ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 99-2 กระบี่บังฟ้า

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​ผู้บัญชาการ​สูงสุด​ ​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​ ​เป็น​คน​นิ่ง​ๆ​ ​แต่​ใน​บาง​แง่มุม​กลับเป็น​คน​ชอบ​เสี่ยงอันตราย​ ​กระทั่ง​พูด​ได้​ว่า​กล้าได้กล้าเสีย

​กระโจม​บัญชาการ​กลาง​ถูก​เขา​นำ​ไป​แนวหน้า​สุด​ ​ห่าง​จาก​ยอดเขา​ที่​ชื่อนั​่​วรื​่อ​หลั่ง​เพียง​ร้อย​กว่า​ลี้

​ใน​ช่วงเวลา​คับขัน​เช่นนี้​ ​ไม่มี​ความจำเป็น​อะไร​ที่​ต้อง​รักษา​ไว้​อีก

​ในที่สุด​ ​ผู้​แข็งแกร่ง​เผ่า​มนุษย์​ก็​ลงมือ

​แสง​ศักดิ์สิทธิ์​สีขาว​บริสุทธิ์​เจิดจ้า​ ​ส่องสว่าง​ฟ้า​ดิน​ที่​มืดมน​ ​ฉีก​ริ้ว​เมฆ​ที่​ติดกัน​เหมือน​สำลี​เหนียว​เหล่านั้น​ออกจาก​กัน​ ​เผย​ให้​เห็น​ท้องฟ้า​สีคราม​มุม​หนึ่ง

​เหมา​ชิว​อวี​่​กับ​แม่ชี​เต๋า​ไหว​เห​ริน​วิ่ง​ออกมา​จาก​ระ​โจม​บัญชาการ​กลาง​ ​ระหว่าง​โบก​แขน​เสื้อ​ ​ได้​สังหาร​ยอด​ฝีมือ​เผ่า​มาร​ไป​สิบ​กว่า​ตน

​ไม่มีใคร​ตื่นตกใจ​กับ​เหตุการณ์​เช่นนี้

​กระทั่ง​ผู้​แข็งแกร่ง​เผ่า​มาร​ที่​เท่ากับ​ถูก​ส่ง​มาตาย​เหล่านั้น​ ​ก็​คาดเดา​บทสรุป​ของ​ตนเอง​ได้​แต่แรก

​ที่​สำคัญ​สุด​ ​ใน​กระโจม​บัญชาการ​กลาง​ ​เป็นไปได้​อย่างไร​ที่จะ​ไม่มี​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​อาณาเขต​ศักดิ​สิทธิ์​รักษาการณ์

​ด้าน​เผ่า​มาร​ ​เมื่อ​คาดการณ์​ได้​แต่แรก​ ​ย่อม​เตรียมการ​ให้​สอดคล้อง

​ท้องฟ้า​พลัน​เปลี่ยนเป็น​สีเทา​หม่น

​สีคราม​ดุจ​ถูก​ชะล้าง​จน​มองไม่เห็น​ ​ใน​เมฆหมอก​อัน​เบาบาง​ ​มี​แผ่น​สีดำ​แผ่น​หนึ่ง​ ​คล้าย​กระดานหมากรุก​แตกหัก​ที่​เห็น​บ้าง​ไม่เห็น​บ้าง

​ด้านล่าง​ของ​ยอดเขานั​่​วรื​่อ​หลั่ง​ ​บน​ทุ่งหญ้า​ว่างเปล่า​ ​พลัน​ปรากฏ​เส้นทาง​อุโมงค์​มืด​ๆ​ ​ขึ้นสาย​หนึ่ง

​ริม​ขอบ​ของ​เส้นทาง​นี้​ไม่​เรียบร้อย​ ​คล้าย​กระดาษ​ที่​ฉีก​ด้วยมือ

​การเปรียบ​เทียบ​เช่นนี้​ ​ความจริง​แล้ว​เหมาะสม​มาก​ ​เพราะ​เดิมที​นั่น​ก็​คือ​ ​ยุทธวิธี​ก่อการร้าย​ของ​เผ่า​มาร​ ​ฉีก​ช่องว่าง​มิติ​ให้​เป็น​ทาง​สาย​หนึ่ง

