ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 104 ฟังเสียงดอกไม้ร่วงมอบกระบี่

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​เฉิน​ฉาง​เซิง​บอกลา​ศิษย์​พี่​เรียบร้อย​ ​ก่อน​จากไป​ย่อม​มา​เยี่ยมเยียน​นาง

​เมื่อก่อน​ม่อ​อวี​่​เป็นสาว​งาม​เลื่องชื่อ​ของ​เมืองหลวง​อยู่​แล้ว​ ​ตอนนี้​กลับ​ยิ่ง​งดงาม​จน​ทำให้​ใจ​คน​หวั่นไหว

​เขา​รู้​ว่านา​งมิ​ได้​จงใจ​ยั่วยวน​ ​เพียงแต่​ที่นี่​ร้อน​มาก​จริงๆ​ ​กระทั่ง​กลไก​ทำความ​เย็น​ใน​ตำหนัก​ก็​คล้าย​ไร้​ประสิทธิภาพ

​“​ห้อง​นี้​เล็ก​ไป​หน่อย​”

​เขา​เอ่ย​ขณะ​มอง​ไปร​อบ​ๆ​

​นี่​เป็น​ห้อง​ที่​แยก​ออกจาก​หลัง​ตำหนัก​ใหญ่​โดยเฉพาะ​ ​เมื่อ​เทียบ​กับ​สิ่งก่อสร้าง​ใน​พระราชวัง​ ​ก็​เห็นชัด​ว่า​เล็ก​มาก​จริงๆ​ ​และ​ไม่​ค่อย​ระบาย​ลม​เท่าไหร่

​“​ก่อนที่​จักรพรรดินี​จะ​ทรง​ว่าราชการ​หลัง​ม่าน​นั้น​ ​ได้​เรียน​วิชาการ​เมือง​การปกครอง​กับ​จักรพรรดิ​องค์​ก่อน​มายี​่​สิบ​กว่า​ปี​ ​ด้วย​การ​นั่ง​ฟัง​อยู่​ที่นี่​”

​ม่อ​อวี​่​พูด​ประชดประชัน​เล็กน้อย​ ​“​ช่วง​ที่​ฝ่า​บาท​เพิ่ง​เข้า​วัง​ ​ตอน​ประชุม​ราชกิจ​ ​ผู้นำ​ลัทธิ​เต๋า​ก็​นั่ง​อยู่​ตรงนี้​ ​ตอนนี้​ข้า​นั่ง​อยู่​ตรงนี้​ ​หรือยัง​ไม่มี​คุณสมบัติ​พอ​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ยิ้ม​ขมขื่น​แล้ว​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​ก็​ไม่​ควร​พูด​อะไร​จริงๆ​”

​ม่อ​อวี​่​เลิก​คิ้ว​ ​“​พวก​เจ้า​ล้วน​รู้สึก​ว่า​ข้า​ทะเยอทะยาน​ใช่​หรือไม่​”

​มีอยู่​ช่วง​หนึ่ง​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​รู้สึก​ว่านาง​ทะเยอทะยาน​จริงๆ​ ​มิใช่​ตอน​จักรพรรดินี​ศักดิ์สิทธิ์​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ ​แต่​เป็น​เมื่อ​สิบ​ปีก่อน

​นาง​และ​เขา​ติดต่อกัน​มาโดยตลอด​ ​ตอน​ฝ่า​บาท​เรียก​นาง​กลับ​เมืองหลวง​นั้น​ ​นาง​เขียนจดหมาย​มาบ​อก​ว่า​ลังเลใจ​มาก​ ​ต่อมา​ค่อย​พบ​ว่า​ ​นาง​ตัดสินใจ​ได้​แต่แรก​แล้ว​

​แต่​ตอนที่​นาง​ตัดสินใจ​แน่วแน่​แล้ว​ว่า​จะ​แต่ง​กับ​โหลว​หยาง​อ๋อง​นั้น​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​รู้สึก​อีกว่า​ ​ความคิด​ที่​ตน​มีต​่​อนาง​ ​อาจ​ไม่​ถูกต้อง​นัก

​ถ้า​นาง​มี​จิตใจ​ทะเยอทะยาน​จริง​ ​นาง​ควร​แต่ง​กับ​ผู้​ที่​มีบา​รมี​มากกว่า​ ​กระทั่ง​แต่ง​กับ​องค์​จักรพรรดิ​ ​แล้ว​ขึ้น​เป็น​จักรพรรดินี​คน​ใหม่​ยัง​ได้

