ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 1040 ประมุขในหมู่คนเป็นศิษย์หลาน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เป็นเพราะว่าจักรพรรดินีมาถึงและจักรพรรดิเอกภพได้รับบาดเจ็บ ผืนดินที่ครอบคลุมท้องฟ้าก่อนหน้านี้จึงค่อยๆ แตกร้าวออกมา

ทะเลหวงเจียได้เห็นเดือนเห็นตะวัน แต่ว่าภาพทิวทัศน์กลายเป็นอีกลักษณะหนึ่งไปตั้งแต่แรกแล้ว

ในตอนนี้ทั่วทั้งทะเลหวงเจียมีกลิ่นอายอันแข็งแกร่งสามสายกำลังพุ่งจากเขารอบวง มายังเขากว่างเฉิงบนดินแดนจิตคุณธรรมในทะเลหวงเจีย

ประกายกระบี่ที่แยกฟ้าดินมาถึงในชั่วพริบตา บรรลุถึงด้านหน้าทุกคน ก่อนที่มันจะค่อยๆ จางลง ปรากฏเงาคนสามสาย

คนหนึ่งในนี้คือชายหนุ่มในอาภรณ์สีขาว ร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่ง หน้าหล่อเหลาดูดี บุคลิกไม่ธรรมดา เขาแขวนกระบี่ยาวเล่มหนึ่งไว้ที่เอว แม้ว่ากระบี่จะอยู่ในฝัก แต่กลับบันดาลให้ผู้คนเกิดความรู้สึกสะท้านไปทั้งวิญญาณ

หากเกิดมันหลุดออกจากฝัก ฟ้าจะต้องถล่มดินจะต้องทลายแน่

ประกายกระบี่ละลานตาครอบคลุมร่างของคนหนุ่มอาภรณ์สีขาวผู้นี้ไว้ ที่ที่เขาพุ่งผ่าน มิติเวลาราวกับถูกฟันออก สรรพสิ่งพากันหลีกทาง

ด้านซ้ายด้านขวาของคนหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้นี้ยังมีคนอีกฝั่งละหนึ่งคน

คนทางขวาคือบุรุษวัยกลางคน เขาไม่ได้มีหน้าตาโดดเด่นนัก แต่ตอนนี้มีประกายกระบี่พร่างพราวคลุมร่าง ราวกับต้องการเบิกฟ้าเปิดดิน

ส่วนคนทางซ้ายเป็นคนหนุ่มในอาภรณ์สีดำ องคาพยพองอาจ แต่ว่ามีบุคลิกเย็นชา เงียบงันไม่กล่าววาจา ประกายกระบี่บนร่างของเขาไม่โชติช่วงนัก เพียงแต่ร่วมทางกับคนหนุ่มอาภรณ์ขาวและบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นมาถึงด้านหน้าจักรพรรดิเอกภพและจักรพรรดินีอย่างเงียบๆ

สามคนมองเขากว่างเฉิงก่อน พอเห็นเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สองพ่อลูก และเขากว่างเฉิงยังปลอดภัยก็พยักหน้าเล็กน้อย

หลังจากพวกจวงเซินและหลางชิงเห็นเหตุการณ์นี้ ม่านตาของพวกเขาก็หดตัวลงอย่างไม่อาจควบคุม

คนหนุ่มอาภรณ์ขาวพยักหน้า สามคนทักทายจักรพรรดินีก่อน “ผู้เยาว์คารวะจักรพรรดินี”

จักรพรรดินีพยักหน้า “พวกท่านมาสายไปบ้างนะ”

“เป็นพวกข้าชักช้าเอง” คนหนุ่มอาภรณ์ขาวโค้งตัวคำนับ จากนั้นก็ยืดกายขึ้นมองจักรพรรดิเอกภพกำเนิด “จักรพรรดิเอกภพ”

สายตาของจักรพรรดิเอกภพกำเนิดเลื่อนจากร่างของเยี่ยนจ้าวเกอไปอยู่บนตัวของพวกคนหนุ่มอาภรณ์ขาว บัดนี้นิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา

ประมุขประจิมหลางชิงที่อยู่ด้านข้างปั้นสีหน้าเคร่งขรึม “ไป๋เทา พวกท่านถึงกับมาที่นี่”

คนหนุ่มอาภรณ์ขาวคนนั้นกล่าว “ท่านกับจวงเซินแม้ว่าจะมีการคบหากับเขตฟ้าแดงหรดีค่อนข้างดี แต่ท่านอาจารย์มีคำสั่ง ข้าย่อมต้องทำตามคำสั่งของท่านอาจารย์ ไม่ใช่อาศัยผลประโยชน์ที่พวกท่านมอบให้”

คนหนุ่มอาภรณ์ขาวมีชื่อว่าไป๋เทา แต่กลับมีชื่อที่ทุกคนคุ้นเคยในโลกซ้อนโลกเคยมากกว่า นั่นก็คือประมุขหรดี จ้าวผู้ปกครองเขตฟ้าแดงหรดี

