ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 97 ข้าจะไปเมืองเสวี่ยเหล่า

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​โก่ว​หาน​สือ​เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​ก่อน​ว่า​ ​“​ข้า​รู้​ว่า​เขา​เป็น​ใคร​”

​เหลียง​หง​จวง​เป็น​น้องชาย​ของ​เหลียง​หวัง​ซุน​ ​ระหว่าง​เขา​กับ​พรรค​กระบี่​หลี​ซาน​ยัง​มี​ความสัมพันธ์​ลับ​ๆ​ ​อีก​ชั้นหนึ่ง​…​เขา​มีสาย​เลือด​เดียวกัน​กับ​เหลียง​ปั้น​หู​และ​เหลียง​เสี้ยว​เสี่ยว

​ทั้งสอง​นิ่ง​ ​ไม่​พูดจา​ ​ใน​ห้อง​ศิลา​เงียบสงบ

​คล้าย​กับ​ที่​พวกเขา​สนทนา​กัน​ก่อนหน้านี้​ว่า​ ​ครั้งนี้​อาจ​เกิด​การ​สูญเสีย​ที่​ไม่​คาดคิด​ ​บางคน​ใน​สายตา​ของ​พวกเขา​ ​ไม่​ควร​เสียชีวิต​เร็ว​เช่นนี้​…​เสียชีวิต

​เหลียง​หง​จวง​ก็​เป็น​คน​เช่นนี้​ ​เขา​คือ​คนสำคัญ​ของ​จวน​เหลียง​อ๋อง​ ​เป็นยอด​ฝีมือ​ขั้น​รวบรวม​ดวงดาว​ท่าน​หนึ่ง​ ​เสียชีวิต​ขณะ​สงคราม​เพิ่ง​เริ่ม​ได้​ไม่​กี่​วัน​ ​ถ้า​พูด​กันตาม​เกณฑ์​ที่ผ่านมา​ ​ยัง​อีก​ไกล​กว่า​จะ​ถึงขั้น​ที่​น่าเศร้า​ ​แต่​แล้ว​เขา​ก็​เสียชีวิต​ลง​เช่นนี้

​เฉิน​ฉาง​เซิง​กับ​เหลียง​หง​จวง​พบ​เจอกัน​สาม​ครั้ง​ ​พูดจา​กัน​หลาย​สิบ​ประโยค​ ​พูด​ไม่ได้​ว่า​สนิท​ ​แต่​อย่างไร​ก็​เป็น​คนรู้จัก

​ใน​สนามรบ​ ​เขา​ยัง​มี​คนรู้จัก​อีก​มาก​ ​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​ ​ราชัน​แห่ง​หลิง​ไห่​ ​อาจารย์​และ​ศิษย์​ใน​นิกาย​หลวง​ ​อย่าง​ชู​เหวิน​ปิน​ ​ยัง​มีนาง

​แต่​โก่ว​หาน​สือ​ก็​มี​คนรู้จัก​มากมาย​เช่นกัน​ ​กวน​เฟย​ไป๋​ ​เหลียง​ปั้น​หู​ ​ไป๋​ไช​่​ ​อาจารย์​อา​ที่​หอก​ระ​บี่​ ​สหาย​เต๋า​จาก​เทียน​หนาน

​“​ขออภัย​ ​ข้า​ไม่​ควร​ให้​เจ้า​มา​เตือน​”​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​พูด​กับ​โก่ว​หาน​สือ

​โก่ว​หาน​สือ​ว่า​ ​“​เจ้า​ควร​เดา​ได้​ว่า​ ​คำพูด​เหล่านี้​ ​โหย​่ว​หร​งอยาก​ให้​ข้า​พูด​กับ​เจ้า​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​มองดู​ลูกปัด​หิน​ที่​ร้อย​อยู่​บน​ข้อมือ​ ​แล้ว​ว่า​ ​“​คำพูด​เหล่านี้​ ​จริงๆ​ ​แล้ว​นาง​พูด​กับ​ข้า​ตรงๆ​ ​ก็ได้​”

​……

​……

​คน​เฝ้า​เมือง​สวิน​หยาง​คน​ก่อน​ ​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​เคย​กังวลใจ​ว่า​ ​จะ​สามารถ​ต้านทาน​การบุก​ทั้งคืน​ติดต่อกัน​ของ​เผ่า​มาร​ได้​หรือไม่​ ​จะ​สามารถ​เห็น​แสง​เช้า​ของ​วันพรุ่งนี้​หรือไม่​

