ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 1039 เยี่ยนจ้าวเกอผู้ยโสโอหัง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

จักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงไม่คิดจะร่วมกลุ้มรุม นางหลับตา แต่ว่า ‘สายตา’ กลับเลื่อนไปมาระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋และจักรพรรดิเอภพรอบหนึ่ง

ใบหน้าที่เย็นชาปานน้ำแข็งตั้งแต่เผยโฉมออกมา ยามนี้อบอุ่นขึ้นเล็กน้อย มุมปากปรากฏรอยยิ้ม

“กานหยวนจื่อ ท่านเดิมทีใช้ใหญ่รังแกเล็ก แต่ว่ากลับจัดการไม่ได้ ยังคิดจะมาเป็นคำรบสองอีกหรือ” จักรพรรดินีกล่าวอย่างเฉื่อยชา

จักรพรรดิเอกภพยืนอยู่กลางอากาศ ครู่ต่อมาปราณเขียวบนใบหน้าก็สลาย อาการบาดเจ็บถูกสะกดไว้ชั่วคราว

เมื่อเขาไม่ลงมือโจมตี ลายมือแห่งแผ่นดินย่อมไม่โต้ตอบ

“สิ่งของที่อยู่ด้านล่างเกี่ยวพันถึงการฝึกปรือของข้า ข้าต้องเอามาให้ได้” จักรพรรดิเอกภพกำเนิดกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยนจ้าวเกอแห่งเขากว่างเฉิงยังสังหารชิงซู่จื่อลูกศิษย์ที่ข้าภูมิใจที่สุด ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องมีคำพูดให้กับเขา”

จักรพรรดินียิ้ม “ต่อให้ข้าไม่อยู่ ท่านก็ทำอะไรเขากว่างเฉิงไม่ได้อยู่ดี”

“ถ้าฟู่แพรงามไม่มาและท่านไม่ลงมือ ผลแพ้ชนะยังไม่แน่” จักรพรรดิเอกภพแย้ง

“ไม่ผิด ท่านโจมตี พวกจวงเซินสี่คนช่วยเหลือ” จักรพรรดินีหลับตา เลิกคิ้วเล็กน้อย “หากเยี่ยนจ้าวเกอคิดใช้พิธีบวงสรวงป้องกันท่าน พิธีกรรมเพียงมีผลกับท่าน เยี่ยนตี๋ เฉาอาคเนย์ หลิวอิสานใช้สามสู้สี่ เหมือนจับแขนเสื้อเห็นข้อศอก[1] แต่ถ้าหากตั้งใจป้องกันอย่างเดียว ก็สามารถต้านทานได้เป็นเวลานาน สิ่งที่จำเป็นต้องกังวลเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ท่านจะวางค่ายกลคลุมทะเลหวงเจีย ค่อยๆ ทำลายเขากว่างเฉิง”

จักรพรรดินีหลุดหัวเราะ “คนที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนเช่นท่าน ใช้วิธีนี้จัดการจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่กลัวเสียหน้าหรือ”

แม้ว่าอาการบาดเจ็บของจักรพรรดิเอกภพจะสาหัสกว่าก่อนหน้า แต่ก็เยือกเย็นลงแล้ว “ไม่ว่าจะใช้เล่ห์เหลี่ยมก็ดี หรือใช้พลังก็ดี พวกเขาในเมื่อมีความสามารถขัดขวางข้า เช่นนั้นข้าก็จะปฏิบัติกับพวกเขาเฉกเช่นคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ไฉนจึงเกี่ยวกับการเสียหน้าหรือไม่เสียหน้า

“การคงอยู่ของพิธีกรรมนี้มาจากงจักรมหาประกายกาฬ ตราประทับตะวัน และตัวเยี่ยนจ้าวเกอเอง กงจักรมหาประกายกาฬยังไม่สำเร็จเป็นอาวุธเซียน สุดท้ายก็ยังทำอะไรท่านไม่ได้” จักรพรรพดินีกล่าวอย่างราบเรียบ “แต่ท่านก็อย่าได้ใจไปนัก ฟู่อวิ๋นฉือแม้จะไม่ทราบว่าถูกถ่วงแข้งถ่วงขาเพราะอะไร แต่ถ้าหากปล่อยให้เวลาผ่านไป สุดท้ายเขาก็จะมาจนได้”

จักรพรรดิเอกภพแค่นเสียง มองตราอักขระที่เกิดจากลายมือแห่งแผ่นดินด้านล่าง “ถูกต้อง ดังนั้นที่สุดแล้วก็ยากจะตัดสินผลแพ้ชนะบนทะเลหวงเจีย”

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ พูดซ้ำประโยคเดิม “เป็นคนหนุ่มที่โดดเด่นจริงๆ ก่อนวันนี้ข้าไม่ได้นึกถึงผลลัพธ์เช่นนี้จริงๆ”

