ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 91-2 สวินหยาง

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​เมื่อ​เข้าไป​ใน​จวน​อ๋อง​ ​เห็น​ราชรถ​คัน​ใหญ่​ลือชื่อ​คัน​นั้น​ ​แล้ว​ทั้งสอง​ก็​เห็น​จดหมาย​ที่​เหลียง​หวัง​ซุน​ทิ้ง​เอาไว้​ให้​

​เหลียง​หวัง​ซุน​มีอิทธิพล​ต่อ​โลก​บำเพ็ญพรต​ทางเหนือ​รวมถึง​ประชาชน​เป็นอย่างมาก​ ​ใน​วัง​เคย​สั่งการ​ลงมา​เชิญ​เขา​หลายครั้ง​แต่​เขา​ก็​ล้วน​ปฏิเสธ

​ใน​ฐานะ​ผู้สืบทอด​ของ​เชื้อสาย​จักรพรรดิ​องค์​ก่อน​ ​เขา​นั้น​เกลียด​ราชวงศ์​เฉิน​เข้ากระดูกดำ​ ​จะ​ยินดี​ยื่นมือ​เข้า​ช่วย​ได้​อย่างไร

​พวกเขา​มาที​่​สวิน​หยาง​ก็​เพื่อ​โน้มน้าว​เขา​ ​ใน​ตอนแรก​เหลียง​หวัง​ซุน​เข้ามา​ที่​เมืองหลวง​ช่วย​จักรพรรดินี​เทียน​ไห่​จัดการ​ผัง​ลาย​จักรพรรดิ​ ​น่าจะ​มีความรู้สึก​ดี​กับ​สวี​โหย​่ว​หรง​ไม่น้อย

​เมื่อ​นึกถึง​ว่า​หลังจากที่​เหลียง​หวัง​ซุน​ได้รับ​จดหมาย​จาก​เมืองหลวง​แล้ว​ ​ก็​นำ​คนแก่​และ​เด็ก​ใน​จวน​จาก​เมือง​สวิน​หยาง​ไป​ทันที​ ​แม้แต่​หน้า​ยัง​ไม่ยอม​เจอ

​แต่​เหลียง​หวัง​ซุน​เอ่ย​ใน​จดหมาย​ไว้​ชัดเจน​มาก​…​ช่วย​ราชวงศ์​ทำ​เรื่อง​ที่​เป็นไปไม่ได้​ ​ยาม​เมื่อ​ต้องการ​เขา​ ​เขา​ก็​จะ​ปรากฏตัว​เอง

​มีคำ​มั่น​สัญญา​นี้​ก็​เพียงพอ​แล้ว​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​บน​จดหมาย​ยัง​มีชื่อ​บุคคล​อีก​คน​หนึ่ง

​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​จาก​จวน​อ๋อง​ไป​ ​มาบน​ถนน

​ทหาร​หลาย​คน​รีบ​เดินผ่าน​ไป​ ​สีหน้า​งงงวย

​กองกำลัง​ทหาร​ใน​แต่ละ​แคว้น​ต่างๆ​ ​กำลัง​ปรับ​การป้องกัน​และ​ในขณะเดียวกัน​พวกเขา​ก็​กำลัง​ฝึกฝน​เช่นกัน

​หากว่า​กันตา​มห​ลัก​การ​แล้ว​ ​พวกเขา​จะ​ไม่​ปรากฏ​บน​สนามรบ​ ​แต่​ผู้ใด​ก็​ล้วน​ไม่ทราบ​ ​ครั้งนี้​จะ​มี​ผู้​สูญเสีย​ไป​อีก​เท่าใด

​กองทหาร​อวี​่​หลิน​ที่​รับผิดชอบ​ปกป้อง​วัง​หลวง​ล้วน​เตรียมการ​บุก​ขึ้น​เหนือ​ตลอดเวลา​ ​ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​พวกเขา