​ข้อเท็จจริง​พิสูจน์​ให้​เห็น​ว่า​ ​ความกังวลใจ​ของ​เขา​ ​ล้วน​เกิน​กว่า​เหตุ

​กองทหาร​ของ​เขา​ต้านทาน​การบุก​ครั้ง​ที่หนึ่ง​ไม่ได้​ ​ตอน​ฟ้า​เริ่ม​มืดค่ำ​ ​ก็​ถูก​พลทหาร​เผ่า​มาร​ที่​คลุ้มคลั่ง​เหล่านั้น​ทลาย​การป้องกัน​

​จำนวน​พลทหาร​เผ่า​มาร​มากมาย​เกินไป​จริงๆ

​หลังจาก​แสงดาว​ทำให้​เห็น​กระแส​คลื่น​สีดำ​นั่น​ใน​พงหญ้า​ ​ใจ​ของ​เขา​กับ​พลทหาร​เผ่า​มนุษย์​ทุกคน​ล้วน​ส่งเสียง​คราง

​เหลียง​หง​จวง​ไม่ได้​คราง​ ​ใบหน้า​ไม่มี​ความหวาดกลัว​ ​ไม่มี​ครวญคราง​หรือ​โหยไห้​ ​และ​ไม่ได้​ร้องเพลง​ฮึกเหิม​ ​แต่​พุ่ง​เข้าไป​สังหาร​กระแส​คลื่น​สีดำ​สาย​นั้น

​ข้อเท็จจริง​ยังคง​พิสูจน์​ได้​เช่นกัน​ว่า​ ​คน​กล้าหาญ​มักได้​รับพร​ดี

​กองหนุน​มาทัน​เวลา​พอดี​ ​ขุนพล​เทพ​เผิง​สือ​ไห่​นำ​ทหารม้า​มาด​้วย​ตนเอง​และ​ประสบผลสำเร็จ​ใน​การเปลี่ยนแปลง​สถานการณ์​การ​รบ​ทั้งหมด​ ​ช่วยชีวิต​เหล่า​ทหารหาญ​ที่​อดทน​ยืนหยัด​เฝ้า​มาส​อง​วัน​สอง​คืน

​ทั่วทั้ง​ทุ่งหญ้า​ล้วน​เกิด​การต่อสู้​ที่​ดุเดือด​ ​สถานการณ์​ส่วนใหญ่​ล้วน​ต้อง​ต่อสู้​ด้วย​ลำแข้ง​ของ​ตัวเอง​ ​ที่นี่​สามารถ​ได้รับ​ความช่วยเหลือ​ ​ย่อม​มีบุ​คคล​สำคัญ​มา​เกี่ยวข้อง

​แม้​เป็น​คนที​่​ราชสำนัก​ส่ง​มาตาย​ ​แต่​ราชสำนัก​ก็​ไม่​ยินยอม​ที่จะ​เห็น​คน​เฝ้า​เมือง​สวิน​หยาง​ตาย​เร็ว​เช่นนี้​ ​ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​เรื่อง​ที่ว่า​ ​ที่นี่​ยัง​มี​เหลียง​หง​จวง​

​กองไฟ​ถูกจุด​ให้​ลุกขึ้น​มา​ใหม่​ ​ส่องสว่าง​ให้​พงหญ้า

​พลทหาร​เผ่า​มาร​สูญเสีย​สติสัมปชัญญะ​ ​จึง​ไม่จำเป็น​ต้อง​กังวล​เรื่อง​ถูก​ลอบ​โจมตี

​เหล่า​ทหาร​ที่​รอดชีวิต​ล้อมวง​รอบ​กองไฟ​ ​ใบหน้า​เต็มไปด้วย​คราบ​โลหิต​ ​ไร้​ซึ่ง​อารมณ์​ใดๆ

​เครื่องแต่งกาย​ชุด​พิธีการ​สีขาว​กว่า​สิบ​ชุด​กำลัง​เต้นระบำ​อยู่​บน​ทุ่งหญ้า​ ​ดู​ไป​ก็​เหมือน​ดอกไม้​สีขาว​ที่​สวยงาม​ ​ดึงดูดสายตา​ยิ่ง

​เหล่า​ศิษย์​และ​อาจารย์​ของ​กระทรวง​สิบ​สาม​ชิง​เหย้า​ทำการ​ค้นหา​ผู้บาดเจ็บ​ที่​รอดชีวิต​รอบ​บริเวณ​ ​และ​ให้การ​รักษา​ด้วย​ยา​อย่าง​ทันท่วงที​ ​บางครั้ง​ยัง​มองเห็น​แสงสว่าง​ที่​เคล็ด​วิชา​แสง​ศักดิ์สิทธิ์​นำพา​มา

​เสียดาย​ ​ใน​สนามรบ​ที่​โหดร้าย​นี้​ ​ยาก​พานพบ​ผู้บาดเจ็บ​ ​ใน​พงหญ้า​ล้วน​เป็น​ซากศพ​ของ​พลทหาร​เผ่า​มนุษย์

