ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 91-1 สวินหยาง

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​เซ​วีย​เหอ​ตื่นเต้น​มาก​ ​มิใช่​เพราะ​เรื่อง​ที่​เฉิน​ฉาง​เซิง​ทำให้​ตน​หลุดพ้น​จาก​ความ​ทรมาน​และ​ฟื้น​คืน​กลับมา​ ​แต่​รู้สึก​ซาบซึ้ง​ที่​เขา​เก็บ​ศพ​พี่ใหญ่​และ​เข้าร่วม​พิธี​รำลึก​ ​ทั้ง​ยัง​ดูแลฮู​หยิน​ที่​เป็น​ม่าย​และ​หลานชาย​หลานสาว​ ​นอกจากนี้​ยัง​พิทักษ์​รักษา​ที่​ตอนเหนือ​และ​ตอน​ใต้​ของ​เมือง​ชง​โจว​…​ผ่าน​ไป​หลาย​ปี​ ​ค่าย​กองทัพ​ชง​โจว​ได้​ฟื้นฟู​ความรุ่งเรือง​กลับมา​เหมือน​ยุค​ที่​เซ​วี​ยสิ​่ง​ชวน​อยู่​ ​นอกจาก​ด่าน​ยง​หลาน​และ​ด่าน​ยง​เสวี​่ย​แล้ว​ ​ค่าย​กองทัพ​ชง​โจว​ยัง​ถูก​ขนานนาม​ว่า​เป็น​ค่ายทหาร​ที่​สำคัญ​ที่สุด​ใน​ราชวงศ์​โจว​อัน​ยิ่งใหญ่​ ​เพราะ​เขา​ได้รับ​ความช่วยเหลือ​จาก​ลูกน้อง​เก่า​เหล่านั้น​

​เฉิน​ฉาง​เซิง​กล่าวว่า​ ​“​ไม่ต้อง​มาก​พิธี​ ​ลุกขึ้น​เถอะ​”​

​เซ​วีย​เห​อรู​้​จัก​นิสัยใจคอ​เขา​ดี​ ​จึง​ลุกขึ้น​พลาง​ส่งสัญญาณ​ให้ฮู​หยิน​ของ​เขา​จากไป​พร้อมกับ​เด็ก​ๆ​

​ก่อน​จะ​จากไป​ ฮู​หยิน​เล็ก​เซ​วีย​เหลือบมอง​เขา​อย่าง​ประหม่า​ ​คิดในใจ​ว่า​ไม่จำเป็น​ต้องเต​รี​ยม​อาหาร​หรือ​ ​นัก​ปราชญ​ผู้ยิ่งใหญ่​ทั้งสอง​จะ​ไม่​เคือง​หรือ​

​เซ​วีย​เห​อมิ​ได้​สนใจ​ถึง​การแสดงออก​ของฮู​หยิน​ของ​เขา​ ​ความสนใจ​ทั้งหมด​ของ​เขา​พุ่ง​ไป​ยัง​กิเลน​เมฆา​อัคคี​ที่​เฉิน​ฉาง​เซิง​นำมา

​“​มี​คน​ให้​ข้า​นำ​มัน​มา​ให้​กับ​เจ้า​ ​หวัง​ว่า​ในอนาคต​อัน​ใกล้​นี้​ ​เจ้า​จะ​สามารถ​ขี่​มัน​บุก​สังหาร​เข้าไป​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ได้​”​

​เฉิน​ฉาง​เซิง​กล่าวว่า​ ​“​ใน​วันนั้น​ ​ข้า​คิด​ว่า​ท่าน​ขุนพล​เทพ​เซ​วี​ยสิ​่ง​ชวน​จะ​ต้อง​มีความสุข​มาก​แน่​”​

​เซ​วีย​เห​อรั​บบัง​เหียน​มาก​่อ​นก​ล่า​วว​่า​ ​“​ท่าน​วางใจ​เถอะ​ ​ข้า​จะ​ดูแล​มัน​อย่างดี​แน่นอน​”​

​กิเลน​เมฆา​อัคคี​มีสติปัญญา​ยอดเยี่ยม​ ​มัน​จำได้​ว่า​เขา​คือ​ใคร​ ​มัน​ก้มหัว​ลง​สัมผัส​ไป​ยัง​แก้ม​ของ​เขา​เบา​ๆ​