ถ้าหากว่าไป๋เทาเป็นแค่ประมุขหรดี สีหน้าของจักรพรรดิเอกภพคงไม่จริงจังขนาดนี้

สิ่งที่ทำให้จักรพรรดิเซียนจริงแท้ที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนกริ่งเกรงขนาดนี้ สาเหตุไม่ได้อยู่ที่ตัวพวกไป๋เทาสามคน แต่อยู่ที่อาจารย์ของพวกเขา

พวกประมุขหรดีไป๋เทาต่างก็เป็นลูกศิษย์ของสำนักเขานครหยก บนยอดเขาเป่ยเกาเหนือเขาคุนหลุนในเขตมหานภากลาง

อาจารย์ของพวกเขาก็คือกษัตริย์กระบี่ ตัวตนที่อยู่สูงที่สุดในโลกซ้อนโลก และเป็นหนึ่งในสามกษัตริย์!

แม้วัยวุฒิและคุณวุฒิของกษัตริย์กระบี่จะมีน้อยที่สุดในสามกษัตริย์ แต่ที่แล้วมาก็ถูกจัดให้อยู่ในแถวเดียวกับกษัตริย์ดินและกษัตริย์เร้นลับ แสดงแสนยานุภาพไปทั่วสี่ทะเล

ปัจจุบันเขาอยู่ที่มิตินอกแดน ยังไม่ได้กลับมา แต่การปรากฏตัวขึ้นที่นี้ของพวกไป๋เทา ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้คนเกิดความคิดเชื่อมโยง โดยเฉพาะอาศัยหน้าของพวกเขาสามคน ก็ไม่จำเป็นต้องให้จักรพรรดินีลงมือแล้ว

“เยี่ยนจ้าวเกอได้รับมรดกของจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยไป ก็เพราะเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงของอิ่นเทียนเซี่ย!” หลางชิงกล่าวเสียงแหบพร่า “ต่อให้กษัตริย์กระบี่เสียดายผู้มีความามารถ ความยุ่งเหยิงในนี้ก็จำเป็นต้องใคร่ครวญ…”

ไป๋เทาส่ายหน้า “หลางประจิม ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ”

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ ถอนใจยาว “พวกเขาแซ่เยี่ยน!”

หลางชิงงงงวย “แซ่เยี่ยน…รอเดี๋ยว!”

เขาทำท่าเหมือนเห็นผี มองเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สองพ่อลูกอย่างสับสน “เป็นเยี่ยนผู้นั้น?!”

จวงเซิน นักพรตเทียนอี้ เลี่ยนจู่หลิน จนไปถึงเฉาเจี๋ยและหลิวเจิงกู่ตอนแรกยังสงสัย ต่อจากนั้นใบหน้าก็ฉายแววแตกตื่น

ทุกคนมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ เลี่ยนจู่หลินหลุดปาก “พวกเขาเป็นลูกหลานของเยี่ยนซิงถาง!”

คนมากมายบนเขากว่างเฉิงรู้สึกงงงัน แต่ก็มีคนส่วนหนึ่งที่มีชื่อหนึ่งซึ่งมีอยู่แค่ในประวัติศาสตร์และตำนาน ลอยขึ้นมาในห้วงความคิดของพวกเขา

เยี่ยนซิงถาง

เทียบกับชื่อเดิมแล้ว มีคนที่รู้จักเขาในชื่อราชันพระศุกร์ หนึ่งในเก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่ที่ได้สร้างโลกซ้อนโลกขึ้น!

เทพกระบี่เยี่ยนซิงหลาง ผู้ฝึกมรรคากระบี่อันดับหนึ่งแห่งสำนักเต๋าหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่!

ตำนานที่ทำให้พวกหลางชิงและจวงเซินรู้สึกห่างไกล เมื่อเชื่อมโยงกับภาพตรงหน้า กลับไม่ใช่ว่าจะไร้เหตุผล

กษัตริย์กระบี่ซึ่งเป็นหนึ่งในสามกษัตริย์ในปัจจุบัน ก็คือลูกศิษย์และผู้สืบทอดของราชันพระศุกร์!

“กษัตริย์กระบี่ไม่ได้เข้าใจผิดใช่หรือไม่” จวงเซินเอ่ยเสียงทุ้ม “สองพ่อลูกตระกูลเยี่ยนแห่งเขากว่างเฉิงมาจากโลกเบื้องล่างใบหนึ่ง ไม่ใช่คนที่อาศัยอยู่ในโลกซ้อนโลก ถ้าหากว่าแซ่เดียวกัน ราชันพระอาทิตย์ซึ่งเป็นหนึ่งในเก้านพเคราะห์แห่งคุนหลุนในอดีต กับกษัตริย์ลี้ลับแห่งมรกตท่องฟ้าก็แซ่เกาเหมือนกัน แต่ไม่เห็นพวกเขาจะมีความเกี่ยวพันทางด้านสายเลือด!”

