ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 102 ชะตากรรม

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​เสียง​น้ำ​ไหล​จ้อกๆ​ ​กระบวย​ตัก​น้ำ​เลื่อน​มารั​บน​้ำ​อัตโนมัติ​

​กะละมัง​ใบไม้​คราม​ใบ​นั้น​ยัง​ไม่​กลับมา​ ​ข้าวเย็น​วันนี้​ยังคง​เรียบง่าย​เหมือนเดิม

​ความเร็ว​ใน​การกิ​นอา​หาร​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​กับ​โก่ว​หาน​สือ​เร็ว​กว่า​ปกติ​อยู่​บ้าง​ ​กับ​คน​แรก​ด้วย​แล้ว​ ​นี่​เป็นเรื่อง​ที่​ยาก​พบเห็น​ยิ่ง

​จึง​รู้​แล้ว​ว่า​ ​จดหมาย​ราชการ​ที่​พวกเขา​ต้อง​อ่าน​ใน​คืนนี้​กับ​เรื่อง​ที่​ต้อง​พูดคุย​นั้น​ ​สำคัญ​ไฉน

​ถาด​อาหาร​บน​โต๊ะ​ยาว​ถูก​เก็บ​ไป​ ​อัน​หวา​ส่ง​น้ำสะอาด​ให้​พวกเขา​บ้วนปาก​ ​ตามด​้วย​ผ้าขนหนู​ร้อน

​ห้อง​ข้าง​ห้องโถง​ ​ตรง​มุม​ๆ​ ​หนึ่ง​มี​กอง​จดหมาย​ราชการ​ดุจ​เนินเขา​เล็ก​ๆ​ ​กอง​อยู่​ ​จดหมาย​ไม่​กี่​ฉบับ​ที่​พวกเขา​ต้อง​อ่าน​ถูก​คัดออก​มา​ ​จากนั้น​ก็​ค่อย​จัดการ​ให้​เรียบร้อย

​ยาม​รัตติกาล​ ​ใน​ตำหนัก​ไร้​สุ้มเสียง​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​กับ​โก่ว​หาน​สือ​มองดู​จดหมาย​ราชการ​ใน​มือ​ ​ผ่าน​ไป​เนิ่นนาน​ ​ก็​มิได้​ปริปาก​พูด

​บทสรุป​ท้ายที่สุด​ของ​การ​รบ​นั่น​ ​พวกเขา​รู้อยู่​แต่แรก​แล้ว​ ​แต่​ตอนนี้​เพิ่ง​เห็น​รายละเอียด​มากมาย​ ​

​ไม่มีใคร​ละทิ้ง​ทหาร​ฝ่ายขวา​สาม​หมื่น​คนใน​ค่าย​ใหญ่​ของกอง​ทัพ​เส้น​ตะวันตก​ ​ดอด​มาซ​่อน​ตัว​อยู่​ใกล้​ๆ​ ​ยอดเขานั​่​วรื​่อ​หลั่ง​เงียบๆ​ ​คนเดียว​แบบ​เซียง​อ๋อง

​แล้ว​ฉวยโอกาส​ตอนที่​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​กับ​หวังผ​้​อพ​่าย​แพ้​และ​บาดเจ็บ​ด้วยกัน​ทั้งสองฝ่าย​ ​กระโดด​ออกจาก​แสงอาทิตย์​ ​จู่โจม​ด้วย​ท่า​ไม่​ตาย​ที่​เด็ดขาด​สุด​ของ​ตัวเอง​

​หาก​การ​ลอบ​จู่โจม​ครั้งนี้​สำเร็จ​ ​การ​ออกจาก​ค่ายทหาร​โดยพลการ​ ​ย่อม​ไม่ใช่​เรื่องใหญ่​ของ​เขา​ ​และ​จะ​เป็นคุณู​ปการ​อัน​ใหญ่หลวง​ที่สุด​ของ​การ​รบ​ครั้งนี้​ ​ตั้งแต่​เริ่ม​มา​จนถึง​ตอนนี้

​ไม่ว่า​เซียง​อ๋อง​คิด​ใช้​คุณูปการ​นี้​แลก​กับ​การ​ออกจาก​เมืองหลวง​ของ​เฉิน​หลิว​อ๋อง​ ​ ​หรือ​ต้องการ​ได้รับ​เกียรติ​ละเว้น​โทษ​ตาย​จาก​ป้าย​อาญา​สิทธิ​ ​ก็​ล้วน​เป็นเรื่อง​ที่​ง่ายดาย​ยิ่ง