​เซ​วีย​เห​อรู​้​สึก​ซาบซึ้งใจ​นัก​ ​เขา​คิด​ว่า​กิเลน​เมฆา​อัคคี​น่าจะ​ถูก​ฮ่องเต้​ขอร้อง​ให้​ใต้เท้า​สังฆราช​เป็น​ผู้นำ​มา​ ​ยิ่ง​ทำให้​จิตใจ​ไม่​สงบ​อยู่​บ้าง

​เขา​กล่าว​กับ​เฉิน​ฉาง​เซิง​อย่างจริงจัง​ว่า​ ​“​ข้า​รู้​แค่​ว่า​ท่าน​ประทาน​มัน​ให้​กับ​ข้า​”​

​ประโยค​นี้​มี​เพียง​ความหมาย​เดียว​ ​นั่น​ก็​คือ​มี​เพียง​ความภักดี

​เขา​ให้​คนใน​ครอบครัว​ของ​เขา​ออกมา​และ​โขก​ศีรษะ​คารวะ​ ​ทักทาย​กับ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​มีความหมาย​เช่นนี้

​แม้ว่า​ฝ่า​บาท​ฮ่องเต้​จะ​แต่งตั้ง​ให้​เขา​เป็น​ขุนพล​เทพ​แห่ง​กองทัพ​ชง​โจว​ ​แต่​เขา​ก็​รู้ดี​ว่า​ใคร​คือ​ผู้​มีพ​ระ​คุณ​ที่แท้​จริง​ต่อตระกูล​เซ​วีย

​ตระกูล​เซ​วีย​ ​เป็น​ผู้ภักดี​ต่อ​เฉิน​ฉาง​เซิง

​ไม่ว่า​จะ​เป็น​ตระกูล​เซ​วีย​ใน​ชง​โจว​ ​หรือ​ตระกูล​เซ​วีย​บน​ถนน​ไท่​ผิง​ใน​เมืองหลวง

​ตราบใดที่​ตระกูล​เซ​วีย​ยังคง​อยู่​ ​ตราบใดที่​เขา​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ ​กองทัพ​ชง​โจว​จะ​ติดตาม​พระราชวัง​หลี​เท่านั้น

​แม้ว่า​ในอนาคต​ระหว่าง​ราชสำนัก​และ​สำนัก​ฝึก​หลวง​จะ​เกิด​ข้อพิพาท​ขึ้น​อีก​ ​เขา​พร้อมกับ​กองกำลัง​นับ​หมื่น​ก็​ไม่​ลังเล​ที่จะ​ยืน​อยู่​ข้างหลัง​เฉิน​ฉาง​เซิง

​แม้ว่า​สถานการณ์​ตรงหน้า​ดูแล​้ว​ ​ฝ่า​บาท​และ​ใต้เท้า​สังฆราช​จะ​มี​ความผูกพัน​ที่​ลึกซึ้ง​ ​ความ​เป็น​ศิษย์​พี่​ศิษย์​น้อง​มีมาก​มาย​กว่า​พี่น้อง​ทาง​สายเลือด​นัก​ ​แทบจะ​ไม่มีทาง​เกิดเหตุ​การณ์​อย่างนี้​ได้​ ​แต่​…​ใคร​เล่า​จะ​รู้​ว่า​อนาคต​จะ​เกิด​สิ่งใด​ขึ้น​ ​เมื่อ​ครั้ง​จักรพรรดิ​ไท่​จู่​ได้​นำ​ทัพ​ออกจาก​เมือง​เทียน​เหลียง​ ​ท่าน​อ๋อง​หนุ่ม​เหล่านั้น​จะ​สามารถ​จินตนาการ​ได้​หรือไม่​ว่า​ไม่​กี่​สิบ​ปี​หลังจากนั้น​สวน​ร้อย​หญ้า​จะ​เกิด​การนองเลือด​มากมาย​เพียงนั้น

