มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1246

เขายกมือขึ้นชี้ไปยังชายหนุ่มชุดดำข้าง ๆ “นี่คือเจ้าสำนักน้อยแห่งเขาปีศาจนรกของข้า เป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งแดนเทพมารที่อายุน้อยที่สุดในยุคนี้ ในเมื่อเจ้ากล่าวว่าเขาสามารถใช้ผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าฆ่าเทพมารได้ เช่นนั้นเจ้ากล้าเทียบกับเจ้าสำนักน้อยของข้าหรือไม่?”

ทันทีที่คำกล่าวนี้ดังขึ้น นักยุทธ์วิถีมารจำนวนมากในเทศกาลหมื่นปีศาจ ต่างก็เผยความสนอกสนใจขึ้นมาทันที

สำหรับเรื่องที่ซิวหลัวสามารถฆ่าเทพมารด้วยผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้านั้น ทุกคนต่างกันทั่ว และรู้ดีว่าเทพมารที่เขาฆ่าไปนั้น เป็นเพียงแค่เทพปีศาจสายเลือดมารเขียวตนเดียวเท่านั้น

แต่เจ้าสำนักน้อยตวนมู่เป็นบุคคลระดับใด? ในฐานะเจ้าสำนักน้อยแห่งเขาปีศาจนรก พรสวรรค์และความถนัดของเขาเรียกได้ว่าเป็นที่สุดของโลก ฝึกตนด้วยวรยุทธ์และพลังอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งเขาปีศาจนรก พลังนั้นย่อมแข็งแกร่งกว่าเทพปีศาจสายเลือดมารเขียวตนนั้นไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

สายตาของหลัวซิวพลอยมองตามไปยังร่างของเจ้าสำนักน้อยตวนมู่ท่านนี้ด้วย เทพมารวัยเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีมารเขาปีศาจนรกผู้นี้ เก็บซ่อนออร่าเอาไว้อีกทั้งยังนิ่งสงบ

ในเวลาเดียวกัน เจ้าสำนักน้อยตวนมู่ก็มองไปยังหลัวซิวกเวยแววตาเป็นประกาย

ที่เรียกว่าเทศกาลหมื่นปีศาจ พูดให้ดูดีก็คืองานรวมตัวกันของเยาวชนรุ่นหลังจากกองกำลังวิถีมารต่าง ๆ แต่หากว่ากันตามจริงก็คือการโอ้อวดเกทับกันของเหล่าผู้อาวุโสจากสี่แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่วิถีมาร เปรียบเทียบกันว่ายอดฝีมือเยาวชนรุ่นหลังของใครจะเก่งกาจกว่ากัน

มีเพียงเยาวชนรุ่นหลังที่แข็งแกร่งเท่านั้น อนาคตของกองกำลังจึงจะสามารถเปล่งประกายสว่างไสวขึ้นมาได้ แต่หากว่าเยาวชนรุ่นหลังขาดแคลนความสามารถ เช่นนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุด ไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องพบกับจุดจบอยู่ดี

“เซียวจื่อเจี้ยน กล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่?” ท่าทีของตาเฒ่าประหลาดตวนมู่เป็นการแสดงความกดดันให้อีกฝ่ายอย่างมาก ตั้งเป้าหมายไว้แล้วว่าวันนี้จะฉีกหน้ามารเก้าเซียวจื่อเจี้ยนให้จงได้

เซียวจื่อเจี้ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาในฐานะผู้แข็งแกร่งเทพฟ้า ย่อมรู้ได้อย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าความแตกต่างระหว่างมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้ากับเทพมารนั้นมันแตกต่างกันขนาดไหน ซิวหลัวสามารถข้ามแดนเพื่อฆ่าเทพมารทั่วไปได้ นั่นก็ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ และประสบผลสำเร็จอย่างมากแล้ว แต่หากต้องข้ามแดนเพื่อฆ่าหนึ่งในเทพมารที่เป็นยอดฝีมือระดับสูงนั้น กลับเป็นเรื่องที่ยากลำมากเป็นที่สุด

ต้องรู้ว่าเจ้าสำนักน้อยตวนมู่แห่งเขาปีศาจนรกผู้นี้ มีผลการฝึกตนระดับเทพมารขั้นสอง แต่มีการฝึกตนพลังอมตะ กระทั่งสามารถเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งเทพมารขั้นสี่ได้

สายเลือดมารเขียวเทพปีศาจที่ถูกซิวหลัวฆ่าตายไปนั้น หากว่าอยู่ต่อหน้าเจ้าสำนักน้อยตวนมู่ มีความเป็นไปได้อย่างมากว่ายังไม่ทันได้เรียกใช้วรยุทธ์ก็ถูกฆ่าตายเสียแล้ว

“เจ้าหนู เจ้าว่าอย่างไร?” เซียวจื่อเจี้ยนหันหน้าไปมองหลัวซิวที่ยืนอยู่ข้างกาย ใช้ตัวสำนึกส่งเสียงไปถาม

“คนผู้นี้เก่งกาจ ข้ามิใช่คู่ต่อสู้ของเขา” หลัวซิวตอบกลับไปเช่นนี้

ตั้งแต่ในตอนแรกที่ถูกมารเก้าเซียวจื่อเจี้ยนผู้นี้เชิญมายังหุบเขาปีศาจเก้า หลัวซิวก็รู้สึกเหมือนว่าถูกเจ้าปีศาจตนนี้จูงจมูกอยู่ตลอด วันนี้เห็นว่าเขาจะต้องขายหน้า ในใจก็พลันรู้สึกดีขึ้นมาที เขาไม่มีทางยอมเสี่ยงตายเพื่อเขาเป็นอันขาด

เมื่อได้ยินคำตอบของหลัวซิว เซียวจื่อเจี้ยนหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันที หากซิวหลัวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าสำนักน้อยตวนมู่จริง ๆ เช่นนั้นวันนี้ก็สามารถพูดได้เลยว่าเขาต้องขายหน้าแน่นอน

เซียวจื่อเจี้ยนรี่ตาลงเล็กน้อย พูดเสียงเยือกเย็น “ใครบอกว่าข้าไม่กล้าเดิมพัน? ก็แค่เด็กผู้ชายชุดดำข้าง ๆ เจ้า แม้แต่คุณสมบัติจะให้น้องชายข้ายกเท้ายังไม่มีเลย”

“เซียวจื่อเจี้ยนไอ้ลูกหมา!” หลัวซิวเหลือบตามองบน เซียวจื่อเจี้ยนผู้นี้ช่างน่าไม่อายเกินไปแล้วจริง ๆ นี่คืออุบายในการบีบบังคับให้เขาต้องสู้

“เจ้าหนู ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการที่จะเก็บซ่อนตัวตน แต่ในเมื่อเจ้าตกปากรับคำแล้วว่าจะเป็นตัวแทนของหุบเขาปีศาจเก้ามาเข้าร่วมงานนี้ ก็จำต้องรักษาหน้าตาของหุบเขาปีศาจเก้าเอาไว้ด้วย” เซียวจื่อเจี้ยนส่งเสียงอีกครั้งพร้อมด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

หลัวซิวไม่พูดอะไรอีกต่อไป เขาพึมพำในใจเกี่ยวกับใบหน้าหนา ๆ ของเซียวจื่อเจี้ยน เป็นถึงผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าผู้ยิ่งใหญ่ มีคุณธรรมสักน้อยไม่ได้หรือ?

ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ต่างก็เป็นเรื่องที่เซียวจื่อเจี้ยนก่อเอาไว้ทั้งนั้น เหตุใดต้องให้ข้าออกหน้าด้วย?