เมื่อเฟิงเหลียนเฉิงบ่งชี้ว่านางมีกลิ่นอายของตระกูลฉิน ฉินอวี้โม่ก็สันนิษฐานบางอย่างขึ้นในใจทันที หลังจากปลุกพลังทางสายเลือดของชิงเหอได้ก่อนหน้านี้ มันก็ได้ผสานเข้ากับสายเลือดของนางเอง และเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาที่ยากจะหลีกเลี่ยง นางจึงยับยั้งพลังของสายเลือดนั้นไว้ เว้นแต่เผชิญกับยอดฝีมือผู้ทรงพลังเช่นเฟิงเหลียนเฉิง มันก็ไม่มีทางเลยที่ผู้ใดจะค้นพบพลังของชิงเหอในร่างของนางได้
อันที่จริง ความแข็งแกร่งของฉินหลิงเซียวก็ไม่ด้อยไปกว่าเฟิงเหลียนเฉิงมากนัก ทว่าเขาก็มิใช่บุคคลที่จะใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เนื่องจากฉินอวี้โม่เป็นมารดาของเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ เขาและภรรยาจึงไว้วางใจฉินอวี้โม่อย่างมากและไม่พยายามตรวจจับกลิ่นอายในร่างของฉินอวี้โม่ เพราะเหตุนั้นจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่รับรู้ถึงพลังทางสายเลือดดังกล่าว
หากฉินอวี้โม่คาดเดาไม่ผิด ชิงเหอในชีวิตก่อนก็ควรจะเป็นบุตรสาวที่พลัดพรากของฉินหลิงเซียวและเฟิงหย่า !
นอกเหนือจากข้อสันนิษฐานของนาง ฉินหลิงเซียวเองก็มิอาจอดทนรออย่างใจเย็นได้อีกต่อไปเมื่อได้ยินวาจาของเฟิงเหลียนเฉิง เขาพยายามสัมผัสถึงกลิ่นอายในร่างของฉินอวี้โม่และรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เสี่ยวอวี้โม่ นี่เจ้า…”
พลังทางสายเลือดของฉินอวี้โม่บริสุทธิ์อย่างมากและมันมีความสัมพันธ์ที่แยกไม่ขาดจากสายเลือดของเขา อย่างไรก็ตาม อายุของฉินอวี้โม่ในปัจจุบันทำให้เขาสับสนไม่น้อยและไม่สามารถระบุความสัมพันธ์ที่แน่ชัดระหว่างนางและตนเองได้
หากบุตรสาวของพวกเขายังมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยที่สุดนางก็ต้องแก่ชรากว่านี้อีกมาก
เฟิงหย่าชะงักไปเล็กน้อยเช่นกัน ทว่าเฟิงฉงและเฟิงหว่านหลี่กลับมีปฏิกิริยาตอบสนองก่อน
“น้องเล็ก อวี้โม่อาจจะเป็นลูกสาวของเจ้า…”
ก่อนที่เขาจะกล่าวจนจบประโยค ฉินอวี้โม่ก็โบกมือขัดจังหวะเสียก่อน
“หากข้าคาดเดาไม่ผิด ข้าคงจะเป็นลูกสาวของท่านทั้งสองเจ้าค่ะ”
นางกล่าวอย่างตรงไปตรงมาขณะสบตาเฟิงหย่าและฉินหลิงเซียวด้วยแววตาที่สงบนิ่ง
ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดนางจึงรู้สึกคุ้นเคยกับเฟิงหย่าและฉินหลิงเซียวนัก และรู้สึกสนิทสนมอย่างที่ไม่สามารถอธิบาย เดิมทีทั้งสองเป็นบิดามารดาของชิงเหอนี่เอง
แม้จิตวิญญาณของนางจะผ่านวัฏจักรการเกิดใหม่มาหลายครั้งหลายครา นางก็มีความทรงจำของเมื่อครั้งที่ยังเป็นชิงเหออยู่บางส่วน เมื่อพบหน้าบิดามารดาในภพก่อนเช่นนี้ ไม่มีทางเลยที่นางจะไม่มีความรู้สึกใด ๆ
“ลูกสาวของเรา…”
เฟิงหย่าเพิ่งเรียกสติกลับคืนมาได้ และเมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ นางก็ตกอยู่ในภวังค์อีกครา คิดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้จะเป็นบุตรสาวที่หายสาบสูญของพวกตน
ถึงอย่างไร อายุของฉินอวี้โม่ก็แตกต่างไปจากบุตรสาวของพวกนางมาก แม้รู้สึกคุ้นเคยและผูกพันอย่างมิทราบสาเหตุ นางก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ได้
อย่างไรก็ตาม หากฉินอวี้โม่เป็นบุตรสาวของพวกนางจริง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูจะสมเหตุสมผลขึ้นมา สาเหตุที่พวกนางรู้สึกถูกชะตากับเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่เป็นอย่างมาก สาเหตุที่รู้สึกผูกพันและอยากทำความรู้จักกับฉินอวี้โม่ตั้งแต่แรกเห็น สาเหตุที่พวกนางกังวลว่าจะทำให้ฉินอวี้โม่รู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา รวมถึงความคิดที่พวกนางต้องการจะรับครอบครัวของฉินอวี้โม่มาไว้ในการคุ้มครอง…
“เรื่องมันยาวมากเจ้าค่ะ ลูกสาวของท่านทั้งสองตกไปอยู่ในดินแดนมหาเทพโดยบังเอิญและถูกพบโดยบุรุษชราที่ใจดีผู้หนึ่ง บุรุษชราผู้นั้นก็เลี้ยงดูนางและตั้งชื่อว่าชิงเหอ...”
