หลังจากการรำลึกความหลังผ่านไป ทุกคนก็นั่งลงเพื่อพูดคุยกันอย่างอบอุ่น
เสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ตามเฟิงชิงหลิงออกไปโดยกล่าวว่าจะไปเที่ยวชมห้องส่วนตัวของนาง
หลินหว่านหว่านก็แยกตัวไปที่เรือนด้านหลังพร้อมกับคนจำนวนหนึ่งเช่นกันเพื่อจัดเตรียมที่พักให้กับฉินอวี้โม่และสมาชิกจากนิกายหมื่นกระบี่
ก่อนหน้านี้พวกนางไม่ทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของฉินอวี้โม่ ทว่าในเมื่อตอนนี้ทราบแล้ว มันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ทายาทของตระกูลเฟิงพักอยู่ในเรือนรับแขก
เฟิงหย่านั่งลงข้างฉินอวี้โม่และจับมือนางไว้โดยที่ไม่ยอมปล่อย ราวกับกังวลว่าบุตรสาวจะหายตัวไปอีกคราหากไม่จับไว้ให้แน่น
ฉินหลิงเซียวก็นั่งลงอีกฟากหนึ่งขณะมองเฟิงหย่าและฉินอวี้โม่ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักความเอ็นดู กลิ่นอายที่เย็นชาของเขาก็หายไปอย่างสิ้นเชิงและเขาในตอนนี้ได้กลายเป็นบุรุษชราที่ดูอ่อนโยนและเป็นมิตรซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเข้าถึงได้ง่าย
“โม่เอ๋อร์ เจ้าหิวรึไม่ ? อยากจะกินอะไรอร่อย ๆ รึไม่ ? หรือเจ้าเหนื่อยและอยากจะพักผ่อนก่อน ?”
เฟิงหย่ามองฉินอวี้โม่และเอ่ยถามด้วยความห่วงใย ราวกับปรารถนาที่จะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับบุตรสาวผู้นี้
“ท่านแม่ ข้าไม่ต้องการสิ่งใดเจ้าค่ะ ข้าพักอยู่ในห้องตลอดหลายวันที่ผ่านมาและตอนนี้ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามาก”
ฉินอวี้โม่เองก็ไม่มีความคิดรำคาญใจใด ๆ และสัมผัสได้ถึงความรักของมารดาจากเฟิงหย่าได้อย่างชัดเจน นับจากนี้ไป นางจะมีอีกสองคนที่คอยรักและเป็นห่วงตนอย่างจริงใจ
“เอาล่ะ โม่เอ๋อร์ มาทำความรู้จักกันใหม่เถอะ”
เฟิงเหลียนเฉิงผู้ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์หลักทราบถึงความรู้สึกของบุตรสาวเป็นอย่างดี ในเวลานี้ เขาก็ยิ้มกว้างและเรียกฉินอวี้โม่เข้าไปหา
ฉินอวี้โม่ลุกขึ้นและก้าวออกไปข้างหน้าทันที “อวี้โม่ขอคารวะท่านตา ท่านลุงและลูกพี่ลูกน้องเจ้าค่ะ”
แรกเริ่มเดิมที ฉินอวี้โม่ก็คิดไม่ถึงว่าเฟิงเหลียนเฉิงจะเป็นท่านตาของตนและรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แม้คาดเดาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของชิงเหอคงจะไม่ธรรมดา นางก็ไม่คิดว่าจะมีภูมิหลังที่ทรงพลังเช่นนี้ ตระกูลเฟิงที่ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลในโลกแห่งเทพคือตระกูลต้นกำเนิดฝั่งมารดาของนาง ในขณะที่ตระกูลฉินก็เป็นตระกูลฝั่งบิดา
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉินอวี้โม่ยังไม่ทราบถึงจุดยืนของผู้นำตระกูลฉิน
ทว่าถึงอย่างไร แม้ผู้นำตระกูลฉินจะไม่ยอมรับเฟิงหย่าเป็นสะใภ้ในตอนนั้น เขาก็ไม่เคยคิดทำร้ายนาง เรื่องผิดพลาดเดียวที่เกิดขึ้นคือเขาไม่ได้ลงโทษผู้ที่วางแผนทำร้ายนางอย่างสาสม ส่งผลให้ทั้งบุตรชายและสะใภ้ต้องเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น…
“ลุกขึ้น ลุกขึ้นเถอะ ไม่มีของขวัญวันเกิดชิ้นใดที่จะทำให้ข้ามีความสุขมากไปกว่านี้แล้ว ครานี้ถือว่างานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของข้าดำเนินไปด้วยดี !”
