ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 98 นกภูเขา

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​สวี​โหย​่ว​หร​งม​อง​ดู​ขวด​กระเบื้อง​ใบ​เล็ก​ใน​มือ​ ​โดย​ไม่ได้​พูด​อะไร

​ขวด​กระเบื้อง​ใบ​เล็ก​เช่นนี้​ ​นาง​ยัง​พอ​มีอยู่​บ้าง​ ​แต่​มิได้​อยู่​ใน​แขน​เสื้อ​ ​อยู่​ใน​ธนูถง

​สายตา​นับไม่ถ้วน​พุ่ง​มาที​่​มือ​นาง​ ​ถ้า​ไม่กระตือรือร้น​ ​ก็​ตื่นเต้น​ ​หรือไม่ก็​รู้สึก​ไม่ปลอดภัย

​พวกเขา​เดา​ถูก​แล้ว​ ​ขวด​กระเบื้อง​ใบ​เล็ก​นี้​ ​บรรจุ​ยาจู​ซา​ใน​ตำนาน​อยู่

​และ​ก็​เป็นสาเหตุ​สำคัญ​ที่​ผู้นำทาง​ทหาร​ทั้งหลาย​ขอร้อง​แล้ว​ขอร้อง​อีก​ให้​สวี​โหย​่ว​หรง​รีบ​กลับ​เมืองหลวง

​“​โอสถ​เหล่านี้​เป็น​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​ของ​ของ​เขา​ก็​คือ​ของ​ของ​ข้า​”

​สวี​โหย​่ว​หร​งม​อง​ดู​ทหารม้า​ที่​คุกเข่า​เหล่านั้น​พลาง​ว่า​ ​“​ข้า​รู้​ว่า​ใน​หมู่​พวก​เจ้า​มี​หลาย​คนที​่​ไม่พอใจ​ ​แต่​อย่า​ให้​ข้า​รู้​ ​เพราะ​นั่น​จะ​ทำให้​ข้า​หัวเสีย​”

​ร่างกาย​ทหารม้า​เหล่านี้​เปลี่ยนเป็น​แข็งทื่อ​สุด​จะ​เปรียบ​ ​เพราะ​รู้ความ​หมาย​ใน​น้ำเสียง​ที่​สงบนิ่ง​ของ​นาง​แล้ว

​ความหมายแฝง​ก็​คือ​ ​ไม่จำเป็น​ต้อง​พูด​ข้อมูล​สำคัญ​ที่​ใครๆ​ ​จะ​ได้ยิน​ออกมา

​นาง​กำลัง​ตอบ​คน​ทั้งโลก

​ถ้า​นาง​หัวเสีย​ ​โลก​ใบ​นี้​อาจ​ไม่มี​ยาจู​ซา​อีก

​เหล่า​ทหารม้า​ทำความเคารพ​นาง​ด้วย​ท่าที​เทิดทูน​เป็น​ที่สุด​ ​และ​จากไป​อย่างเร็ว​ที่สุด​ ​กระจาย​คำสั่ง​ของ​นาง​ไป​ทั่วทุก​ทุ่งหญ้า

​หญิงสาว​จาก​สถานศึกษา​หนาน​ซีนาง​นั้น​มอง​นาง​ ​อยาก​พูด​อะไร​แต่​ก็​ยั้ง​ไว้

​มิสู​้​กลับ​ไป​ไม่ดี​กว่า​หรือ

​ร่างกาย​และ​จิตใจ​ของ​สวี​โหย​่ว​หรง​ทรงพลัง​มาก​ ​แต่​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ​นาง​ก็​ยัง​รู้สึก​เหน็ดเหนื่อย​อยู่​บ้าง

​แต่​นาง​ไม่มีทาง​จากไป​แน่

​มี​เพียง​อยู่​ที่นี่​ ​นาง​จึง​จะ​เห็น​ความเปลี่ยนแปลง​อย่าง​ฉับพลัน​ใน​สนามรบ​ ​สถานการณ์​ตามความเป็นจริง​มาก​ที่สุด

​ขณะเดียวกัน​ ​พวก​ที่อยู่​ใน​เมืองหลวง​ ​ก็​จะ​ได้​เห็น​สถานการณ์​ตามความเป็นจริง​มาก​ที่สุด​ด้วย