​เฉิน​ฉาง​เซิง​รู้​ว่า​เซ​วีย​เหอ​เข้าใจผิด​ไป​ใหญ่​แล้ว​ ​ก่อน​เอ่ย​ว่า​ ​“​นี่​น่าจะเป็น​เจตนา​ของ​ทางลั​่ว​หยาง​ฝั่ง​นั้น​”​

​หลังจาก​ได้​ฟัง​ประโยค​นี้​แล้ว​ ​เซ​วีย​เห​อก​็​เงียบ​ไป​นาน

ลั​่ว​หยาง​ซึ่ง​เป็น​เมืองหลวง​ทาง​ตะวันออก​เงียบสงบ​อยู่นาน​หลาย​ปี​ ​โดย​ไม่​ส่งเสียง​ใดๆ​ ​แต่​ยัง​มีสาย​ตามา​กมาย​จับจ้อง​ดู​ที่นั่น​อยู่

​เพราะ​เหตุ​อัน​ใด​หรือ​ ​แน่นอน​ว่า​เป็น​เพราะ​มี​อาราม​ฉาง​ชุน​อยู่​ที่นั่น

​ตอนนี้​คน​ทั่วหล้า​เมื่อ​พูดถึงลั​่ว​หยาง​ ​หาก​ไม่มี​การก​ล่า​วอัน​ใด​เพิ่มเติม​อีก​ ​นั่น​ก็​หมายถึง​อาราม​ฉาง​ชุน​ ​กล่าวถึง​นักพรต​อาวุโส​ท่าน​นั้น​ที่อยู่​ใน​อาราม​ฉาง​ชุน

​ถ้าหาก​กิเลน​เมฆา​อัคคี​ถูก​ส่ง​มาจาก​อาราม​ฉาง​ชุน​แห่งลั​่ว​หยาง​ ​เช่นนั้น​เจตนา​ก็​ชัดเจน​อย่างมาก​โดยปริยาย

​“​ท้ายที่สุด​แล้ว​ข้ามิ​กล้ามี​ความแค้น​ใน​ใจ​อีกแล้ว​”​

​ชั่วขณะ​ที่​พูด​ประโยค​นี้​ ​ความเร็ว​ใน​การ​พูด​ของ​เซ​วีย​เหอ​นั้น​ช้า​มาก​ ​แต่​น้ำเสียง​ของ​เขา​นั่น​แสดงถึง​ความตั้งใจ​อย่างยิ่ง

​ตอนนี้​เขา​ได้​ตัดสินใจ​แล้ว​ ​เขา​มิได้​ต้องการ​ให้​ใต้เท้า​สังฆราช​คิด​ว่า​ตนเอง​ยัง​มี​อะไร​ใน​ใจ​อีก

​แม้ว่า​การ​พูด​ประโยค​นี้​ออก​ไป​จะ​ทำให้​เขา​ไม่มี​ความสุข​มาก​นัก​ ​หรือ​เรียกว่า​ไม่เต็มใจ​นัก​ก็ตาม

​“​ไม่ว่า​จะ​คิด​สิ่งใด​ก็​ล้วน​เป็นเรื่อง​ที่​ผู้ใด​ก็​ควบคุม​ไม่ได้​ทั้งนั้น​ ​ทั้ง​ความรัก​และ​ความเกลียดชัง​ล้วน​ปรากฏ​ ​ยิ่งกว่านั้น​เมื่อ​ท่าน​มีเหตุผล​ที่จะ​เกลียด​ ​เช่นนั้น​ใคร​เล่า​จะ​มีคุณ​สมบัติ​พอที่​จะ​ห้าม​มิ​ให้ท่าน​เกลียด​ได้​”​

​เฉิน​ฉาง​เซิง​กล่าวว่า​ ​“​แต่ก่อน​ที่​เรา​จะ​โค่น​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​พวกเรา​อาจจะ​ต้อง​ลืม​คน​เหล่านั้น​ชั่วคราว​เสียก่อน​”​

​ใน​สงคราม​ครั้งนี้​ ​กองทัพ​ชง​โจว​ที่​นำ​ทัพ​โดย​เซ​วีย​เหอ​จะ​เป็นกอง​กำลัง​หลัก​อย่างแน่นอน