​ตาย​ใน​สนามรบ​เป็นเรื่อง​ที่​หลีกเลี่ยง​ไม่ได้​ ​คน​ข้างหน้า​ล้ม​ลง​ ​คน​ข้างหลัง​บุก​ขึ้นหน้า​ต่อ​เป็นเรื่อง​ที่​พบเห็น​ได้​บ่อย​นัก

​เฉิน​ฉาง​เซิง​เข้าใจ​ว่านี​่​คือ​เรื่อง​ธรรมดา​ ​ยังคง​รู้สึก​ท้อแท้

​เพื่อ​ความคิด​ของ​เขา​คนเดียว​ ​คน​นับ​หมื่น​นับ​พัน​จะ​ต้อง​มาตาย

​บางครั้ง​ก็​คิด​ว่า​โชคดี​ที่​ตน​เป็น​ใต้เท้า​สังฆราช​ ​มิใช่​ฮ่องเต้​ ​ไม่อย่างนั้น​คำสั่ง​เหล่านั้น​และ​คำสั่ง​เกณฑ์ทหาร​ต้อง​ผ่านมือ​ตน​แน่​

​ต่อมา​ ​เขา​ยัง​รู้สึก​ผิด​ต่อ​ศิษย์​พี่

​เขา​ทราบ​ดี​ว่า​ศิษย์​พี่​ทำ​เรื่อง​เหล่านี้​ได้ดี​มาก​ ​แต่​เหมือนกัน​กับ​เขา​ ​ศิษย์​พี่​ก็​ไม่​ชอบ​ทำ​เรื่อง​เหล่านี้​เช่นกัน

​ถนน​หลัง​จวน​เหลียง​อ๋อง​นั้น​เรียกว่า​ซื่อ​จี้​ชิง​ ​(​เขียว​สี่​ฤดู​)​ ​เป็น​ถนน​มีชื่อ​ที่​ตรง​ที่สุด​ใน​เมือง​สวิน​หยาง​ตะวันตก​ ​ทั้งสอง​ข้างทาง​ไม่มี​ร้านค้า​ ​เป็นแนว​กำแพง​ศิลา​สีเขียว

​ถนน​เส้น​ยาว​เงียบสงัด​ ​ไม่รู้​จวน​แห่งใด​มีเสียง​เพลง​ลอยมา​ ​ฟัง​ดูแล​้ว​คล้าย​มี​คน​กำลัง​ขับ​ลำนำ

​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​เดินตาม​เสียง​ไป​ ​ทะลุ​ผ่าน​ตรอก​ที่​ทอด​ขวาง​ ​มาถึง​ยัง​ประตู​จวน​แห่งหนึ​่ง​ ​มี​โคม​แดง​แขวน​ทอด​ยาว

​โคม​แดง​นั้น​ทำ​จาก​กระดาษ​แดง​ ​สีแดง​เข้ม​ ​เหมือนกับ​มี​ความ​เปียกชื้น​อยู่​ ​เทียน​กระทิง​ที่อยู่​ด้านใน​สาด​แสง​ทะลุ​ผ่าน​ ​มองดู​แล้ว​คล้าย​โลหิต​ ​แสบ​ตา​อยู่​บ้าง

​สวี​โหย​่ว​หร​งม​อง​ไป​ทาง​โคม​แดง​หนึ่ง​ที​ ​คิ้ว​นาง​ขมวด​เล็กน้อย​ ​ไม่รู้​ว่า​กำลัง​คิด​สิ่งใด​อยู่

​เสียงเพลง​ดัง​มาจาก​ด้านใน​จวน​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​เดิน​เข้าไป​ข้างใน​ ​แต่กลับ​ไม่มี​ผู้ใด​ห้ามปราม​พวกเขา​เลย

​เข้าไป​ใน​จวน​พบ​เป็น​ศิลา​แบน​ขนาดใหญ่​ ​ปูด​้ว​ยศิ​ลาสี​เขียว​ชิ้น​ใหญ่​ ​หยาบ​ๆ​ ​ไม่​ประณีต​ ​บวก​กับ​คบเพลิง​ที่​ลุกไหม้​อยู่​รอบ​ๆ​ ​ให้​กลิ่นอาย​เหมือน​สนามรบ​ที่รกร้างว่างเปล่า​อยู่​หลาย​ส่วน