​หรือ​เป็น​เพราะ​คิดถึง​จุด​ๆ​ ​นี้​อยู่​ ​เซียง​อ๋อง​ถึง​ยอม​เสี่ยงอันตราย​ ​หรือ​เคลื่อนไหว​อย่างไร​้​ความหวาดกลัว​ขนาด​นี้

​น่าเสียดาย​ ​เขา​ยังคง​ประเมิน​ความสามารถ​ของ​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​ต่ำ​จน​เกินไป

​หวังผ​้​อบาด​เจ็บ​สาหัส​ ​ไม่​สามารถ​ลงมือ​ได้​อีก

​ผู้คุม​กฏ​เผ่า​มาร​ได้รับบาดเจ็บ​ไม่เบา​ก็​จริง​ ​แต่กลับ​ไม่​ถูก​แดด​แผดเผา​จนตาย

​ใน​ยาม​คับขัน​ ​ความมืด​จาก​หุบเขา​ลึก​แผ่น​นั้น​ ​กลับกลาย​เป็น​อาวุธ​ของ​เขา

​ผู้​ที่​เห็น​ฉาก​นั้น​ ​ล้วน​ตื่นตระหนก​จน​พูดไม่ออก

​แต่​เซียง​อ๋อง​ก็​ไม่ยอม​ถอย​ไป​เช่นนี้​ ​จึง​เปลี่ยน​จาก​การ​ลอบ​จู่โจม​ ​เป็นการ​จู่โจม​อย่างหนัก

​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​ตัดสินใจ​สละ​ยักษ์​ล้ม​ภูเขา​ที่​ตน​นั่ง​ ​หนี​ออกจาก​ยอดเขานั​่​วรื​่อ​หลั่ง

​ขณะ​เซียง​อ๋อง​ยืน​อยู่​บน​ศีรษะ​ของ​ยักษ์​ล้ม​ภูเขา​ที่​เสียชีวิต​ ​พลาง​มองตาม​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​ซึ่ง​หนี​ไป​ทาง

​เหนือ​นั้น​ ​ได้​เกิด​ความมั่นใจ​ขึ้น​อีกครั้ง​ ​จึง​เปลี่ยน​จาก​การ​จู่โจม​อย่างหนัก​ ​เป็นการ​ไล่​ล่า

​ซึ่ง​การ​ไล่​ล่า​นี้​ ​กิน​ระยะทาง​ถึง​หกร้อย​ลี้​ ​แต่​เขา​ก็​ยัง​สังหาร​ผู้คุม​กฎ​มาร​ไม่ได้​ ​เนื่องจาก​คน​ชุด​ดำ​ได้​ตั้งค่าย​กลดั​กรอ​ไว้​ที่นั่น​ ​แถม​ด้วย​ยอด​ฝีมือ​ขุนพล​มาร​สี่​ท่าน​กำลัง​รอ​เขา​อยู่

​ถ้า​มิใช่​เพราะ​หัวหน้าพรรค​หลี​ซาน​ไป​ถึง​ทันท่วงที​ ​เซียง​อ๋อง​อาจ​เสียชีวิต​อยู่​ตรงนั้น​แล้ว

​ทว่า​ถึง​เป็น​เช่นนี้​ ​เซียง​อ๋อง​กับ​หัวหน้าพรรค​หลี​ซาน​ก็​ยังคง​ตก​อยู่​ใน​วงล้อม​หลาย​ชั้น

​ทันใดนั้น​ ​ว่าว​ขนาดใหญ่​สาย​หนึ่ง​ได้​ร่อน​ลงมา​จาก​ฟากฟ้า

​…..

​ไม่มีใคร​รู้​ว่า​เซียว​จาง​ได้รับบาดเจ็บ​หรือไม่​ ​ตอนนี้​ไป​ไหน​แล้ว

​เหมือนกับ​ที่​ไม่มีใคร​รู้​ว่า​ ​ขณะนี้​เจ๋อ​ซิ่ว​อยู่​ที่ไหน​ ​กำลัง​ทำ​อะไร

​บางคน​ชิน​กับ​การต่อสู้​เพียงลำพัง

​ตั้งแต่​เปิดศึก​มา​จนถึง​ตอนนี้​ ​การต่อสู้​ใน​ครั้งนี้​ของ​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​แดน​ศักดิ์สิทธิ์​ที่​ยิ่งใหญ่​อลังการ​ ​ก็​สิ้นสุดลง​แต่เพียง​เท่านี้