​“​ต้อง​ดู​ว่า​ ​ความทะเยอทะยาน​ที่​เจ้า​ว่า​คือ​อะไร​”​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ตอบ

​ม่อ​อวี​่​ว่า​ ​“​ถ้า​ความทะเยอทะยาน​หมายถึง​อำนาจ​ ​ข้า​ยอมรับ​ว่า​ตัวเอง​มี​ความปรารถนา​อย่างแรงกล้า​ใน​ด้าน​นี้​ ​แต่​ข้า​แค่​อยาก​มี​ความมั่นใจ​ว่า​ ​ตนเอง​มีสิทธิ์​ที่จะ​ร่วม​แสดงความคิดเห็น​ทางการเมือง​”

​คำพูด​นี้​ค่อนข้าง​สับสน​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​คิด​ๆ​ ​ดู​ ​ค่อย​เข้าใจ​ ​จึง​ถาม​อย่างแปลกใจ​ ​“​ทำไม​เจ้า​ถึง​ชอบ​งานบริหาร​ราชการ​ล่ะ​”

​“​เพราะ​ข้า​เป็น​นางใน​ที่​จักรพรรดินี​ทรง​สอนสั่ง​มาน​่ะ​สิ​”

​ม่อ​อวี​่​จ้องมอง​เขา​พลาง​พูด​ต่อ​ ​“​ข้า​กับ​โหย​่ว​หรง​เป็น​ผู้​ที่​จักรพรรดินี​ทรง​สอนสั่ง​มา​ ​ข้า​ชอบ​และ​มี​ความสามารถ​ใน​การบริหาร​งาน​ราชการ​ ​แต่​นาง​เชี่ยวชาญ​ใน​การ​ตะลุย​สังหาร​ทั้ง​สี่​ทิศ​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​นึกถึง​เหตุการณ์​ต่างๆ​ ​ใน​หลาย​ปี​มานี​้​ ​จึง​ได้​แต่​ยอมรับ​คำพูด​นี้​เงียบๆ

​ม่อ​อวี​่​ว่า​ ​“​แน่นอน​ ​นาง​เหมือน​จักรพรรดินี​กว่า​ข้า​ ​อาจ​เป็น​เพราะ​นาง​สังหาร​คนเก่ง​กว่า​ข้า​”

​เมื่อ​สิบ​กว่า​ปีก่อน​ ​ใน​ตำหนัก​ที่​ไม่​ไกล​กัน​นัก​ ​จักรพรรดินี​ศักดิ์สิทธิ์​เทียน​ไห่​เคย​บอก​นาง​กับ​สวี​โหย​่ว​หรง​ว่า​ ​การสังหาร​คือ​วิธี​ที่​ถูกต้อง

​ม่อ​อวี​่​รู้​ว่า​ตัวเอง​ทำไม​่​ได้​ ​อาจ​เป็น​เพราะ​ใน​วัยเด็ก​ ​นาง​เห็นภาพ​ผู้คน​สังหาร​กัน​อย่าง​นองเลือด​มาก​จน​เกินไป

​ใน​ปีนั​้น​ ​บน​ถนน​ไท่​ผิง​ ​นาง​ถือ​กระบี่​ฟาดฟัน​โจว​ทง​ ​จน​ตลอดทั้ง​ร่าง​เต็มไปด้วย​เลือด​ ​คล้าย​ใช้​เจตนา​สังหาร​ใน​ร่าง​จน​หมด​แล้ว

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ไม่​อยาก​สนทนา​ถึง​หัวข้อ​นี้​ต่อ​ ​จึง​ถาม​ ​“​แต่งงาน​กัน​มา​หลาย​ปี​ ​เขา​ยังคง​กลัว​เจ้า​อยู่​ไหม​”

​นี่​กำลัง​ถามถึง​โหลว​หยาง​อ๋อง

​ม่อ​อวี​่​เลิก​คิ้ว​ดุจ​ต้น​หลิว​ขึ้น​ ​“​นั่น​เรียกว่า​ให้เกียรติ​ต่างหาก​ ​ไม่ใช่​กลัว​ ​เจ้า​นึก​ว่า​ใครๆ​ ​ก็​เหมือน​เจ้า​หมด​อย่างนั้น​หรือ​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​นึกไม่ถึง​ว่า​จะ​เป็นการ​หาเรื่อง​ใส่​ตัว​ ​จึง​พูดไม่ออก​อยู่​บ้าง