​ด้านหน้า​คือ​เวที​ ​ซึ่ง​กำลัง​จุด​เทียน​กระทิง​ที่​ใหญ่​ราว​แขน​หนา​ ​เปลวไฟ​ก็​ส่องสว่าง​ที่​ผนัง​ด้านหลัง​ที่​ทำ​จาก​กระดาษสี​ขาว​ ​จน​ขาวโพลน​ ​ราวกับว่า​เป็นเวลา​กลางวัน

​ชาย​คน​หนึ่ง​กำลัง​ร้องเพลง​ ​สวม​ชุด​สีแดง​ ​และ​การ​แต่งหน้า​ของ​เขา​ก็​สีฉูดฉาด​มาก

​เขา​ไม่ได้​จงใจ​ปกปิด​ลำคอ​ด้วย​เสื้อผ้า​ปก​สูง​ ​และ​ไม่​จงใจ​กด​เส้น​เสียง​ของ​เขา​ ​เขา​ร้อง​อู้อี้​ไป​เรื่อย​ ​เสียง​ที่​แหบ​พร่า​และ​แหลม​เล็ก​ ​ช่าง​ได้​อารมณ์​ยิ่งนัก

​เพลง​หยุด​กะทันหัน​โดย​ไม่มี​การ​เตือน​ล่วงหน้า

​ชาย​คน​นั้น​มอง​มา​ข้างหลัง​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ท่าน​คิด​อย่างไร​กับ​การแสดง​ของ​ข้า​”

​คืนนี้​มี​คน​มา​ฟัง​ละคร​ไม่​มาก​นัก​ ​มี​เพียง​สิบ​กว่า​คน​ ​ต่าง​ก็​นั่ง​สบาย​ๆ​ ​อยู่​หน้า​เวที​ ​ดู​จาก​ท่าทาง​และ​การ​แต่งตัว​ ​พวกเขา​ทั้งหมด​น่าจะเป็น​บุคคล​สำคัญ​ใน​เมือง​สวิน​หยาง​ ​ใน​ตอนนี้​เมื่อ​ได้ยิน​ที่​ชาย​คน​นั้น​พูด​บน​เวที​ ​ทุกคน​ก็​หันไป​มอง​รอบ​ๆ​ ​เพียง​เห็น​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​พวกเขา​ก็​อด​รู้สึก​ประหลาดใจ​ไม่ได้

​เหลียง​หง​จวง​กำลัง​ร้องเพลง​และ​ให้​ความบันเทิง​กับ​ตัวเอง​ใน​จวน​ใน​วันนี้​ ​มี​การ​เชิญ​คณะ​ละคร​ที่​ดีที​่​สุด​ใน​เมือง​หลาน​หลิง​ ​และ​มี​การร้อง​เพลง​ ​ค่ำคืน​แห่ง​วสันตฤดู​ที่​มีชื่อเสียง​ ​ที่​กำลัง​แสดง​ก็​คือ​บท​เจ้าสาว​ผู้​มีเสน่ห์​และ​เย้ายวน​ ​และ​กำลัง​ร้องเพลง​อย่าง​บันเทิง​ ​เมื่อ​ดวงตา​ของ​เขา​พลิ้วไหว​ดวงตา​อ่อนโยน​ ​ทันใดนั้น​เขา​ก็​เห็น​ชายหนุ่ม​และ​หญิงสาว​เดิน​เข้ามา​จาก​นอกบ้าน​ ​โดย​คิด​ว่า​ในที่สุด​ก็​มาถึง​ที่นี่​แล้ว​

​“​ข้า​ไม่เคย​ฟัง​มาก​่อน​ ​แต่​รู้สึก​ว่า​ไม่เลว​”​

​เมื่อ​เฉิน​ฉาง​เซิง​คิด​อีกที​ ​ก็​เอ่ย​เสริม​ว่า​ ​“​ไม่​คล้าย​กับ​ละครใน​เมืองหลวง​เท่าใด​นัก​”​