​ขุนพล​เผ่า​มาร​หลาย​ตน​นำพา​พล​หมาป่า​จาก​หุบเขา​ลึก​ที่​ห่าง​ออก​ไป​หลาย​ร้อย​ลี้​พุ่ง​ออกมา​ ​แล้ว​ห้อ​ตะบึง​ไป​ยัง​กระโจม​บัญชาการ​กลาง

​เมฆหมอก​หนา​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​บดบัง​แสงอาทิตย์​ ​ความมืด​คล้าย​มา​แต่​หัว​วัน​ ​ใน​นั้น​ปรากฏ​ร่าง​ที่​ใหญ่​เป็นพิเศษ​หลาย​สาย

​เชื่อ​ว่าน​่า​จะ​เป็นสมาชิก​วุฒิสภา​ ​หรือ​ผู้​ที่​มียศ​ถา​บรรดาศักดิ์​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า

​ท่าที​ของ​เหมา​ชิว​อวี​่​กับ​ไหว​เห​ริน​ไม่เปลี่ยนแปลง​ ​สงบนิ่ง​มาก

​เมื่อ​เผ่า​มาร​สามารถ​คาดเดา​ได้​ว่า​พวกเขา​อยู่​ที่นี่​ ​พวกเขา​ก็​ย่อม​คิดได้​ว่า​เผ่า​มาร​ต้องเต​รี​ยมกา​รมา​อย่าง​สอดคล้อง

​คืน​วาน​ ​พวกเขา​เห็น​ความเป็นไปได้​ที่จะ​ปรากฏ​เส้นทาง​นั้น​บน​ถาด​ดาว​โชคชะตา​แล้ว

​จนถึง​ตอนนี้​ ​ก็​ไม่มี​เรื่อง​อะไร​แปลกใหม่​เกิดขึ้น​เหนือ​ไป​จาก​ที่​คาดหมาย

​ทันใดนั้น​ ​สายตา​ของ​แม่ชี​เต๋า​ไหว​เห​ริน​ก็​เปลี่ยนเป็น​เคร่งขรึม​ขึ้น​มา

​แขน​เสื้อ​ทั้งสอง​ข้าง​ของ​เหมา​ชิว​อวี​่​ขยับ​ ​ทั้งๆ​ ​ที่​ไม่มี​ลม

​ยอดเขานั​่​วรื​่อ​หลั่ง​พลัน​ปรากฏ​เงา​ร่าง​สีดำ​สูงใหญ่​มหึมา​เงา​หนึ่ง

​ไม่​เหมือน​ของ​เหล่า​ขุนพล​มาร​และ​พล​หมาป่า​ ​เงาดำ​นั้น​มิได้​ปรากฏ​ขึ้น​ที่​เส้นทาง​จาก​หุบเขา​ลึก​ ​แต่​พลัน​ปรากฏ​ขึ้น​ที่​ยอดเขา

​สี​ท้องฟ้า​มืดมน​ลง​ ​เมฆหมอก​ที่อยู่​หน้า​ยอดเขา​ถูก​ลม​พัด​กระจาย​ออก​ไป​ไม่น้อย​ ​เผย​ให้​เห็น​โฉมหน้า​ที่แท้​จริง​ของ​เงาดำ​มหึมา

​นั่น​เป็น​สิ่งมีชีวิต​หนึ่ง​ที่​ยาก​พานพบ​ ​ยักษ์​ล้ม​ภูเขา​ใน​สมัยโบราณ​กาล​ ​ปาก​ยื่น​ยาว​ ​เขา​โค้ง​ ​ดุร้าย​สุด​จะ​เปรียบ​ ​สูง​ราว​สี่​สิบ​กว่า​จั้ง

