บทที่ 1337 แสนรัก คุณมันคนไร้หัวใจ

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1337 แสนรัก คุณมันคนไร้หัวใจ

คิดไม่ถึงว่าแครอทจะกลายเป็นแบบนี้เพราะเหตุนี้?

มิน่าล่ะเธอถึงไม่ได้มาปรากฏตัวนานมากแล้ว ถ้าหากเป็นเธอที่เย่อหยิ่งและช่างสังเกตเมื่อก่อน ตอนที่เส้นหมี่อยู่ที่ตระกูลเทวเทพ ยังคิดอยู่เลยว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเงียบสนิทไม่มีการเคลื่อนไหวใด

เส้นหมี่มองผู้หญิงคนนี้อย่างตกตะลึง

แสนรัก “อ่อ”

ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าคนๆนี้ต้องเผชิญกับความจริงที่ชายชราบอก ได้แต่ตอบเรียบๆว่า “อ่อ”

เส้นหมี่ก็หันควับไปมองเขา

ผู้ชายคนนี้ ไม่จริงใช่ไหม ทำไมตอบสนองอย่างเย็นชา? อย่างน้อยเธอก็เป็นอย่างงี้เพราะพัฒนายาให้

สีหน้าอรรตพลดูไม่พอใจมาก

“แสนรัก คุณตอบสนองแบบนี้เหรอ? อย่างน้อยลูกสาวฉันก็กลายเป็นแบบนี้เพราะคุณ คุณไม่แม้แต่จะปลอบสักหน่อยเลยเหรอ?”

“ข้อแรก ผมไม่ได้ขอให้เธอค้นคว้าวิจัยยา ประการที่สอง จุดประสงค์ของการค้นคว้าวิจัยของเธอ ที่จริงแล้วเพื่อช่วยผมหรือควบคุมผม ปัจจุบันยังไม่ทราบ ประการที่สาม เพื่อแสดงความมีมนุษยธรรม วันนี้ผมให้คนเอาเงินก้อนหนึ่งไปให้คุณ”

สิ่งต่อมาที่ชายคนนี้พูดเลวร้ายยิ่งกว่า

เส้นหมี่ตะลึงอ้าปากค้าง

ส่วนชายชราที่กำลังเข็นรถฝั่งตรงข้ามก็โกรธจนหน้าอกสั่นหอบอย่างรุนแรง จนเกือบจะชี้ไปที่ผู้ชายคนนี้ “แสนรัก คุณ…คุณ…”

เขาพูด”คุณ”อยู่นาน สุดท้ายก็โกรธจนพูดอะไรไม่ออก

ในตอนนี้แสนรักได้ลากเส้นหมี่ออกไปแล้ว

เส้นหมี่ “…”

จนกระทั่งทั้งสองคนกลับมาที่รถ เธอถึงกล้าที่จะนั่งในที่นั่งข้างคนขับแล้วถามอย่างระมัดระวังว่า “พี่ เมื่อกี้…มันไม่ทำเกินไปไปหน่อยเหรอ?”

“ทำเกินไป?”

ชายที่สตาร์ทรถส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา

“เธอไม่คิดว่าเรื่องนี้บังเอิญเกินไปหน่อยเหรอ? สวนสาธารณะนั่นเล็กมาก เราแค่ไปที่นั่นเพื่อความสะดวก แล้วทำไมพวกเขาพ่อลูกถึงไปปรากฏตัวที่นั่นพอดี?”

“หา?”

เส้นหมี่อึ้งเมื่อถูกถาม

เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้จริงๆ รู้สึกว่ามันค่อนข้างกะทันหัน แต่เพราะตอนนั้นเธอตกใจมากที่เห็นสองคนนี้ เธอจึงไม่ได้คิดไปทางนั้น

ดูเหมือนว่านี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงฉลาดกว่าเธอเสมอ เพราะไม่ว่าเวลาไหนเขาก็สามารถรักษาความสงบและสมองที่เฉียบแหลม ซึ่งในเรื่องนี้เธอไม่สามารถเทียบได้

“อย่ากังวลไป บางทีอาจเป็นเพราะฉันความรู้สึกไว แต่สำหรับสองคนนี้ฉันมีทัศนคติเช่นนี้มาโดยตลอด ตอนนั้นเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่”

บางทีอาจเพราะเห็นเธอมีปฏิกิริยาตอบกลับที่รุนแรง

ชายคนนี้พูดพลางเสริมอีกหนึ่งประโยค

เส้นหมี่มองเหม่อ

ดูเหมือนจะมีเหตุผลอยู่บ้าง ตอนนี้ทั้งสองคนแยกจากกันไม่ได้แล้ว เธอลืมไปว่าเขาดูเหมือนจะมีบุคลิกเช่นนี้ในสายตาคนนอก

