ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 92 ลั่วหยาง

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​เหลียง​หวัง​ซุน​ไม่​เข้าร่วม​รบ​ใน​ครั้งนี้​หรอก​ ​อย่างน้อย​ก็​ตอนแรก​สุด​ ​แต่​เขา​ต้อง​แสดงท่าที​ของ​ตัวเอง​ ​ดังนั้น​จึง​ฝาก​คำพูด​ไว้​หนึ่ง​ประโยค​และ​ชื่อ​หนึ่ง​ชื่อ

​ชื่อ​นั้น​เป็นตัวแทน​ทรัพย์สิน​ครึ่งหนึ่ง​ของ​จวน​เหลียง​อ๋อง​ ​ยัง​มี​เหลียง​หง​จวง​ ​ยอด​ฝีมือ​ขั้น​รวบรวม​ดวงดาว​ด้วย

​เหลียง​หวัง​ซุน​ได้รับ​ตำแหน่ง​ใน​กองทัพ​ผ่าน​ม่อ​อวี​่​ ​และ​ที่​ที่​เหลียง​หง​จวง​จะ​ไป​คือ​ด่าน​ยง​หลาน​ ​ตัว​เขา​เอง​ต้อง​ได้​เป็น​แม่ทัพ​แน่​ ​ใน​สนามรบ​ก็​ต้อง​อยู่​ใน​ที่​ที่​ปลอดภัย​กว่า​ ​แต่​แม่ทัพ​ต้อง​ผ่าน​สนามรบ​เป็น​ร้อย​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ ​ยัง​ถูก​กำหนดให้​เป็นการ​รบ​ครั้ง​ใหญ่​ที่​ต้อง​ต่อสู้​ข้าม​วัน​กัน​อย่าง​ยาวนาน​ ​ใคร​จะ​รับรอง​ได้​ว่า​ตน​จะ​มีชีวิตรอด​กลับมา

​อีกทั้ง​เหลียง​หง​จวง​ก็​รู้​นิสัย​ของ​ตนเอง​ดี​ ​เชื่อ​แน่ว​่า​ ​ครั้งนี้​ไป​แล้ว​ ​ยาก​มาก​จะ​มีชีวิตรอด​กลับมา

​ที่ว่า​ดาหน้า​ไป​ตาย​ ​ก็​ยิ่ง​เป็น​เช่นนี้​ ​เพียงแต่​ก่อนหน้านี้​ ​มี​ความปรารถนา​ที่​ยัง​ทำไม​่​เสร็จ​ ​อย่างเช่น​คน​เหล่านั้น​ยัง​มีชีวิต​อยู่

​หลาย​ปี​มานี​้​ ​ความสัมพันธ์​ของ​เขา​กับ​ผู้​เฝ้า​เมือง​สวิน​หยาง​ ​ใต้เท้า​มุข​นายก​ ​และ​คนอื่นๆ​ ​ดีมาก

​แม้​ความสัมพันธ์​ของ​เขา​กับ​เหลียง​หวัง​ซุน​ธรรมดา​มาก​ ​แต่​อย่างไร​เขา​ก็​เป็น​คน​ของ​จวน​เหลียง​อ๋อง​ ​คนใหญ่คนโต​ใน​เมือง​สวิน​หยาง​จึง​มัก​ให้เกียรติ​เขา​

​สิ่ง​ต่างๆ​ ​ทั้งหมด​ ​ล้วน​เพื่อ​วันนี้

​เดิมที​เหลียง​หง​จวง​เตรียมตัว​พร้อม​แล้ว​ ​คืนนี้​ต้อง​สังหาร​คน​เหล่านี้​ทั้งหมด

​เขา​รู้​ว่า​คน​เหล่านี้​ชอบ​อะไร​ ​เทียน​กระทิง​ ​จิตรกรรมฝาผนัง​ ​และ​โคม​แดง​ ​มี​อาหาร​รวม​อยู่​ใน​นี้​ด้วย​ ​เตรียมพร้อม​ทุกอย่าง​แล้ว

​ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​ ​ยัง​มีนัก​ฆ่า​หลาย​คน​จาก​หอ​ความลับ​สวรรค์​เมื่อวันก่อน​ที่​เขา​ทุ่มเงิน​จ้าง​มาซ​่อน​ตัว​ใน​ความมืด

​พอ​เห็น​โคม​แดง​ ​สวี​โหย​่ว​หร​งก​็​รู้สึก​ได้​ถึง​เจตนา​สังหาร​ที่​ปรากฏ​และ​หายวับ​ไป​ ​จึง​ขมวดคิ้ว

​สุดท้าย​ ​เหลียง​หง​จวง​ก็​เปลี่ยนความคิด​ ​จน​ผ่าน​ไป​เนิ่นนาน​ ​ก็​ไม่มีใคร​รู้​ว่า​เพราะอะไร​ ​และ​ไม่มีทาง​รู้​ด้วย

​ฤดูร้อน​ที่​กำลังจะ​มาถึง​ ​ทุ่งหญ้า​จะ​เกิด​ศึก​ฝ่า​วงล้อม​ขึ้น​ครั้งหนึ่ง​ ​และ​เขา​ ​จะ​ตาย​ภายใต้​ค้อน​ทองแดง​ของ​แม่ทัพ​มาร​ที่​เก้า

​……

​……

​ขณะ​นั่ง​อยู่​หน้า​กระจก​โต๊ะเครื่องแป้ง​ ​มองดู​ใบหน้า​ตนเอง​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​นึกถึง​เรื่อง​ที่​เหลียง​หง​จวง​เล่า​ไม่​จบ​ ​จึง​ทอดถอนใจ

​ได้ยิน​เสียง ​สวบ​สาบ ​ดัง​มาจาก​ด้านหลัง​ ​เขา​หันหลัง​มอง​ ​เห็น​เพียง​ท่าทาง​ที่​สง่างาม​ใน​กระโจม​ผ้า​โปร่ง​และ​เห็น​ลวดลาย​ดอกไม้​สีอ่อน​บน​เสื้อผ้า​สีขาว

​เขา​รีบ​เดิน​ไป​เก็บ​เครื่อง​นอน​บน​พื้น​ให้​เรียบร้อย​ ​ไม่​ให้​เกะกะ​ขวางทาง

​สวี​โหย​่ว​หรง​ลง​จาก​เตียง​ ​ล้างหน้าล้างตา​ง่ายๆ​ ​สวม​เสื้อคลุม​ตัว​เดียว​ ​ไม่​ติดกระดุม​ ​เดิน​ไป​ผลัก​หน้าต่าง​ออก

​ลม​รุ่งอรุณ​พัด​เข้ามา​ทาง​หน้าต่าง​ ​ปะทะ​ใบหน้า​นาง​ ​ผม​ดำ​ที่​เปียก​เล็กน้อย​ปลิว​ไสว

​ที่​ลอด​เข้ามา​ใน​ห้อง​ยัง​มีแสง​ของ​ฤดูใบไม้ผลิ​ด้วย

​ใน​ห้อง​จึง​เต็มไปด้วย​ชีวิตชีวา

​ขณะ​มอง​ภาพ​นี้​ ​เฉิน​ฉาง​เซิ​นก​็​นึกถึง​เรื่อง​เมื่อ​หลาย​ปีก่อน​ไป​โดยปริยาย

​ใน​โรง​เตี​๊​ยม​แห่ง​เดียวกัน​นี้​ ​วันที่​แสง​ใน​ฤดูใบไม้ผลิ​สวยงาม​เช่นกัน

​เขา​ตะโกน​ใส่​เมือง​สวิน​หยาง​ทั้งเมือง​ไป​หนึ่ง​ประโยค​ ซู​หลี​ ​อาจารย์​อา​เล็ก​แห่ง​เขา​หลี​ซาน​อยู่​ที่นี่