​ตรง​เขา​โค้ง​ของ​ยักษ์​ล้ม​ภูเขา​ ​มีมาร​รูปร่าง​ผอม​มาก​ตน​หนึ่ง​ ​สวม​ชุด​เกราะ​ตลอดทั้ง​ร่าง​นั่ง​อยู่​ ​กระทั่ง​ความสูง​ของ​เด็ก​มนุษย์​ก็​ยัง​ห่างไกล​มาก​

​บน​ชุด​เกราะ​เต็มไปด้วย​รูปภาพ​สลับซับซ้อน​ ​ถัก​ทอด​้ว​ยดิ​้น​ทอง​ ​ใน​นั้น​ยัง​แทรก​ด้วย​สิ่งลี้ลับ​มากมาย​ ​บ้าง​เป็น​อัญมณี​สีเขียว​ ​บ้าง​เป็น​ทองแดง​สนิม​เขียว

​พลัง​ปราณ​อัน​น่าเกรงขาม​ที่​ยาก​จินตนาการ​สาย​หนึ่ง​ ​ทะลัก​ออกจาก​ช่องว่าง​ของ​ชุด​เกราะ​ ​แต่กลับ​ไม่​เท่า​สายตา​เย็นชา​และ​ชั่วร้าย​ของ​เผ่า​มาร​ตน​นี้

​หลังจาก​เผ่า​มาร​ตน​นี้​ปรากฏตัว​ขึ้น​ที่​ยอดเขา​ ​โลก​รอบ​ๆ​ ​รัศมี​นับ​ร้อย​ลี้​คล้าย​เงียบสงบ​ไป​ชั่วขณะ

​เพราะ​เขา​คือ​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร

​หลังจาก​เงียบสงบ​ไป​ชั่วขณะ​ ​ก็ได้​ยิน​เสียง​หอน​และ​เสียง​ตะโกน​ฆ่า

​พล​หมาป่า​นับ​พัน​พุ่ง​เข้าไป​ยัง​กระโจม​บัญชาการ​กลาง​อย่าง​บ้าคลั่ง

​เนื่องจาก​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​มาถึง​แล้ว

​เห็นชัด​ว่าวั​นนี​้​ถ้า​คิด​รักษา​กระโจม​บัญชาการ​กลาง​ ​เงื่อนไข​ที่​ต้อง​ทำ​ก่อน​ก็​คือ​รบ​ชนะ​ ​อย่างน้อย​ก็​ต้อง​ต้านทาน​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​ให้​ได้

​ใน​ปี​ที่​ราชา​มาร​อาวุโส​ยัง​มีชีวิต​อยู่​นั้น​ ​เขา​ก็​คือ​ผู้​แข็งแกร่ง​อันดับ​สอง​ใน​ทุ่ง​หิมะ​อาณาเขต​มาร​อย่าง​ไม่มี​ข้อโต้แย้ง

​ตอนนี้​ราชา​มาร​อาวุโส​ตาย​แล้ว​ ​พูด​ได้​หรือไม่​ว่า​เขา​ก็​คือ​ผู้​แข็งแกร่ง​สุด​ของ​เผ่า​มาร

​ไม่มีใคร​รู้​คำตอบ​นี้​ ​เพราะ​คน​บรรพต​เยียน​จือ​ไม่​ยุ่งเกี่ยว​กับ​ทางโลก​ ​และ​จนถึง​ทุกวันนี้​ ​คน​ชุด​ดำ​ก็​ไม่ได้​ลงมือ​อย่างเต็มที่​อีก

​แต่​อย่างน้อย​มี​ข้อเท็จจริง​อย่างหนึ่ง​ยืนยัน​ได้

​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​มิใช่​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​อาณาเขต​ศักดิ์สิทธิ์​ธรรมดา