​จวบจน​สุดท้าย​ ​ก็​ยัง​ไม่มีใคร​พบ​เหลียง​หง​จวง

​ตอนที่​พบ​ผู้​เฝ้า​เมือง​สวิน​หยาง​คน​ก่อน​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​นั้น​ ​ทั่วทั้ง​ร่าง​ของ​เขา​มี​แต่​โลหิต​ ​สีหน้า​ของ​เขา​งงงวย​เป็น​อย่างยิ่ง​ ​และ​เขา​ก็​พึมพำ​กับ​ตัวเอง​อย่าง​ตื่นตระหนก​ไม่​หยุด

​“​นี่​ ​นี่​…​จำเป็น​ด้วย​หรือ​ ​จำเป็น​ด้วย​หรือ​…​”

​ไม่มีใคร​เข้าใจ​ว่า​เขา​อยาก​พูด​อะไร​กัน​แน่​ ​และ​ไม่มีใคร​รู้​ว่า​ ​เหตุใด​เขา​ถึง​กลายเป็น​เช่นนี้​ไป​ได้

​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​จำ​เรื่อง​ที่เกิด​ขึ้น​เมื่อ​ครู่​ได้​อย่าง​แจ่มชัด

​เหลียง​หง​จวง​ถือ​ทวน​เหล็ก​พุ่ง​เข้าหา​พลทหาร​เผ่า​มาร​ที่รวม​ตัว​กัน​เป็น​กระแส​คลื่น​สีดำ​ ​และ​จม​หาย​ไป​อย่างรวดเร็ว

​ผู้​ที่​ได้รับ​การปรนเปรอ​มา​หลาย​ปี​เช่น​เขา​ ​หวาดกลัว​มาก​จริงๆ​ ​หัน​กาย​วิ่งหนี​แทบ​ไม่ทัน​ ​แต่​ประสบการณ์​หลาย​วัน​มานี​้​บอก​เขา​ว่า​ ​พลทหาร​เผ่า​มาร​ใน​ตอนนี้​ได้​กลายเป็น​สัตว์ป่า​ไป​แล้ว​จริงๆ​ ​ไม่มีเหตุผล​ใดๆ​ ​ที่จะ​พูด​กัน​อีก​ ​ถ้า​ไม่​ฆ่า​ฝ่ายตรงข้าม​ให้​หมด​ ​พวก​มัน​ก็​ต้อง​ไล่​ล่า​ท่าน​ไป​ตลอด

​และ​อย่างไร​เขา​ก็​เป็น​คน​เฝ้า​เมือง​สวิน​หยาง

​อดีต​คน​เฝ้า​เมือง​สวิน​หยาง

​ตอนนี้​เป็น​แม่ทัพ​ท่าน​หนึ่ง

​เขา​จึง​ร้อง​ตะโกน​เสียงดัง​ ​แล้ว​พา​เหล่า​ทหาร​ที่อยู่​รอบ​ๆ​ ​ดาหน้า​เข้า​สังหาร​พลทหาร​เผ่า​มาร

​เรื่องราว​หลังจากนั้น​ ​เบื้องต้น​เขา​ล้วน​ลืม​สิ้น​ ​จำได้​เพียงตน​เอง​กวัดแกว่ง​คม​ดาบ​ไม่​หยุด​ ​หกล้ม​ไม่​หยุด​ ​จากนั้น​ก็​ตะเกียกตะกาย​ลุกขึ้น​ ​แรกเริ่ม​ก็​ยัง​รู้สึก​ได้​ถึง​ความเจ็บปวด​ของ​ร่างกาย​ ​ต่อมา​กระทั่ง​ความเจ็บปวด​ก็​ไม่รู้​สึก​แล้ว​ ​เพียง​รู้สึก​ว่า​ดาบ​ใน​มือหนัก​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​ลมหายใจ​ก็​เปลี่ยนเป็น​หน่วง​ขึ้น​เรื่อยๆ

​ขณะที่​เขา​เหนื่อยล้า​สุด​จะ​ทน​ ​อะไร​ล้วน​ไม่สน​ใจ​ทั้งสิ้น​ ​ตอนที่​นอนลง​ไป​อย่างนั้น​ ​พลัน​ได้ยิน​เสียงดัง​แหวก​ความมืด​มาจาก​ระยะไกล