​มรสุม​กะทันหัน​ ​การสู้​รบ​นองเลือด​ติดต่อกัน

​วันนี้​เขา​ไม่จำเป็น​ต้อง​ตะโกน​ประโยค​นั้น​อีกแล้ว​ ​และ​แน่นอน​ ​การ​ได้​อยู่​กับ​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​มีความสุข​กว่า​อยู่​กับ​ซู​หลี​มาก

​สิ่ง​สำคัญ​ที่สุด​ของ​การ​แบ่งแยก​อยู่​ที่​ ​เผ่า​มนุษย์​ใน​ตอนนั้น​แตกแยก​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็น​ระหว่าง​นิกาย​หลวง​เก่า​ใหม่​สอง​ฝ่าย​ ​หรือ​ระหว่าง​จักรพรรดินี​ศักดิ์สิทธิ์​เทียน​ไห่​กับ​เชื้อพระวงศ์​ตระกูล​เฉิน​ ​และ​ใน​นี้​ ​รอยแตก​ที่​ใหญ่​ที่สุด​รอย​หนึ่ง​ก็​คือ​ ​รอยแตก​ระหว่าง​เหนือ​ใต้​ ​โดย​แม้แต่​ผู้​มีคุณ​ธรรม​อย่าง​ท่าน​สังฆราช​ ​ก็​ยัง​คิด​ฆ่า​ซู​หลี​มาโดยตลอด​ ​อย่า​ว่าแต่​ผู้อื่น​เลย

​ตอนนี้​ทุกอย่าง​ล้วน​ไม่​เหมือนเดิม

ลั​่ว​หยาง​ส่ง​กิเลน​เมฆา​อัคคี​กลับ​ไป​ชง​โจว​ ​เซ​วีย​เห​อรั​กษา​ความ​เงียบ

​จวน​เหลียง​อ๋อง​ย้าย​ครอบครัว​ออก​ ​กลับ​เหลือทรัพย์​สิน​ไว้​ครึ่งหนึ่ง​ ​และ​สุดท้าย​เหลียง​หง​จวง​ก็​มิได้​ลงมือ​ฆ่า​คน​ ​แต่​ตรง​ไป​ยัง​ด่าน​ยง​หลาน

​ความแค้น​ยังคง​มี​ ​รอยแตก​ยังคง​อยู่​ ​แต่​ไม่​นับเป็น​อะไร​แล้ว

​เผ่า​มนุษย์​ใน​ตอนนี้​ ​สามัคคี​กัน​อย่างที่​ไม่เคย​มีมาก​่อน

​ทุกคน​ล้วน​รู้​ว่า​ ​เร็ว​ๆ​ ​นี้​ราชวงศ์​ต้า​โจว​จะ​เดินทัพ​ไป​ทางเหนือ​…​หลังจาก​ผ่าน​มา​หลาย​ร้อย​ปี​ ​เผ่า​มนุษย์​ก็​ทำการ​โจมตี​เผ่า​มาร​อีกครั้ง​ ​ครั้งนี้​เป้าหมาย​เด่นชัด​มาก​ ​นั่น​คือ​ทำ​ภารกิจ​อัน​ยิ่งใหญ่​ที่​คนใน​สมัย​จักรพรรดิ​ไท่​จง​ทำไม​่​สำเร็จ​ให้​สำเร็จ​ ​จู่โจม​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​เอาชนะ​คู่ต่อสู้​ให้​ถึงที่สุด​ ​พิชิต​คู่ต่อสู้​ให้​ได้

​ใน​สภาวะ​สงคราม​ที่อยู่​ตรงหน้า​ ​อะไร​ก็​ล้วน​ไม่สำคัญ​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็นความ​แค้น​ส่วนตัว​เมื่อ​พันปี​ก่อน​ ​หรือ​ความขัดแย้ง​ระหว่าง​แนวความคิด