​เผ่า​มาร​บาดเจ็บ​ล้มตาย​อย่าง​แสนสา​หัส​ ​ท้ายที่สุด​ ​สี่​ยอด​ฝีมือ​ขุนพล​มาร​ที่​ล้อม​สังหาร​เซียง​อ๋อง​กับ​หัวหน้าพรรค​หลี​ซาน​ ​รอดชีวิต​เพียง​สอง​ตน​ ​สูญเสีย​สมาชิกวุฒิสภา​ไป​หนึ่ง​ท่าน​กับ​เจ้าชาย​อีก​หนึ่ง​องค์

​เผ่า​มนุษย์​ ​ไม่​สูญเสีย​ผู้​แข็งแกร่ง​ ​แต่​เหมา​ชิว​อวี​่​กับ​ไหว​เห​ริน​เต้า​กูล​้​วน​บาดเจ็บสาหัส​ ​ส่วน​อาการ​บาดเจ็บ​ของ​หัวหน้าพรรค​หลี​ซาน​ก็​สาหัส​มาก

​โก่ว​หาน​สือ​ว่า​ ​“​อาจารย์​ผู้เฒ่า​กลับ​เขา​หลี​ซาน​รักษา​อาการ​บาดเจ็บ​ ​ส่วน​ผู้อาวุโส​ที่​เหลือ​ไม่​กี่​ท่าน​ก็​ต้อง​พัก​รักษาตัว​สัก​ระยะ​หนึ่ง​ ​จึง​จะ​ไป​แนวหน้า​ได้​อีกครั้ง​”

​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​แดน​ศักดิ์สิทธิ์​ยาก​ที่จะ​ถูก​ฆ่า​ตาย​ ​นอกจาก​ถูก​ล้อม​จู่โจม​ ​หรือ​เผชิญหน้า​กับ​ผู้​ที่​ดำรงอยู่​ใน​ขั้นสูง​กว่า​อย่าง​จักรพรรดินี​ศักดิ์สิทธิ์​เทียน​ไห่

​แต่​ถ้า​บาดเจ็บสาหัส​เกิน​เหตุ​ ​ก็​ต้อง​ถูก​บังคับ​ให้​หยุด​ก้าวเดิน​ไป​ข้างหน้า​เช่นกัน​ ​ซึ่ง​หวังผ​้​อก​็​เข้าข่าย​นี้

​ตาม​ความเห็น​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​นี่​ก็​คือ​เจตนา​ของ​คน​ชุด​ดำ

​แม้​ต้อง​จ่าย​ค่าตอบแทน​อย่างหนัก​ ​เขา​ก็​ต้องการ​ให้​เหล่า​ผู้​แข็งแกร่ง​เผ่า​มนุษย์​สูญเสีย​ประสิทธิภาพ​การต่อสู้​ไป​ชั่วคราว​ ​อย่างน้อย​ก็​ไม่​สามารถ​ทุ่มเท​พละกำลัง​ทั้งหมด​ดำเนินการ​ก่อน​ฤดูหนาว

​เมื่อ​ไม่มี​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​แดน​ศักดิ์สิทธิ์​ ​การ​เดินหน้า​ของกอง​ทัพ​เผ่า​มนุษย์​ก็​ถูก​อุปสรรค​ใหญ่​ขวางกั้น​ ​กระบวนการ​หลายอย่าง​ช้า​ลง​กว่า​แผน​เดิมที​่​ได้​วาง​เอาไว้​ ​ซึ่ง​จะ​ถูก​ถ่วงเวลา​อีก​นาน​เท่าใด

​และ​ถ้า​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​ไป​ถึง​เมือง​เสวีย​เหล่า​จริงๆ​ ​หิมะ​ที่​ปลิว​ว่อน​อยู่​บน​ท้องฟ้า​ยัง​จะ​ให้โอกาส​ใดๆ​ ​กับ​พวกเขา​หรือไม่

​การ​ใช้​ความตาย​ของ​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​แดน​ศักดิ์สิทธิ์​สอง​ท่าน​กับ​ยอด​ฝีมือ​ขุนพล​มาร​สอง​ท่าน​ ​แลก​กับ​การ​จัดวาง​โครงสร้าง​ภายใน​ทั้งหมด​ใน​เวลา​สิบ​กว่า​วัน​ ​การตัดสินใจ​ที่​เด็ดเดี่ยว​เช่นนี้​ ​ใช่​ว่า​คน​ทั่วไป​จะ​ทำได้

