แต่ไหนแต่ไรมา เย่เฉินก็ไม่อยากเป็นคนดีเท่าไรนัก
บางครั้งเขาเห็นคนอื่นน่าสงสาร ก็เลยอยากจะช่วย
แต่อย่างน้อย ฝั่งตรงข้ามก็ต้องรู้ผิดชอบชั่วดีบ้าง
ถ้าอีกฝั่งไม่รู้ผิดชอบชั่วดีบ้าง เขาก็คงไม่ช่วยแบบ เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่ง แล้วเอากระดูกไปแขวนคอหลอก
บางคนก็ดื้อรั้น ไม่สู้ให้เขาได้ไปลองลิ้มรสชาติของผลลัพธ์ที่ตนเองก่อขึ้นเองดีกว่า
เพราะถึงอย่างไรเขาก็ทำตัวเอง อนาคตพอตกหลุมพรางแล้ว ตัวมาโอดครวญก็ไม่มีใครช่วยได้
ดังนั้นเขาก็อยากจะเปลี่ยนเรื่องคุยไปเสีย แล้วพูดว่า “ถ้าพวกคุณอยากจะธุรกิจด้านการเงินกัน เดี๋ยวไว้ค่อยสร้างกลุ่มคุยกันก็แล้วกัน วันนี้เรามาเชิญป้าหลี่กินข้าว ตั้งนานแล้วยังไม่ได้สั่งอาหารเลย”
เจี่ยงหมิงก็อารมณ์ดีขึ้นมา พูดยิ้มตาหยีว่า “มาๆๆ เอาเมนูอาหารให้ป้าหลี่เลย ให้ป้าหลี่เป็นคนสั่ง!”
ป้าหลี่ก็รีบโบกปัด แล้วพูดว่า “ไม่ต้องๆ ป้าไม่เคยมาสถานที่ดีๆ แบบนี้ จะให้สั่งอาหาร ป้าสั่งไม่เป็นหรอก พวกเธอหนุ่มๆ สาวๆ ก็สั่งกันเลยเถอะ”
เจี่ยงหมิงก็รับเอาเมนูมาเอง แล้วยิ้มพูดว่า “งั้นก็ให้ผมสั่งแล้วกันครับ!”
จากนั้นเขาก็เรียกพนักงานมาทันที แล้วพูดว่า “มา สั่งอาหาร”
พนักงานก็เข้ามา เจี่ยงหมิงก็รีบสั่งอาหาร แต่ครั้งนี้เขามีแผนอยู่ อาหารที่สั่งก็เอาแพงๆ ทั้งนั้น
อย่างแรก ก็สั่งหอยเป๋าฮื้อให้ทุกคน คนละตัว เมนูนี้ ก็มีราคาคนละ1888หยวน
จ้าวโจ๋วเหลือบไปเห็นเมนู ก็ตกใจพูดว่า “โหพี่หมิง เมนูนี้มันแพงไปหน่อยรึเปล่าพี่ แค่เมนูนี้เมนูเดียวก็จะ2หมื่นแล้วนะ!พวกเรา….จ่ายไม่ไหวหรอกพี่!”
เนื่องจากอาหารมื้อนี้เจี่ยงหมิงเสนอว่าจะจ่ายเองครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งก็ให้ทุกคนหารกัน ก็คือว่าทุกคนจะต้องควักจ่ายเหมือนกัน เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาบอกไม่หมดก็เท่านั้นเอง
แต่ว่าอาหารมื้อนี้มันแพงมาก ต่อให้เจี่ยงหมิงออกเงินไปครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือนั้น สำหรับคนอื่นๆ แล้ว ก็ต้องจ่ายเยอะอยู่เหมือนกัน
ตอนนี้เจี่ยงหมิงก็มองจ้าวโจ๋วเยว่ด้วยสีหน้ารำคาญ แล้วพูดว่า “ถึงว่าล่ะ ว่าที่แม่ยายของเอ็งถึงได้ไม่ยอมลดค่าสินสอด ก็เพราะเอ็งขี้เหนียวอย่างนี้นี่แหละ แค่ออกมากินข้าวก็ตกใจขนาดนี้ แม่ยายเอ็งเลยต้องเอาสินสอดเยอะๆ เผื่อลูกสาวเขาจะได้ไม่ลำบากไงล่ะ!ถ้าวันนี้ต้องเชิญแม่ยายเอ็งมากินข้าว แล้วเอ็งตกใจจนไม่กล้าสั่งอาหาร แล้วจะทำอย่างไร? พวกเขาจะมองเอ็งยังไงห้ะ? ”
จ้าวโจ๋วเยว่ก็หน้าเสีย แล้วก็พูดอย่างกลุ้มใจว่า “พี่หมิง ผมไม่ได้มีเงินแบบพี่ บอกตามตรง ตอนนี้ผมใช้อาทิตย์ละ100หยวน เพื่อประหยัดเงิน ทุกวันนี้ก็กินหมั่นโถวกับน้ำเย็นในบริษัททุกวัน แม้แต่หม้อต้มน้ำร้อนผมยังอดใจไม่ซื้อเลย”
เจี่ยงหมิงก็พูดเสียงเย็นว่า “ถึงว่าเอ็งถึงได้จนนัก ก็ความคิดแบบเอ็งนี้ ไม่ยอมเสียเงินซื้ออะไรเลยแบบนี้ จะไปหาเงินได้อย่างไร เอ็งไม่จนแล้วใครจะจนล่ะวะ? ”
นิ่งไป แล้วเจี่ยงหมิงก็พูดว่า “เงินมันเป็นยังไงรู้ไหม? มันต้องใช้จ่ายถึงจะได้มันมาอีก ถ้าไม่ใช้จ่ายแล้วจะเป็นไง? ใส่ไว้ในกระเป๋าก็เป็นแค่กระดาษ เอาไว้ในธนาคารก็เป็นแค่ตัวเลข อีกอย่าง พี่ก็ได้บอกเอ็งแล้วว่าจะช่วยหาเงิน ถ้าเอ็งมาทำเป็นไม่ยอมกับค่าอาหารแค่นี้ งั้นพี่ก็ไม่คบค้าสมาคมกับเอ็งแล้วล่ะ โทษทีนะ”
พอจ้าวโจ๋วเยว่ได้ยินดังนั้น ก็รีบหุบปากของตนเองทันที
เขาได้เอาเจี่ยงหมิงเป็นคนที่จะช่วยชีวิตเขาแล้ว ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็จะไม่หักหน้าเจี่ยงหมิงเด็ดขาด
ไม่เช่นนั้นล่ะก็ ชีวิตของตนเอง ก็จะไม่มีความหวังอะไรอีกเลย
ตอนนี้คนอื่นๆ ก็รู้สึกว่าอาหารที่เจี่ยงหมิงสั่งไป ราคามันสูงไป แต่พอได้ยินคำที่เขาสั่งสอนจ้าวโจ๋วเยว่แล้ว ทุกคนก็ไม่อยากจะส่งเสียงอะไรออกมาอีก
ล้วนรู้สึกว่าเขาก็ได้ออกเงินไปครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนที่เหลือก็ให้ทุกคนออก ถ้าทุกคนยังบอกว่าจนอีกล่ะก็ ก็จะเสียหน้าไม่น้อย
ในตอนนี้เจี่ยงหมิงก็พูดกับพนักงานว่า “กุ้งมังกรหนัก5กิโลกรัม เอามาให้พวกเรา1ตัว”
พนักงานก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “คุณครับ กุ้งมังกรอย่างดีของเราที่นี่ ราคากิโลกรัมละ688หยวน ได้ไหมครับ? ”
———