​ทุก​ยุค​ทุก​สมัย​ ​ก็​เป็น​เช่นนี้

​สวี​โหย​่ว​หร​งมิ​ได้​หันกลับ​ ​หรี่​ตาลง​ ​มองดู​แสง​ของ​ฤดูใบไม้ผลิ​ใน​เมือง​สวิน​หยาง​ ​ราวกับ​กระต่าย​ที่​เพิ่ง​ตื่นนอน​ ​น่ารัก​อยู่​บ้าง

​“​เจ้า​ค้าง​อยู่​ใน​เมือง​ไป๋​ตี้​นาน​ขนาด​นี้​ ​การ​เจรจา​เป็น​อย่างไรบ้าง​”

​ปลาย​ฤดูหนาว​ปีก่อน​ ​คณะ​ทูต​นิกาย​หลวง​ออกจาก​จิง​ตู​ ​ไป​ยัง​อาณาจักร​ปีศาจ​ที่อยู่​ห่าง​ออก​ไป​หลาย​หมื่น​ลี้​ ​สังฆราช​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​อยู่​ใน​กลุ่ม​ด้วย

​จวบจน​วันก่อน​ ​เข้า​ฤดูใบไม้ผลิ​ ​เซียว​จาง​จะ​กลับมา​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ถึง​ได้​ขี่​กระ​เรียน​ขาว​จาก​มา

​ช่วงเวลา​นั้น​ก็​ราว​ร้อย​กว่า​วัน

​เฉิน​ฉาง​เซิ​นว​่า​ ​“​แม้​บอกว่า​เรื่อง​ทั้งหมด​มี​แบบอย่าง​ก่อนหน้า​ ​แต่​ก็​ล่วงเลย​เวลา​มา​หลาย​ร้อย​ปี​ ​ทำให้​จักรพรรดิ​ขาว​ตอบรับ​แนวร่วม​ได้​ไม่ยาก​ ​แต่​รายละเอียด​กลับ​มีปัญหา​มาก​”

​สวี​โหย​่ว​หรง​ว่า​ ​“​เห็นที​คง​ยาก​กว่า​ตกปลา​ใน​แม่น้ำ​แดง​อีก​”

​ตอน​พูด​ประโยค​นี้​ ​ใบหน้า​ของ​นาง​ไม่มีความรู้​สึก​อะไร

​แต่​ใคร​จะ​รู้​ว่า​ ​นาง​อยาก​แสดง​อารมณ์​อย่างไร​ออกมา

​พอได้​ยิน​ประโยค​นี้​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​อึ้ง​ ​คลับคล้าย​เข้าใจ​แล้ว​ว่า​เหตุใด​ ​ตั้งแต่​คืน​ก่อน​จนถึง​วันนี้​ ​นาง​ถึง​ได้​มีท​่า​ที​เย็นชา​เช่นนี้​ ​จึง​ไม่รู้​ว่า​ควร​อธิบาย​อย่างไร​ไป​ชั่วขณะ

​สักพัก​ ​เขา​พลัน​นึกถึง​คำ​ชี้แนะ​ของ​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​ ​ท่าที​จึง​เปลี่ยน​เล็กน้อย​ ​ก่อน​ตะโกน​ ​“​เจ้า​ดู​นั่น​ ​บน​ฟ้า​มี​ว่าว​ด้วย​”

​สวี​โหย​่ว​หรง​เลิก​คิ้ว​ขึ้น​เล็กน้อย​ ​มองดู​ท้องฟ้า​นอก​หน้าต่าง​ ​เห็น​เพียง​ฟ้า​คราม​กระจ่าง​ใส​ ​ไม่มี​วัตถุ​ใดๆ​

​เฉิน​ฉาง​เซิง​รีบ​ก้าว​ไป​ข้างหน้า​ ​กอด​นาง​จาก​ด้านหลัง​ ​แขน​ของ​ทั้งสอง​เกาะเกี่ยว​กัน​อย่าง​พอเหมาะ​พอดี

​“​ข้า​ไม่​ปล่อยมือ​”

​“​คน​ทั้ง​ดินแดน​ต้า​ลู่​สามัคคี​กัน​เช่นนี้​ ​เรา​จะ​แยกจาก​กัน​อย่างไรเล่า​”