​กองหนุน​มาถึง​แล้ว​!​

​เขา​ตื่นตัว​ทันที​ ​เค้น​พละกำลัง​เฮือกสุดท้าย​ฝ่า​วงล้อม​ออก​ไป​ ​แต่​หลัง​พงหญ้า​นั้น​ ​เขา​กลับ​ต้อง​ตก​อยู่​ใน​ความสิ้นหวัง​ ​พลทหาร​เผ่า​มาร​หลาย​สิบ​ตน​เพิ่ง​กรู​กัน​ออกจาก​ความมืด​มาที​่​นี่​ ​น้ำลาย​เหม็นคาว​จาก​ปาก​ที่​เผยอ​หยด​ลง​ ​ดวงตา​สีแดง​โลหิต

​และ​ตอนที่​เขา​นึก​ว่า​ตน​กับ​เหล่า​ทหาร​คนสนิท​ต้องตา​ยอย​่าง​ไม่ต้องสงสัย​แล้ว​นั้น​ ​พลัน​เห็น​คน​คน​หนึ่ง​อยู่​ใน​พลทหาร​เผ่า​มาร

​เหลียง​หง​จวง​ยืน​ขึ้น​ ​ถือ​ทวน​เหล็ก​ ​ส่าย​โงนเงน​ไปมา

​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​อยาก​ตะโกน​ให้​เหลียง​หง​จวง​รีบ​หนี​ไป​ ​แต่กลับ​ตะโกน​ไม่​ออก

​เหลียง​หง​จวง​ไม่ได้​หนี

​เขา​เลือก​ทำลาย​ตัวเอง

​พลัง​ปราณ​แท้​ที่​เชื่อมต่อ​กับ​แดน​ลี้ลับ​ไร้​รูป​ทั้ง​ร้อยแปด​ ​พุ่ง​ออกมา​พร้อมกัน

​ดอกไม้ไฟ​สีเงิน​ดอก​หนึ่ง​ส่องสว่าง​ให้​พงหญ้า

​ดวงดาว​ที่​ร้อนแรง​และ​ศักดิ์สิทธิ์​ ​ฉีก​ร่าง​พลทหาร​เผ่า​มาร​เหล่านั้น​ใน​พริบตา

​สำหรับ​ผู้บำเพ็ญเพียร​แล้ว​ ​นี่​คือ​วิธีการ​ตาย​ที่​โหดร้าย​ที่สุด​ ​เป็นการ​บอกลา​ที่​เจ็บปวด​ที่สุด

​……

​……

​“​จำเป็น​ด้วย​หรือ​ ​เป็น​เพียงแค่​ความตาย​มิใช่​หรือ​”

​“​ข้า​ไม่ได้​บอกว่า​ไม่ยอม​ตาย​ ​จำเป็น​ที่​ต้อง​ทำให้​ตัวเอง​เจ็บปวด​เช่นนี้​ด้วย​หรือ​”

​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​นั่ง​ซึมเซา​ยู่​บน​พื้นหญ้า

​“​แม่ทัพ​เฟิ​่ง​?​”

​หญิงสาว​ผู้​สวม​ชุด​พิธีการ​สีขาว​คน​หนึ่ง​เดิน​เข้ามา​ข้าง​กาย​เขา

​ผ้าคลุม​หน้า​ติด​หมวก​บดบัง​ใบหน้า​นาง​ ​ทำให้​เสียง​ของ​นาง​เปลี่ยนเป็น​ยาก​คาดเดา

​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​มิได้​สนใจ​นาง

​แสงสี​ดำ​สาย​หนึ่ง​วาบ​ผ่าน

​ฝ่ามือ​ของ​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​ถูก​ปิ่น​เล็ก​ๆ​ ​แทง​ ​เห็น​เป็น​รู​โลหิต​เล็ก​ๆ​ ​รู​หนึ่ง

​ความเจ็บ​มา​ได้จังหวะ​พอดี​ ​กลับ​ไม่​ทำให้​เขา​กรีดร้อง​ ​แต่​ทำให้​เขา​ได้สติ​ในที่สุด

​ยังคง​อาศัย​แสง​จาก​ดวงดาว​ ​แต่​ครั้งนี้​ไม่เห็น​กระแส​คลื่น​พลทหาร​เผ่า​มาร​เช่นนั้น​อีก​ ​แต่​เห็น​ใบหน้า​ที่​งดงาม​สุด​จะ​เปรียบ​ใบหน้า​หนึ่ง​ ​ทำให้​เขา​ตกตะลึง

​“​ใช่​…​ท่าน​หรือเปล่า​”

​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​ถาม​ด้วย​เสียง​อัน​สั่นเทา​ ​จากนั้น​ก็​ร้องไห้​ขึ้น​มา

​“​ท่าน​น่าจะ​มาช​่วย​เขา​นะ​”

