ฉินอวี้โม่และสหายต่อสู้กันอย่างอุตลุดเป็นพักใหญ่จนท้องฟ้ามืดลงเรื่อย ๆ และเมื่อเห็นว่ามืดค่ำแล้ว เถาเซี่ยวเซี่ยวจึงชวนให้เถียนซินและคนที่เหลือพักอยู่ที่ภูเขามีดหมอกก่อนเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น
แน่นอนว่าเถียนซินและคนอื่น ๆ ไม่คัดค้าน พวกนางเดินตามเถาเซี่ยวเซี่ยวไปสำรวจทั่วบริเวณคฤหาสน์บนภูเขาจนดึกดื่นและยังคงเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นไม่เปลี่ยนแปลง
ที่แห่งนี้เหมาะกับการเป็นที่พักส่วนตัวของจ้าวนิกายหมื่นกระบี่อย่างแท้จริง สภาวะพลังทั่วบริเวณอุดมสมบูรณ์กว่าโลกภายนอกมากนัก เพียงใช้เวลาอยู่ที่นี่ไม่นาน เถียนซินและทุกคนก็สัมผัสได้ถึงกระแสของสภาวะพลังที่หลั่งไหลเข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่องและทำให้รู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก
เรือนที่พักของเถาเซี่ยวเซี่ยวอยู่ถัดจากว่านอู๋เริ่น เมื่อถึงเวลานอน สตรีทั้งห้าก็เบียดเสียดกันบนเตียงขนาดใหญ่เตียงเดียวและพูดคุยกันตลอดทั้งคืนโดยที่ไม่รู้สึกง่วงแต่อย่างใด
เสิ่นเสี่ยวไห่และคนอื่น ๆ ก็พักอยู่ที่เรือนของว่านหลิวอวิ๋นและว่านหลิวชางซึ่งพวกเขาก็ดื่มสุราและพูดคุยกันโดยมีบรรยากาศที่รื่นรมย์มาก
เช้าตรู่วันต่อมา เถียนซินและอีกสองคนบอกลาฉินอวี้โม่และเถาเซี่ยวเซี่ยวก่อนเดินทางกลับไปยังหอชั้นใน พวกนางตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองเพื่อคว้าหนึ่งในสิบอันดับแรกในการประชันฝีมือของหอชั้นในและได้โอกาสเข้าไปในดินแดนต้องห้ามของนิกายเพื่อศึกษาเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืน…
หลังจากนั้น ฉินอวี้โม่และเถาเซี่ยวเซี่ยวก็มุ่งหน้าไปยังเรือนของว่านอู๋เริ่นเพื่อรับคำชี้แนะจากเขา
เวลานี้ อาหารมื้อเช้าได้ถูกเตรียมไว้แล้ว ทั้งสองจึงนั่งลงเพื่อรับประทานอาหารกันก่อน
“แม้อาหารทั่วไปจะไม่ส่งผลอะไรต่อพวกเราที่เป็นจอมยุทธ์ ทว่าการรับประทานอาหารสามมื้อต่อวันก็ช่วยปรับให้สภาวะอารมณ์ของเราสงบนิ่งมากยิ่งขึ้น”
นอกเหนือจากช่วงของการเก็บตัวจำศีลหรือการฝึกยุทธ์ ว่านอู๋เริ่นก็มักจะรับประทานอาหารสามมื้อต่อวันเป็นกิจวัตร แม้ในฐานะจอมยุทธ์ผู้ทรงพลังเช่นพวกเขา การไม่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำนานหลายเดือนจะไม่ส่งผลกระทบใด อย่างไรก็ตาม อาหารสามมื้อต่อวันสามารถช่วยให้พวกเขาตระหนักถึงความเป็นมนุษย์และปรับอารมณ์ความรู้สึกให้ผ่อนคลายยิ่งกว่าเดิมได้
ฉินอวี้โม่เห็นด้วยกับวาจาของว่านอู๋เริ่น นาง หานโม่ฉือและบุตรน้อยทั้งสองก็ดำเนินตามกิจวัตรนี้เช่นกัน เว้นแต่ว่าจะเข้าสู่ช่วงการเก็บตัวเพื่อทะลวงพลังหรือช่วงจำศีลอย่างเงียบ ๆ กิจวัตรดังกล่าวก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไป
แน่นอนว่าสำหรับนักกินจุเช่นเถาเซี่ยวเซี่ยว ต่อให้ต้องรับประทานอาหารวันละสิบมื้อ นางก็ไม่มีทางพลาด
ว่านอู๋เริ่นและสตรีทั้งสองรับประทานอาหารเช้าร่วมกันก่อนออกไปยังลานกว้างนอกบริเวณเรือน
เนื่องจากทราบมาก่อนหน้านี้ว่าว่านอู๋เริ่นจะชี้แนะให้กับฉินอวี้โม่ ว่านหลิวชางและว่านหลิวอวิ๋นจึงมาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อมาร่วมสนุก ว่านหรูชูและว่านเฉินซีเองก็ออกมาจากเรือนของตนเช่นกันและต้องการทราบว่าฉินอวี้โม่จะใช้เวลานานเพียงใดในการทำความเข้าใจรายละเอียดเบื้องต้นของเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืน
“เสี่ยวอวี้โม่ ข้าจะยับยั้งพลังของข้าไว้ เราจะดวลฝีมือกันก่อนเพื่อที่ข้าจะได้ประเมินฝีมือการต่อสู้ของเจ้า”
