บทที่ 1281 ลอบสังหาร

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,281 ลอบสังหาร

หลินเป่ยเฉินผุดลุกขึ้นยืนทันที

‘ฆาตกรคือพวกท่านเองหรือ?’

เขาส่งข้อความถามกลับไป

นักเวทเฒ่าไม่ได้ตอบกลับมา

แต่กลับส่งตำแหน่งที่อยู่มาให้แทน ‘ครึ่งชั่วยามหลังจากนี้ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่’

หลินเป่ยเฉินลังเลเล็กน้อยก่อนตอบตกลง ‘รับทราบ’

เขาจำเป็นต้องตกลง

เรื่องราวชักจะบานปลายเกินไปแล้ว

นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะมาเจรจากันอีกต่อไป

ความเคร่งเครียดปรากฏขึ้นบนสีหน้าของหลินเป่ยเฉิน

ครั้งที่แล้ว เขาปฏิเสธคำเชิญของใต้เท้ากั้ว ไม่ยอมไปพบเป็นการส่วนตัว หรือว่าครั้งนี้พวกเขาจะเปลี่ยนรูปแบบคำเชิญเป็นอย่างอื่น?

หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าตนเองประเมินฝ่ายตรงข้ามต่ำมากเกินไป

นี่สะท้อนให้เห็นถึงความประมาทในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ของเขาทั้งหมด

เนื่องจากทุกอย่างดำเนินไปด้วยความราบรื่น หลินเป่ยเฉินไม่เคยเผชิญหน้าผู้ขัดขวางในดินแดนทวยเทพ เพราะฉะนั้น เด็กหนุ่มจึงหลงเข้าใจว่าในดินแดนแห่งนี้คงไม่มีอันตรายใด ๆ ที่จะเล่นงานเขาได้

และนี่ก็ทำให้หลินเป่ยเฉินเข้าใจโครงสร้างทางอำนาจของดินแดนทวยเทพอย่างชัดเจนแล้ว

โดยเฉพาะอำนาจของเผ่าเทพพงไพร

ไม่ได้การ เขาต้องรีบตั้งสติ

หลินเป่ยเฉินพยายามควบคุมสติอารมณ์ให้เยือกเย็นลง

เขานึกทบทวนดูว่าตนเองมีไพ่เด็ดอะไรอยู่ในมือบ้าง

จากนั้นจึงเตรียมตัวให้พร้อม

ที่อยู่ที่นักเวทเฒ่าส่งมาให้นั้นเป็นพื้นที่ตอนกลางของเมืองเยี่ยเฉิง

ไม่ไกลจากคฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝูสักเท่าไหร่

หลินเป่ยเฉินไม่ได้เดินทางอย่างเร่งรีบ

เพราะว่าเขากำลังใช้เวลาเดินไปด้วยขบคิดไปด้วย

สถานการณ์บานปลายมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้

ระหว่างที่สองเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าตนเองสมควรร้องขอความช่วยเหลือ

ดังนั้น เขาจึงส่งข้อความไปหาเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงทางวีแชต

แต่นางกลับไม่อ่านข้อความของเขาเลย

หลินเป่ยเฉินครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก็เปิดแอปพลิเคชันสำหรับทำนายดวงชะตาให้แก่ตนเอง

‘วันนี้เหมาะกับการเดินทาง’

‘วันนี้เหมาะการพบมิตรสหาย’

‘ห้ามทำลายข้าวของ…’

ก็น่าจะโชคดีนี่นา

แต่หลินเป่ยเฉินไม่ได้ใช้แอปนี้นานแล้ว เขาจึงไม่รู้เลยว่ามันจะดูดวงแม่นอยู่หรือไม่

แต่เมื่อครั้งสุดท้ายนั้น…

ไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่

บนถนนมีผู้คนบางตา

พื้นที่ตอนกลางของเมืองเยี่ยเฉิงได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมด เดิมทีมันเคยเป็นเมืองร้างที่มีตรอกซอกซอยคดเคี้ยวอยู่เต็มไปหมด

มีแม้แต่ถนนที่ถูกทิ้งร้าง

หลินเป่ยเฉินเดินตามการนำทางของโทรศัพท์มือถือและเลือกเส้นทางที่รวดเร็วมากที่สุด และเส้นทางบนหน้าจอก็บอกว่าเขาต้องเดินผ่านถนนร้างสายนี้ไป

ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรลอยมาตามสายลม

ยามนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ท้องฟ้ามืดสลัวเป็นอย่างยิ่ง

หลินเป่ยเฉินเร่งฝีเท้าก้าวเดินไปข้างหน้าให้รวดเร็วมากขึ้น

ทันใดนั้น…

วูบ!