​สถานการณ์​ซับซ้อน​มาก​ ​จาก​คำยืนยัน​ของ​ผู้สมัคร​เป็น​ผู้บัญชาการ​สูงสุด​ ​จุด​นี้​เพียงพอ​ที่จะ​เห็น​ลางบอกเหตุ​บางอย่าง​แล้ว

​สวี​ซื่อ​จี​ ​ผู้​ที่​คน​มากมาย​เสนอชื่อ​ ​หลังจาก​ได้รับ​จดหมาย​ของ​นาง​ ​ก็​ปิด​จวน​ไม่​ออกมา​อีก​ ​บอกว่า​ป่วย​ ​ขอลา​ป่วย

​ขุนพล​เทพ​อย่าง​พวก​เผิง​สือ​ไห่​ ​เฉิน​กวน​ซง​ ​ครอบครอง​พื้นที่​ครึ่งหนึ่ง​ของ​แคว้น​ต้า​โจว​ใน​ปัจจุบัน​ก็​จริง​ ​แต่​ถ้า​คิด​จะ​เลือก​ผู้บัญชาการ​สูงสุด​จาก​ใน​กลุ่ม​ของ​พวกเขา​ ​ย่อม​ถูก​ต่อต้าน​อย่างมาก​จาก​ระบบ​ทหาร​ตะวันตก​ที่​มี​เซ​วีย​เหอ​เป็นตัวแทน​ ​และ​นี่​ก็​ยาก​จะ​ได้รับ​ความเห็น​ชอบ​จาก​ฝั่ง​พระราชวัง​หลี

​ส่วน​ผู้สมัคร​ที่​ใกล้ชิด​กับ​นิกาย​หลวง​ ​ก็​ไม่มีทาง​ได้รับ​การ​สนับสนุน​จาก​ขุนนาง​ใหญ่​ใน​ราชสำนัก​และ​อ๋อง​สกุล​เฉิน

​กลุ่มคน​คิดไปคิดมา​ ​ที่สุด​แล้วก็​พุ่ง​เป้าสายตา​ไป​ยัง​สถานที่​ที่​ถูก​ผู้คน​จำนวนมาก​ลืม​ไป​นาน​แล้ว​ ​จวน​ขุนพล​เทพ​ตง​อวี​้

​ตอนนี้​เห็นที​สวี​ซื่อ​จี​จะ​เป็น​ผู้สมัคร​ที่​ได้รับ​การยอ​มรั​บมาก​ที่สุด​จาก​กองกำลัง​หลาย​ฝ่าย

​แล้ว​จวน​สวี​่​ก็ได้​รับ​จดหมาย​ฉบับ​หนึ่ง​จาก​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์​ ​และ​ตั้งแต่​นั้น​เป็นต้นมา​ ​ประตู​ใหญ่​ก็​ปิด​สนิท​ ​สวี​ซื่อ​จี​ขอลา​ป่วย

​ผู้คน​เข้าใจ​ดี​ว่านี​่​คือ​เจตนารมณ์​ของ​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์​ ​ย่อม​ไม่มีทาง​ฝืน

​และ​สุดท้าย​ ​ผู้​ที่​ได้รับ​เลือก​ให้​เป็น​ผู้บัญชาการ​ทหาร​สูงสุด​ก็​เหนือ​ความคาดหมาย​มาก

​ตอน​พระ​บัญชา​ศักดิ์สิทธิ์​ของ​ราชสำนัก​ ​ถูก​ส่ง​ไป​ยัง​เขต​ต่างๆ​ ​มี​คน​มากมาย​ไม่เคย​ได้ยิน​ชื่อ​นี้

​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​ ​เคย​เป็น​ผู้บัญชาการ​ทหารม้า​เกราะ​ดำ​ ​จัดการ​เรื่อง​ต่างๆ​ ​อย่างสงบ​นิ่ง​ ​กระทั่ง​พูด​ได้​ว่า​ไม่มีใคร​รู้จัก