​“​เหนือ​ใต้​บรรจบ​กัน​ ​ราชสำนัก​นิกาย​รวม​เป็นหนึ่ง​ ​ล้วน​ชี้​มาที​่​พวกเรา​”

​“​เจ้า​ก็​ทำตาม​สิ​”

​“​หรือ​ ​ข้า​ทำตาม​เจ้า​”

​สวี​โหย​่ว​หรง​เลิก​คิ้ว​น้อย​ๆ​ ​ไม่​พูด​อะไร

​เดิมที​น่าจะ​รังเกียจ​ความรู้สึก​นี้​ ​แต่​ภายใต้​แสง​ฤดูใบไม้ผลิ​อัน​เจิดจ้า​ ​ทำไม​กลับ​รู้สึก​เขินอาย​ยิ่งนัก

​……

​……

​ยามเช้า​ ​ฝนตก​ปรอยๆ​ ​กลับมา​ที่​เก่า​อีกครั้ง​ ​คนดู​เหงา​ๆ​ ​และ​หลบเลี่ยง

​ห่าง​กัน​สิบ​กว่า​ลี้​ ​ขณะ​มอง​จิง​ตู​ใน​ระยะไกล​ ​เห็น​ขบวนรถ​แบ่ง​ออก​เป็น​สอง​แถว​ ​แถว​หนึ่ง​เลียบ​แม่น้ำ​เข้า​เมือง​ ​อีก​แถว​กลับ​ไป​ใน​เส้นทาง​ที่​ไกล​กว่า

​จิง​ตู​ที่อยู่​ไกล​ ​มิใช่​พื้นที่​อื่นใด​ใน​ดินแดน​ต้า​ลู่​ ​แต่​คือลั​่ว​หยาง​ ​นี่​เป็น​วิธีการ​พูด​ที่​เป็น​บทกวี​มาก

​หลาย​ปีก่อน​ ​ตอน​เดินทาง​จาก​เมือง​ซี​หนิง​ไป​จิง​ตู​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ต้อง​ผ่านลั​่ว​หยาง​ ​แต่​เขา​ใน​ตอนนั้น​มิได้​เข้า​เมือง

​การ​ใช้ชีวิต​อยู่​ในลั​่ว​หยาง​ ​มิใช่​เรื่อง​ง่าย​ ​โรง​เตี​๊​ยม​ที่นั่น​เป็นที่ยอมรับ​ว่า​แพง

​นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​เฉิน​ฉาง​เซิง​เข้ามา​ในลั​่ว​หยาง​ ​เป็นครั้งแรก​ที่​เข้ามา​ใน​อาราม​ฉาง​ชุน

​และ​เป็นครั้งแรก​ใน​รอบ​สิบ​ปี​ที่ผ่านมา​ ​ที่​เขา​ได้​พบ​กับ​อาจารย์​ของ​ตัวเอง​ ​ซาง​สิง​โจว

​การต่อสู้​ที่​สำนัก​ฝึก​หลวง​ใน​ปีนั​้น​ ​ซาง​สิง​โจว​ถอยกลับลั​่ว​หยาง​ ​มา​อยู่​ที่​อาราม​ฉาง​ชุน​โดย​ไม่​ออกมา​อีก

​จนถึง​ตอนนี้​ก็​สิบ​ปี​แล้ว

​อดีต​ผ่านพ้น​ ​แต่​ไม่​เหมือน​ลม​ ​แม้​เผ่า​มนุษย์​ใน​ตอนนี้​กลมเกลียว​กัน​อย่างไร​้​ที่​เปรียบ​ ​แต่​ก็​มัก​เกิด​รอยร้าว​อยู่​บ้าง​ ​ระหว่าง​คน​บางคน​กับ​เรื่อง​บางอย่าง

​ใน​จำนวน​นี้​ ​รอยร้าว​ที่​ลึก​ที่สุด​และ​สำคัญ​ที่สุด​ ​ย่อม​เป็น​รอย​ระหว่าง​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​ซาง​สิง​โจว