​ทุกครั้งที่​นึกถึง​จุด​ๆ​ ​นี้​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​กับ​โก่ว​หาน​สือ​ก็​ต้อง​ระแวดระวัง​ราชา​มาร​วัย​ละ​อ่อน​ท่าน​นี้​มากยิ่งขึ้น

​กระทั่ง​คลับคล้าย​เกิด​ความรู้สึก​นับถือ​ด้วยซ้ำ

​แต่​ที่​น่ากลัว​สุด​ ​ยังคง​เป็น​คน​ชุด​ดำ

​อนุมาน​ได้​ว่า​ ​หลังจาก​ดำเนินการ​ ​เขา​น่าจะ​คาดการณ์​ได้​อย่างชัดเจน​ ​ถึง​รายละเอียด​ทั้งหมด​ก่อน​ละ​หลัง​การต่อสู้​ระหว่าง​ผู้คุม​กฏ​เผ่า​มาร​กับ​หวังผ​้อ

​เขา​คำนวณ​ได้​ว่า​ ​ผู้​แข็งแกร่ง​เผ่า​มนุษย์​ท่าน​ใด​จะ​ปรากฏตัว​ขึ้น​ ​กระทั่ง​คำนวณ​ได้​ว่า​เซียง​อ๋อง​จะ​ออกจาก​ค่าย​ใหญ่​ทาง​ตะวันออก​โดยพลการ

​พูด​ได้​ว่า​ ​การ​เข้าใจ​จิตใจ​คน​ของ​เขา​อยู่​ใน​ระดับ​ที่​น่ากลัว​มาก​แล้ว

​ถ้า​ก่อน​และ​หลัง​การต่อสู้​บน​ยอดเขานั​่​วรื​่อ​หลั่ง​จบ​ลง​เช่นนี้​ ​อย่างน้อย​คน​ชุด​ดำ​ก็​สามารถ​ประกาศ​ชัยชนะ​ของ​ตน​ใน​ช่วง​ที่สอง​ของ​สงคราม​ได้

​แต่​ความจริง​เขา​กลับ​พ่ายแพ้

​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​ทะลวง​แนว​ป้องกัน​ที่สอง​ของ​เผ่า​มาร​ได้​เร็ว​กว่า​ที่​จินตนาการ​ไว้

​ขณะ​ฤดูร้อน​ยัง​ไม่​สิ้นสุด​ทั้งหมด​ ​ทหารม้า​สาม​นาย​ที่อยู่​แนวหน้า​สุด​ ​มองเห็น​เค้าโครง​เมือง​เสวีย​เหล่า​จาก​ระยะไกล​แล้ว

​เนื่องจาก​ตอนที่​การต่อสู้​บน​ยอดเขานั​่​วรื​่อ​หลั่ง​กำลัง​ดำเนิน​ไป​ ​ใน​สนามรบ​ก็​เกิด​การเปลี่ยนแปลง​บางอย่าง​ที่​เหนือ​คาดหมาย

​บุคคล​สำคัญ​สุดที​่​อยู่​ระหว่าง​การ​แพ้ชนะ​ ​ก็​คือ​ผู้บัญชาการ​ทหาร​สูงสุด​ ​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง

​ทุกคน​ล้วน​คิด​ว่า​ ​การ​ที่​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​ได้​เป็น​ผู้บัญชาการ​ทหาร​สูงสุด​ของกอง​ทัพ​เผ่า​มนุษย์​นั้น​ ​คือ​ผล​จาก​การประนีประนอม​ทางการเมือง​ ​หรือ​ชะตากรรม​จาก​ความ​หุนหันพลันแล่น​ของ​องค์​จักรพรรดิ​กับ​องค์​สังฆราช​ ​สอง​ศิษย์​พี่น้อง

​อีกทั้ง​คล้าย​สงคราม​ใน​อดีต​เมื่อ​หลาย​ร้อย​ปีก่อน​ ​ที่​นอกจาก​ทหารม้า​เกราะ​ดำ​แล้ว​ ​แม่ทัพ​นายกอง​ทั่วไป​แทบ​ไม่มีผล​ต่อ​การ​แพ้ชนะ​ใน​สงคราม​ ​นอก​เสีย​จาก​ว่า​ ​ท่าน​คือ​หวัง​จือ​เช่อ

​แต่​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​มีบทบาท​สำคัญ​กับ​สงคราม​ใน​ครั้งนี้​มาก