​แต่​ประสบการณ์​ของ​เขา​อาวุโส​พอ​ ​เป็น​ศิษย์​ของ​เฉิน​กวน​ซง​ ​แต่​ไม่สนิ​ทกับ​พวก​เผิง​สือ​ไห่​และ​แกนนำ​ของ​สำนัก​เด็ด​ดารา​ ​อีกทั้ง​ใน​การต่อสู้​ที่​นิกาย​หลวง​เมื่อ​สิบ​ปีก่อน​ ​เขา​นำพา​กองหนุน​เกราะ​ดำ​มา​หยุด​อยู่​นอก​ภูเขา​ที่​ถล่ม​ลงมา​ ​แสดงว่า​มี​ความลึก​ล้ำ​และ​หนักแน่น​มาก​ ​ขณะเดียวกัน​ ​ก็ได้​รับ​ความชื่นชม​จาก​องค์​จักรพรรดิ​กับ​องค์​สังฆราช​ด้วย

​พูด​อีก​อย่าง​ก็​คือ​ ​สาเหตุ​สำคัญ​ที่สุด​ที่​ทำให้​เขา​ได้​เป็น​ผู้บัญชาการ​ทหาร​สูงสุด​ก็​คือ​ ​ทุกฝ่าย​ยอมรับ​เขา​ ​และ​เขา​ก็​มิใช่​คน​ของ​ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง​

​ปัญหา​อยู่​ที่​ ​นี่​ก็​หมายความว่า​ ​เขา​ไม่ใช่​คน​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​และ​ไม่ใช่​คน​ของ​องค์​จักรพรรดิ

​ต่อให้​เป็น​คนล้ำ​ลึก​และ​หนักแน่น​เพียงใด​ ​ขณะ​มือ​กุมอำนาจ​ ​ก็​อาจมี​ความคิด​เป็นอื่น

​ใน​สนามรบ​ที่​โหดร้าย​ ​ขณะ​ความกระหาย​เลือด​ถูก​กระตุ้น​ ​ความทะเยอทะยาน​อยาก​ก็​มักจะ​เติบโต​ไป​พร้อมกับ​มัน​ ​ดังนั้น​สวี​โหย​่ว​หรง​ไม่มีทาง​ไป​จาก​ที่นี่

​……

​……

​เงา​ของ​ความตาย​ ​ในที่สุด​ก็​ไป​จาก​ทุ่งหญ้า​แห่ง​นี้

​ไม่รู้​ว่า​เป็น​เพราะ​ยาที​่​ใช้​ลบล้าง​เหตุผล​ ​กระตุ้น​ศักยภาพ​ชนิด​นั้น​ไม่มี​แล้ว​ ​หรือ​พลทหาร​เผ่า​มาร​ล้มตาย​กัน​เป็น​จำนวนมาก​ ​ทำให้​ทาง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​รับ​ไม่ไหว​ ​สรุป​แล้ว​ต้น​ฤดูร้อน​ใน​วันหนึ่ง​ ​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​ก็​ไม่เห็น​พลทหาร​เผ่า​มาร​ที่​ดูเหมือน​สัตว์ป่า​ตาแดง​ก่ำ​เหล่านั้น​บุก​เข้ามา​อีก

​ระหว่าง​การ​ล่าถอย​ของกอง​ทัพ​เผ่า​มาร​ ​บางครั้ง​ยัง​มี​การต่อสู้​แบบ​ธรรมดา​อยู่​ ​เห็นชัด​ว่า​ ​พลทหาร​เผ่า​มาร​เหล่านั้น​ไม่ได้​ใช้​ยา​ชนิด​นั้นแล​้ว​ ​แม้​ยัง​โง่เขลา​อยู่​บ้าง​ ​แต่​ก็​ไม่​ถึงกับ​กล้า​พุ่ง​เข้าใส่​ค่าย​กล​ธนู​แบบ​นั้น​ ​ยิ่ง​ไม่​ถึงกับ​กระทั่ง​ตาย​ก็​ไม่​กลัว

​โลหิต​ทั่วทั้ง​ทุ่งหญ้า​มีสี​แตกต่าง​กัน​ ​โลหิต​ที่​แห้ง​กรัง​เหล่านั้น​จะ​เปลี่ยนเป็น​ก้อน​สี​ก้อน​ใหญ่​ ​มอง​จาก​ระยะไกล​เหมือน​ภาพวาด​ภาพ​หนึ่ง

