บทที่ 1283 หอกแห่งตะวันพานตั่วชิง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,283 หอกแห่งตะวันพานตั่วชิง

“ไม่ได้”

หลินเป่ยเฉินปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะใช้สันมือฟาดลงไปที่ต้นคอของเซี่ยไฉ่เหวินเสียงดังพลั่ก

บุรุษหนุ่มผมม่วงคอเอียงไปทันที

คุณชายผู้สูงศักดิ์อย่างเขาไม่เคยประสบพบเจอการถูกทำร้ายเช่นนี้มาก่อน

เขาย่อมไม่อยากคอหักตายเช่นนี้

เซี่ยไฉ่เหวินรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน

แต่ด้วยขั้นพลังที่แข็งแกร่ง แม้เส้นประสาทที่ลำคอจะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง บุรุษหนุ่มผมม่วงก็ยังไม่หมดสติลง

เซี่ยไฉ่เหวินพูดตะกุกตะกักออกมาอย่างยากลำบาก “คือว่า… ข้าน้อยเป็นผู้จัดหามือสังหาร ทุกครั้งที่ลงมือย่อมมีผู้คนจ้างวาน และเช่นกันที่ทุกครั้งที่มีผู้จ้างวาน ข้าน้อยจะไม่ถามชื่อเสียงเรียงนามหรือจุดประสงค์ของการฆ่าจากนายจ้าง… ข้าน้อยเพียงแต่จะขอข้อมูลของเป้าหมายเท่านั้น… ไม่ทราบว่าคุณชายผู้สูงส่งจะปล่อยตัวข้าน้อยไปได้หรือไม่ ดินแดนทวยเทพช่างกว้างใหญ่ไพศาล หากในอนาคตคุณชายต้องการลอบสังหารผู้ใด ข้าน้อยยินดีลดราคาให้เป็นพิเศษ”

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นเพื่อนเล่นหรืออย่างไร?”

หลินเป่ยเฉินถามกลับไปเสียงแข็ง

“ข้าน้อยขอสาบาน ข้าน้อยไม่ทราบจริง ๆ ว่าผู้จ้างวานเป็นผู้ใด”

เซี่ยไฉ่เหวินตอบละล่ำละลัก

“อืม…”

หลินเป่ยเฉินพยักหน้า “งั้นข้าจะเก็บเจ้าไว้ทำไมอีก?”

เซี่ยไฉ่เหวินพูดอะไรไม่ออก

ลมหายใจต่อมา เปลวไฟก็ลุกโชนทั่วร่างกายของบุรุษหนุ่มผมม่วง

เขากลายเป็นเหมือนมนุษย์กระดาษติดไฟผู้หนึ่ง

“我@¥%…”

เซี่ยไฉ่เหวินอ้าปากพะงาบ ๆ ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาต้องการจะพูดอะไรออกมา

ในไม่ช้า ตัวคนก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน

หลินเป่ยเฉินหันหน้ากลับมา กล่าวว่า “ยังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?”

“ข้า…”

ก่ายปาหวงหวาดกลัวแทบตายแล้ว…

แต่เขายังไม่อยากตาย

เขายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

ความตายของเซี่ยไฉ่เหวินได้ทำลายจิตวิญญาณอันกล้าหาญของก่ายปาหวงไปหมดสิ้น

“หากข้าบอก ท่านจะปล่อยข้าไปหรือไม่?”

ก่ายปาหวงพยายามต่อรอง

เมื่อเห็นสีหน้าของชายวัยกลางคน หลินเป่ยเฉินก็ทราบดีว่าตนเองเดินหมากได้ถูกต้องแล้ว

“หากเจ้าบอกมา ข้าจะลองคิดดูก็แล้วกัน”

เด็กหนุ่มกล่าว

ก่ายปาหวงพูดด้วยความไม่มั่นใจ สีหน้าตื่นตระหนก “ไม่ได้ ท่านต้องรับปากก่อนว่า…”

เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย

ร่างกายของชายวัยกลางคนก็ชักกระตุกอย่างรุนแรง

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลานั้นปรากฏลำแสงสีเหลืองทองอร่ามพวยพุ่งออกมา

พร้อมกับมวลพลังมหาศาล

แสงสว่างคล้ายกับแสงตะวันพุ่งออกมาจากดวงตาของก่ายปาหวง

ตู้ม!

หลินเป่ยเฉินไม่ทันได้ตั้งตัวจึงถูกมวลพลังกระแทกลอยกระเด็นออกมา

ร่างของเขาลอยกระเด็นราวกับลูกปืนใหญ่ไปกระแทกกับป้อมปราการร้างหลังหนึ่ง เด็กหนุ่มไม่ทราบเลยว่าตนเองทะลุผนังเข้ามากี่ชั้น ก่อนที่ตัวคนจะหยุดเมื่อกระแทกเข้าใส่เสาหินใหญ่ต้นหนึ่ง…

ก่ายปาหวงยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว

ใบหน้ากลับปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยาม

พลังปราณเทวะที่แผ่ออกมาจากร่างกายเปลี่ยนแปลงไป

เห็นได้ชัดว่าแม้แต่ก่ายปาหวงก็ไม่ทันตั้งตัวกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

แสงสว่างราวกับดอกไม้ไฟพุ่งออกมาจากทุกรูขุมขนบนร่างของก่ายปาหวง

ความมืดมิดรอบกายถูกขับไล่ออกไป

และร่างของก่ายปาหวงก็ระเบิดกระจาย

เศษขี้เถ้าฟุ้งตลบในอากาศ

แต่ความเปลี่ยนแปลงยังไม่จบลง

เปรี้ยง!