“จักรพรรดิเอกภพเกรงใจแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างเฉื่อยชา “สำหรับตอนนี้ ความจริงมีแต่บนทะเลหวงเจียแห่งนี้จึงจะเกิดสถานการณ์เช่นวันนี้ได้ หากไม่มีลายมือของมารดาแห่งแผ่นดิน ข้าเกรงว่าแม้แต่กระบวนท่าเดียวของท่านข้าก็ยังคงรับไม่ได้”

เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้าสบตากับจักรพรรดิเอกภพ “แต่วันนี้ท่านจัดการข้าไม่ได้ ต่อให้วันที่ข้าออกจากทะเลหวงเจีย ท่านก็ทำอะไรข้าไม่ได้อยู่ดี แม้ข้าไม่จำเป็นต้องผลักเปิดประตูเซียนก็ตาม ขออภัยที่ข้าผู้แซ่เยี่ยนสามหาว แต่วันนี้อยู่อีกไม่ไกลแล้ว”

เขาใช้น้ำเสียงสบายๆ เหมือนกับกำลังพูดคุยเรื่องทั่วไปกับจักรพรรดิเอกภพกำเนิด แต่รอบๆ กลับเงียบสงัด

ทุกคนมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างตะลึงลาน ในห้วงสมองเกิดความคิดหนึ่ง

ยโส! โอหัง!

แต่ขอแค่คิดถึงภาพที่เยี่ยนจ้าวเกอประมือกับประมุขทักษิณจวงเซิน แต่ละคนก็เกิดความรู้สึกจากก้นบึ้งจิตใจ ว่าสิ่งที่คนหนุ่มผู้นี้พูดไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้

ไม่ ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่จะต้องเกิดขึ้นจริง!

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้น ต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ขั้นประมุขในหมู่คน ถึงขั้นเป็นฝ่ายได้เปรียบ ต่อให้มีของวิเศษเช่นตราประทับตะวัน แต่ก็เป็นเรื่องที่สั่นสะเทือนใต้หล้าอยู่ดี

มีความสามารถเช่นนี้ อีกทั้งพลังแฝงยังน่าตื่นตะลึงอีกด้วย

จริงอยู่ที่ยิ่งระดับยิ่งสูง การพัฒนาก็ยิ่งช้า การฝึกปรือยิ่งลำบาก เวลาที่ใช้ก็ยิ่งมาก แต่ว่าความเร็วในการเพิ่มระดับของเยี่ยนจ้าวเกอ เมื่อเทียบกับอดีตแล้วไม่มีใครปฏิเสธได้ ว่าคนหนุ่มผู้นี้จะต้องเดินไปสู่ระดับที่สูงกว่าเดิมแน่

อีกครั้งจะทะยานอย่างรวดเร็ว!

ฉายาเซียนผู้ถูกเนรเทศ นับว่าสมกับความจริง

พอคิดเช่นนี้ก็ไม่มีผู้ใดคิดว่าเยี่ยนจ้าวเกอยโสอีก

ขอแค่เขาไม่ออกท่องโลก ตั้งใจฝึกฝนอยู่ในทะเลหวงเจียอย่างปลอดภัย ก็จะมีสักวันหนึ่งที่จะเป็นไปตามคำกล่าวของเขา ที่ไม่ต้องกริ่งเกรงจักรพรรดิ แม้จะไม่ได้เปิดประตูเซียนก็ตาม

จักรพรรดิเอกภพจ้องเยี่ยนจ้าวเกอ แววตาเป็นประกายเล็กน้อย

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเยือกเย็นภายใต้การจ้องมองของจักรพรรดิผู้นี้ “ในสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ ประมุขทั้งสิบ บางทีอาจมีคนรู้ถึงเป้าหมายของท่าน แต่ไม่ทราบรายละเอียด เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงการฝึกปรือของท่าน การขัดขวางเส้นทางของคนดุจดั่งสังหารบิดามารดา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ก้าวก่าย จักพรรรดิแพรงามเองก็เพียงแค่ช่วยเหลือประมุขอาคเนย์ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวมากเกินไป”

“แต่ว่าตอนนี้หลังจากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ข้ากลับรู้สึกประหลาดใจที่เหตุใดจักรพรรดิเอกภพกำเนิดท่านไม่ยอมประกาศเรื่องนี้ให้ผู้คนรับรู้ หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ สำนักเต๋ารุ่งเรืองอีกครั้ง เป็นช่วงที่ต้องจับกลุ่มกันก้าวไปด้านหน้า คาดว่าใต้เท้าคนอื่นๆ ก็คงหวังให้ท่านเสริมส่วนที่ขาดไป เพื่อเพิ่มระดับขึ้น”