​ม่อ​อวี​่​ปล่อย​การจิก​กัด​ไป​ ​แล้ว​ว่า​ ​“​เขา​ใน​ตอนนี้​ ​วัน​ๆ​ ​อยู่​บ้าน​หัด​ทำกับข้าว​ ​เพิ่ง​หัด​ดอง​หัวไชเท้า​แบบ​ที่​สิบ​เจ็ด​ไป​ ​ท่าทาง​มีความสุข​มาก​”​

​พอ​เฉิน​ฉาง​เซิง​เห็นท่า​ทาง​นาง​ก็​มีความสุข​มาก​เช่นกัน​ ​จึง​ดีใจ​ยิ่ง​ ​แต่กลับ​มี​อารมณ์​บางอย่าง​ที่​…​ค่อนข้าง​ซับซ้อน

​เขา​เหลือบมอง​จอน​ผม​ที่​ปลิว​ไสว​ของ​นาง​ ​เก็บ​สายตา​คืน​กลับ​ ​ยก​ถ้วย​น้ำชา​ขึ้น​ดื่ม​ ​ก่อน​ถาม​ ​“​ช่วงนี้​นอนหลับ​ไหม​”

​ม่อ​อวี​่​ตอบ​อย่าง​อิ่มเอม​ใจ​ ​“​หลับสนิท​สิ​ ​เจ้า​รู้​ไหม​ ​เจ้า​อ้วน​ตัว​เย็น​ยิ่ง​ ​กอด​แล้ว​สบาย​ตัว​เอา​มาก​ๆ​”

​……

​……

​ขณะ​อยู่​บน​เส้นทาง​ไป​แนวหน้า​ ​ทุกครั้งที่​เฉิน​ฉาง​เซิง​นึกถึง​เรื่อง​ใน​วัง​หลวง​วันนั้น​ ​ก็​อด​ที่จะ​หัวเราะเยาะ​ตนเอง​ไม่ได้

​ภาพ​เช่นนี้​ปรากฏ​ขึ้น​มาก​จน​เกินไป​ ​ทำให้​อัน​หวา​รู้สึก​เครียด​อยู่​บ้าง​ ​แม้​ตอนนี้ฝู​ซิน​จือ​กับ​เฉิน​ฟู่​กุ้ย​จะ​กลายเป็น​อาจารย์​ใน​สำนัก​ฝึก​หลวง​แล้วก็​ยัง​รู้สึก​ไม่สบายใจ​มาก​อยู่

​เฉิน​ฉาง​เซิน​ไม่ได้​พานั​กบวช​ของ​พระราชวัง​หลี​มามาก​มาย​ ​แต่​พาศิษย​์​ของ​สำนัก​ไม้เลื้อย​มา​เป็น​จำนวนมาก​ ​เพราะ​ต้อง​ใช้งาน​ในนาม​ผู้ตรวจสอบ​ ​ส่วน​ศิษย์​ของ​สำนัก​ไม้เลื้อย​กลับมา​ในนาม​ผู้ฝึก​งาน​แนวหน้า

​พอ​เข้า​เมือง​เทียน​เหลียง​ได้​ไม่นาน​ ​ยัง​ไม่ทัน​ถึง​เมือง​สวิน​หยาง​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​พา​อัน​หวา​ออกจาก​ขบวน​ก่อน

​บันทึก​ความจริง​จาก​ทั่วทุกแห่ง​หน​ส่ง​เข้า​มือ​ของ​เขา​ไม่หยุดหย่อน​ ​และ​เขา​ก็​เห็น​สภาพ​ความเป็นจริง​ของ​ผู้คน​ด้วย​ตา​ตนเอง​ ​เห็น​ทหาร​รักษา​อาการ​บาดเจ็บ​ ​จากนั้น​ก็​เห็น​ทุ่งหญ้า

​ก่อน​เข้าสู่​ความจริง​ใน​สนามรบ​ ​เขา​นึกถึง​คำพูด​สุดท้าย​ที่​ม่อ​อวี​่​พูด​ตอน​อยู่​ใน​วัง​หลวง​อีกครั้ง​

