มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1245

หลัวซิวรู้สึกเหมือนตนตอบรับการมาที่หุบเขาปีศาจเก้า เป็นการตัดสินใจครั้งหนึ่งที่ผิดพลาดอย่างรุนแรง หากรู้ว่าการมาที่หุบเขาปีศาจเก้าจะทำให้เสียอิสระเช่นนี้ ต่อให้เขาต้องเสี่ยงที่จะต้องล่วงเกินเซียวจื่อเจี้ยนก็ตาม เขาไม่ควรจะมาที่นี่เลย

ในความเห็นของเขา มารเก้าเซียวจื่อเจี้ยนผู้นี้ พูดได้ว่าเขาเป็นเจ้าแห่งระดับเทพฟ้า อีกเรื่องที่ไม่พูดไม่ได้คือเขาเป็นอันธพาลปีศาจคนหนึ่งที่ไม่สนเหตุสนผลใด ๆ ทั้งนั้น!

“เหย ๆ เจ้าหนูมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าสามารถฆ่าเทพมารได้ ข้าชักอยากจะรู้แล้วว่าเหล่าตาเฒ่าพวกนั้นจะมีใครสามารถหาตัวยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่เทียบเท่ามาได้!”

มารเก้าเซียวจื่อเจี้ยนภาคภูมิใจเป็นที่สุด พลางคิดในใจ “ท่านพี่ทั้งแปดต่างก็กำลังปิดขังอยู่ หากได้รู้ว่าหุบเขาปีศาจเก้าของข้าได้มีชื่อเสียงขึ้นมาในเทศกาลหมื่นปีศาจ ข้าก็จะสามารถโอ้อวดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อีกพักใหญ่เลย!”

เซียวจื่อเจี้ยนฝึกตนกฎโซน หากไม่ใช่เพราะว่าหลังจากแดนกฎโซนบรรลุถึงเทพมารแล้วจะเพิ่มระดับได้อย่างยากลำบาก ผลการฝึกตนของเขาก็คงจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่เทพฟ้าขั้นสามเป็นแน่

ท่ามกลางมารทั้งเก้า มารใหญ่มีพลังแข็งแกร่งที่สุด แต่หากพูดกันถึงเรื่องคุณสมบัติพรสวรรค์ กลับเป็นมารเก้าเซียวจื่อเจี้ยนที่โดดเด่นที่สุด

สถานที่จัดงานเทศกาลหมื่นปีศาจ อยู่บนยอดเขาสูงตระหง่าน ยอดเขานี้เสียบขึ้นไปในท้องฟ้าเหมือนดาบ ท้องฟ้าเหนือศีรษะเต็มไปด้วยดวงดาว ดวงดาราเหล่านั้นส่องประกายระยิบระยับ

เทพธิดาสำนักปีศาจมาร เจ้าสำนักน้อยเขาปีศาจนรกเจ้าเมืองน้อยเมืองปีศาจสงครามและอีกมากมาย เหล่าความภาคภูมิใจของสวรรค์ที่โดดเด่นที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งโลกาอสูรฟ้าต่างมารวมตัวกันในที่แห่งนี้ ทุก ๆ คนต่างมีพรสวรรค์เพียบพร้อม กล้าหาญหาผู้ใดเทียม

ความหมายของของเยาวชนรุ่นหลังนั้นกว้างมาก ผลการฝึกตนต่ำกว่าเทพมารลงไป อายุไม่เกินร้อยปี ต่างก็เป็นเยาวชนรุ่นหลัง

สำหรับเทพมารขึ้นไป อายุไม่เกินหมื่นปี จะได้ชื่อว่าเป็นเทพมารวัยเยาว์

เทศกาลหมื่นปีศาจครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงเยาวชนรุ่นหลังระดับต่ำกว่าเทพมารลงไป ยังมีเทพมารวัยเยาว์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอีกหลายคนร่วมด้วย