บังเกิดเสียงวัตถุแหวกอากาศดังขึ้น

หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบด้วยความตื่นตระหนก

เป็นลูกศรดอกหนึ่งพุ่งเข้ามา

จังหวะที่เขาได้ยินเสียงนั้น ลูกศรก็มาถึงเบื้องหน้าหลินเป่ยเฉินแล้ว

เด็กหนุ่มไม่มีเวลากระโดดหลบหนี

เขายกมือขึ้นตามสัญชาตญาณ

ฉึก!

ลูกศรปักเข้าใส่แขนของเขาส่งเลือดสาดกระจาย

นี่มีคนต้องการฆ่าเราอย่างนั้นหรือ?

ระหว่างที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว ที่แขนของหลินเป่ยเฉินก็รู้สึกเจ็บปวดแปลบปลาบ

อย่างน้อยมือยิงธนูก็มีขั้นพลังไม่ต่ำกว่านักรบเทวะระดับสูง

หลินเป่ยเฉินสามารถคำนวณได้ไม่ยาก

ฉับพลันนั้น ในเงามืดที่ห่างออกไป ได้ยินเสียงสายธนูดีดตัวดังขึ้นอีกครั้ง

แล้วจุดสะท้อนแสงจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้ามาหาเขาจากในความมืด

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต

เขารีบโคจรพลังอัคคีเทวะขึ้นมาทันที

เปลวไฟสีแดงพวยพุ่ง

ลูกธนูเหล่านั้นยังไม่ทันเข้าถึงตัวหลินเป่ยเฉิน พวกมันก็ถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน

แม้แต่ลูกศรที่ปักอยู่บนแขนของเขาก็ละลายไปแล้ว

“เป็นผู้ใด?”

หลินเป่ยเฉินร้องตะโกน “รีบเสนอหน้าออกมาให้กับข้า”

แต่คำตอบที่เขาได้รับคือฝูงลูกธนูระลอกสอง

หลินเป่ยเฉินหมุนข้อมือวูบ แล้วกระบี่เพลิงโลกันตร์ก็มาปรากฏอยู่ในมือของเขา

เด็กหนุ่มควงกระบี่

สร้างกำแพงวายุขึ้นมากำบังร่างกาย

กำแพงวายุมีเปลวเพลิงลุกโชน

ลูกธนูเหล่านั้นเมื่อเผชิญหน้ากับกำแพงวายุ พวกมันก็หายวับไปในอากาศอย่างไม่น่าเชื่อ

ได้ยินเสียงพึมพำบริกรรมคาถา

แล้วหมอกควันสีเขียวก็ตลบฟุ้งทั่วถนนร้าง

นี่คือหมอกพรางตา

ในอากาศมีแต่กลิ่นเหม็นคาว

วิชาเวทมนตร์อย่างนั้นหรือ?

นอกจากมีมือธนูแล้ว ยังมีนักเวทร่วมโจมตีด้วย?

หรือว่าจะเป็นนักเวทชราผู้นั้น?

ไม่น่าใช่

ไม่น่าใช่เด็ดขาด

นักเวทเฒ่าเป็นข้ารับใช้ในอาณัติของใต้เท้ากั้ว ตัวเขาย่อมมีระดับพลังสูงส่ง หากคิดอยากจะฆ่าหลินเป่ยเฉินก็ไม่จำเป็นต้องกระทำเรื่องการลอบสังหารให้เหนื่อยแรงเปล่า…

หลินเป่ยเฉินคิดด้วยสติที่แจ่มใส ในเวลาเดียวกันนี้ พลังอัคคีเทวะก็แล่นพล่านไปทั่วร่างกาย

เปลวไฟลุกโชนโชติช่วงกลายเป็นเกราะเพลิงบนร่างกายของเด็กหนุ่ม

ด้วยพลังของเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ หมอกควันสีเขียวเหล่านั้นจึงไม่สามารถเข้าใกล้ตัวหลินเป่ยเฉินได้เลย

ฉ่า! ฉ่า! ฉ่า!