บังเกิดลำแสงสีทองคำสว่างไสวฟาดเปรี้ยงลงมาจากฟากฟ้า

ตำแหน่งที่สายฟ้าทองคำฟาดลงมานั้นคือตำแหน่งที่หลินเป่ยเฉินนอนเจ็บตัวลุกไม่ขึ้น

ครืน! ครืน!

พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

อาคารหินที่เป็นซากปรักหักพังเกิดรอยแตกร้าว ในอากาศเต็มไปด้วยฝุ่นผงที่ร่วงกราวลงมาจากเพดานด้านบน

อุณหภูมิในอากาศร้อนระอุ แต่อุณหภูมิบนพื้นดินเย็นเฉียบ เมื่อความแตกต่างทั้งสองขั้วมาพบกัน จึงเกิดเป็นความผันผวนแสนพิสดาร

วูบ!

ทันใดนั้น ร่างของบุรุษหนุ่มสองคนพลันปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความมืดมิดภายในอาคารหินที่ถูกสายฟ้าทองคำฟาดลงมาเมื่อสักครู่

คนหนึ่งนั้นมีแสงสว่างราวกับแสงตะวันครอบคลุมร่างกาย

ในมือของเขาถือหอกทองคำ ยามลงมือโจมตี พลังกดดันก็คล้ายกับจะสามารถถล่มโลกได้ทั้งใบ

ส่วนอีกร่างหนึ่งนั้นชุ่มโชกไปด้วยโลหิต ชุดเกราะหนังขาดวิ่น ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าปกคลุมด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ หน้ากากที่หลงเหลือเพียงหนึ่งในสามส่วนเปิดเผยให้เห็นถึงใบหน้าที่แท้จริงแสนหล่อเหลา คนผู้นี้คือหลินเป่ยเฉินเอง

“เจ้าเป็นใครกันแน่?”

หลินเป่ยเฉินคำรามถามออกไป

บัดนี้ อาการของเขาไม่ดีแล้ว

เมื่อสักครู่ เด็กหนุ่มไม่ทันระวังตัว จึงถูกพลังศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งออกมาจากร่างของก่ายปาหวงซัดใส่เข้าอย่างจัง

ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส

พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนเร้นอยู่ในกายของก่ายปาหวงนั้นมีทั้งความรุนแรงและความบริสุทธิ์ ซึ่งเกินกว่าที่นักรบเทวะทั่วไปจะมีได้

ดังนั้น พลังในการทำลายล้างของก่ายปาหวงจึงเกินกว่าที่หลินเป่ยเฉินเคยจินตนาการเอาไว้

บุรุษร่างแสงทองคำโจมตีด้วยหอกในมืออย่างต่อเนื่อง ตลอดเวลาไม่พูดไม่จาสักคำ หลินเป่ยเฉินไม่เคยเห็นทักษะการต่อสู้เช่นนี้มาก่อนนับตั้งแต่ที่เขาขึ้นมาสู่ดินแดนทวยเทพ ทุกกระบวนท่าที่ใช้ออกมาล้วนแฝงด้วยพลังทำลายล้างน่าหวาดกลัว ซึ่งพร้อมที่จะทำให้หลินเป่ยเฉินตกตายใต้คมหอกนี้ได้ทุกเมื่อ

หลินเป่ยเฉินผู้ที่อยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัสจึงไม่มีเวลาได้เยียวยาบาดแผลของตนเอง

ร่างกายของเขาอ่อนล้าลงเรื่อย ๆ

ฟู่! ฟู่!

คมหอกทองคำทิ่มแทงใส่หลินเป่ยเฉินส่งผลให้โลหิตฉีดพุ่งออกมาจากร่างกายของเด็กหนุ่มเป็นระยะ

ม่านหมอกเลือดสาดกระจาย

“จะไม่สนใจกันจริง ๆ ใช่หรือไม่? หากครั้งนี้ไม่สนใจอีก ข้าคงต้องตายจริง ๆ แล้วนะ”

หลินเป่ยเฉินลอบสื่อสารผ่านทางพลังจิต

แต่วิญญาณของราชาหมาป่าศิลาก็ยังนิ่งเฉย

ไม่มีสัญญาณตอบรับจากบุคคลที่ท่านเรียก

หลินเป่ยเฉินพยายามสื่อสารอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล

เปรี้ยง!

