ณ อีกมุมหนึ่งของโลกแห่งเทพ งานเลี้ยงฉลองที่ว่านอู๋เริ่นจัดขึ้นเพื่อต้อนรับฉินอวี้โม่และสหายในนิกายหมื่นกระบี่ใกล้ที่จะสิ้นสุดลงแล้ว
บรรยากาศรับประทานอาหารค่ำดำเนินไปอย่างราบรื่น ทุกคนปล่อยตัวกันตามสบายและพูดคุยกันอย่างมีความสุข
“เสี่ยวอวี้โม่ ข้าได้ยินว่าเจ้าสนใจในเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนของนิกายเราเป็นอย่างมากรึ ?”
ว่านอู๋เริ่นเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา เขาได้ทราบเรื่องนี้จากเถาเซี่ยวเซี่ยวมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถในการใช้กระบี่ของฉินอวี้โม่ก็ถือว่าดีพอสมควรและมีศักยภาพที่สามารถพัฒนาได้อีกมากนัก
“หากกล่าวตามความจริง ข้าสนใจในทักษะกระบี่ที่ลึกลับพิศวงทั้งหมดเจ้าค่ะ เมื่อข้าเข้าร่วมกับนิกายหมื่นกระบี่แห่งนี้ สาเหตุข้อแรกเป็นเพราะคำเชิญชวนของผู้อาวุโสใหญ่และสาเหตุข้อสองเป็นเพราะชื่อเสียงของนิกาย ส่วนสาเหตุข้อที่สามก็เป็นเพราะเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนที่เลื่องชื่อเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและกล่าวอย่างไม่ปิดบัง นางสนใจในเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนของนิกายหมื่นกระบี่เป็นอย่างยิ่ง หากได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืน พลังของนางจะแกร่งกล้าขึ้นมากอย่างแน่นอนและนั่นหมายถึงการมีไพ่ตายเพิ่มขึ้นในการประจันหน้ากับศัตรูในอนาคต
“ฮ่า ๆ ๆ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนขยันหมั่นเพียร อย่างไรก็ตาม เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนเป็นทักษะที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษของเราและมันลึกลับมาก ตัวข้าฝึกฝนจนบรรลุในระดับสมบูรณ์แล้ว นอกจากข้า…ผู้ที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดในนิกายก็คือว่านหรูชูซึ่งมีความเข้าใจถึงแปดในสิบส่วน ในความจริง ผู้คนมากมายไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้แม้แต่ระดับผิวเผินด้วยซ้ำ อย่างป้าซีของเจ้า นางก็ไม่มีพรสวรรค์สำหรับเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนนี้แม้แต่น้อย”
ว่านอู๋เริ่นคลี่ยิ้มและกล่าวอธิบายกับฉินอวี้โม่
การทำความเข้าใจและฝึกฝนเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนจำต้องใช้โอกาสที่เฉพาะเจาะจง หากไม่มีโชคดวงที่มากพอ ผลลัพธ์ก็จะลงเอยเช่นเดียวกับว่านเฉินซีและยากที่จะทำความเข้าใจมันได้
ในทางกลับกัน หากมีโอกาสที่มากพอ การทำความเข้าใจก็จะคืบหน้าได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การบรรลุความเข้าใจในระดับสูงภายในเวลาสั้น ๆ ก็ยังเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้
นอกเหนือจากว่านอู๋เริ่น ว่านหรูชูถือเป็นผู้ที่บรรลุความเข้าใจมากที่สุดและสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจของมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจของเขาก็ยังบรรลุเพียงแปดในสิบส่วนเท่านั้น ซึ่งยังห่างไกลไปจากระดับสมบูรณ์อีกมากนัก
“ท่านตา ไม่ต้องห่วงเลยเจ้าค่ะ ด้วยพรสวรรค์ของพี่อวี้โม่ การทำความเข้าใจมันจะเป็นเรื่องง่ายและจะทำได้อย่างรวดเร็วแน่นอน แม้เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนจะลึกลับพิศวงเป็นอย่างมาก ทว่าฝีมือในด้านกระบี่ของพี่อวี้โม่ก็บรรลุถึงสภาวะฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียวแล้ว เพราะฉะนั้นนางจะทำความเข้าใจได้แน่เจ้าค่ะ”
เถาเซี่ยวเซี่ยวเป็นผู้ที่คลั่งไคล้และสนับสนุนฉินอวี้โม่มาเสมอ เมื่อได้ยินวาจาของว่านอู๋เริ่น นางจึงรีบกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้อวี้โม่เอาชนะว่านอิ้งสงผู้ครองอันดับสองในทำเนียบสวรรค์ได้ ทั้งพลังและพรสวรรค์ของนางเหนือชั้นกว่าพวกเรามากนัก เราเชื่อว่าอวี้โม่จะฝึกฝนเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนได้รวดเร็วกว่าคนทั่วไปมาก”