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่โค้งคำนับด้วยท่าทางนอบน้อม เฟิงเหลียนเฉิงก็รีบโบกมือเพื่อให้นางลุกขึ้นก่อนถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่เปี่ยมล้น
“พิธีการก่อนหน้านี้ดูจะไม่มีประโยชน์เอาเสียเลย เจ้าเป็นถึงหลานสาวของข้า ในอนาคตต่อให้เจ้าต้องการทั้งตระกูลเฟิง ลุงก็จะมอบให้อย่างไม่ลังเลและมิใช่เพียงแค่ปกป้องคุ้มครองเจ้าเท่านั้น”
เฟิงฉงกล่าวพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน เขารู้สึกถูกชะตากับฉินอวี้โม่อย่างมากและกล่าวออกมาตามความรู้สึกจริง
หากฉินอวี้โม่มีเวลาคิดไตร่ตรองและต้องการ ตำแหน่งผู้นำตระกูลเฟิงในอนาคตก็จะถูกยกให้กับนาง ส่วนบุตรชายทั้งหลายของเขา ไม่ว่าจะต้องการสิ่งใด พวกเขาก็จะต้องทุ่มเทพยายามด้วยความสามารถของตนเอง หากคิดที่จะแย่งชิงสิ่งใดไปจากหลานสาวผู้นี้ รอดูเถิดว่าข้าจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร !
“ใช่ น้องอวี้โม่ นับจากนี้ เจ้าจะเป็นทายาทคนหนึ่งของตระกูลเฟิง ไม่ว่าผู้ใดที่ริอาจรังแกเจ้า เราก็จะไม่ปล่อยคนพวกนั้นไปแน่ ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังมีลูกพี่ลูกน้องอีกสองคนที่ออกไปทำธุระข้างนอกและยังไม่กลับมา ข้าจะแนะนำให้ได้รู้จักกันในภายหลัง พวกเขาก็จะต้องชื่นชอบเจ้ามาก…เช่นเดียวกับข้า”
เฟิงหว่านหลี่กล่าวเสริมและแสดงจุดยืนของตน แม้มีครอบครัวและมีบุตรของตนเองแล้ว พวกเขาก็ยินดีที่จะเป็นพี่ชายของนาง
อันที่จริง เฟิงหว่านหลี่อยากมีน้องสาวมานาน นับตั้งแต่ท่านป้าและท่านลุงให้กำเนิดบุตรสาวในอดีต เขาก็ตั้งตารอที่จะดูแลและปกป้องน้องสาวผู้นี้อย่างเต็มที่ ตอนนี้ในที่สุด ความต้องการที่จะเป็นพี่ชายซึ่งติดอยู่ในใจของเขามานานก็จะได้รับการสานต่อให้สมหวังเสียที
“ตกลงเจ้าค่ะ หากผู้ใดกล้ารังแกข้าหลังจากนี้ ข้าจะบอกท่านลุงและท่านพี่เพื่อให้พวกท่านเก็บกวาดพวกเขาให้ข้า !”
ฉินอวี้โม่กล่าวตอบพร้อมรอยยิ้ม แม้มีฉินอี้เฟยเป็นพี่ชายที่คอยปกป้องตนในทุกสถานการณ์แล้ว นางก็ไม่รังเกียจที่จะมีเพิ่มเติม ถึงอย่างไร การเป็นน้องเล็กที่ได้รับการเอาอกเอาใจจากเหล่าพี่ชายก็เป็นสิ่งที่ดีไม่น้อย…
“อีกอย่าง โม่เอ๋อร์…เหตุใดหานโม่ฉือจึงไม่อยู่กับเจ้าด้วยล่ะ ?”