​ขณะที่​การต่อสู้​ใน​วันนั้น​ดำเนิน​ไป​จน​ดุเดือด​สุด​ ​ใน​รัศมี​ร้อย​ลี้​หน้า​ภูเขา​ ​ล้วน​เป็น​สมรภูมิ​ของ​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​แดน​ศักดิ์สิทธิ์

​แต่​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​กลับ​ตั้ง​กระโจม​บัญชาการ​กลาง​ไว้​ด้านหน้า​สุด​ ​ซึ่ง​ดู​อย่างไร​ก็​ไม่ใช่​การตัดสินใจ​ที่​ชาญฉลาด​นัก​ ​โดยเฉพาะ​ใน​ตอนนี้

​ผลพวง​จาก​พลัง​อัน​น่าเกรงขาม​ ​เมื่อ​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​แดน​ศักดิ์สิทธิ์​ต่อสู้​กัน​ ​สามารถ​ก่อ​อันตราย​อย่างใหญ่หลวง​กับ​พลทหาร​ธรรมดา

​จึง​ต้อง​อาศัย​การปกป้อง​จาก​ค่าย​กล​ ​ขวางกั้น​พลัง​ลมปราณ​ของ​เหล่า​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​แดน​ศักดิ์สิทธิ์​ขณะ​เหล่า​ทหาร​ทำการ​โต้ตอบ​พล​หมาป่า​เผ่า​มาร​ไม่หยุดหย่อน​ ​แต่​สถานการณ์​จะ​แปรเปลี่ยน​เป็น​เสี่ยงอันตราย​มาก​ ​เมื่อ​ลมแรง​พัดผ่าน​ ​ประหนึ่ง​คันไถ​ที่​มองไม่เห็น​ ​ฉีก​กระโจม​ค่าย​ขาด​เป็นระยะ​ ​ก้อนหิน​บิน​ว่อน​ ​ไม่รู้​มีท​หาร​มาก

​น้อย​เท่าไร​ที่​ถูก​ก้อนหิน​ปลิว​กระทบ​ ​ศีรษะ​แตก​ ​โลหิต​ไหล

​กระโจม​บัญชาการ​กลาง​ถูก​ฉีก​ออก​เป็น​รู​เบ้อเริ่มเทิ่ม​รู​หนึ่ง​ ​ลม​และ​ทราย​พัด​เข้ามา​ไม่​หยุด​ ​ตะเกียง​น้ำมัน​วัว​ดับ​ไป​แต่แรก​ ​มี​เพียง​ไข่มุก​ราตรี​ที่​ยังคง​ส่องแสง​ ​ให้​ความสว่าง​กับ​ภาพวาด​มืด​ๆ​ ​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​มองดู​แผนที่​ ​พร้อม​ท่าทาง​เคร่งขรึม​ ​แล้วจึง​ออกคำสั่ง​อย่างสงบ​นิ่ง​ ​จากนั้น​ผู้ส่งสาร​ก็​รุด​ออก​ไป​ทันที

​ทุกครั้งที่​พล​หมาป่า​เผ่า​มาร​บุก​เข้ามา​ ​จะ​เขยิบ​เข้าใกล้​กระโจม​บัญชาการ​กลาง​มากขึ้น​เรื่อยๆ

​และ​ขณะ​จู่โจม​ครั้งสุดท้าย​ ​หมาป่า​ตัว​ใหญ่​ตัว​นั้น​ก็​อยู่​ห่าง​จาก​กระโจม​ไม่​ถึง​สอง​ลี้

​เยี​่ย​เสี่ยว​เหลียน​หัน​มอง​ใบหน้า​ด้าน​ข้าง​ของ​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​ ​เห็น​แววตา​ที่​ค่อนข้าง​ซับซ้อน

​นาง​เคย​เสนอ​ให้​ถอยทัพ​อยู่​หลายครั้ง​ ​แต่​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​ไม่เคย​เห็นด้วย​เลย​สักครั้ง

​และ​สิ่ง​ที่​ทำให้​นาง​ยิ่ง​ไม่เข้าใจ​ก็​คือ​ ​หลัง​ออกคำสั่ง​ทุกครั้ง​ ​กระทั่ง​แสง​ธนูศักดิ์​สิทธิ์​ซึ่ง​มีหน้า​ที่​ปราบปราม​การ​จู่โจม​ของ​พล​หมาป่า​ ​ก็​เบาบาง​ลง​ไปมาก