​ซาง​สิง​โจว​ไม่สน​ใจ​การเมือง​มา​หลาย​ปี​ ​แต่​เขา​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ ​และ​เป็นตัวแทน​อำนาจ​ฝ่าย​หนึ่ง​ ​หรือ​พูด​ได้​ว่า​ ​เป็น​ที่​ศรัทธา​ของ​ผู้คน​มากมาย

​นักพรต​ใน​อาราม​ฉาง​ชุน​มิได้​กั้น​ขวาง​ ​ส่ง​คำขอ​พบ​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​เข้า​ด้านใน​อย่างสงบ​นิ่ง

​ดังนั้น​แม้​เจ้าอาวาส​ของ​พวกเขา​ถูก​หลิว​ชิง​ที่​เฉิน​ฉาง​เซิง​เชิญ​มาสัง​หาร​ไป​เมื่อ​สิบ​ปีก่อน​ ​แต่​พวกเขา​ก็​ยังคง​รักษา​มารยาท​ที่​ดี​กับ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​ไม่มี​ความเกลียดชัง​ใดๆ

​ท่าที​ไร้อารมณ์​เช่นนี้​ ​หรือ​พูด​ได้​ว่า​ ​ไม่มี​การดำรงอยู่​ของ​จิตสำนึก​หลัก​ ​น่ากลัว​จริงๆ

​ซึ่ง​ก็​มี​แต่​พวก​นักพรต​เช่นนี้​ ​ที่​น่าจะ​บีบ​ให้​เซียว​จาง​เข้าไป​ใน​ทุ่ง​หิมะ​ได้

​เฉิน​ฉาง​เซิ​นคิด​เงียบๆ​ ​จากนั้น​ก็ได้​รับคำ​ตอบ​จาก​ด้านใน

​นักพรต​น้อย​อายุ​หก​เจ็ด​ขวบ​เดิน​ออกมา​จาก​ด้านใน​อาราม​ฉาง​ชุน​ ​หอบ​หายใจ​แล้ว​ว่า​ ​“​อาจารย์​ปู่​บอกว่า​ ​วันนี้​ไม่​รับแขก​!​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ยื่นมือ​ออก​ไป​หยิก​แก้ม​แดง​ๆ​ ​ของ​นักพรต​น้อย​ ​ยิ้ม​พลาง​ว่า​ ​“​บอกอา​จารย์​ปู่​ว่า​ ​นี่​เป็นเรื่อง​ของ​เมือง​ไป๋​ตี้​”

​ไม่มีใคร​ขวางทาง​เขา​อีก​ ​เห็นที​คำพูด​ประโยค​นี้​ ​มีความหมาย​ต่อ​ซาง​สิง​โจว​มาก​จริงๆ

​อาราม​ฉาง​ชุน​ล้อมรอบ​ไป​ด้วย​ทุ่ง

​แต่​ทุ่ง​มิได้​ปลูก​ข้าว​ ​ต้นสน​บน​คันดิน​สวยงาม​มาก​ ​แต่​มิได้​หมายความว่า​ใน​ทุ่ง​ปลูก​ทิวทัศน์

​แปลง​ปลูก​พืช​ต้น​ฤดูใบไม้ผลิ​ที่​มีกลิ่นหอม​บาง​ๆ​ ​ปกคลุม​ ​ที่ดิน​นับ​สิบ​แปลง​ใน​อาราม​ ​ที่แท้​ล้วน​ปลูก​สมุนไพร

​ภายใต้​การนำ​ของ​นักพรต​น้อย​ ​พอ​เฉิน​ฉาง​เซิง​เดิน​มาถึง​แปลง​สมุนไพร​ ​ก็​หยิบ​จอบ​ขุด​สมุนไพร​ข้าง​คันดิน​ขึ้น​มา​ ​เริ่ม​กำจัด​วัชพืช​และ​เด็ด​ใบ