หมอกควันเหล่านั้นถูกเผาไหม้ เกิดเป็นเสียงคล้ายกับกระทะน้ำมันเดือด

แต่ยิ่งหมอกควันละลาย พวกมันก็ยิ่งกระจายตัวหนาแน่นมากกว่าเดิม

ได้ยินเสียงพึมพำในอากาศดังขึ้นไม่หยุด

ในเวลาเดียวกันนี้ หลินเป่ยเฉินสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวในอากาศ

ศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ลงมือโจมตีแล้ว

หลินเป่ยเฉินตวัดกระบี่ในมือออกไปโดยไม่ลังเล

“กระบวนท่ากระบี่ที่ 8”

นี่คือกระบวนท่าที่โทรศัพท์มือถือของเขาประมวลออกมาเอง

ได้ยินเสียงคมกระบี่ฟันเข้าใส่ผู้คน

มือสังหารที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มหมอกหนามีอยู่ด้วยกันสี่ชีวิต เพียงพริบตาเดียวพวกมันก็ถอยร่นกลับไป

“ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้”

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำรามแหบต่ำ โคจรพลังศักดิ์สิทธิ์และใช้วิชาเวทมนตร์เถาวัลย์สายฟ้าออกไป

เมื่อผนวกเข้ากับพลังอัคคีเทวะ เถาวัลย์ที่พุ่งทะลุขึ้นมาจากพื้นดินก็มีเปลวไฟลุกโชนสว่างไสว

แต่การโจมตีกลับไม่เป็นผล

เพราะว่านักเวทที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมีความคล่องแคล่วปราดเปรียว จึงสามารถหลบหลีกการโจมตีได้อย่างทันท่วงที

หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะ

คิดว่าจะสามารถหลบหนีได้ตลอดงั้นหรือ?

หลินเป่ยเฉินโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์

แล้วเถาวัลย์จำนวนมากก็พุ่งทะลวงขึ้นมาจากใต้พื้นดินทุกทิศทุกทาง

วูบ!

เสียงวัตถุแหวกอากาศดังเข้ามาอีกครั้ง

เป็นหอกเล่มหนึ่ง

เป็นฝีมือการโจมตีของนักรบเทวะระดับสูงอีกเช่นเคย

หลินเป่ยเฉินเงี่ยหูฟังพร้อมกับยกกระบี่ขึ้น

เคร้ง!

กระบี่ของเขาปะทะเข้ากับหอกที่พุ่งเข้ามา

หอกเล่มนั้นละลายกลายเป็นโลหะหลอมเหลวไปทันที

หมอกควันลอยขึ้นในอากาศ

เจ้าของหอกก็ละลายไปพร้อมกับอาวุธของตนเอง แม้แต่กระดูกก็ไม่มีเหลือ

ห่างไกลออกไปสองลี้

ก่ายปาหวงอดขมวดคิ้วไม่ได้เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ที่ถูกฉายผ่านม่านพลังเบื้องหน้า

ภาพเหตุการณ์ที่อยู่ในม่านพลังนั้นคือฉากการต่อสู้ของหลินเป่ยเฉินในถนนร้าง

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเขาถึงฆ่าคนของเราได้อีกแล้ว?”

ก่ายปาหวงไม่พอใจมากที่เห็นหอกผนึกมังกรเซี่ยอวิ๋นหลงถูกฆ่าตายในกระบวนท่าเดียว “แน่ใจหรือว่านี่คือยอดมือสังหารชื่อดังในหุบผาอเวจี?”

บุรุษหนุ่มผมม่วงดวงตาสีม่วงแต่งกายด้วยชุดเสื้อผ้าหรูหราแสยะยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ “ไม่ต้องกังวลไป นี่เป็นเพียงการเรียกน้ำย่อยเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น เจ้าเด็กนั่นถูกศรพรากวิญญาณยิงเข้าไปแล้ว ต่อให้มันสามารถฆ่ามือสังหารทั้งห้าคนได้สำเร็จ ก็คงมีชีวิตอยู่รอดได้อีกไม่นาน”

ก่ายปาหวงกล่าวว่า “ข้าอยากให้มันตายโดยเร็วที่สุด คนผู้นี้มีสถานะไม่ธรรมดา ทุกฝ่ายต่างก็เป็นกังวลหมดสิ้น”

“วางใจเถอะ ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของข้า”

บุรุษหนุ่มผมม่วงสะบัดพัดขนนกในมือและยิ้มด้วยความมั่นใจ “ข้าตื่นเต้นจริง ๆ ที่จะได้สังหารอัจฉริยะผู้ทำให้ทั้งเมืองสั่นสะเทือนคนนี้ด้วยมือของข้าเอง ทุกครั้งที่ข้าลงมือ มีหรือที่ข้าจะผิดพลาด? ตราบใดที่ข้อมูลที่ท่านให้ข้ามานั้นแม่นยำ วันนี้มันจะต้องตายอย่างแน่นอน”