​เฮ่อ​หมิง​มองดู​แผนที่​ของ​ทุ่งหญ้า​ ​แล้ว​นึกถึง​คำพูด​ของ​อาจารย์​ที่​เชิญ​มาจาก​พระราชวัง​หลี​ ​ตอน​เรียน​วัฒนธรรม​เผ่า​มาร​กับ​เฉิน​กวน​ซง​ใน​สำนัก​เด็ด​ดารา​เมื่อ​หลาย​ปีก่อน

​“​เผ่า​มาร​เป็น​สิ่งมีชีวิต​แปลกประหลาด​ชนิด​หนึ่ง​ ​เผ่า​มาร​ระดับ​ล่าง​กับ​สัตว์ร้าย​ไม่มี​อะไร​แตกต่าง​กัน​ ​ส่วน​เผ่า​มาร​ระดับ​บน​กลับ​มีสุน​ทรีย​ภาพ​ที่​ยาก​จินตนาการ​ ​ซึ่ง​ระหว่าง​สอง​ชนชั้น​นี้​ก็​ใช่​ว่า​จะ​แยกกัน​โดยสิ้นเชิง​ ​ยัง​มี​ความสัมพันธ์​ใกล้ชิด​และ​มีอิทธิพล​ซึ่งกันและกัน​อยู่​ ​ดังนั้น​ภาพวาด​ของ​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​จึง​มัก​ปรากฏ​ภาพลามก​ที่​ดูเหมือน​หยาบคาย​อยู่​…​”

​ถ้า​เชื้อพระวงศ์​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​สามารถ​ใช้งาน​เผ่า​มาร​ระดับ​ล่าง​ดุจ​อสูร​ปีศาจ​อย่างไร​อย่างนั้น​ ​สงคราม​ใน​ครั้งนี้​ก็​อาจ​เปลี่ยนเป็น​โหดเหี้ยม​อำมหิต​ ​ถ้า​ตอนนี้​เผ่า​ปีศาจ​ยัง​เป็น​ผู้รับใช้​ของ​เผ่า​มาร​ ​สงคราม​ใน​ครั้งนี้​ก็​ยิ่ง​ไม่มี​โอกาส​ชนะ​เลย

​ต้อง​ขอบคุณ​องค์​จักรพรรดิ​ไท่​จง​ที่​ตัดสินใจ​อย่างชาญฉลาด​ใน​ปีนั​้น

​เมื่อม​อง​ไป​ทาง​ทิศ​ที่ตั้ง​ของ​จิง​ตู​ ​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​กับ​ใต้เท้า​สังฆราช​ก็​เกิด​ความรู้สึก​คล้าย​กัน​

​ขั้นตอน​ใน​การ​เริ่ม​สงคราม​ครั้งนี้​ ​ดำเนิน​ไป​อย่าง​โหดร้าย​มาก​ ​ไกล​เกิน​กว่า​การ​คิด​คำนวณ​ก่อน​สงคราม

​ถ้า​พูดจา​กค​วาม​หมาย​บางอย่าง​ ​นี่​เป็นการ​ปะทะ​กัน​ของ​ปณิธาน​ ​การ​สะสม​ทรัพยากร​ ​และ​การตัดสินใจ​ของ​เผ่า​มนุษย์​และ​เผ่า​มาร​ที่​มีมา​นับ​พันปี​

​การปะทะ​กันชนิ​ดนี​้​ ​ที่สุด​ของ​ความจริง​ ​ตก​อยู่​ที่​ยาส​อง​ชนิด

​ด้าน​เผ่า​มาร​ใช้​ยาพิษ​ที่​พรรค​ฉาง​เซิง​พัฒนา​ขึ้น​ ​ดู​จาก​ปริมาณ​ ​จริงๆ​ ​แล้ว​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ได้​เตรียมการ​เพื่อ​สงคราม​ใน​ครั้งนี้​มานาน​หลาย​ปี​

​ด้าน​เผ่า​มนุษย์​ ​สังฆราช​เฉิน​ฉาง​เซิง​ได้​พยายาม​ทุก​วิถีทาง​ ​สะสม​ยาจู​ซา​มาสิบ​ปี​ ​ซึ่ง​เบื้องต้น​ ​ไม่มี​วัตถุดิบ​ชนิด​นี้​หลงเหลือ​แล้ว