​“​คนใน​เมืองหลวง​ไม่มี​เนื้อสัตว์​กิน​มาส​อง​เดือน​แล้ว​ ​ปีนี​้​มี​เรือ​ขนส่ง​ฝ้าย​ให้​จวน​หลู​หลิง​เพียง​สาม​ลำ​ ​ถ้า​พวก​เจ้า​รบ​แพ้​ที่​แนวหน้า​ ​ฤดูหนาว​ปีนี​้​ ​จะ​ปรากฏ​ผู้คน​อพยพ​นับไม่ถ้วน​ ​จะ​เห็น​ผู้คน​หนาว​ตาย​บน​ท้องถนน​นับไม่ถ้วน​ ​นี่​เป็น​สงคราม​ระดับชาติ​ ​สู้​กัน​ด้วย​พลัง​ระดับชาติ​ ​เช่นนั้น​ก็​ต้อง​ชนะ​ ​เพราะ​ถ้า​แพ้​ ​ก็​อาจ​สิ้น​ชาติ​ได้​”​

​ใช่​แล้ว​ ​นี่​เป็น​สงคราม​ระดับชาติ​ ​ทั้งสองฝ่าย​ต่าง​ทุ่มเท​พละกำลัง​ทั้งหมด​ของ​ตน​ ​ต่อสู้​กัน​ทุก​วิถีทาง​เพื่อ​ชัยชนะ​ครั้งสุดท้าย​

​แต่​ก็​มีเรื่อง​บางอย่าง​ที่​เฉิน​ฉาง​เซิง​ยังคง​ไม่เข้าใจ​ ​ซึ่ง​เขา​กับ​โก่ว​หาน​สือ​เคย​โต้เถียง​กัน​หลายครั้ง​แล้ว​ ​ทว่า​ก็​ไม่ได้​ข้อสรุป​ที่เชื่อถือได้​สักที

​ไม่ว่า​จะ​เป็นช่วง​แรก​ของ​การ​ทำสงคราม​หรือ​ช่วง​ที่สอง​ ​ยุทธวิธี​ที่​เผ่า​มาร​ใช้​รุนแรง​เกิน​กว่า​เหตุ​ ​แม้​บอกว่า​เป็น​สงคราม​ระดับชาติ​ ​ก็​ล้วน​เห็นชัด​ว่า​ทำ​กัน​เกินไป

​พูดตาม​หลัก​แล้ว​ ​ช่วง​เริ่ม​ทำสงคราม​ไม่มีใคร​เลือก​ที่จะ​เอา​หยก​ไป​เผา​รวม​กับ​หิน​ ​หรือ​เอา​พิมเสน​ไป​แลก​กับ​เกลือ​ ​แม้​เทียบ​กัน​แล้ว​ ​เผ่า​มารค​่อ​นข​้า​งอ​่อน​แอก​ว่า​ ​ก็​ไม่​ถึงกับ​ไม่มี​ความมั่นใจ​เช่นนี้

​อีกทั้ง​วิธีการ​แบบนี้​ ​ก็​เปลี่ยนแปลง​การตัดสินใจ​อะไร​ของ​มนุษย์​ไม่ได้​ ​เช่นนั้น​นอกจาก​ทำให้​เผ่า​มาร​พ่ายแพ้​เร็ว​ขึ้น​แล้ว​ ​ยัง​มี​ประเด็น​อะไร​อีก

​……

​……

​คนใน​ยาก​ที่จะ​เห็น​เหตุการณ์​โดยรวม​อย่างชัดเจน​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็น​ราชา​มาร​หรือ​ผู้​คุ้ม​กฎ

​ส่วน​คนนอก​ ​กลับ​เห็น​ปัญหา​บางอย่าง​ได้​ง่าย​ ​สืบเนื่อง​จาก​มุมมอง​ ​อย่าง​เวลา​เฉิน​ฉาง​เซิง​กับ​โก่ว​หาน​สือ​รู้สึก​ว่า​จุด​นั้น​ไม่​ถูกต้อง​ ​ซาง​สิง​โจว​กลับ​สังเกตเห็น​แต่แรก​แล้ว

​คน​กลุ่ม​หนึ่ง​ ​เดินทาง​จาก​เขา​หาน​ซาน​ไป​เขา​หลี​ซาน​ ​ระหว่างทาง​แวะ​พัก​ที่ลั​่ว​หยาง​หนึ่ง​คืน

​เช้า​วันรุ่งขึ้น​ ​ซาง​สิง​โจว​ก็​ออกจากลั​่ว​หยาง​ ​ไม่มีใคร​รู้เรื่อง​นี้​เลย​ ​ซึ่ง​เขา​ก็​พา​แค่นัก​พรต​น้อย​ผิว​เรียบ​เนียน​ดุจ​หยก​ไป​ด้วย​