ว่านอู๋เริ่นกล่าวขึ้น ก่อนชี้แนะหรือสอนวิชาใด ๆ เขาจำต้องทำความเข้าใจพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของฉินอวี้โม่เสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือความเข้าใจที่นางมีต่อทักษะกระบี่ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญอย่างมาก
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี นางจึงพยักศีรษะและกระบี่เล่มยาวปรากฏในมือทันที
ร่างของนางพุ่งออกไปข้างหน้าและโจมตีว่านอู๋เริ่นโดยตรง ด้วยพลังอันแกร่งกล้าของเขา ฉินอวี้โม่จึงไม่กังวลว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บแม้แต่น้อย เพราะถึงอย่างไร ตัวนางในตอนนี้ก็ไม่สามารถฝ่าทะลวงผ่านการป้องกันของว่านอู๋เริ่นได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการที่จะทำให้เขาบาดเจ็บ
ว่านอู๋เริ่นยังไม่ขยับเขยื้อน ทว่ากระบี่เล่มยาวปรากฏในมือของเขาเช่นกันและตอบโต้การโจมตีของฉินอวี้โม่
ในการประจันหน้าครานี้ ทั้งสองไม่ได้ปลดปล่อยพลังมายาออกมาและเพียงต่อสู้กันด้วยกระบวนท่ากระบี่ทั่วไปเท่านั้น
วิชากระบี่ของฉินอวี้โม่มุ่งเน้นในด้านความเร็วและความคล่องแคล่วมาเสมอ แม้ความรุนแรงของการโจมตีจะไม่มากนัก ทว่ากระบวนท่าของนางก็เฉียบคมและแม่นยำเป็นอย่างยิ่ง
แม้พลังอำนาจของนางจะอ่อนแอกว่าว่านอู๋เริ่นมากนัก นางก็สามารถอาศัยความเร็วในการต่อกรกับอีกฝ่าย ภาพติดตาถูกทิ้งไว้เบื้องหลังทุกคราที่นางเคลื่อนไหวส่งผลให้ว่านอู๋เริ่นไขว้เขวและไม่สามารถแยกได้อย่างชัดเจนว่าร่างที่แท้จริงของฉินอวี้โม่คือร่างใด
“คิดไว้ไม่มีผิด นางมีฝีมือที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ”
ท่วงท่าอันงดงามของฉินอวี้โม่ทำให้ว่านอู๋เริ่นอดถอนหายใจยาวไม่ได้ ความเข้าใจในวิชากระบี่ของนางไม่อ่อนแอไปกว่าตัวเขามากนัก จุดบกพร่องในแต่ละกระบวนท่าล้วนถูกชดเชยด้วยวิธีการอันฉลาดของนางทั้งสิ้น หากเป็นใครอื่น ไม่มีทางที่พวกเขาจะค้นพบช่องโหว่ในกระบวนท่ากระบี่ของฉินอวี้โม่ได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การโจมตีในระดับดังกล่าวยังไม่ถือเป็นภัยคุกคามต่อเขา ในเวลานี้ ว่านอู๋เริ่นฟาดฟันกระบี่ตรงไปที่ร่างของฉินอวี้โม่โดยที่แอบแฝงไปด้วยพลังที่รุนแรง สำหรับคู่ต่อสู้ที่ใช้วิชากระบี่ได้อย่างคล่องแคล่วเช่นนี้ การใช้พลังที่เหนือกว่ายับยั้งจะเป็นทางที่ดีที่สุด ตราบใดที่ใช้พลังอำนาจที่มากพอ ไม่ว่าฉินอวี้โม่จะใช้วิธีการใดก็มิใช่สิ่งที่เขาต้องเกรงกลัว
ฉินอวี้โม่และว่านอู๋เริ่นใช้กระบี่ประจันหน้ากันในสถานการณ์ที่ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ พลังของว่านอู๋เริ่นแกร่งกล้าจนเกินไปและเหนือกว่าคู่ต่อสู้ทั้งหมดที่ฉินอวี้โม่เคยพานพบ แม้แต่จอมยุทธ์เหล่านั้นที่มีความโดดเด่นในด้านพลังอำนาจก็มิอาจเทียบกับแรงกดดันที่ว่านอู๋เริ่นนำพามาสู่นางได้
กระบี่ยาวที่ดูไม่โดดเด่นในมือของว่านอู๋เริ่นราวกับหนักอึ้งหลายพันจิน ทุกคราที่โจมตีมัน กระบี่ของฉินอวี้โม่จะถูกสะท้อนกลับมาและไม่มีทางทำอันตรายต่ออีกฝ่ายได้เลย
“ตราบใดที่มีพลังอำนาจมากพอ กระบวนท่ากระบี่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างไร้ทิศทางและไม่ขาดสายเหล่านั้นก็ไม่ต่างจากของเล่นเด็ก ซึ่งนี่ก็มิใช่เพียงทักษะกระบี่เท่านั้น ทว่าในด้านอื่นก็เป็นเช่นเดียวกัน การใช้พลังอำนาจเพื่อควบคุมความเร็วเป็นวิธีการที่ตรงไปตรงมาและมีประสิทธิภาพมากที่สุด !”
