน่นอนว่าต้องมี ! ดูนี่สิ ข้านำขนมเคลือบน้ำตาลที่น้องอ้ายโม่ชอบมาเยอะเลย !”
เฟิงชิงหลิงกะพริบตากลมโตของนางซึ่งทำให้ใบหน้าของนางดูน่ารักน่าชังมากยิ่งขึ้นจนเสี่ยวอ้ายโม่อดยื่นมือออกไปหยิกแก้มนุ่มของนางไม่ได้
เสี่ยวอ้ายฉือเองก็เกิดความรู้สึกนั้นเช่นกัน ใบหน้าของเฟิงชิงหลิงทำให้ผู้พบเห็นอยากจะยื่นมือไปหยิกด้วยความเอ็นดูอย่างแท้จริง
“หลิงเอ๋อร์ เจ้ามาที่นี่คนเดียวรึ ?”
เขาเอ่ยถามด้วยท่าทางที่ยังคงสงบนิ่งและเย็นชาเช่นเดิม
“ไม่ ท่านพ่อและท่านแม่ก็มาด้วย ตอนนี้พวกเขาไปหาท่านปู่และท่านย่าเพื่อคุยธุระบางอย่าง ข้าก็เลยมาหาเจ้าทั้งสอง”
เฟิงชิงหลิงส่ายศีรษะและตอบตามความจริง ครานี้นางไม่ได้มาที่นี่เพียงลำพัง ทว่ามากับบิดามารดาอย่างพร้อมหน้า
นางไม่ทราบว่าบิดาและมารดาของตนต้องการหารือกับฉินหลิงเซียวและเฟิงหย่าในธุระเรื่องใด ทว่าเนื่องจากรู้สึกเบื่อหน่าย นางจึงมาที่นี่เพื่อเล่นสนุกกับเสี่ยวอ้ายโม่และเสี่ยวอ้ายฉือ
“หรือจะมีข่าวเรื่องท่านพ่อท่านแม่ของเรา ?”
จู่ ๆ เสี่ยวอ้ายโม่ก็ลุกพรวดและวิ่งตรงไปยังห้องโถงที่อยู่ไม่ไกลทันที
เสี่ยวอ้ายฉือก็ลังเลครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจตามไปเช่นกัน ก่อนหน้านี้เฟิงหว่านหลี่และหลินหว่านหว่านรับปากว่าจะช่วยสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับบิดามารดาของพวกเขา หากฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ มาที่โลกแห่งเทพ พวกเขาก็ต้องรีบรุดมาแจ้งข่าวอย่างแน่นอน ในเมื่อครานี้เจ้าเมืองว่านฮว๋าและภรรยาเดินทางมาอย่างกะทันหัน มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะได้ข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับฉินอวี้โม่แล้ว
ณ ห้องโถงใหญ่ ฉินหลิงเซียว เฟิงหย่า เฟิงหว่านหลี่และหลินหว่านหว่านกำลังพูดคุยหารือกัน
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ทั้งสี่ก็หยุดลงชั่วคราวและหันมองไปที่ประตูอย่างพร้อมเพรียงกัน
คนแรกคือเสี่ยวอ้ายโม่ที่วิ่งนำหน้าสุด ตามมาด้วยเฟิงชิงหลิงที่ดูเหมือนพยายามวิ่งตามมาเช่นกันทว่ามีการเคลื่อนไหวที่ช้ากว่ามาก ส่วนคนสุดท้ายคือเสี่ยวอ้ายฉือผู้ซึ่งจับจ้องการเคลื่อนไหวของเสี่ยวอ้ายโม่และเฟิงชิงหลิงข้างหน้าราวกับกังวลว่าทั้งสองอาจล้มคะมำได้ทุกเมื่อ
“เสี่ยวอ้ายโม่ มาหาป้าหว่านสิ”
หลินหว่านหว่านโบกมือเรียกเสี่ยวอ้ายโม่พร้อมรอยยิ้มกว้าง นางรู้สึกถูกชะตากับเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่เป็นอย่างมาก เด็กน้อยทั้งสองมีสภาวะจิตใจที่ไม่ต่างจากบุตรสาวของนางนัก พวกเขาทั้งจิตใจดี มีเมตตาและน่าเอ็นดูเป็นที่สุด
“ท่านป้าหว่านและท่านลุงเฟิงมีข่าวเกี่ยวกับท่านพ่อท่านแม่ของเรารึไม่เจ้าคะ ?”