​คนในลั​่ว​หยาง​ท่าน​นั้น​ที่​คืน​กิเลน​เมฆา​อัคคี​แก่​เซ​วีย​เหอ​ ​เขา​มิได้​กล่าว​สิ่งใด​แต่​มีความหมาย​ลึกซึ้ง​ยิ่งนัก

​ความหมาย​ดังเช่น​ที่​เฉิน​ฉาง​เซิง​กล่าว

​…​…

​…​…

​เมื่อ​สี​แห่ง​พลบค่ำ​เริ่ม​เข้ม​ขึ้น​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​ไม่ได้​อยู่​ใน​จวน​ขุนพล​เทพ​ต่อ​เพื่อ​รับประทาน​อาหารค่ำ​ ​แต่​เลือก​ที่จะ​ออกเดินทาง​ทันที

​บัดนี้​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​จำเป็นต้อง​โดยสาร​ไป​บน​กระ​เรียน​ตัว​เดียวกัน

​เหตุการณ์​เช่นนี้​เคย​เกิดขึ้น​แล้ว​หลายครั้ง​ใน​อดีต​ที่ผ่านมา​ ​และ​นก​กระ​เรียน​ขาว​ก็​เคยชิน​กับ​เรื่อง​นี้​มานาน​แล้ว​ ​แต่​มัน​ก็​สามารถ​ตระหนัก​ได้​ถึง​ความแตกต่าง​ใน​สถานการณ์​วันนี้

​สี​พลบค่ำ​นั้น​แผ่ขยาย​กว้างใหญ่​ ​ความรก​ร้าง​ยาว​ไกล​ไม่มีที่สิ้นสุด

​สวี​โหย​่ว​หร​งม​อง​ไป​ยัง​ทิวทัศน์​อย่างตั้งใจ​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​พูด​กับ​นาง​สี่​ถึง​ห้า​ประโยค​ ​นาง​จึง​จะ​ตอบกลับ​มาสั​กห​นึ่ง​ประโยค​ ​ดูแล​้ว​มี​ความ​เย็นชา​อยู่เล็ก​น้อย

​นก​กระ​เรียน​ขาว​นึกถึง​ประโยค​ที่​เซียว​จาง​เคย​พูด​ไว้​ ​ใน​ใจคิด​ว่า​ หรือ​ระหว่าง​ทั้งสอง​ท่าน​นี้​จะ​มีปัญหา​อะไร​จริงๆ

​แม้ว่า​เฉิน​ฉาง​เซิง​จะ​มีความรู้สึก​ช้า​เช่นไร​ ​แต่​เขา​ก็​รู้สึก​ได้​ถึง​ความ​เฉยเมย​ของ​สวี​โหย​่ว​หรง​นาน​แล้ว​ ​และ​รู้​ว่า​ต้อง​มีปัญหา​บางอย่าง​เกิดขึ้น​แล้ว​จริงๆ​

​ปัญหา​คือ​เขา​ก็​ไม่รู้​ว่า​สิ่งใด​เป็นปัญหา​ ​ปัญหา​เริ่ม​มาจาก​ไหน​ ​แม้​จะ​อยาก​ถาม​นาง​แต่​ก็​ไม่รู้​ว่า​เขา​ควร​ถาม​นาง​จาก​ตรงไหน

​ลมหนาว​ที่​ตี​มาปะ​ทะ​ใบหน้า​ ​ไม่​สามารถ​ทำให้​เขา​มีสติ​ขึ้น​เลย​ ​แต่กลับ​ยิ่ง​ทำให้​เขา​สับสน​มากขึ้น

​นก​กระ​เรียน​ขาว​บิน​ไป​ทาง​ทิศตะวันตกเฉียงใต้​ ​ผ่าน​ไป​ไม่นาน​ก็​เข้าสู่​เมือง​เทียน​เหลียง

​เมื่อม​อง​ไป​ยัง​ทิวทัศน์​รกร้าง​ที่​คุ้นเคย​เบื้องล่าง​ ​และ​เมือง​ที่​คุ้นเคย​เบื้องหน้า​แล้ว​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​นึกถึง​ฉาก​ที่​เขา​ได้​หนี​ไป​กับ​ซู​หลี​ ​อด​ไม่ได้​ที่จะ​รำลึกถึง