เถียนซินและสวีเยว่กล่าวขึ้นเช่นกัน ตอนนี้พวกนางก็กลายเป็นผู้สนับสนุนตัวยงของฉินอวี้โม่แล้ว ไม่ว่าฉินอวี้โม่ต้องการทำสิ่งใด พวกนางจะให้การสนับสนุนอย่างไร้เงื่อนไข
“ฮ่า ๆ ๆ เอาล่ะ เสี่ยวอวี้โม่ หลังจากนี้มาพบข้าและข้าจะสอนเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนในระดับเบื้องต้นให้เจ้าก่อน เมื่อถึงเวลา…ข้าจะส่งเจ้าไปในดินแดนต้องห้ามของนิกายหมื่นกระบี่เพื่อทำความเข้าใจเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนในระดับที่ถ่องแท้”
ว่านอู๋เริ่นกล่าวอย่างตรงไปตรงมาและต้องการที่จะชี้แนะฉินอวี้โม่ด้วยตนเองก่อน
หากต้องการทำความเข้าใจเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนอย่างลึกซึ้ง จอมยุทธ์จะต้องเข้าไปในดินแดนต้องห้ามของนิกายหมื่นกระบี่ซึ่งเป็นที่ที่มีจารึกสลักและข้อมูลเกี่ยวกับเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนซึ่งถูกทิ้งไว้โดยบรรพบุรุษรุ่นก่อน ๆ
อย่างไรก็ตาม ในดินแดนต้องห้ามของนิกายหมื่นกระบี่ก็มีข่ายอาคมป้องกันอยู่ทั่วบริเวณ ในการเปิดมันทุกคราจะต้องรวบรวมผู้อาวุโสของนิกายหลายคน รวมถึงว่านอู๋เริ่น อีกทั้งยังต้องใช้ผลึกศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากในการเปิดมัน เพราะเหตุนั้น กล่าวได้ว่าการเข้าไปในดินแดนต้องห้ามของนิกายหมื่นกระบี่ถือเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างมาก
ดินแดนต้องห้ามของนิกายหมื่นกระบี่จึงมิใช่สถานที่ที่จะเข้าไปได้ตามต้องการ ทุกคราที่เปิดมัน พวกเขาต้องคัดเลือกศิษย์อย่างน้อยสิบคนซึ่งล้วนมีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าไปที่นั่นเพื่อเรียนรู้เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืน เมื่อถึงตอนนั้นจึงจะมีการเตรียมการสำหรับการเปิดดินแดนต้องห้าม
ว่านอู๋เริ่นต้องการทดสอบความสามารถในการเรียนรู้ของฉินอวี้โม่เพื่อวิเคราะห์ดูก่อนว่านางมีความเข้าใจและพรสวรรค์ในระดับใด บางทีนางอาจทำความเข้าใจเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนได้โดยไม่ต้องเข้าไปในดินแดนต้องห้ามด้วยซ้ำ
“ขอบคุณท่านตาว่านเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่กล่าวขอบคุณว่านอู๋เริ่นอย่างจริงใจ นางทราบดีว่าเป็นเพราะมิตรภาพที่มีกับเถาเซี่ยวเซี่ยว รวมถึงผลงานที่น่าตกตะลึงในช่วงเวลาที่ผ่านมา จ้าวนิกายหมื่นกระบี่จึงช่วยอำนวยความสะดวกให้กับตนเช่นนี้ มิฉะชั้น นางคงต้องหาทางเรียนรู้มันอย่างค่อยเป็นค่อยไปเช่นเดียวกับศิษย์คนอื่น ๆ
“ท่านพ่อ การที่ศิษย์ในจะเดินทางมาที่ภูเขามีดหมอกของเรามิใช่โอกาสที่พบได้ง่ายเลย เราให้เสี่ยวอวี้โม่และเซี่ยวเซี่ยวพักอยู่ที่นี่สักพักจะดีกว่า”
ว่านเฉินซีกล่าวเสนอออกไป หากปราศจากการนำทางของพวกนาง การที่ฉินอวี้โม่จะขึ้นมาที่ยอดเขามีดหมอกแห่งนี้คงจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก เพราะเหตุนั้น การเชิญให้นางพักอยู่ที่นี่สักระยะจึงจะสะดวกต่อทุกฝ่ายมากกว่า
“เห็นด้วยเจ้าค่ะ ข้าเองก็ไม่ได้พักอยู่ที่นี่นานแล้วและคิดถึงอาหารฝีมือท่านพ่อมาก ๆ พี่อวี้โม่และข้าจะพักอยู่ที่นี่สักสองสามวัน และพี่อวี้โม่จะต้องพักกับข้านะเจ้าคะ ในช่วงเวลาหลายวันนี้ ท่านตาก็สอนพี่อวี้โม่ได้ตามสบายเลย”
เถาเซี่ยวเซี่ยวพยักหน้าหงึกหงักและคิดว่านี่เป็นทางออกที่ดีมาก
เหลิ่งซวงเสวี่ยและอีกสองคนก็ตระหนักดีว่าตนยังอ่อนแอกว่าเล็กน้อยและพรสวรรค์ของพวกนางก็ไม่ยอดเยี่ยมเท่าฉินอวี้โม่ นอกจากนี้ ฉินอวี้โม่ยังมีภารกิจส่วนตัวที่ต้องทำอีกมาก พวกนางจึงไม่คิดริษยาแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งที่ต่างกันมากในตอนนี้ พวกนางจึงคิดแต่จะจดจ่อกับการฝึกฝนอย่างหนักเพื่อจะได้ไล่ตามนางให้ทันโดยเร็วที่สุด
“เสี่ยวอวี้โม่ เจ้าว่าอย่างไรล่ะ ?”