​หญิงสาว​นาง​นั้น​ไม่สน​ใจ​เขา​ ​พูด​อย่าง​ไม่​ยี่หระ​ ​“​ยินดี​ด้วย​ ​ตอนนี้​เจ้า​มีทาง​เลือก​สอง​ทาง​ ​เจ้า​ได้​ถูก​พิสูจน์​แล้ว​ว่า​ได้​ทำการ​รบ​อย่างกล้าหาญ​ ​ความผิด​ที่​เจ้า​เคย​ก่อ​ ​ได้รับ​การ​ชดใช้​แล้ว​ ​เจ้า​สามารถ​กลับ​เมือง​สวิน​หยาง​ได้​ ​แน่นอน​ไม่​สามารถ​เป็น​ผู้​เฝ้า​เมือง​อีก​ ​แต่​สามารถ​เป็น​คนธรรมดา​คน​หนึ่ง​ที่​มีชีวิต​อยู่​ต่อไป​ได้​”

​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​มีท​่า​ที​งุนงง​เล็กน้อย​ ​จึง​ถาม​ ​“​ทาง​ที่สอง​เล่า​”

​หญิงสาว​นาง​นั้น​ว่า​ ​“​เจ้า​สามารถ​อยู่​ต่อ​ ​รักษา​อาการ​บาดเจ็บ​ให้หาย​ ​แล้ว​ติดตาม​กองทัพ​บุก​ขึ้น​เหนือ​ต่อ​”

​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​ไม่ได้​พูด​อะไร​อยู่​เนิ่นนาน

​ถ้า​เปลี่ยนเป็น​คนอื่น​ ​ก็​น่าจะ​รู้​แล้ว​ว่า​ ​สอง​ทางเลือก​นี้​ ​ควร​เลือก​ทาง​ไหน

​ถ้า​เป็น​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ก่อน​ ​เขา​สามารถ​ตัดสินใจ​เลือก​อย่างง่ายดาย

​แต่​ตอนนี้​ ​เขา​กลับ​รู้สึก​ว่ายาก​เหลือเกิน

​เขา​รู้​ว่า​ฝ่ายตรงข้าม​ไม่ได้​หลอก​ตนเอง​ ​เพราะ​นั่น​เป็นเรื่อง​ไม่​คุ้มค่า​ที่​ฝ่ายตรงข้าม​จะ​ทำ

​“​ข้า​เลือก​ทาง​ที่สอง​”

​เสียง​ของ​เขา​สั่น​เล็กน้อย​ ​เห็นชัด​ว่ายั​งคง​หวาดกลัว​อยู่

​หญิงสาว​นาง​นั้น​แปลกใจ​อยู่​บ้าง​ ​จึง​ถาม​ ​“​เพราะอะไร​”

​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​เงยหน้า​ขึ้น​ ​มอง​นาง​พลาง​ตอบ​อย่างจริงจัง​ ​“​ได้ยิน​ว่า​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​มี​ละคร​เพลง​”

​หญิงสาว​นาง​นั้น​พยักหน้า

​เฟิ​งกุยจ​วิน​จึง​ว่า​ ​“​ข้า​อยาก​ไป​ฟัง​สักหน่อย​ว่า​ ​เสียงร้อง​ของ​หลู​หลิง​สกุล​จิน​ ​กับจ​วี​๋​สุ่ย​จาง​แตกต่าง​กัน​อย่างไร​”

​……

​……

​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​กับ​ผู้บาดเจ็บ​สาหัส​ที่​ถูก​ค้นพบ​ ​ถูก​ส่งตัว​ไปรั​กษา​ใน​ค่าย​ใหญ่​ทางใต้

​หลังจาก​หาย​ดี​แล้ว​ ​พวกเขา​สามารถ​เลือก​ที่จะ​กลับ​กอง​ ​และ​สามารถ​เลือก​ที่จะ​กลับบ้าน

​ศิษย์​และ​อาจารย์​จาก​กระทรวง​สิบ​สาม​ชิง​เหย้า​ยังอยู่​ที่​สนามรบ​ ​ค้นหา​ผู้บาดเจ็บ​ต่อ​ ​และ​รักษา​อาการ​บาดเจ็บ​ให้​

​ใน​บางขณะ​ ​กลิ่นหอม​อ่อน​ๆ​ ​ของ​ยาสมุนไพร​ก็​กลบ​กระทั่ง​กลิ่นคาว​โลหิต​กับ​กลิ่น​เหม็น​เน่า​ได้

​สิ่ง​ที่​ทำให้​ผู้คน​รู้สึก​สงบ​และ​นิ่ง​ที่สุด​ ​ยังคง​เป็น​แสง​ศักดิ์สิทธิ์​เหล่านั้น