​ตามคำแนะนำ​ของ​เขา​นก​กระ​เรียน​ขาว​ร่อน​ลง​ที่​ป่าน​อก​เมือง​ ​ชั่วขณะ​ที่​กำลัง​ร่อน​ลงมา​จาก​ท้องฟ้า​นั้น​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​สังเกตเห็น​จวน​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ใน​เมือง​ไร้​ผู้คน​ ​ประตู​ใหญ่​นั้น​ปิด​อยู่​ ​อด​ไม่ได้​ที่จะ​จนใจ​ ​คิดในใจ​ว่า​หรือ​แท้จริง​แล้ว​เหลียง​หวัง​ซุน​จากไป​แล้ว​ ​แล้ว​เหตุใด​ใน​จวน​จึง​ไม่มีใคร​เลย​สัก​คน​

​นก​กระ​เรียน​ขาว​บิน​ไป​ใน​รัตติกาล​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​เดิน​ออกมา​จาก​ป่าทึบ​ข้าง​ถนนหลวง

​เมือง​สวิน​หยาง​นับว่า​เป็น​เมือง​โบราณ​แห่งหนึ​่ง​ ​แต่​ประตูเมือง​ทางทิศใต้​ยัง​ดู​ใหม่​อยู่เล็ก​น้อย​ ​อย่างน้อย​ก็​ไม่ได้​โบราณ​มาก​นัก

​“​ปีนั​้​นอา​จารย์​ของ​เจ้า​เป็น​ผู้​ระเบิด​ประตูเมือง​นี้​ออก​ ​กวน​ซิง​เค​่อ​และ​จูลั​่ว​โดน​ลูกหลง​ไป​ด้วย​อย่างแรง​”​

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ยังคง​รู้สึก​ตื่นเต้น​เล็กน้อย​เมื่อ​นึกถึง​สิ่ง​ที่เกิด​ขึ้น​ใน​ตอนนั้น​ ​รู้สึก​ละอายใจ​เล็กน้อย​ที่​เขา​ไม่เก่ง​เรื่องเล่า​เรื่อง​นัก​ ​คิดในใจ​ว่า​มัน​จะ​น่าตื่นตาตื่นใจ​กว่านี​้​หาก​เขา​เปลี่ยน​ให้​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​มา​เล่า​แทน

​เรื่องราว​ของ​ค่ำคืน​แห่ง​มรสุม​ใน​เมือง​สวิน​หยาง​ได้​แพร่กระจาย​ไป​ทั่วทั้ง​ดินแดน​ ​สวี​โหย​่ว​หรง​ทราบ​รายละเอียด​ทั้งหมด​มานาน​แล้ว​ ​ไม่จำเป็น​ต้อง​ให้​เฉิน​ฉาง​เซิง​อธิบาย

​เมื่อม​อง​ไป​ยัง​ประตูเมือง​ ​ก็​นึกถึง​อาจารย์​ ​รอยยิ้ม​จึง​ปรากฏ​ขึ้น​ที่​มุม​ปากของ​นาง

​เฉิน​ฉาง​เซิง​โล่งใจ​เล็กน้อย​ ​คิดในใจ​ว่า​จริงๆ​ ​แล้ว​การจัดเตรียม​นี้​ก็​ไม่เลว​เลย​ทีเดียว

​เมื่อ​เดิน​เข้าไป​ใน​เมือง​สวิน​หยาง​ ​พวกเขา​ก็​ตรง​ไป​ยัง​จวน​เหลียง​อ๋อง

​ประตู​ใหญ่​ของ​จวน​เหลียง​อ๋อง​ปิด​สนิท

​พวกเขา​ใช้​จิต​สัมผัส​กวาด​มอง​ ​เพื่อ​ต้องการ​มั่นใจ​ว่า​ด้านใน​นั้น​ไม่มี​ผู้ใด

​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​สบตา​กัน​ด้วย​ความ​งงงวย​ ​ใน​ใจ​สงสัย​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​ใน​จวน​กัน​ ​เหตุใด​เหลียง​หวัง​ซุน​จึง​ขับไล่​คนรับใช้​ใน​บ้าน​ออก​ทั้งหมด