เย่เฉินคิดไม่ถึง ตัวเองบอกว่าจะบริจาคเงินให้แก่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พอลก็บริจาคตามอีก 1 ล้าน
เดิมทีอยากจะบอกเขาว่าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ แต่ทางพอลก็วางสายไปแล้ว
เมื่อเห็นว่าวางสายไปแล้ว เย่เฉินก็ทำได้เพียงจนใจเก็บโทรศัพท์แล้ว ในขณะเดียวกันในใจก็พรั่งพรูความรู้สึกว่า พอลเจ้าเด็กคนนี้ช่างมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์จริงๆ ต่อไปหากมีโอกาสต้องพาเขาไปด้วย
หลังจากที่วางสายไป เย่เฉินก็พูดกับป้าหลี่ว่า : “ป้าหลี่ เพื่อนของผมจะโอนเงินไปยังบัญชีของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า คุณช่วยบอกกับนักบัญชีของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหน่อยนะ ช่วยจับตาดูข้อความเงินเข้าหน่อย แต่ว่ายอดเงินไม่ใช่ 1 ล้านนะ”
เจี่ยงหมิงไม่ได้รอให้เย่เฉินพูดจบ ก็หัวเราะฮาๆเสียงดังพร้อมพูดว่า :“ฮาๆเย่เฉิน นี่นายสารภาพแล้วนะ คงจะไม่ได้ให้เพื่อนของนายบริจาค 1ล้านหรอกนะ งั้นนายก็น่าขายหน้ามากเลยจริงๆ!อย่าลืมนะว่าทุกคนมีการบันทึกวิดีโอไว้นะ”
เย่เฉินยิ้มเยาะพร้อมพูดว่า : “นายไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นได้ไหม รอให้ฉันพูดให้จบก่อนแล้วนายค่อยแสดงท่าที?”
เจี่ยงหมิงโบกๆมือ พูดเสียงดังว่า : “นายพูดสิ ให้นายพูด นายพูดให้เสียงดัง พูดออกมาให้ทุกคนได้ฟังหน่อย!”
เย่เฉินไม่ได้สนใจเขาอีก มองไปที่ป้าหลี่พูดอย่างจริงจังว่า : “ป้าหลี่ จำนวนเงินไม่ใช่ 1 ล้านจริงๆ แต่เป็น2ล้าน เพราะว่าเพื่อนของผมได้ยินว่าผมจะบริจาคเงินให้แก่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาก็ขอเพิ่มอีก 1ล้าน”
ทุกคนต่างก็ตกใจ!
นี้เป็นเพื่อนยังไงกัน?ได้ยินว่าเพื่อนของตัวเองจะบริจาคเงิน และเป็นเงินจำนวน 1ล้าน ตัวเองก็บริจาคเงินตามอีก 1 ล้าน?
คนนี้คงจะไม่ได้เป็นโรคประสาทหรอกนะ ไม่อย่างงั้นก็เป็นคนที่มีเงินมาก ไม่รู้จะเอาเงินไปใช้อะไรใช้เงินแบบสุรุ่ยสุร่าย!
หรืออีกอย่างก็คือเย่เฉินขี้โม้
เจี่ยงหมิงเยาะเย้ยพร้อมพูดว่า : “เย่เฉิน ยิ่งอยู่ก็ยิ่งนับถือความสามารถให้การขี้โม้ของนาย เผชิญกับเรื่องสำคัญที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ก็ไม่ตื่นตระหนก พูดได้ว่าคนแบบนาย เป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ!”
เย่เฉินยิ้มพร้อมพูดว่า : “ทุกสิ่งอย่างอย่าเพิ่งด่วนหาข้อสรุปไป ไม่งั้นเดี๋ยวเงินเข้าบัญชีแล้ว นายจะทำอย่างไร?”
เจี่ยงหมิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า : “อย่าไปสนเรื่องนี้เลย การโอ้อวดแบบนี้อยู่ได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวถ้าเงินไม่เข้าบัญชี นายจะเอาหน้าไปวางไว้ที่ไหน?”
เพิ่งจะพูดจบ ป้าหลี่ก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง
เมื่อเธอเห็นว่านักบัญชีโทรมา ก็รีบพูดทันทีว่า : “นักบัญชีของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโทรศัพท์มาหาฉันแล้ว คงไม่ใช่เพราะว่าเงินที่เย่เฉินบริจาคเข้าบัญชีแล้วหรอกนะ?”
“เชอะ!” เจี่ยงหมิงทำปากยื่นพร้อมพูดว่า : “ถึงตอนนั้นเงินอาจจะเข้าบัญชีแล้ว แต่อย่างมากก็หมื่นสองหมื่น ไม่น่าจะเยอะไปกว่านี้”
ป้าหลี่รับสายโทรศัพท์ เปิดลำโพง เอ่ยปากถามว่า : “ฮัลโหล นักบัญชีเฉิน ดึกดื่นขนาดนี้โทรศัพท์มา มีธุระอะไรเหรอ?”
เสียงของนักบัญชีเฉินแผ่ซ่านเข้ามาจากปลายสายโทรศัพท์ เธอพูดอย่างดีอกดีใจว่า : “พี่หลี่ เมื่อกี้ฉันได้รับข้อความ มีคนบริจาคเงินเข้ามายังบัญชีการกุศลของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากว่า 2 ล้าน!”
ป้าหลี่อุทานอย่างตกใจว่า : “เข้าบัญชีเร็วจัง?!”
นักบัญชีเฉินรีบเอ่ยถามว่า : “ป้าหลี่ คุณรู้เรื่องเงิน 2 ล้านนี้เหรอ?เป็นใครกันที่ใจกว้างขนาดนี้เหรอ?ที่บริจาคเงินมากมายขนาดนี้มาให้พวกเรา?”
คุณป้าหลี่พูดอย่างตื่นเต้นว่า : “เย่เฉินไง!เย่เฉินจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเราไง คุณยังจำได้ไหม?”
“เย่เฉิน?!” นักบัญชีเฉินอุทานออกมาอย่างตกใจ : “เย่เฉินเป็นคนบริจาคจริงเหรอ?คุณพระช่วย ตอนนี้เย่เฉินมีอนาคตที่สดใสแล้วจริงๆ!”
ป้าหลี่ก็พูดอย่างชื่นใจเป็นอย่างมากว่า : “เย่เฉินได้ยินว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเราช่วงนี้รับเด็กใหม่เข้ามามากมายขนาดนี้ รู้ว่าเงินทุนของเราขาดแคลน ดังนั้นจึงบริจาคให้ 1ล้านเป็นการเฉพาะ!”
“และเพื่อนของเขาเห็นแก่หน้าตาของเขาก็บริจาคมาอีก 1 ล้าน ทั้งหมดเป็น 2 ล้าน!”
อีกฝ่ายพูดอย่างตื่นเต้นว่า : “ไอ้หยา ครั้งนี้เราสามารถโล่งอกกันได้จริงๆแล้ว มีเงินมาซื้อของอร่อยๆให้เด็กๆทาน อากาศหนาวก็สามารถซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆให้เด็กๆได้ และก็สามารถเปลี่ยนเครื่องเล่นสนามเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าสักหน่อย เครื่องเล่นเหล่านั้นล้วนเป็นเครื่องเล่นเมื่อหลายปีก่อนแล้ว!”
ทุกคนในงาน ตกใจจนอ้าปากค้างกันหมดเลย
——–