ว่านอู๋เริ่นมองไปที่ฉินอวี้โม่และเอ่ยถามความคิดเห็นของนาง ภูเขามีดหมอกแห่งนี้มีพื้นที่ที่กว้างใหญ่อย่างมาก ไม่เพียงแต่ฉินอวี้โม่เท่านั้น ทว่าหากต้องการให้เหลิ่งซวงเสวี่ยและคนอื่น ๆ พักอยู่ที่นี่ มันก็มิใช่ปัญหา
อย่างไรก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเหลิ่งซวงเสวี่ยและอีกสองคน พวกนางเหมาะกับการฝึกฝนในหอชั้นในมากกว่าซึ่งเป็นการเข้าไปในหอสมุดเพื่อศึกษาตำราทักษะยุทธ์และบ่มเพาะพลังด้วยตนเอง การอยู่ที่ภูเขามีดหมอกอาจไม่มีผลดีต่อพวกนางมากนัก
“แน่นอนว่าข้าไม่ปฏิเสธเจ้าค่ะ หลังจากนี้ ข้าคงต้องรบกวนท่านตาว่านและท่านป้าซี”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะตอบตกลงทันที การได้เรียนรู้และรับคำชี้แนะจากว่านอู๋เริ่นเป็นสิ่งที่คนมากมายต่างก็ใฝ่ฝันถึง ยิ่งไปกว่านั้น การได้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนเป็นการล่วงหน้าก็จะช่วยเร่งความเร็วในการฝึกยุทธ์ของนางเองซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีอย่างมาก
“เสี่ยวอวี้โม่ เจ้าไม่ต้องเกรงใจนักหรอก อย่างไรก็ตาม ข้าต้องเตือนไว้ก่อนว่ากฎเกณฑ์ข้อกำหนดของข้าเข้มงวดมาก หากการฝึกฝนของเจ้ามีจุดบกพร่องใด ข้าจะไม่ปรานีและจะวิจารณ์เจ้าอย่างที่ไม่รักษาน้ำใจ หวังว่าเจ้าจะเตรียมสภาวะจิตใจไว้ให้พร้อม”
ว่านอู๋เริ่นพึงพอใจในบุคลิกนิสัยของฉินอวี้โม่มากขึ้นเรื่อย ๆ ความนอบน้อมและความเถรตรงของนางถือเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างแท้จริง
“ต่อให้ท่านตาว่านดุด่าข้าเพียงใด สภาวะจิตใจของข้าก็แกร่งกล้ากว่าสตรีพวกนี้มากนัก”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและจงใจหยอกเย้าเถาเซี่ยวเซี่ยว
“พี่อวี้โม่ ท่านหัวเราะเยาะพวกเรารึ ! เถียนซิน สวีเยว่ มาเถอะ มาช่วยข้าจักจี้พี่อวี้โม่เร็วเข้า !”
เถาเซี่ยวเซี่ยวไม่ยอมอยู่เฉยและทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย จากนั้นนางก็กล่าวกับเถียนซินและสวีเยว่ก่อนตรงเข้าไปหาฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว
ทั้งสี่ต่อสู้และหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ว่านหลิวอวิ๋นผู้ซึ่งอยู่ด้านข้างก็มองไปที่เถาเซี่ยวเซี่ยวด้วยความเอ็นดูทว่าเจือด้วยความจนปัญหา ในขณะเดียวกัน สีหน้าของว่านหลิวชางไม่แสดงความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทว่ามองไปที่ฉินอวี้โม่ด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณนักสู้
ว่านเฉินซีและว่านหรูชูมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนว่านหรูชูจะสวมกอดภรรยาเข้าสู่อ้อมแขนพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า เขาอดถอนหายใจยาวไม่ได้ การเป็นคนหนุ่มสาวช่างดีเหลือเกิน…