​ถึง​ตอนนี้​ ​สงคราม​ก็​ดำเนิน​เข้าสู่​ช่วง​ที่สอง

​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​บุก​ขึ้น​เหนือ​ไม่​หยุด​ ​ไป​ตาม​เส้นทาง​ที่​กองทัพ​เผ่า​มาร​พ่ายแพ้​ ​กระทั่ง​ทำลาย​แนว​ป้องกัน​ทั้งสอง​ข้างทาง​ ​ปล่อย​ให้​ทุ่งหญ้า​คืน​สู่​เผ่า​มนุษย์

​อุณหภูมิ​ค่อยๆ​ ​สูง​ขึ้น​ ​ฤดูร้อน​กำลังจะ​มา​ ​และ​ก็​มาถึง​กลาง​ฤดูร้อน​จริงๆ​ ​แต่​ทุ่งหญ้า​นั้น​กว้างขวาง​ ​ระหว่าง​แนว​เทือกเขา​ทอด​ยาว​หลาย​พัน​ลี้​ที่อยู่​ด้านหน้า​ ​มี​ช่องว่าง​มากมาย​ ​ลม​พัดผ่าน​จาก​ตรงนี้​ ​กองทัพ​จึง​ประจำการ​ที่นี่​ ​กลับ​ไม่รู้​สึก​ว่า​ร้อน​จน​ทนไม่ไหว​ ​กระทั่ง​ยัง​รู้สึก​ว่า​ช่วงเวลา​เช้าตรู่​นั้น​เย็น​อยู่​บ้าง​

​เช้าตรู่​ของ​บาง​วัน​ ​ท้องฟ้า​สีเทา​หม่น​พลัน​ปรากฏ​จุด​แดง​เคลื่อนที่​อย่างรวดเร็ว​จุด​หนึ่ง​ ​ลากเส้น​สีแดง​เส้น​หนึ่ง​ ​น่าจะเป็น​อินทรี​แดง​ตัว​หนึ่ง

​ช่วงเวลา​ขณะที่​อินทรี​แดง​เพิ่ง​บิน​ผ่าน​ยอดเขา​ ​สอง​ทหารยาม​ที่​เฝ้า​ระวัง​อยู่​พบเห็น​ ​จึง​เป่าแตร​เตือน

​ทหารม้า​กลุ่ม​หนึ่ง​ควบ​ม้า​ออกจาก​ค่าย​ ​ไม่รู้​ว่า​เพื่อให้​มั่นใจ​ใน​การปกป้อง​ความปลอดภัย​ของ​ข่าวกรอง​ ​หรือ​ต้องการ​ตอบโต้​สิ่งใด

​อินทรี​แดง​ตัว​นั้น​น่าจะ​พบเห็น​สถานการณ์​ของ​ศัตรู​บน​ภูเขา​ ​แม้​ตามหลักการ​แล้ว​ ​ภูเขา​ที่ตั้ง​ตระหง่าน​อยู่​ห่าง​ออก​ไป​หลาย​สิบ​ลี้​ได้รับ​การตรวจตรา​แล้ว​หลายครั้ง​ ​ไม่น่า​จะ​มี​อะไร​ซุ่ม​โจมตี​ ​แต่​ที่นี่​อย่างไร​ก็​เป็น​อาณาเขต​ของ​เผ่า​มาร​ ​ใคร​จะ​รู้​ว่า​ฝ่ายตรงข้าม​จะ​มี​วิธีการ​อะไร​ที่​แปลกประหลาด​อีก

​อินทรี​แดง​ตัว​นั้น​รวดเร็ว​ยิ่ง​ ​ไม่มีความรู้​สึก​อ่อนล้า​ให้​เห็น​ ​แต่​พอ​บิน​ผ่านหน้า​ผาสูง​ชัน​ไป​ไม่​ไกล​ ​จู่ๆ​ ​ก็​ตกลง​สู่​พื้น​ ​หน้าผา​นั่น​มี​อะไร​กัน​แน่