​การ​ให้​ความช่วยเหลือ​ดำเนิน​ต่อ​จนถึง​ช่วง​กลางวัน

​ไม่ว่า​อาการ​บาดเจ็บสาหัส​แค่ไหน​ ​ขอ​เพียง​ถูก​พวก​นาง​พบ​เจอ​ ​ใน​เบื้องต้น​ ​ล้วน​รักษา​หาย​ ​กระทั่ง​บางครั้ง​ยัง​เกือบจะ​มหัศจรรย์​ด้วยซ้ำ

​สงคราม​หยุดพัก

​พลทหาร​เผ่า​มาร​ใน​รัศมี​ร้อย​กว่า​ลี้​ถูก​สังหาร​เกลี้ยง

​ทหาร​แนวหน้า​รักษา​พื้นที่​ไว้​ได้​ ​แต่​ที่​แปลก​ก็​คือ​ ​นอกจาก​อินทรี​แดง​ที่​ไป​กลับ​ค่าย​ใหญ่​แล้ว​ ​ยัง​มี​ห่าน​ป่าแดง​มากมาย​ร่อน​ลง​บน​พงหญ้า​ ​หลัง​เที่ยง​ก็​มี​ม้าเร็ว​จำนวนมาก​มาถึง​อย่างต่อเนื่อง

​ข่าว​หนึ่ง​ค่อยๆ​ ​แพร่กระจาย​ไป​ใน​หมู่​ทหาร​นับ​หมื่น

​ท่าน​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์​อยู่​ใน​พงหญ้า​นั้น

​……​

​……​

​สวี​โหย​่ว​หรง​เดิน​ไป​ทาง​พงหญ้า

​ที่​ที่นาง​ผ่าน​มา​ ​เปลวไฟ​สีทอง​ได้​เผา​ซากศพ​พลทหาร​เผ่า​มาร​ที่​เน่าเสีย​ให้​กลายเป็น​ควัน​สีเขียว

​พอ​ถูก​เปิดเผย​สถานะ​ ​ย่อม​ไม่มี​ความจำเป็น​ที่จะ​ปกปิด​อีก

​ลม​เย็น​ๆ​ ​พัดมา​ ​หอบ​ควัน​ลอย​ไป​ ​ทุ่งหญ้า​กลับคืน​สู่​ความสด​ใส

​ทหารม้า​สิบ​กว่านาย​รอ​อยู่​ด้านหน้า

​พลทหาร​คุกเข่า​เต็ม​สอง​ข้างทาง​ของ​พงหญ้า​ ​ผู้บาดเจ็บ​ก็​พยายาม​คุกเข่า​ลง​ ​สีหน้า​เต็มไปด้วย​ความรู้สึก​ศรัทธา​และ​โชคดี

​สามารถ​ได้รับ​การรักษา​จาก​มือ​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์​ ​นี่​เป็น​พร​ที่​ต้อง​บำเพ็ญ​เพียร​อีก​กี่​ชาติ​หนอ

​ทหารม้า​ที่​รีบรุด​มาจาก​ต่าง​สถานที่​ ​หมายถึง​ตัวแทน​ของ​ขุนพล​เทพ​มากมาย​ ​ใน​นั้น​ย่อม​มีที​่​หมายถึง​กลุ่ม​บุคคล​สำคัญ​บาง​กลุ่ม​ที่​จิง​ตูด​้วย

​พวกเขา​ล้วน​เป็น​ทูต​ ​อยาก​เตือน​ให้​สวี​โหย​่ว​หรง​รีบ​กลับ​จิง​ตู

​สาเหตุ​ที่​สำคัญ​สุด​ ​ย่อม​เป็น​เพราะ​ความปลอดภัย

​ใครๆ​ ​ก็​รู้​ว่า​ ​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์​มีสาย​เลือด​ของ​หงส์​สวรรค์​ ​มีพรสวรรค์​ใน​บำเพ็ญ​เพียร​อย่างแท้จริง​ ​แม้​อายุ​น้อย​ ​แต่กลับ​เป็น​เทพศักดิ์​สิทธิ์​ไป​แล้ว​ครึ่ง​ก้าว

​แต่​ที่นี่​เต็มไปด้วย​ความตาย​กับ​รังสี​ฆ่าฟัน​ของ​สมรภูมิ​รบ​ ​สังฆราช​มิได้​อยู่​ข้าง​กาย​นาง​ ​จึง​มัก​ทำให้​ผู้คน​รู้สึก​ไม่ไว้วางใจ​อยู่​บ้าง

​ยัง​มีสา​เหตุ​สำคัญ​อีก​อย่าง​ ​ค่าย​กล​กระบี่​สถานศึกษา​หนาน​ซีก​็​มิได้​อยู่​ข้าง​กาย​นาง