จู่ ๆ ฉินหลิงเซียวก็เอ่ยถาม แน่นอนว่าเขาทราบว่าสามีของฉินอวี้โม่คือหานโม่ฉือ เพียงแต่เขาไม่ทราบว่าหานโม่ฉือไปอยู่ที่ใด
“ท่านพ่อ ตอนนี้โม่ฉืออยู่ที่โลกปีศาจเจ้าค่ะ”
เนื่องจากไม่มีสิ่งใดที่ต้องปิดบังจากคนเหล่านี้ ฉินอวี้โม่จึงเล่าสถานการณ์ของหานโม่ฉือให้พวกเขาได้ทราบ หลังจากได้ทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา ฉินหลิงเซียวและทุกคนก็อดกังวลไม่ได้
“ที่แท้โม่ฉือก็เป็นจ้าวแห่งโลกปีศาจในอดีตนี่เอง…”
เฟิงเหลียนเฉิงและเฟิงฉงตกตะลึงทันทีที่ได้ทราบถึงตัวตนของหานโม่ฉือ พวกเขาทราบดีว่าจ้าวแห่งโลกปีศาจเป็นสถานะที่ยิ่งใหญ่เพียงใด ไม่น่าเชื่อเลยว่าหลานเขยของพวกเขาจะเป็นผู้ครองตำแหน่งดังกล่าว
“ไม่ต้องกังวลหรอก เจ้าหนุ่มโม่ฉือทั้งแกร่งกล้าและชาญฉลาด เขาจะเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความกังวลใจของฉินอวี้โม่ ฉินหลิงเซียวก็กล่าวเพื่อปลอบประโลม
หากมิใช่เพราะความจริงที่ว่าโลกปีศาจลึกลับเกินคาดเดาและพวกเขาไม่สามารถตามหาได้แม้กระทั่งทางเข้า-ออกของมัน เขาก็คงบุกไปที่นั่นเพื่อช่วยหานโม่ฉือด้วยตัวเอง
“เมื่อข้าได้พบกับโม่ฉือในคราต่อไป ข้าจะพาเขามาพบกับทุกท่านเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะพลางนึกถึงว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า นางก็จะได้พบกับหานโม่ฉือในคฤหาสน์เฟิงหัว เมื่อถึงตอนนั้น นางจะพาเขามาแนะนำตัวกับฉินหลิงเซียวและคนอื่น ๆ หากได้ทราบว่าฉินอวี้โม่ได้พบกับบิดามารดาของชิงเหอ หานโม่ฉือจะต้องมีความสุขและยินดีกับนางอย่างแน่นอน
ทุกคนพยักศีรษะพร้อมรอยยิ้มก่อนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“หย่าเอ๋อร์ สำหรับเรื่องที่เราพบตัวฉินอวี้โม่แล้ว ปิดเป็นความลับไปก่อนเถิดและอย่าให้ตระกูลฉินทราบถึงเรื่องนี้จะดีกว่า”
เฟิงเหลียนเฉิงกล่าวขึ้นเพื่อให้เฟิงหย่าและทุกคนเก็บเรื่องตัวตนที่แท้จริงของฉินอวี้โม่ไว้เป็นความลับก่อน ในงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของเขาในครานี้ เขาต้องการทดสอบทัศนคติและจุดยืนของคนตระกูลฉิน หากผู้นำตระกูลฉินยังไม่ยอมรับเฟิงหย่าในฐานะสะใภ้ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องทราบถึงตัวตนของฉินอวี้โม่
นอกจากนี้ มันถึงเวลาแล้วที่ผู้ที่มีส่วนร่วมในการทำร้ายเฟิงหย่าและฉินอวี้โม่ในครานั้นจะต้องชดใช้อย่างสาสม ในอดีต เฟิงเหลียนเฉิงไม่สามารถปกป้องบุตรสาวและหลานสาวได้ ทว่าครานี้เขาจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดทำร้ายพวกนางได้อย่างแน่นอน !
“ท่านพ่อ ข้าเข้าใจดีเจ้าค่ะ”
เฟิงหย่าพยักศีรษะแสดงความเข้าใจ นี่เป็นสิ่งที่นางคิดไว้เช่นกัน ตระกูลฉินมักจะทำตัวไร้ยางอายอยู่เสมอ หากทราบว่าพวกเขาพบตัวทายาทที่พลัดพรากแล้ว อีกทั้งพรสวรรค์และความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ก็ยังโดดเด่นมากนั้น มิอาจคาดเดาได้เลยว่าคนเหล่านั้นจะวางแผนทำสิ่งชั่วร้ายใดต่อไป
นอกจากนี้ บุตรสาวของนางก็เผชิญเรื่องราวที่เลวร้ายมามากแล้ว นางจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องใดขึ้นอีก ไม่ว่าผู้ใดที่มีส่วนร่วมกับแผนการในครานั้น พวกเขาจะต้องถูกกำจัดจนหมดสิ้น !ในงานฉลองวันคล้ายวันเกิดครานี้ พวกเขาจะต้องชดใช้ให้กับเรื่องทั้งหมด !
“ท่านตา ท่านลุง ท่านพ่อ ท่านแม่ ตอนนี้ข้ากำลังศึกษาเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนอยู่ในนิกายหมื่นกระบี่ ก่อนหน้านี้ข้าก็โค่นล้มอำนาจของนิกายพันปีศาจมาได้โดยบังเอิญและกลายเป็นจ้าวนิกายคนปัจจุบันของที่นั่น หลังจากงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของท่านตา ข้ายังต้องกลับไปก่อนนะเจ้าคะ อย่างไรก็ตาม หากเกิดเรื่องใดในครานี้ เรามาสะสางให้เรียบร้อยไปด้วยกันเถิดเจ้าค่ะ !”
ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นและประกายจิตสังหารฉายวาบในแววตาเล็กน้อย