ไป๋เทามองจวงเซิน เห็นอีกฝ่ายแม้จะมีสีหน้าใจเย็น แต่ว่าดวงตากลับร้อนรนเหมือนเปลวเพลิง

เขาถอนใจเสียงเบา เอ่ย “เป็นลูกหลานของท่านอาจารย์ แต่ไม่ใช่ลูกหลานธรรมดา” จากนั้นเขาก็มองไปยังเยี่ยนตี๋ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน “จะว่าไปแล้ว ข้าผู้แซ่ไป๋ยังต้องเรียกเขาว่าอาจารย์อา”

จวงเซินมองเยี่ยนตี๋อย่างเหลือเชื่อ “เขาคือบุตรของราชันพระศุกร์หรือ?!”

“พวกจวงเซินกับหลางชิงไม่เคยได้ยินมาก่อนไม่ถือว่าแปลก” จักรพรรดินียามนี้เอ่ยอย่างราบเรียบ “ภรรยาของราชันพระศุกร์เป็นใคร กานหยวนจื่อท่านน่าจะเคยได้ยินมาก่อนกระมัง”

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดที่เงียบงันมาโดยตลอด ตอนนี้ในที่สุดก็เอ่ยขึ้น “ตี๋ชิงเหลียนจักรพรรดิกระบี่ ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์แห่งมรกตท่องฟ้า!”

เยี่ยนซิงถางเทพกระบี่

ตี๋ชิงเหลียนจักรพรรดิกระบี่

ในปัจจุบันมีไม่กี่คนที่ล่วงรู้ถึงการเกี่ยวดองกันของอัจฉริยะมรรคากระบี่ที่มีความสามารถน่าทึ่ง มีชื่อสะท้านทั่วฟ้า และโดดเด่นที่สุดในสำนักเต๋าหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เมื่อหลายพันปีก่อน แต่กลับโด่งดังยิ่งในตอนที่จักรพรรดิเอกภพกำเนิดยังเยาว์

“เยี่ยน…ตี๋ เยี่ยนตี๋ เยี่ยนตี๋อันประเสริฐ!” ใบหน้าของจักรพรรดิเอกภพกำเนิดแปรเปลี่ยน “ถ้าหากไม่ได้เรียกชื่อเช่นนี้ ข้ากลับไม่ทันสังเกตชื่อแซ่ของเขา”

เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ด้านข้างเงียบๆ เขาหันหน้าไปมองเยี่ยนตี๋ เห็นบิดามีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย เพียงแต่สายตาคมกริบกว่าเดิม

จากนั้นเขาก็มองจักรพรรดิเอกภพกำเนิด พอจะจินตนการความคับข้องของอีกฝ่ายออก

ชื่อของเยี่ยนตี๋ เป็นการรวมแซ่ของบิดามารดา

ว่ากันว่าราชันพระศุกร์สองสามีภรรยาได้ล่วงลับไปเมื่อสองพันปีก่อนแล้ว แต่เยี่ยนตี๋ในตอนนี้ยังมีอายุไม่ถึงหนึ่งร้อยปี!

นี่จะอย่างไรก็ไม่สอดคล้องกัน

หากบอกว่าเป็นความบังเอิญ ยังจะมีคนเชื่อถือมากกว่า

สายตาของพวกจักรพรรดิเอกภพกำเนิดที่มองไปยังจักรพรรดินีและไป๋เทาเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังหลอกลวงตนอยู่

“ข้าเคยเห็นภาพของราชันพระศุกร์มาก่อน” จักรพรรดิเอกภพกำเนิดระบายลมหายใจยาว “ถ้าหากเป็นบิดาบังเกิดเกล้า ไหนเลยจะไม่มีส่วนที่คล้ายกัน เลือดเนื้อเชื้อไขของเทพกระบี่และจักรพรรดิกระบี่เรียนวิชาดาบหรือ? ความขัดแย้งที่มากมายขนาดนี้ พวกท่านไฉนจึงแน่ใจว่าเขาเป็นลูกหลานของราชันพระศุกร์ได้”

จักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงหัวเราะเย็นชา คร้านจะเอ่ยตอบ

ประมุขหรดีไป๋เทากลับยังคงรักษามารยาท ประสานมือให้จักรพรรดิเอกภพกำเนิด “จักรพรรดิเอกภพ ท่านลองดูตรงนั้น”

จักรพรรดิเอกภพมองตามนิ้วของเขาไป สายตาพลันกลายเป็นคมกริบ

กลุ่มเมฆที่เหมือนกับบัวบานกลุ่มหนึ่งลอยอยู่บนศีรษะของเยี่ยนตี๋อย่างเงียบสงบ

โกลาหลพร่ามัว มืดมิดมัวซัว เส้นแบ่งของมิติและเวลาในเมฆกลุ่มนี้กลายเป็นเลอะเลือน

………………..