เส้นหมี่ไม่ได้ถามอะไรอีก

ทันทีหลังจากที่ทั้งสองกลับมาถึงโรงพยาบาล เธอถูกส่งไปที่ห้องปิดอีกครั้ง และครั้งนี้ เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อช่วงสุดท้าย นอกจากแสนรักขั้นตอนทั้งหมดต้องเฝ้าดูจากข้างนอก

ดลธีพาคนมา

ไม่มีใครกล้าถามว่าเหตุใดจึงนำคนมาเยอะแยะทั้งๆที่ในโรงพยาบาลมีผู้ป่วยรักษาอยู่คนเดียว?

เหล่าคนที่อยู่ในโรงพยาบาลแห่งเหมือนกัน แค่หันก็หวาดกลัวแล้ว

เฝ้าอยู่แบบนี้เป็นเวลาสามวันเต็ม

สามวันต่อมาโชกิ โดโมโตะเข้าไปตรวจเลือดของเส้นหมี่ที่ยังไม่ได้สติ หลังจากในที่สุดเมื่อเห็นผลการเติบโตของเซลล์ใหม่ที่แน่นอน ทุกคนถึงจะเบาใจ

“ประธาน คุณโอเคไหม?”

จู่ๆดลธีก็เห็นประธานที่ยืนอยู่ข้างหน้าที่แม้แต่ฝีเท้าไม่มั่นคงจึงรีบพยุงเขา

อาจเป็นในที่สุดหลังจากที่ร่างกายรับภาระอันหนักอึ้งได้วางลงจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป

ในท้ายที่สุดแสนรักก็ถูกส่งไปที่ห้องพักผู้ป่วยเพื่อพักผ่อนสักระยะเวลาหนึ่ง พอร่ายกายเพิ่งจะฟื้นตัว จากนั้นก็เริ่มหยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมจะแจ้งกลับให้คนในประเทศรู้ว่าพวกเขาจะเดินทางกลับแล้ว

“ประธานแสนรัก มีคนมาหาค่ะ”

จู่ๆประตูห้องพักผู้ป่วยก็ถูกพยาบาลคนหนึ่งผลักเปิดออก

แสนรักที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านในเงยหน้าขึ้นก็เห็นคนเข็นรถเข็นเข้ามาช้าๆ

“หลายปีมาแล้ว แสนรัก ความไร้น้ำใจของคุณไม่เปลี่ยนแปลงไปสักนิดเลยจริงๆ”

หลังจากผู้หญิงที่ยังคงซีดเซียวเข้ามา ดวงตาซึ่งจมลึกเข้าไปในเบ้าตาของเธอไม่ได้ไร้จิตวิญญาณไม่มีจุดโฟกัสอีกต่อไป

แต่กลับจ้องแสนรัก พูดด้วยประโยคที่เสียดสีและเย็นชา

แสนรักเลิกคิ้วขึ้น

“ดังนั้นทำไมเธอถึงมาทำให้ตัวเองอับอายล่ะ?”

“เหอะๆ เป็นเพราะฉันไม่ยอม ฉันพิการเพราะช่วยคุณเลยต้องกลายเป็นแบบนี้ ฉันได้ยินมาว่าคุณอยู่ที่นี่ ถึงให้พ่อพาฉันมาที่นี่ ฉันแค่อยากเห็นว่าฉันกลายเป็นแบบนี้แล้ว คุณจะรู้สึกปวดใจบ้างไหม?”

แครอทจ้องมองชายคนนี้ ตั้งถามคำถามอย่างไม่ยอมแพ้

แต่ทว่าหลังจากที่คนๆนี้ฟังจบ รอยยิ้มเยาะบนริมฝีปากบางก็ชัดยิ่งขึ้น

เขาไม่เข้าใจว่ายังต้องมาถามคำถามที่ชัดเจนถึงขนาดนี้แล้วกับเขาอีกทำไม ตอนนั้นเขาก็บอกเธออย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ?

รักษาชีวิตเธอไว้ได้ก็ใจดีกับเธอแล้ว

ในที่สุดแครอทก็ดูเหมือนจะเข้าใจแล้ว

ทันใดนั้นริมฝีปากบางซีดที่ไร้สีเลือดของเธอที่นั่งอยู่บนรถเข็นคันนั้นก็ขยับส่งเสียงหัวเราะออกมา

“555555…”

หัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา

เธอหัวเราะจนหายใจไม่ทันถึงจะมีคนวิ่งเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยนี้อีกครั้งแล้วผลักเธอออกไป