เสี่ยวอ้ายโม่กระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของหลินหว่านหว่านและเอ่ยถามอย่างไม่รีรอ
“แม่ของพวกเจ้ามาที่โลกแห่งเทพแล้วจริง ทว่าเรายังไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่ชัดได้”
หลินหว่านหว่านลูบศีรษะเสี่ยวอ้ายโม่ด้วยความเอ็นดู พวกนางเดินทางมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์สองประการด้วยกัน
ประการแรกคือแจ้งข่าวกับเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ว่าฉินอวี้โม่เดินทางเข้ามาในโลกแห่งเทพแล้ว
อย่างไรก็ตาม ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นำมาสู่โลกแห่งเทพกลับส่งคณะเดินทางของพวกนางไปยังส่วนต่าง ๆ ของดินแดน เพราะเหตุนั้น หลินหว่านหว่านและเฟิงหว่านหลี่จึงไม่สามารถระบุพิกัดได้ว่าฉินอวี้โม่ถูกส่งไปที่ใด
“เสี่ยวอ้ายฉือ ท่านแม่จะมาหาเราในเร็ว ๆ นี้แน่”
เมื่อได้ทราบว่าฉินอวี้โม่เดินทางมาที่โลกแห่งเทพแล้ว เสี่ยวอ้ายโม่ก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจทันที นางและเสี่ยวอ้ายฉือเชื่อมั่นในความสามารถของมารดาและเชื่อว่านางจะตามหาพวกตนได้ในไม่ช้าอย่างแน่นอน
เสี่ยวอ้ายฉือพยักศีรษะหงึกหงักและแสดงความมั่นใจในสิ่งเดียวกัน
“อ้ายฉือ อ้ายโม่ สาเหตุที่เราพาหลิงเอ๋อร์มาที่นี่ในครานี้ก็เพราะเรื่องที่สองซึ่งถือเป็นจุดประสงค์หลัก วันคล้ายวันเกิดของบรรพบุรุษตระกูลเฟิงใกล้เข้ามาแล้ว หลายคนต้องการให้ท่านป้าและท่านลุงไปร่วมงานเลี้ยงด้วย เราจึงมาที่นี่เพื่อเชิญชวนพวกท่านด้วยตัวเอง”
เฟิงหว่านหลี่กล่าวถึงจุดประสงค์ประการที่สองอย่างคร่าว ๆ และไม่คิดที่จะกดดันอีกฝ่าย
บรรพบุรุษตระกูลเฟิงที่เขากล่าวถึงคือบิดาของเฟิงหย่า เขาคือผู้นำตระกูลเฟิงคนก่อนและเป็นหนึ่งในผู้ที่ทรงพลังที่สุดในดินแดน
บรรพบุรุษตระกูลเฟิงมีอายุยาวนานหลายหมื่นปีแล้วและมักเก็บตัวอยู่ภายในบริเวณเรือนของตนโดยแทบจะไม่ปรากฏตัวอยู่ข้างนอก ครานี้ก็ถือเป็นฤกษ์งามยามดีในโอกาสงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของตน เขาจึงตัดสินใจออกมาเปิดหูเปิดตาดูบ้าง
บรรพบุรุษตระกูลเฟิงรักเฟิงหย่าเป็นอย่างมากและเป็นธรรมดาที่เขาจะต้องการพบหน้านาง
“แล้วพ่อของเจ้าว่าอย่างไรบ้าง ?”
เฟิงหย่ายังไม่ตอบกลับ ทว่าเอ่ยถามออกไป
เฟิงฉง—บิดาของเฟิงหว่านหลี่คือผู้นำตระกูลเฟิงในปัจจุบันและเป็นพี่ชายของเฟิงหย่า ในอดีตเขาและเฟิงหย่ามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก ทว่าเกิดเรื่องบางอย่างที่ทำให้ทั้งสองห่างเหินกันและไม่ได้ติดต่อกันมานานหลายปี
“ท่านพ่อรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมาก เขาอยากจะขอโทษท่านป้าขอรับ อย่างไรก็ตาม จากข่าวที่ท่านพ่อได้รับ กล่าวกันว่าคนจากตระกูลฉินอาจไปที่นั่นเช่นกันและพวกเขาอาจจะฉวยโอกาสจากเหตุการณ์ครานี้ เพราะฉะนั้น หากท่านป้าและท่านลุงจะไปร่วมงาน การเตรียมใจไว้ล่วงหน้าจะเป็นการดีที่สุด”
เฟิงหว่านหลี่ชี้แจงกับเฟิงหย่าและฉินหลิงเซียวเกี่ยวกับสิ่งที่บิดาของตนกล่าวไว้โดยที่ไม่ปิดบังสิ่งใด
งานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของบรรพบุรุษตระกูลเฟิงจะไม่สงบสุขดังที่คิดไว้อย่างแน่นอน
ฉินหลิงเซียวและเฟิงหย่ายังคงเคียดแค้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ทว่าตระกูลฉินก็พยายามที่จะเรียกตัวฉินหลิงเซียวกลับไปหลายครั้งหลายครา
และครานี้ก็ถือเป็นโอกาสดีที่คนตระกูลฉินไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้
“เข้าใจแล้ว เราจะลองคิดดูก็แล้วกัน”
ฉินหลิงเซียวและเฟิงหย่ายังไม่รีบร้อนปฏิเสธ ทั้งสองเพียงมองหน้ากันก่อนกล่าวออกไป นี่เป็นเรื่องที่จะต้องหารือกันอย่างจริงจังก่อน