ฝึกตนวิถีมาร มีใครบ้างที่ไม่ใช่นักฆ่ามากประสบการณ์? อัจฉริยะเหล่านี้รวมตัวกัน เกิดการประทะกันขึ้นถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

เพราะฉะนั้น กองกำลังใหญ่ต่าง ๆ ของเผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งโลกาอสูรฟ้า ต่างก็มีผู้แข็งแกร่งรุ่นเก่าเป็นผู้กุมบังเหียน เพื่อป้องกันไม่ให้อัจฉริยะของกองกำลังตนเองเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น

มารเก้าเซียวจื่อเจี้ยนเพิ่งมาถึงในงาน ก็หัวเราะเสียงดัง น้ำเสียงก้องกังวาน แทบอดใจรอให้ทุกคนได้ยินกันอย่างชัดเจนไม่ได้ “นี่คือน้องเล็กแห่งหุบเขาปีศาจเก้าของข้า สหายมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าที่สามารถฆ่าเทพมารได้ ซิวหลัว!”

“ฮ่า ๆ เทียบกับน้องชายคนนี้ของข้า เหล่าอัจฉริยะเทพธิดาอะไรของพวกเจ้าล้วนอ่อนแอทั้งสิ้น!”

“มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าฆ่าเทพมารหมายความว่าอย่างไรกัน?”

มารเก้าเซียวจื่อเจี้ยนผยองยิ่ง หลัวซิวเดินตามอยู่ด้านหลังของเขากลับมีเส้นสีดำขีดอยู่บนหน้าผาก เพราะว่าเซียวจื่อเจี้ยนผู้ชายคนนี้กำลังเรียกศัตรูคู่เครียดแค้นให้เขาอย่างดีทีเดียว

“ซิวหลัว?”

ทุกคนในที่นี้ประหลาดใจเล็กน้อย ผู้ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ โด่งดังด้วยการต่อสู่เพียงครั้งเดียว ต้องเป็นคนที่อยู่ตรงหน้านี้อย่างไม่ต้องสงสัย

มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าฆ่าเทพมาร เรียกได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกชั้นยอดครั้งหนึ่งเลย

“เฮอะ ก็แค่ฆ่าเทพมารทั่วไปที่มีเพียงสายเลือดระดับมารเขียวเท่านั้น มีสิ่งใดให้น่าภาคภูมิใจกัน?” ชายชราในชุดสีเทาคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ไอ้เวรพูดจาไร้สาระ!”

มารเก้าเซียวจื่อเจี้ยนมุ่ยปาก มองชายชราในชุดสีเทาอย่างดูหมิ่น พร้อมพูดถากถาง “ตาเฒ่าประหลาดตวนมู่ แน่จริงเจ้าก็ให้ผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าสักคนไปฆ่าเทพมารให้ข้าดูสักหน่อยสิ?”

ตาเฒ่าประหลาดตวนมู่ที่เขาเอ่ยถึงเป็นถึงเทพฟ้าตนหนึ่งแห่งเขาปีศาจนรกฝึกตนมาแล้วร่วมสามแสนกว่าปี

ตาเฒ่าประหลาดตวนมู่ถูกด่าทั้งยังถูกดูถูกเหยียดหยาม ก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาในทันที “หรือว่าเซียวจื่อเจี้ยนเจ้ามีความสามารถเช่นนั้นหรือ?”

“ข้าไม่มีความสามารถเช่นนี้ แต่น้องชายของข้าผู้นี้มี เจ้ายื่นจมูกเข้ามายุ่งด้วยเหตุใดกัน?” เซียวจื่อเจี้ยนยังคงเย้ยหยันต่อไป

ตาเฒ่าประหลาดตวนมู่โมโหเสียจนคิ้วขาวโพลนกระตุก พูดเสียงเยือกเย็น “เซียวจื่อเจี้ยน เจ้ากล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่?”