​กลุ่ม​ศิษย์​ของ​สถานศึกษา​หนาน​ซี​ตอนนี้​ก็​มิได้​อยู่​ที่​ค่าย​ใหญ่​ทางใต้​ ​แต่​อยู่​ที่​กระโจม​บัญชาการ​กลาง​ ​ซึ่ง​มีความสำคัญ​มาก​สุด​และ​อยู่​ไกล​ออก​ไป​อีก​ ​มีหน้า​ที่​คุ้มครอง​ผู้บัญชาการ​ทหาร​สูงสุด​ของ​การ​เดินทาง​ไป​ทางเหนือ​ใน​ครั้งนี้

​ทหารม้า​เหล่านั้น​พากั​นคุก​เข่า​ลง​ ​ขอร้อง​อย่าง​ขมขื่น​ ​ให้​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์​กลับ​เมืองหลวง​โดยเร็ว

​สวี​โหย​่ว​หรง​ไม่​แม้แต่​จะ​มอง​พวกเขา​ ​รับ​จดหมาย​ฉบับ​หนึ่ง​จาก​มือ​ศิษย์​หญิง​สถานศึกษา​หนาน​ซีคน​หนึ่ง​

​ศิษย์​หญิง​คน​นั้น​รีบเร่ง​เดินทาง​มา​โดย​มิได้​หยุดพัก​ ​เหนื่อยล้า​สุด​ๆ​ ​จึง​นั่งลง​กับ​พื้น​เริ่ม​ทำสมาธิ​ ​แค่​คิด​ก็​รู้​แล้ว​ว่า​ ​จดหมาย​ฉบับ​นี้​สำคัญ​มาก

​เป็น​จดหมาย​ที่มา​จาก​กระโจม​บัญชาการ​กลาง​ ​แต่​มิได้​มาจาก​ผู้บัญชาการ​ทหาร​สูงสุด​ ​และ​มิได้​เกี่ยวข้อง​กับ​จิง​ตู​ ​แต่​เยี​่ย​เสี่ยว​เหลียน​เป็น​คนเขียน

​ค่าย​กล​กระบี่​สถานศึกษา​หนาน​ซีที​่​คุ้มครอง​กระโจม​บัญชาการ​กลาง​ใน​ตอนนี้​ ​นาง​ทำหน้าที่​บัญชาการ​ ​และ​เพราะเหตุนี้​ ​นาง​ถึง​ได้​รู้​ข่าว​ลับ​ๆ​ ​มากมาย

​แน่นอน​ ​ไม่​เว้น​แม้แต่​ข่าว​บุคคล​สำคัญ​บาง​กลุ่ม​ ​คิด​ใช้​นาง​เป็น​ทางผ่าน​ ​นำ​ข่าว​ที่​ถูกต้อง​ส่งต่อ​ให้​สวี​โหย​่ว​หรง

​……

​……

​บุคคล​สำคัญ​หลาย​คน​ ​รวมทั้ง​ขุนพล​เทพ​เหล่านั้น​ ​รู้​มาต​ลอด​ว่า​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์​อยู่​ใน​สนามรบ

​การต่อสู้​ที่​โหดร้าย​เมื่อ​หลาย​วันก่อน​ ​นาง​นำพา​ศิษย์​อาจารย์​กระทรวง​สิบ​สาม​ชิง​เหย้า​ ​ไป​ตาม​สนามรบ​แต่ละ​สนาม​ ​ไม่รู้​ว่า​ได้​ช่วยชีวิต​พลทหาร​มาก​น้อย​เท่าใด

​เหตุใด​ช่วง​นั้น​ ​บุคคล​เหล่านี้​ถึง​ไม่ได้​ว่า​อะไร​ ​แต่​วันนี้​กลับ​ลุกขึ้น​มา​ ​ใช้​เรื่อง​ความปลอดภัย​ ​ขอร้อง​แล้ว​ขอร้อง​อีก​ให้​นาง​กลับ​เมืองหลวง

​โดย​เยี​่ย​เสี่ยว​เหลียน​ได้​ให้​คำอธิบาย​ใน​จดหมาย​ว่า​ ​วันนี้​สวี​โหย​่ว​หรง​ได้​ช่วยชีวิต​ผู้บาดเจ็บ​ใน​พงหญ้า​ไว้​มาก​จน​เกินไป

​ซึ่ง​ถ้า​คิด​จะ​ช่วยชีวิต​คน​บาดเจ็บสาหัส​ใกล้​ตาย​มาก​ขนาด​นี้​ ​ไม่​สามารถ​อาศัย​เพียง​เคล็ด​วิชา​แสง​ศักดิ์สิทธิ์​ ​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์​ต้อง​ใช้​ยา​ชนิด​นั้น