ฉินอวี้โม่เล่าเรื่องราวในอดีตให้ฉินหลิงเซียว เฟิงหย่าและคนอื่น ๆ ได้ทราบอย่างช้า ๆ โดยที่ไม่ปิดบังสิ่งใด
จากการเสียชีวิตของชิงเหอในสงครามกับฝ่ายมาร จนถึงการเกิดใหม่จนกลายเป็นฉินอวี้โม่ในปัจจุบัน นางไม่ปิดบังรายละเอียดใดจากพวกเขา
“อันที่จริง ชิงเหอคงจะเป็นชีวิตแรกในวัฏจักรการเกิดใหม่ของข้าและเป็นชีวิตของลูกสาวของท่านทั้งสอง น่าเสียดายที่ครานั้นข้าตายไปก่อนที่จะได้พบกับพ่อแม่ที่แท้จริง แต่ถึงอย่างไร ทุกอย่างก็ถูกลิขิตไว้แล้ว การที่ข้าได้มาพบพวกท่านในตอนนี้ถือเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตโดยแท้”
นางกล่าวเสริมอีกประโยคด้วยหัวใจที่มิได้สงบนิ่งเช่นภายนอก
เมื่อได้พบกับบิดามารดาในชีวิตก่อน ฉินอวี้โม่ย่อมตื่นเต้นไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขาจากหลินหว่านหว่านและเฟิงหว่านหลี่ ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกเคารพเทิดทูนทั้งคู่อย่างสุดหัวใจ
“ลูกสาวที่น่าสงสารของข้า !”
เฟิงหย่าสวมกอดฉินอวี้โม่และร่ำไห้อย่างมิอาจควบคุม แม้มิใช่ผู้ที่เผชิญกับประสบการณ์เหล่านั้นด้วยตัวเอง นางก็รับรู้ได้ว่าบุตรสาวต้องทุกข์ทนเพียงใดกว่าที่จะฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามทุกอย่างจนมาอยู่ตรงหน้าพวกตนเช่นนี้ สิ่งที่ทำให้เฟิงหย่าทำใจรับไม่ได้มากที่สุดคือการที่บุตรสาวปรากฏอยู่ตรงหน้า ทว่าตนกลับจำไม่ได้
เฟิงหย่าและฉินหลิงเซียวเคยไตร่ตรองถึงความเป็นไปได้มากมาย ทว่าไม่เคยนึกถึงเรื่องการกลับชาติมาเกิดของจิตวิญญาณ หากไตร่ตรองถึงเรื่องนี้มาก่อน พวกนางก็อาจจะจดจำบุตรสาวได้ตั้งแต่แรกเห็น
“ท่านแม่…”
หลังจากลังเลครู่ใหญ่ ฉินอวี้โม่ก็เอ่ยเรียกด้วยสรรพนามที่ไม่ได้ใช้มานาน
มารดาของคุณหนูสี่ฉินอวี้โม่ยังคงหายตัวไป ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่านางจะได้พบกับบิดามารดาจากชีวิตก่อนเช่นนี้ นี่เป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้กับฉินอวี้โม่มาก
“เด็กดี… เด็กดี…”
น้ำตาของเฟิงหย่ายังคงไหลอาบแก้มไม่หยุดในขณะที่ฉินหลิงเซียวก้าวออกมาสวมกอดคนทั้งสอง ครอบครัวทั้งสามกอดกันแน่นราวกับไม่เคยแยกจากกันตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ความผูกพันและความรู้ใจกันของพวกเขาทำให้ผู้ที่มองเห็นอดซาบซึ้งใจไม่ได้…
“ท่านตา ท่านยาย ท่านแม่ หยุดร้องไห้ก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
เสี่ยวอ้ายโม่และเสี่ยวอ้ายฉือมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนกล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