ว่านอู๋เริ่นกล่าวชี้แนะฉินอวี้โม่เพื่อให้นางตั้งสมาธิมากขึ้นในการรับมือกับศัตรูในอนาคต
ฉินอวี้โม่เข้าใจได้เป็นอย่างดีและกระบวนท่าของนางเริ่มเปลี่ยนแปลงไป
นางยังคงโจมตีว่านอู๋เริ่นอย่างต่อเนื่อง ทว่าพลังมายาปริมาณมากก็แผ่ออกมาจากร่างของนางและเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่เล่มยาวที่ปรากฏตรงหน้าว่านอู๋เริ่นและกระหน่ำโจมตีเขาจนยากที่จะป้องกัน
“ฮ่า ๆ ๆ งดงามจริง ๆ เจ้าสามารถควบคุมกระบี่ด้วยพลังปราณและสามารถเปลี่ยนพลังมายาให้กลายเป็นกระบี่ยาวเพื่อโจมตีศัตรูได้”
ว่านอู๋เริ่นชะงักไปครู่หนึ่งก่อนหัวเราะอย่างพึงพอใจ การควบคุมกระบี่ด้วยปราณมิใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายดายเช่นที่เห็นภายนอก การกระทำนี้ต้องใช้การผสานพลังมายาในระดับสูงเพื่อทำให้คลื่นพลังในอากาศแปลงเป็นกระบี่เล่มยาวและสามารถโจมตีได้อย่างรุนแรง
ว่านอู๋เริ่นเองก็ต้องพยายามเป็นเวลานานก่อนจะชำนาญในการควบคุมกระบี่ด้วยพลังปราณ ยิ่งไปกว่านั้น การควบคุมกระบี่ด้วยพลังปราณเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดของการทำความเข้าใจเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืน ซึ่งสาเหตุที่ว่านเฉินซีไม่สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนได้สำเร็จ นั่นก็เป็นเพราะว่านางยังไม่สามารถควบคุมกระบี่ด้วยพลังปราณได้
สิ่งที่ดีที่สุดที่ว่านเฉินซีทำได้คือการควบแน่นพลังมายาให้กลายเป็นกระบี่ยาวและโจมตีศัตรูเท่านั้น
ว่านหลิวชางและว่านหลิวอวิ๋นตกตะลึงอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่จะบรรลุถึงระดับนี้แล้วและสามารถควบคุมกระบี่ด้วยพลังปราณได้ แม้แต่พวกเขาเองก็ยังไม่สามารถทำได้อย่างชำนาญนัก ท่านตาของพวกเขากล่าวว่าเมื่อควบคุมกระบี่ด้วยพลังปราณได้ถึงระดับหนึ่ง พวกเขาจะสามารถทำความเข้าใจเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนได้ เห็นได้ชัดแล้วว่าพรสวรรค์ของฉินอวี้โม่เหนือกว่าพวกเขาอย่างแท้จริง
“เสี่ยวอวี้โม่ ข้าเชื่อว่าเจ้าคงจะได้ยินรายละเอียดของเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนมาบ้างแล้ว เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนสามารถเปลี่ยนทุกสรรพสิ่งในโลกให้กลายเป็นกระบี่ที่อยู่ในการควบคุมของเจ้าและกระหน่ำโจมตีศัตรูจนไร้ทางหลบหนี แม้ตอนนี้เจ้าจะสามารถควบคุมกระบี่ด้วยพลังปราณได้เท่านั้น อันที่จริงมันก็ถือว่าเจ้าคืบหน้ามาไกลแล้ว”
ว่านอู๋เริ่นโบกมือเล็กน้อยและกระบี่ยาวที่ก่อตัวจากพลังมายาของฉินอวี้โม่ก็สลายหายไปโดยที่ไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อเขาได้เลย
จากนั้น ด้วยความคิดแวบเดียว จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกได้ว่าก้อนหินใต้เท้าของตนเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ยาวที่พุ่งตรงเข้าหานาง…