​กอง​หิน​ที่ไหน​สัก​แห่ง​พลัน​ปรากฏ​เงา​ร่าง​สาย​หนึ่ง​ ​คล้าย​สายฟ้า​วาบ​เข้ามา​ใน​ทุ่งหญ้า​ ​แล้ว​วิ่ง​ไป​ทาง​ค่ายทหาร​เผ่า​มนุษย์

​นั่น​คือ​ศิษย์​ศาลา​หวัน​โสว​ ​ที่​เลื่องชื่อ​ด้าน​เคล็ด​วิชา​เคลื่อนไหว​ร่างกาย​ให้​รวดเร็ว​ ​ทำหน้าที่​เฝ้ายาม​ใน​ด่าน​หน้า​ซึ่ง​อันตราย​สุด

​ขณะที่​ศิษย์​ศาลา​หวัน​โสว​ผู้​นั้น​อยู่​ห่าง​จาก​ค่ายทหาร​ราว​หนึ่ง​ลี้​ ​พลัน​มีเสียง​ทึบ​ตัน​ดัง​ขึ้น​ ​แล้ว​ร่วงหล่น​ลง​บน​พื้นดิน

​“​ยิง​ธนู​!​”

​ใน​ค่ายทหาร​ ​มีเสียง​ตะโกน​ที่​โกรธ​เกรี้ยว​และ​แหลมคม​ดัง​มา​ ​ตามด​้วย​เสียง​ขึ้นสาย​ธนู​ ​ลูกธนู​นับ​ร้อย​ดอก​พร้อม​แสงเทพ​ศักดิ์สิทธิ์​ ​พุ่ง​แหวก​แสง​สลัว​ยามเช้า​ ​ตกลง​ที่​ด้านหลัง​ศิษย์​ศาลา​หวัน​โสว​ผู้​นั้น​ ​ครอบคลุม​พื้น​รัศมี​หลาย​สิบ​จั้ง​ ​ทิ้ง​รู​ไว้​อย่าง​หนาแน่น​ ​ด้านใน​คลับคล้าย​มี​ควัน​สีเขียว​ลอย​ขึ้น

​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​ผ่าน​ประสบการณ์​มามาก​ ​พลทหาร​เผ่า​มาร​ที่​ชำนาญ​การ​ไล่​ล่ามัก​โผล่​ขึ้น​มาจาก​ใต้ดิน

​เร็ว​มาก​ ​ทหารม้า​กลุ่ม​นั้น​มาถึง​ข้าง​กาย​ศิษย์​ศาลา​หวัน​โสว​แล้ว

​ขา​ของ​ศิษย์​ศาลา​หวัน​โสว​เต็มไปด้วย​โลหิต​ ​เห็นชัด​ว่า​ขาด​แล้ว

​แต่​เขา​กลับ​ไม่สน​ใจ​แม้แต่น้อย​ ​เอาแต่​ร้อง​ตะโกน​ ​“​ใน​ภูเขา​มี​เผ่า​มาร​!​ ​มอง​ไม่​ออก​ว่า​เผ่า​ไหน​ ​แต่​มี​เป็น​จำนวนมาก​!​”

​เหล่า​ทหารม้า​ดึง​เขา​ขึ้น​บน​หลัง​ม้า​ ​ควบ​กลับ​ค่ายทหาร

​ไม่มีใคร​สังเกตเห็น​ว่า​ ​มีท​หาร​ม้า​สาม​นาย​ห้อ​ตะบึง​ไป​ยัง​ภูเขา​ลูก​ใหญ่​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไป​ต่อ​ ​ไม่รู้​ว่า​ไป​ทำ​อะไร

​……

​……

​ยอดเขา​ใน​ยามเช้า​ยัง​ไม่​ตื่น​ดี​ ​หน้าผา​ที่​หันหน้า​เข้าหา​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​มืด​มาก

​กลาง​หน้าผา​พลัน​มีเสียง​ร้องของ​พลทหาร​เผ่า​มาร​ดัง​มา​ ​แต่กลับ​มอง​ไม่ชัด​ว่า​อยู่​ตรงไหน

​ทั้งๆ​ ​ที่​ผ่าน​การตรวจตรา​มา​แล้ว​หลายครั้ง​ ​เหตุใด​ถึง​ไม่​พบ​ร่องรอย​ของ​เผ่า​มาร​เหล่านี้