​“​เมื่อ​ข้า​ยัง​เล็ก​เคย​ไป​เรียน​มาจาก​จวน​หลู​หลิง​ ​วิธีการ​ร้องของ​พวกเขา​ค่อนข้าง​แปลก​ ​แต่​ก็​ไพเราะ​มาก​”​

​เหลียง​หง​จวง​เอ่ย​ต่อ​ ​“​ได้ยิน​มา​ว่า​เป็น​วิธีการ​ร้อง​ที่​เผยแพร่​มาจาก​ทาง​ด้าน​ต้า​ซี​โจว​ ​ก็​ไม่ทราบ​ว่า​จริง​หรือไม่​จริง​”​

​บรรดา​บุคคล​ระดับสูง​ใน​เมือง​สวิน​หยาง​ ​มองดู​ท่าทาง​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​โดยเฉพาะ​คน​หลัง​ ​ไม่นาน​ก็​คาดเดา​สถานะ​ของ​พวกเขา​ได้​แล้ว

​โถ​ชา​หก​ ​เก้าอี้​ระเนระนาด

​ภายใต้​การนำ​ของ​มหา​มุข​นายก​เมือง​สวิน​หยาง​ ​ผู้คน​ต่าง​ก็​ถวาย​ความ​คำนับ

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ผาย​มือ​เพื่อให้​พวกเขา​ลุกขึ้น​ ​แต่กลับ​ไม่มีใคร​เอ่ย​วาจา​กับ​พวกเขา​เลย​ ​ดังนั้น​ผู้คน​ทำได้​เพียง​ทำความเคารพ​อยู่​ข้างๆ​ ​ไม่กล้า​ออกเสียง​

​“​นี่​ก็​คือ​เรื่อง​สิบ​กว่า​ปี​มา​แล้ว​ ​จวน​เหลียง​มี​คน​เสียชีวิต​นับไม่ถ้วน​ ​บิดา​เอง​ก็​สิ้น​แล้ว​ ​บุตร​คนโต​ก็​หนี​ออกจาก​บ้าน​ไป​ ​วัน​คืน​เหล่านั้น​ข้า​ลำบาก​นัก​ ​ราชสำนัก​ไม่​ชื่นชอบ​ใน​ตระกูล​ข้า​ ​แน่นอน​ว่า​ต้อง​ไม่มี​ผู้ใด​ชื่นชอบ​ข้า​ ​ยาม​นี้​ไม่มี​ผู้อาวุโส​คอย​ปกป้อง​ ​ผู้ใด​ยัง​เกรงใจ​ข้า​อีก​เล่า​ ​ยาม​ที่​ขมขื่น​ที่สุด​ ​แม้แต่​ข้าว​ยัง​ไม่มี​ทาน​ ​ใน​ใจคิด​แค่​หาวิ​ธี​เลี้ยง​ตัวเอง​ ​บิดา​ชื่นชอบ​ฟังเพลง​ ​ข้า​เอง​ก็​ชอบ​ฟัง​ ​คุ้นเคย​ใน​วิชาชีพ​เหล่านี้​มาก​ ​ดังนั้น​จึง​เลือก​เดินทาง​สาย​นี้​ ​ใน​ตอนนี้​ไม่​เลือก​ก็​ไม่ได้​ ​พวก​ท่าน​ไป​จวน​อ๋อง​มา​แล้ว​หรือ​ ​ใน​ตอนนั้น​แม้แต่​จวน​อ๋อง​ยัง​ถูก​ยึด​…​”​

​เมื่อ​ได้​ฟัง​คำพูด​ของ​เหลียง​หง​จวง​ ​บรรดา​คนใหญ่คนโต​ใน​เมือง​สวิน​หยาง​ต่าง​ก็​สีหน้า​เปลี่ยนไป​ ​ใน​ใจคิด​ว่า​คืนนี้​เกิดเรื่อง​แล้ว​หรือ​