​ที่​วัด​เก่าแก่​ใน​เมือง​ซี​หนิง​ ​เขตคุ้มครอง​สำคัญ​ของ​ราชสำนัก​ตั้งแต่​เมื่อ​สิบ​กว่า​ปีก่อน​ ​แต่​ทหารยาม​ไหน​เลย​จะ​ขวาง​เขา​ได้

​เขา​พานัก​พรต​น้อย​เข้าไป​ใน​วัด​เก่าแก่​ ​มอง​ห้อง​ที่ว่างเปล่า​ห้อง​หนึ่ง​เงียบๆ​ ​ก่อน​กำชับ​นักพรต​น้อย​ให้​ท่อง​สารานุกรม​ซี​หลิว​ที่​ใต้​ต้นไม้​ไป​เรื่อยๆ​ ​ส่วน​ตนเอง​ออกจาก​วัด​มาที​่​ข้าง​ลำธาร

​น้ำ​ใน​ลำธาร​ยังคง​ใส​เหมือนเช่น​เคย​ ​ดอกไม้​ที่​ร่วงหล่น​ลอย​ไป​ตาม​กระแสน้ำ​ ​เมื่อ​ดอกไม้​ลอย​ผ่าน​ตัว​เขา​ ​ก็​รู้สึก​สดชื่น​ยิ่งขึ้น

​ภิกษุ​รูป​หนึ่ง​ปรากฏตัว​ขึ้น​ข้าง​ลำธาร​

​ลักษณะ​เหมือน​เมื่อ​สิบ​กว่า​ปีก่อน​ไม่มี​ผิด​ ​หน้าตา​หล่อเหลา​ ​ดู​อายุ​ไม่​ออก​ ​สวม​จีวร​สีดำ​ที่​เต็มไปด้วย​รอย​ขาด​และ​ฝุ่น

​ซาง​สิง​โจว​ว่า​ ​“​ท่าน​อ๋อง​ ​ข้า​อยากรู้​เรื่อง​บาง​เรื่อง​”

​ภิกษุ​รูป​นี้​คือ​บุตรชาย​ของ​ฉู่​อ๋อง​ ​ถ้า​นับ​ตาม​รุ่น​ ​ก็​คือ​ลูกพี่ลูกน้อง​กับ​บิดา​ของ​อวี​๋​เห​ริน​ ​และ​ถ้า​ยังอยู่​ใน​ราช

สำนัก​ ​ย่อม​เป็น​อ๋อง​ท่าน​หนึ่ง

​ถ้า​ตอนนั้น​ ​สวน​ร้อย​หญ้า​ไม่มี​การเปลี่ยนแปลง​ ​ตอนนี้​เขา​อาจ​เป็น​จักรพรรดิ

​ซึ่ง​ซาง​สิง​โจว​ไม่ยอมรับ​อย่างแน่นอน

​ภิกษุ​ว่า​ ​“​เชิญ​ว่า​มา​”

​ซาง​สิง​โจว​ถาม​ ​“​ดินแดน​เซิ​่​งก​วง​คิด​จะ​ทำ​อะไร​กัน​แน่​”

​ภิกษุ​เงียบ​ไม่​ตอบ

​ซาง​สิง​โจว​พูดเสี​ยง​เรียบ​ ​“​ท้ายที่สุด​ท่าน​ก็​เป็น​คน​ของ​เรา​อยู่ดี​”

​แววตา​เห็นอกเห็นใจ​ของ​ภิกษุ​เปลี่ยนเป็น​อ้างว้าง​ ​ก่อน​ว่า​ ​“​ก็​แค่​คนพเนจร​ไร้​บ้าน​”

​ซาง​สิง​โจว​พลัน​ว่า​ ​“​เทียน​ไห่​ทำให้​วิญญาณ​เทพ​ของ​ท่าน​บาดเจ็บสาหัส​ ​ทำให้​ท่าน​กลับมา​ไม่ได้​ ​ตอนนี้​คิด​ๆ​ ​ดู​ ​ก็​ไม่ใช่​เรื่อง​ที่​เลวร้าย​นัก​”

​คำพูด​นี้​เห็นชัด​ว่า​ ​กำลัง​สงสัย​เขา​กับ​ดินแดน​เซิ​่​งก​วง​สมรู้ร่วมคิด​อะไร​กัน