​ถ้า​เฉิน​ฉาง​เซิง​อยู่​ที่นี่​ ​อาจ​นึกถึง​ตอน​ซู​หลี​อยู่​ข้าง​บ่อน้ำร้อน​ ​พูดถึง​ผู้คุม​เผ่า​กฎ​มาร​ ​และ​ใช้​คำ​ว่า​เสียสติ

​กระทั่ง​ซู​หลี​ยัง​รู้สึก​ว่า​เสียสติ​ ​ก็​พอ​จะ​จินตนาการ​ได้​ว่า​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​ตน​นี้​โหดเหี้ยม​ขนาด​ไหน​ ​แข็งแกร่ง​ขนาด​ไหน

​เหมา​ชิว​อวี​่​ชัดเจน​ดี​ว่า​ ​ตน​ไม่ใช่​คู่ต่อสู้​ของ​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​ ​ส่วน​แม่ชี​เต๋า​ไหว​เห​ริน​ก็​เข้าสู่​ขั้น​อาณาเขต​ศักดิ์สิทธิ์​ได้​ไม่นาน​ ​เช่นนั้น​ใคร​เล่า​จะ​ต้านทาน​เขา

​……

​……

​แสง​กระบี่​สาย​หนึ่ง​ ​พุ่ง​มาจาก​ทางใต้

​แสง​กระบี่​สาย​นี้​ใส​เย็น​ ​สงบนิ่ง​ ​เหมือน​น้ำ​จริงๆ

​แสง​กระบี่​ชะล้าง​เมฆหมอก​บน​ท้องฟ้า​ ​หยุด​เสียง​หอน​บน​ทุ่งหญ้า​ ​ดูเหมือน​สบาย​ๆ​ ​แต่​ที่จริง​แล้ว​แฝง​รังสี​สังหาร​ ​ฟัน​ไป​ยัง​ยอดเขา

​ใน​พล​หมาป่า​ที่​ห้อ​ตะบึง​เข้ามา​ ​พลัน​มี​ควัน​สีดำ​ลอย​ขึ้น​ ​ขุนพล​มาร​ที่​แปด​พุ่งตัว​ขึ้นไป​บน​ฟ้า​ ​มือถือ​ศาสตรา​วิเศษ​ ​ระเบิด​พลัง​ไป​ยัง​แสง​กระบี่

​แสง​กระบี่​คล้าย​เป็นเงา​สะท้อน​ของ​น้ำ​ใต้​ระเบียง​ทางเดิน​ ​สั่น​ไหว​เล็กน้อย​ ​แล้ว​วน​ไปร​อบ​ๆ

​เสียงหัวเราะ​เยาะ​เบา​ๆ​ ​ดัง​มา​ ​เกราะ​ของ​ขุนพล​มาร​ที่​แปด​ปรากฏ​รอย​กระบี่​อย่างชัดเจน​หนึ่ง​รอย​ ​ด้านใน​มี​เส้น​ไฟ​คล้าย​หิน​หลอมเหลว​ไหล​อยู่

​เป็นความ​เจ็บปวด​ที่​ยาก​จะ​ทาน​ทน​ ​ทำให้​ขุนพล​มาร​ผู้​ขึ้นชื่อ​เรื่อง​การ​ยืนหยัด​ตน​นี้​ส่งเสียง​คำราม​อย่าง​กราดเกรี้ยว​ออกมา

​ใน​เสียงคำราม​ ​มี​ควัน​สีดำ​สาย​หนึ่ง​ลอย​ขึ้น​จาก​พล​หมาป่า​ ​แต่​พลัง​กลับ​เทียบ​ไม่ได้​กับ​ก่อนหน้า​ ​ปราณ​มาร​พุ่ง​ขึ้น​ฟ้า​ ​จับ​เข้าที่​แสง​กระบี่​โต้งๆ

​แสง​กระบี่​กะพริบ​เป็นระยะ​ ​ส่องสว่าง​ควัน​ดำ​ ​ได้ยิน​เสียง​โลหะ​แตกหัก​เป็นครั้งคราว