​ช่วง​กลาง​หน้าผา​สูงชัน​หลาย​ร้อย​จั้ง​ ​มี​ช่องเขา​เล็ก​ๆ​ ​หลาย​สิบ​ช่อง​ ​ไม่ต้อง​พูดถึง​พลทหาร​เผ่า​มาร​ ​ต่อให้​เป็น​ทหาร​เผ่า​มนุษย์​ที่​มี​รูปร่าง​ผอมบาง​ ​ก็​ไม่มีทาง​ลอด​เข้าไป​ได้

​ตอน​เริ่ม​ตรวจตรา​ ​นึก​ว่า​ช่อง​เหล่านี้​เป็น​ช่อง​นก​ ​จึง​ไม่ใส่ใจ

​ไม่มีใคร​คิด​ว่า​ ​ศัตรู​จะ​ซ่อนตัว​อยู่​ใน​ช่อง​นก​เหล่านี้

​เพราะ​ศัตรู​มิใช่​พลทหาร​เผ่า​มาร​ ​แต่​เป็น​นก

​พวก​มัน​เป็น​นก​อินทรี​สีเทา​ดำ​ชนิด​หนึ่ง

​นก​อินทรี​หลาย​พัน​ตัว​ ​พุ่ง​ออกจาก​ช่อง​เล็ก​ๆ​ ​เหล่านี้​ ​จากนั้น​ก็​กระพือปีก​ ​บิน​ไป​กลางอากาศ

​เห็นชัด​ว่าน​กอิน​ทรี​เหล่านี้​ได้รับ​การฝึกฝน​มา​ ​กระทั่ง​อาจ​ถูก​ควบคุม​โดยตรง​ ​ด้วย​เป็นระเบียบ​มาก​ ​แม้​บิน​อยู่​กลางอากาศ​ ​ก็​ไม่​แตกกลุ่ม​ออกจาก​กัน

​ทหารม้า​สาม​นาย​อยู่​ห่าง​จาก​ภูเขา​ลูก​ใหญ่​ระยะ​หนึ่ง​ ​พอ​เห็น​ความเคลื่อนไหว​บน​ท้องฟ้า​ ​ก็​ไม่เข้าใจ​อยู่​บ้าง​ ​ใน​ใจคิด​ ​ต่อให้​นก​อินทรี​เหล่านี้​ได้รับ​การฝึกฝน​มา​ ​สามารถ​เปิด​การ​โจมตี​เป้าหมาย​ภาคพื้นดิน​ ​แต่​ความคิด​ใน​การ​ใช้​กรงเล็บ​อัน​แหลมคม​ ​นำพา​ความสูญเสีย​มาสู่​ค่ายทหาร​เผ่า​มนุษย์​นั้น​ ​เป็นเรื่อง​ที่​แปลก​จน​เกินไป

​และ​ใน​ตอนนี้​เอง​ ​แสง​แรก​ยามเช้า​ก็​ลอดผ่าน​รอยแตก​บน​โขดหิน​ระหว่าง​ภูเขา​ ​สาด​ลง​บน​ทุ่งหญ้า

​เส้น​แสง​ที่มา​อย่าง​ฉับพลัน​ ​ทำให้​นก​อินทรี​ตัว​หนึ่ง​ตื่นตกใจ​ขึ้น​มา​ ​กาง​กรงเล็บ​ออก​ ​วัตถุ​สีดำ​อัน​หนึ่ง​ร่วงหล่น​ลง

​เสียง​ตูม​ดังสนั่น​ ​พื้นหญ้า​ตรง​ด้านหน้า​ของ​หน้าผา​พลัน​เกิด​เปลวไฟ​กอง​ใหญ่​ลุกโชน

​พอ​เห็นภาพ​ตรงหน้า​ ​ทหารม้า​สาม​นายก​็​หันมา​สบตา​กัน​ ​และ​มองเห็น​ความ​ตื่นตระหนก​ใน​ดวงตา​ซึ่งกันและกัน​ ​แต่​ไม่ได้​ลด​ความเร็ว​ลง​ ​กลับ​ควบ​ม้า​ไป​ยัง​ภูเขา​ลูก​ใหญ่​ด้วย​ความเร็ว​ที่​เพิ่มมากขึ้น