​และ​ตอนนี้​ ​ก็​ให้​ศิษย์​สาม​ร้อย​กว่า​คน​ของ​สถานศึกษา​หนาน​ซี​ตั้งค่าย​กล​กระบี่​นอก​ค่ายทหาร

​ต่อให้​พล​หมาป่า​บุก​เข้ามา​ ​หรือ​แม้แต่​เจ้าชาย​จาก​เมือง​เสวีย​เหล่า​ผู้​นั้น​บุก​มาสู​้​กับ​ศิษย์​ป้า​ศิษย์​น้าน​อก​ค่ายทหาร​ ​นาง​ก็​มั่นใจ​ว่า​สามารถ​ปกป้อง​ขุนพล​เทพ​ได้

​ปัญหา​อยู่​ที่​ ​เหล่า​ศิษย์​สถานศึกษา​หนาน​ซีจะ​ล้มตาย​กัน​มาก​น้อย​เพียงใด

​ขณะที่​นาง​กำลัง​นึกถึง​ปัญหา​เหล่านี้​อยู่​นั้น​ ​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​พลัน​ถาม​คำถาม​หนึ่ง​ขึ้น

​โดย​ตอนนั้น​ ​ผู้​ที่อยู่​ใน​กระโจม​ล้วน​รู้สึก​ว่า​ ​คำถาม​นี้​ไร้เหตุผล​สิ้นดี

​“​ค่าย​ทางเหนือ​ของ​เผ่า​ปีศาจ​ถึง​ไหน​แล้ว​”

​เจ้าหน้าที่​ทางการทหาร​คน​หนึ่ง​อึ้ง​ไป​สักพัก​ ​ก่อน​ตอบ​ ​“​รายงาน​เมื่อวันก่อน​บอกว่า​ ​ออกจาก​ชง​โจว​แล้ว​”

​“​เพิ่ง​ออกจาก​ชง​โจว​เนี่ยนะ​”

​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​ถอนหายใจ​ออกมา​คำ​หนึ่ง​ ​เห็นชัด​ว่า​เสียดาย​ยิ่ง​ ​แล้ว​ว่า​ ​“​อยู่​ห่าง​กัน​เกินไป​ ​เช่นนั้น​ข้า​คง​ต้อง​จัดการ​เอง​แล้ว​”

​เยี​่ย​เสี่ยว​เหลียน​รู้สึก​ไม่เข้าใจ​เลย​ ​ใน​ใจคิด​ ​ต่อให้​กองหนุน​เผ่า​ปีศาจ​มาถึง​แต่แรก​ ​หรือ​ตอนนี้​สามารถ​ปรากฏตัว​มาช​่วย​ท่าน​ได้

​เรื่องเล่า​ที่ว่า​ ​ทหารม้า​หลาย​หมื่น​นาย​บุก​จู่โจม​หุบเขา​ลึก​ ​สุดท้าย​ก็​คือ​เรื่องเล่า

​นอกจาก​จะ​กระทำ​แบบ​เดียว​กับ​เผ่า​มาร​ ​ใช้เวลา​หลาย​ร้อย​ปี​สร้าง​ค่าย​กล​ช่องทาง​ผ่าน​ไว้​ล่วงหน้า​ ​มิเช่นนั้น​ ​ก็​ยาก​ที่เกิด​การ​ลอบ​จู่โจม​เช่นนี้​ ​ใน​โลก​ที่​นก​อินทรี​แดง​กับ​นก​อินทรี​ปีศาจ​บิน​อยู่​ด้วยกัน​

​“​รอ​ให้​พวกเขา​จู่โจม​เสร็จ​ ​ค่อย​ถึงตา​เรา​”

​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​เงยหน้า​ขึ้น​ ​มองผ่าน​รู​โหว่​ตรง​กระโจม​ด้านบน​ไป​ยัง​ท้องฟ้า

​ที่นั่น​เกิด​ควัน​ดำ​โขมง​ ​เห็น​เงา​ร่าง​ขนาดใหญ่​ตะคุ่มๆ​ ​แสง​กระบี่​สว่างไสว​ ​คล้าย​มาจาก​อีก​โลก​หนึ่ง

​นั่น​คือ​โลก​ของ​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​แดน​ศักดิ์สิทธิ์

​ทว่า​เยี​่ย​เสี่ยว​เหลียน​ก็​ยัง​ไม่เข้าใจ​ความหมาย​ใน​คำๆ​ ​นี้​ของ​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​อยู่ดี

​จึง​หันไป​มอง​มุมมืด​ที่สุด​ใน​กระโจม​ตาม​จิตใต้สำนึก