เขาถูกลำแสงทองคำยิงเข้าใส่บริเวณช่วงท้องด้านล่าง ตัวคนจึงลอยกระเด็นออกไปราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่

ม่านฝนโลหิตโปรยปรายลงมาจากกลางอากาศ

“เชี่ย ช่วยตัวเองก็ได้วะ”

หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอดด้วยความแค้นเคือง และนำกระบี่เงินที่อาจารย์เฉินตีให้กับเขาออกมาถือในมือ

มือซ้ายของเขาถือกระบี่เพลิงโลกันตร์ มือขวาของเขาถือกระบี่เงิน

หลินเป่ยเฉินใช้ออกมาด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่เจ็ดจากเคล็ดวิชากระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทร

ตายเป็นตายกันล่ะงานนี้

เคร้ง!

กระบี่เงินปะทะเข้ากับคมหอกทองคำ

สะเก็ดไฟสาดกระจาย

ด้ามหอกเกิดรอยบุบขนาดเท่ากับเม็ดถั่วเหลือง

ส่วนกระบี่เงินก็เกิดรอยแตกร้าวเหมือนเปลือกไข่

“นี่มันอะไรกัน?”

บุรุษหนุ่มร่างทองคำอุทานออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ

เขารีบถอยกลับไปตั้งหลัก

ด้วยความรวดเร็ว

ลำแสงทองคำที่อยู่ในอากาศพลันถูกดูดเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วราวกับวาฬกระหายน้ำ

ทันใดนั้น พลังปราณเทวะและเงาร่างของเขาก็สลายหายวับไปในอากาศ

ราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น

พลังกดดันที่ถาโถมใส่หลินเป่ยเฉินพลันคลี่คลายลง เขาปักกระบี่ในมือซ้ายลงกับพื้นดินและหอบหายใจ

ศัตรูของเขาถอนตัวจากไปเพราะเห็นว่าหอกตนเองเกิดรอยบุบอย่างนั้นหรือ?

ไม่น่าเป็นไปได้

คนที่บงการแผนลอบสังหารในคืนนี้ น่าจะเป็นบุคคลผู้นี้เอง

เนื่องจากคนผู้นี้ระเบิดพลังแสงออกมาจากร่างกายของก่ายปาหวง นี่จึงไม่สามารถอธิบายเป็นอย่างอื่นได้อีกแล้วนอกจากก่ายปาหวงคือบริวารของคนผู้นี้

นับเป็นบุคคลที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

หลินเป่ยเฉินยืนตั้งสติอยู่พักใหญ่ สมองของเขาก็เริ่มแจ่มใสขึ้น…

ต่อให้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ และเป็นในตอนที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์พร้อมที่สุด หลินเป่ยเฉินก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะสามารถเอาชนะคนผู้นี้ได้หรือไม่

นี่เขาไปมีปัญหากับบุคคลที่น่ากลัวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

ยิ่งคิดหลินเป่ยเฉินก็ยิ่งไม่เข้าใจ

ในจังหวะนั้นเอง…

ห่างไกลออกไปไม่กี่วา เขตอาคมวงกลมขนาดใหญ่ก็เรืองแสงขึ้นบนพื้นดิน

หมอกควันสีดำพวยพุ่งขึ้นมา

ร่างของใครบางคนก้าวออกมาจากเขตอาคมนั้น

เป็นคนที่หลินเป่ยเฉินเคยพบเจอมาแล้ว

นักเวทชราข้ารับใช้ของใต้เท้ากั้วนั่นเอง

“ดูเหมือนเจ้าจะพบเจอปัญหาสินะ”

นักเวทชรากวาดสายตามองสภาพแวดล้อมที่พังพินาศ ก่อนจะหันกลับมาจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาชื่นชม

หลินเป่ยเฉินพลันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ปลอดภัยแล้ว

“ท่านมาได้อย่างไร?”

ระหว่างที่ถามคำถามนี้ เด็กหนุ่มก็โคจรพลังอัคคีเทวะรักษาการบาดเจ็บของตนเอง

อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากหอกทองคำและพลังศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายตรงข้ามเป็นสิ่งที่ยากต่อการเยียวยา

“เพราะว่าเจ้าไปสาย”

นักเวทชราตอบเสียงเรียบ “ดังนั้น ข้าจึงออกสำรวจรอบสถานที่นัดพบ และสังเกตพบว่าพื้นที่บริเวณนี้มีคลื่นพลังปั่นป่วนผิดปกติ ดังนั้นข้าจึงมาสังเกตการดูสักหน่อย ไม่คิดเลยว่า… จุ๊ ๆๆ เจ้าจะสามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของหอกแห่งตะวันพานตั่วชิงได้สำเร็จ นับว่าควรได้รับความชื่นชมจากข้าแล้ว”

หอกแห่งตะวันพานตั่วชิง?

หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนมาก่อน

หัวใจของเขากระตุกวูบ

เด็กหนุ่มเข้าใจบางสิ่งบางอย่างแล้ว!!