เยี่ยนจ้าวเกอมองจักรพรรดิเอกภพ “หรือว่านอกจากนี้แล้ว จะยังมีเหตุผลอะไรอยู่อีก”

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดไม่ได้โต้ตอบใดๆ ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ

“ถึงแม้จนกระทั่งตอนนี้ข้ายังไม่รู้ แต่การได้กงจักรมหาประกายกาฬมาก็ได้ละเมิดข้อห้ามบางอย่างแน่นอน” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวต่อ “แต่ว่าครั้งนี้พวกท่านมาบุกเขากว่างเฉิง คนอื่นๆ ในสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิกลับไม่ได้สนับสนุนออกนอกหน้า ข้าสามารถทำความเข้าใจได้หรือไม่ว่า การกระทำของจักรพรรดิเอกภพท่านความจริงแล้วก็ละเมิดข้อห้ามบางอย่างเช่นกัน”

พอได้ยินคำกล่าวนี้ ดวงตาของจักรพรรดิเอกภพกำเนิดก็กลายเป็นคมกริบ

จักรพรรดินีกลับหัวเราะขึ้น “เป็นคนหนุ่มที่โดดเด่นจริงๆ พฤติกรรมของกานหวนจื่อกลับไม่ใช่การละเมิดข้อห้าม เพียงแต่ทำให้พวกเราสงสัยอยู่บ้าง จึงคอยดูการเปลี่ยนแปลงอย่างสงบ ไม่ขัดขวางและไม่ช่วยเหลือ ดูว่าเขาคิดทำอะไรกันแน่”

“ส่วนที่ข้าไฉน…” จักรพรรดิดินีหุบยิ้ม หลับตา ‘กวาดมอง’ พวกจักรพรรดิเอกภพกำเนิด จวงเซิน และหลางชิง “ทารกของข้ากล่าวตั้งแต่แรกแล้ว ว่าด้านหนึ่งมาเพราะความต้องการส่วนตัว แต่ว่าจริงๆ แล้วได้รับการไหว้วานมา”

ครั้นกล่าวจบ พวกจวงเซินและหลางชิงสีหน้าแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง

จักรพรรดินีสนใจแต่เรื่องตัวเอง ที่แล้วมาไม่ขอร้องใครและไม่ช่วยใคร แม้จะกล่าวว่าได้รับการไหว้วาน แต่ว่าคนในโลกนี้ที่ทำให้นางยอมลงมือ ทำสิ่งที่จักรพรรดิคนอื่นๆ ไม่สามารถได้

มีแต่สามกษัตริย์เท่านั้นจึงมีโอกาสให้นางลงมือ!

จักรพรรดินีเผยโฉมและช่วยเหลือเขากว่างเฉิง จักรพรรดิเอกภพกำเนิดก็รู้สึกประหลาดใจและไม่เข้าใจอยู่แล้ว

ในตอนแรกสุด เขาไม่รอให้ทารกรับใช้ของจักรพรรดินีพูดจบก็ลงมือทันที เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายเอ่ยถึงชื่อของใครสักคนในสามกษัตริย์

พอถึงเวลานั้นจะลงมือหรือไม่ลงมือ ก็ล้วนประดักประเดิดทั้งสิ้น

แสร้งเป็นไม่รู้เรื่อง จบเรื่องค่อยแยกแยะ ไม่รานน้ำใจ มีที่ว่างให้เคลื่อนไหวมากมาย สามารถปรึกษากันได้ใหม่

เพียงแต่ทิศทางของเรื่องราวอยู่เหนือความคาดหมายของเขาโดยสมบูรณ์

“กานหยวนจื่อ ท่านจะคิดหาวิธีทำลายทะเลหวงเจียอย่างไร มิสู้พิจารณาตัวท่านเองเถอะ” น้ำเสียงของจักรพรรดินีชืดชา

ทุกคนจิตใจสั่นไหว มองไปยังทางตะวันตกพร้อมกัน

ณ ที่แห่งนั้นกำลังมีคนเข้าใกล้

นั่นเป็นทิศทางของเขารอบวงในเขตเพลิงทักษิณ

พวกเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ ‘น้ำในแม่น้ำเฉาเหอที่ถูกตัดขาดกลับคืนมา เป็นฝีมือของผู้มาเยือน…’

ระดับพลังฝึกปรือของผู้มาไม่ทำให้จักรพรรดิเอกภพกำเนิดสนใจ แต่ว่าจิตแห่งวรยุทธ์ที่เผยออกมา กลับทำให้เขาสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย คล้ายนึกอะไรบางอย่างได้

………………..

[1] จับแขนเสื้อเห็นข้อศอก หมายถึง อยู่ในสภาพเลวร้าย