​ต่อมา​เหลียง​หง​จวง​กลับ​เงียบ​ไป​นาน

​เดิมที​เขา​ยัง​มีคำ​พูดมาก​มาย​อยาก​เอ่ย

​เมื่อ​เกิดเรื่อง​ตอนนั้น​ ​คนที​่​แย่งชิง​อำนาจ​และ​เงินทอง​ของ​จวน​เหลียง​อ๋อง​ต่าง​ก็​อยู่​เบื้องหน้า​ ​ก็​คือ​คนใหญ่คนโต​เหล่านี้​ใน​เมือง​สวิน​หยาง

​หาก​มิใช่​เพราะ​เหลียง​หวัง​ซุน​ความสามารถ​โดดเด่น​ ​อายุ​ยังน้อย​ก็​กลายเป็น​ผู้​แข็งแกร่ง​บน​ประกาศ​เซียว​เหยา​ ​ทั้ง​ยัง​มี​ความสัมพันธ์​กับ​ใน​วัง​ ​คน​เหล่านี้​จะ​ยอม​ก้มหัว​ยอมแพ้​ได้​อย่างไร​ ​ต่อให้​เป็น​อย่างนี้​ ​คน​เหล่านี้​ยัง​อาศัย​การเฝ้า​ระวัง​ของ​ราชสำนัก​ต่อ​จวน​เหลียง​อ๋อง​และ​อำนาจ​ของ​ตระกูล​เทียน​ไห่​ ​ใน​การ​ปราบปราม​จวน​เหลียง​อ๋อง​จน​ไม่​อาจ​ตอบโต้

​คนที​่​ยึดครอง​จวน​เหลียง​อ๋อง​จริงๆ​ ​มิใช่​คน​เหล่านี้​ ​สำหรับ​คน​เหล่านี้​แล้ว​ ​การกลืน​กิน​ยึดอำนาจ​แบบ​นั้น​มัน​น่าเกลียด​เกินไป

​เมื่อย​้อ​นรำ​ลึก​ถึง​ภาพ​ความวุ่นวาย​เมื่อ​สาม​ปีก่อน​นั้น​ ​เหลียง​หง​จวง​ก็​ถอนหายใจ​หนึ่ง​ที

​เขา​หยิบ​กล่อง​จาก​แขน​เสื้อ​แล้ว​โยน​มัน​ออก​ไป

​กล่อง​ดังกล่าว​เป็น​สมบัติ​ของ​จวน​เหลียง​อ๋อง​ถึง​ครึ่งหนึ่ง​ ​ซึ่ง​สามารถ​ใช้​เป็น​ค่าใช้จ่าย​ทางการทหาร​ได้

​“​ข้า​ต้องการ​สุรา​”​

​เหลียง​หง​จวง​จู่ๆ​ ​ก็​เอ่ย​ขึ้น

​หลังจากนั้น​ไม่นาน​ ​หญิงสาว​คน​หนึ่ง​ก็​ยก​ถ้วย​สุรา​เดิน​ขึ้นไป​บน​เวที​ ​ด้วย​ท่าที​ร้อนรน

​เหลียง​หง​จวง​รับ​มา​พร้อมกับ​ดื่ม​หมด​ไป​ใน​อึก​เดียว​ ​ก่อน​นำ​ถ้วย​สุรา​โยน​ลงพื้น​ ​เกิด​เสียงดัง​ เพล้ง​ ถ้วย​แตก​ละเอียด​ทันที

​เขา​เอียง​คอม​อง​ท้องฟ้า​ ​การ​ดูแคลน​และ​ความ​อดสู​ช่างพูด​ไม่​ออก​ ​เขา​เดินลง​เวที​ไป​ ​พลาง​เตะ​รองเท้า​ปัก​ลายเมฆ​ทิ้ง​ไป​ ​โยน​ผ้าคลุมผม​ออก​ ​เดิน​เข้าไป​ใน​รัตติกาล

​หญิงสาว​ผู้​นั้น​รีบร้อน​ตะโกน​ออก​ไป​ ​“​คุณชาย​สาม​จะ​ไป​ยัง​ใด​กัน​เจ้า​คะ​”​