​ในที่สุด​ ​ขุนพล​มาร​ที่สาม​ก็​ต้าน​แสง​กระบี่​ไว้​ได้​ ​หมวก​เกราะ​เต็มไปด้วย​รอย​กระบี่​ ​เขา​มาร​หัก​เล็กน้อย​ ​โลหิต​มาร​ไหล​ออก​ไม่​หยุด

​แค่​แสง​กระบี่​สาย​หนึ่ง​ ​ถึงกับ​ต้อง​ใช้​ยอด​ฝีมือ​ระดับ​ขุนพล​มาร​สอง​ท่าน​ลงมือ​ก่อน​และ​หลัง​ ​จึง​สามารถ​ยับยั้ง​ไว้​ได้​ ​แถม​ยัง​มีส​ภาพ​ยับเยิน​ขนาด​นี้​ ​บาดเจ็บ​ทั้ง​ก่อน​และ​หลัง

​เทียบ​กับ​ความคม​ของ​ซู​หลี​แล้ว​ ​ย่อม​แตกต่าง​กัน​

​เทียบ​กับ​ความตรง​ไป​ตรง​มา​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​แล้ว​ ​ความ​มุมานะ​ย่อม​แตกต่าง​กัน

​กระบี่​นี้​สงบนิ่ง​กว่า​ ​อ่อนโยน​กว่า​ ​แต่กลับ​ไม่​สูญเสีย​ความคม​ ​ไม่​ทิ้งร่องรอย​ใดๆ​ ​คาดเดา​ไม่ได้​ ​ยอดเยี่ยม​เป็น​ที่สุด​

​ด้าน​ค่าย​ใหญ่​กลับ​มี​กระโจม​หนึ่ง​ ​ด้านใน​ใช้​เก็บของ​เบ็ดเตล็ด​กอง​หนึ่ง

​นักพรต​ชรา​คน​หนึ่ง​ก้าว​ออกมา​จาก​ด้านใน

​มือขวา​ของ​เขา​ถือ​กระบี่​เล่ม​หนึ่ง​ ​มือซ้าย​ถือ​ฝัก​กระบี่​ ​ไม่ว่า​ท่วงท่า​การ​เดิน​หรือ​วิธี​จับ​กระบี่​ ​ล้วน​พูด​ไม่ได้​ว่า​ดูดี​ ​ยิ่ง​ไม่​ข้องเกี่ยว​กับ​คำ​ว่า​โดดเด่น​ ​แต่​คน​ตาดี​ล้วน​ดูออก​ว่า​ ​กระบี่​เล่ม​นั้น​ไม่ธรรมดา​อย่างแน่นอน​ ​เหมือน​ผ่าน​การชะ​ล้าง​ของ​น้ำ​ใน​ฤดูใบไม้ร่วง​มาสาม​พันปี​ ​สว่าง​เอา​มาก​ๆ​ ​มอง​ใกล้​ๆ​ ​ไม่ได้​ ​ปรารถนา​อย่างแรงกล้า​ที่จะ​บดบัง​โลก​ซึ่ง​อยู่​ตรงหน้า​ทุกคน​ ​รวมทั้ง​ฟ้า​ดิน

​หรือ​นี่​ก็​คือ​กระบี่​บัง​ฟ้า​ใน​ตำนาน

​หรือ​นักพรต​ชรา​ธรรมดาๆ​ ​ท่าน​นี้​ก็​คือ​ ​ประมุข​พรรค​กระบี่​หลี​ซาน

​แม่ทัพ​และ​พลทหาร​ใน​ค่าย​ใหญ่​ตกตะลึง​จน​พูดไม่ออก​ ​พากัน​หลีกทาง​ให้​เขา

​เหมา​ชิว​อวี​่​กับ​ไหว​เห​ริน​โค้ง​ตัว​ลง​เล็กน้อย​ ​ทำความเคารพ