​หลาย​วันก่อน​ ​นาง​ก็​คิด​ว่า​ต้อง​ใช้​ยา​ชนิด​นั้น​ ​แต่​ปริมาณ​ที่​ใช้​ไม่​นับว่า​มากเกินไป​ ​ทุกคน​ยัง​ยอมรับ​ได้

​วันนี้​ ​ยาที​่​นาง​ใช้​มากเกินไป​ ​ทุกคน​รับ​ไม่ไหว​แล้ว​จริงๆ​ ​ถึง​อยาก​เชิญ​นาง​ให้​จากไป

​ความจริง​ทุกคน​คิด​ว่า​ ​อำนาจ​การแจกจ่าย​ยา​ชนิด​นี้​ไม่​ควร​อยู่​ใน​มือ​นาง​…​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์​มี​เมตตา​กับ​ชาวโลก​ ​พอ​เห็น​ใคร​บาดเจ็บ​ก็​ช่วย​หมด​ ​โดย​ไม่​คำนึงถึง​การ​จ่าย​ค่าตอบแทน​ใดๆ​ ​แต่​ยา​ชนิด​นั้น​ ​ถ้า​ใช้กับ​พลทหาร​ธรรมดา​จน​หมด​ ​ต่อไป​ถ้า​ขุนพล​เทพ​บาดเจ็บ​จะ​ทำ​อย่างไร​ ​ท่าน​อ๋อง​กำลังจะ​ตาย​จะ​ทำ​อย่างไร

​นี่​ฟัง​ดู​โหดร้าย​มาก​ ​แต่​ที่นี่​คือ​สนามรบ​ ​นี่​คือ​การสู้​รบ​ ​การแจกจ่าย​ทรัพยากร​ใดๆ​ ​ควร​มี​กฎเกณฑ์​ ​ความ​เป็นความ​ตาย​คือ​ชีวิต​ ​แต่​ก็​ต้อง​มี​หนัก​มี​เบา

​หลาย​ปี​มานี​้​ไม่มี​สงคราม​ ​พระราชวัง​หลี​จึง​ยกเลิก​กฎ​การแจกจ่าย​ยาจู​ซา​ใน​แต่ละ​เดือน​ ​ดังนั้น​เพียง​ทำการ​คำนวณ​อย่างง่ายๆ​ ​ก็​จะ​คิดได้​ว่า​ตอนนี้​มียา​จู​ซาสะ​สม​ไว้​มาก​น้อย​เท่าใด

​อำนาจ​ใน​การแจกจ่าย​ยาจู​ซา​อยู่​ใน​มือ​ของ​พระราชวัง​หลี​ ​แต่​ใน​การ​ดำเนินการ​จริง​ ​มัก​ต้อง​ถาม​ความคิดเห็น​ของ​ผู้นำ​ทัพ​แนวหน้า​หน่อย

​ถึง​เป็นช่วง​บ้านเมือง​สงบสุข​ ​ทหารม้า​เหล่านี้​ ​ในนาม​ตัวแทน​เจตจำนง​ของ​บุคคล​สำคัญ​รวมกัน​ ​ก็​ไม่มีทาง​ทำให้​นาง​หวั่นไหว​แม้แต่น้อย​ ​แต่​ตอนนี้​เป็นช่วง​ศึกสงคราม​ ​สถานะ​ของกอง​ทัพ​สูง​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​และ​จุดประสงค์​ของ​เหล่า​ผู้นำ​ทัพ​ก็​สมเหตุสมผล​ใน​ทุกๆ​ ​มุมมอง​ ​พวกเขา​ให้​ความเคารพ​นาง​เพียงพอ

​แล้ว​นาง​จะ​ตอบกลับ​อย่างไร

​สวี​โหย​่ว​หรง​ยื่นมือ​ขึ้น​ ​ค่อยๆ​ ​ถอด​หมวก​ติด​ผ้าคลุม​หน้า​ออก​ ​เผย​ให้​เห็น​ใบหน้า​สวยสม​บูรณ์​ใบ​นั้น

​รอบ​ๆ​ ​ทุ่งหญ้า​ยิ่ง​เงียบสนิท

​มี​เพียง​ศิษย์​หญิง​จาก​สถานศึกษา​หนาน​ซีที​่​ยืน​อยู่​ใกล้​ๆ​ ​นาง​ ​ถึง​ได้​เห็น​ความ​อ่อนล้า​ใน​ดวงตา​นาง

​นาง​มอง​ไป​ยัง​ทหารม้า​เหล่านั้น

​ลม​เย็น​ๆ​ ​โบก​พัด​ต้น​หญ้า​สูง​ๆ​ ​ใน​ทุ่ง​ ​ส่งเสียง​เหมือน​คลื่น​อย่างไร​อย่างนั้น