พวกนางก็ชื่นชอบและรู้สึกผูกพันกับฉินหลิงเซียวและเฟิงหย่าเป็นอย่างมาก เมื่อได้ทราบว่าทั้งสองเป็นท่านตาและท่านยาย แน่นอนว่าทั้งสองก็ต้องมีความสุขยิ่งกว่าเดิมและเปลี่ยนไปเรียกทั้งสองด้วยสรรพนามที่ถูกต้อง
“มานี่เถอะ อ้ายฉือ อ้ายโม่ ให้ยายกอดให้ชื่นใจสักหน่อย”
เฟิงหย่าเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มและรับเด็กน้อยทั้งสองเข้าสู่อ้อมกอดด้วยใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ข้ามีความสุขจริง ๆ มีความสุขมากจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับเจ้าอีกครา…เสี่ยวโม่เอ๋อร์ ในอดีตแม่ปกป้องเจ้าไว้ไม่ได้ และแม้ตอนนี้เจ้าจะอยู่ตรงหน้า แม่ก็ยังจดจำเจ้าไม่ได้อีก ทั้งหมดเป็นความผิดของแม่เอง…”
นางมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาที่แสดงถึงความรักที่เต็มเปี่ยม
“ท่านแม่ การเกิดใหม่ของจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่ลึกลับมาก เป็นธรรมดาที่ท่านจะจดจำข้าไม่ได้ เมื่อเดินทางมาที่นี่ ข้าก็วางแผนที่จะตามหาท่านทั้งสอง เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบกันเร็วเช่นนี้ ทั้งหมดนี้เป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตอย่างแท้จริง มิฉะนั้น อ้ายฉือก็คงไม่พลัดหลงเข้าไปในมิติพิเศษของท่านพ่อโดยบังเอิญ และอ้ายโม่ก็คงไม่เจอกับพวกท่านเร็วเช่นนี้”
ฉินอวี้โม่จับมือเฟิงหย่าและกล่าวเพื่อมิให้อีกฝ่ายโทษตัวเอง นางสัมผัสได้ว่าคลื่นพลังของเฟิงหย่าไม่มั่นคงนักและเห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงจากเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตจนต้องใช้เวลาหลายปีในการฟื้นตัว และทั้งหมดมิใช่เรื่องที่พวกนางจะข้ามผ่านได้ง่าย ๆ ทั้งสองไม่เคยต้องการมีบุตรอีกคนและไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจในการตามหาบุตรสาวที่พลัดพรากแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานก็ตาม บิดามารดาคู่นี้ทำให้ฉินอวี้โม่ซาบซึ้งใจอย่างแท้จริง
ยิ่งไปกว่านั้น มิใช่เรื่องแปลกที่เฟิงหย่าจะจดจำนางไม่ได้ ถึงอย่างไร ฉินอวี้โม่และชิงเหอก็มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน แม้เป็นสตรีงามที่สะเทือนทั้งใต้หล้าทั้งคู่ รูปลักษณ์ของพวกนางก็ไม่เหมือนกัน ต่อให้รู้สึกผูกพันและถูกชะตาอย่างมิทราบสาเหตุ เฟิงหย่าและฉินหลิงเซียวก็ไม่กล้าคิดเช่นนั้น
“ฮ่า ๆ ๆ ดูเหมือนว่าการที่รับอวี้โม่เข้ามาในครอบครัวจะเป็นเรื่องที่ไร้ความหมาย เพราะเดิมทีนางก็เป็นคนในครอบครัวอยู่แล้ว”
เฟิงฉงยิ้มกว้างและกล่าวอย่างติดตลก เขาเองก็รู้สึกยินดีกับน้องสาวและน้องเขยเป็นอย่างมาก ไม่มีสิ่งใดที่จะมีความสุขมากไปกว่าการที่พวกเขาได้พบกับบุตรสาวที่พลัดพรากจากกันไปแสนนาน...