​ภิกษุ​จึง​ว่า​ ​“​ความสำเร็จ​อัน​ยิ่งใหญ่​ ​ล้วน​เป็นความ​ว่างเปล่า​”

​ซาง​สิง​โจว​ตอบ​ ​“​ขอ​เพียง​คำนึงถึง​คนรุ่นหลัง​ ​ไม่ว่า​อย่างไร​ ​สุดท้าย​ก็​คือ​สายเลือด​สกุล​เฉิน​”

​ภิกษุ​เงียบ​อยู่นาน​ ​ก่อน​ว่า​ ​“​นี่​คือ​คำสัญญา​ของ​เจ้า​?​”

​“​หาก​ข้า​ตาย​ไป​ ​ลูกศิษย์​ข้า​จะ​เป็น​คนรับ​พวก​ท่าน​กลับมา​”

​ไม่รู้​ว่า​ซาง​สิง​โจว​นึก​อะไร​ขึ้น​ได้​ ​จึง​เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​แล้ว​ว่า​ ​“​ถ้า​พวกเขา​ปฏิเสธ​ ​ข้า​ก็​จะ​บอก​ให้​ศิษย์​คน​นี้​รับ​พวก​ท่าน​กลับมา​”

​ภิกษุ​มอง​ไป​ยัง​นักพรต​น้อย​ใต้​ต้นไม้​ใหญ่​ ​พลาง​เผย​ให้​เห็นท่า​ทาง​พอใจ​ ​“​เจ้า​อยาก​ให้​ข้า​ทำ​อะไร​”

​ซาง​สิง​โจว​ว่า​ ​“​ข้า​อยาก​ให้ท่าน​ช่วย​ข้า​แจ้ง​ข่าว​หนึ่ง​ ​กับ​มอบ​ของ​ชิ้น​หนึ่ง​”

​ภิกษุ​ตอบ​ ​“​ดินแดน​เซิ​่​งก​วง​อยู่​ไกล​มาก​ ​ต้อง​ใช้เวลานาน​มาก​”

​ซาง​สิง​โจว​ว่า​ ​“​ก็​แค่​ทาง​หนี​ที​ไล่​ทาง​หนึ่ง​”

​ภิกษุ​ตอบ​ ​“​ข่าว​อะไร​”

​ซาง​สิง​โจว​ว่า​”​บอก​ซู​หลี​ว่า​ ​เกิดเรื่อง​ขึ้น​แล้ว​”

​ภิกษุ​ตอบ​ ​“​ข้า​ไม่รู้​จริงๆ​ ​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​ดินแดน​เซิ​่​งก​วง​”

​ซาง​สิง​โจว​ว่า​ ​“​ข้า​ก็​ไม่รู้​เหมือนกัน​ว่า​เกิดเรื่อง​อะไร​ขึ้น​ ​แต่​ข้า​คิด​ว่า​ ​เขา​น่าจะ​รู้​ว่าที่​นี่​กำลัง​เกิดเรื่อง​ขึ้น​”

​ภิกษุ​เงียบ​ไป​พัก​หนึ่ง​ ​ก่อน​ว่า​ ​“​ของ​ล่ะ​”

​ซาง​สิง​โจว​ส่ง​กระบี่​ให้​เล่ม​หนึ่ง

​กระบี่​มี​ผ้า​ห่อ​ไว้​อย่างดี​ ​ตรงกลาง​มี​วงแหวน​หลอม​จาก​สำริด

​ภิกษุ​รับ​กระบี่​มา​ ​มือจับ​เข้าที่​วงแหวน​สำริด​ ​โดย​ไม่​สัมผัส​ส่วน​ใดๆ​ ​ของ​กระบี่​ ​ระมัดระวัง​ยิ่ง

​“​กระบี่​ดี​”

​สายตา​ภิกษุ​ตก​อยู่​บน​วงแหวน​สำริด​ ​พลาง​ทอดถอนใจ​ ​“​ของล้ำค่า​เช่นนี้​ ​ที่สุด​แล้วก็​ถูก​ท่าน​ส่งผ่าน​ทางอากาศ​ ​เลิศหรู​อะไร​เช่นนี้​”

​กระบี่​บัง​ฟ้า​ย่อม​เป็น​กระบี่​ดี

​ส่วน​สำริด​ก็​คือ​เศษ​กระจก​เฮ่า​เทียน