มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1247

พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคำพูดของเซียวจื่อเจี้ยนยังน่าโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย เป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการต่อสู้

“ข้าอยากจะดูเสียหน่อยว่าน้องซิวหลัวมีความสามารถอย่างไร” เจ้าสำนักน้อยตวนมู่ยิ้มเยือกเย็น ลอยขึ้นไป และหยุดอยู่ที่กลางอากาศ

“ช้าก่อน!”

ตาเฒ่าประหลาดตวนมู่แห่งเขาปีศาจนรกอยู่ดี ๆ ก็เอ่ยปากพูด เขายิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นการเดิมพัน ย่อมต้องมีรางวัลของผู้ชนะสิ!”

สายตาของเขามองไปยังมารเก้าเซียวจื่อเจี้ยนด้วยแววตาเปล่งประกาย “เซียวจื่อเจี้ยน ว่ากันว่าเมื่อห้าพันปีก่อน เจ้าได้รับไส้กระบี่พรสวรรค์มาจากห้วงเหวแห่งความตายชิ้นหนึ่ง หากว่าเจ้าสำนักน้อยของข้าวันนี้ได้รับชัยชนะ เจ้าก็ต้องมอบไส้กระบี่พรสวรรค์ออกมา กล้าหรือไม่?”

ห้วงเหวแห่งความตายคือสถานที่ที่อันตรายและน่าหวาดกลัวที่สุดแห่งโลกาอสูรฟ้า ทั่วทุกที่ต่างก็ปกคลุมไปด้วยพลังแห่งกฎความตาย น้อยคนมากที่จะสามารถมีชีวิตเข้าไปและกลับออกมาได้

ไส้กระบี่พรสวรรค์ที่ถือกำเนิดขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ย่อมต้องมีพรสวรรค์ที่เต็มไปด้วยความลึกลับของกฎความตายดั้งเดิม สำหรับนักยุทธ์ที่ฝึกตนกฎความตายแล้วนั้น เป็นสมบัติล้ำค่าที่หาไม่ได้อีกแล้ว

ที่สำคัญที่สุดคือ เพราะว่าเป็นไส้กระบี่ ยังไม่ได้กลายร่างอย่างสมบูรณ์ ก็มีมีความเป็นไปได้ในการเติบโตอย่างไม่จำกัด บางทีในอนาคตมันจะกลายเป็นอัญเทพฟ้าชิ้นหนึ่งที่เต็มไปด้วยกฎความตายก็เป็นได้

เซียวจื่อเจี้ยนส่งเสียงฮึในลำคอ “คิดอยากจะครอบครองไส้กระบี่พรสวรรค์ของข้า ดูท่าตาเฒ่าประหลาดตวนมู่คงจะเพียรพยายามเพื่อเจ้าสำนักน้อยไปไม่น้อยเลย”

เห็นได้ชัดเจน เจ้าสำนักน้อยตวนมู่เดินอยู่เส้นทางของกฎความตาย สามารถฝึกตนด้วยกฎชั้นยอดเช่นนี้จนบรรลุแดนเทพมาร ก็สามารถมองออกได้ว่าพรสวรรค์ของเขานั้นไม่ธรรมดา

ฝึกตนกฎความตาย หากได้รับไส้กระบี่พรสวรรค์ที่มีกฎAttrชนิดเดียวกันมาเพิ่ม ย่อมเป็นเหมือนเสือติดปีก พลังเพิ่มสูงขึ้นมหาศาล

“แต่ว่าไส้กระบี่พรสวรรค์ของข้านั้นล้ำค่ายิ่ง เจ้าเขาปีศาจนรกจะนำสิ่งใดออกมาเดิมพัน?” เซียวจื่อเจี้ยนยิ้มเยือกเย็น

ความจริงแล้ว เรื่องที่ซิวหลัวจะสามารถเอาชนะเจ้าสำนักน้อยตวนมู่ได้หรือไม่นั้น เซียวจื่อเจี้ยนก็ยังไม่ได้วางใจ ถึงกระทั่งไม่ได้คาดหวังสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย

แต่ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่จ้องมองมา มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงฝืนต่อไปเท่านั้น

ไส้กระบี่พรสวรรค์มีศักยภาพที่จะเติบโตเป็นอัญเทพฟ้า ภายในโลกาอสูรฟ้า เรียกได้ว่าไม่มีสมบัติล้ำค่ามากนักที่จะสามารถเทียบเคียงได้

แต่ในฐานะผู้แข็งแกร่งแดนเทพฟ้าต่างก็รู้ดีว่า หากต้องการต้องการยกระดับสมบัติให้เป็นอัญเทพฟ้าเป็นเรื่องที่ยากลำบากเพียงใด ดังนั้นมูลค่าของไส้กระบี่พรสวรรค์ อย่างมากก็เทียบเท่าได้กับอาวุธเทพฟ้าชิ้นหนึ่งเท่านั้น

“เกล็ดมังกรครามยักษ์เป็นอย่างไร?”

ตาเฒ่าประหลาดตวนมู่พลิกมือแล้วหยิบกล่องหยกที่ประณีตละเอียดอ่อนออกมา เมื่อเปิดออก ด้านในมีเกล็ดสีเขียวทองอยู่สามชิ้น มองด้วยตาเกล็ดทุกชิ้นมีขนาดใหญ่ราว ๆ หนึ่งฝ่ามือเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงเป็นเพราะในกล่องหยกนั้นมีการสร้างตัวต้องห้ามเอาไว้ ขนาดของเกล็ดมังกรครามยักษ์ใหญ่มาก อย่างน้อยก็มีขนาดหลายร้อยตารางเมตร

ภายในโลกาอสูรฟ้าไม่มีมังกรครามยักษ์ ว่ากันว่าเกล็ดมังกรครามยักษ์สามชิ้นนี้ คือหนึ่งในสมบัติที่ราชาเทพแห่งเผ่าปีศาจในสมัยโบราณทิ้งเอาไว้ตอนที่เปิดโลกาอสูรฟ้า เมื่อแสนปีก่อน กองกำลังใหญ่ต่าง ๆ ของโลกาอสูรฟ้าได้เปิดใช้งานแดนปริศนาแห่งหนึ่ง ได้รับสมบัติมากมายมหาศาลจากในนั้น เกล็ดมังกรครามยักษ์ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

วินาทีที่หลัวซิวได้เห็นเกล็ดมังกรครามยักษ์ ก็สัมผัสได้ถึงการตอบสนองเล็กน้อยของปีกเทพดาราไร้มลทินที่รวมเข้ากับร่างของเขา

ในม้วนหยกที่อาจารย์เสวียนหวงให้เขามามีบันทึกไว้ถึงวิธีการยกระดับของปีกทิพย์ไร้มลทิน แต่บันทึกในม้วนหยกกลับไม่ได้ลงรายละเอียดจนจบ อีกทั้งยังไม่ได้เอ่ยถึงเกล็ดมังกรครามยักษ์อีกด้วย

แต่แรงสั่นสะเทือนจากปีกเทพดาราไร้มลทิน กลับทำให้หลัวซิวเข้าใจ เกล็ดมังกรครามยักษ์คือสมบัติที่สามารถทำให้ปีกเทพดาราพัฒนาการได้!

“นี่เป็นเกล็ดมังกรของผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวนภาแห่งเผ่ามังกร มังกรทุกตัวจะมีเกล็ดมังกรเพียงแค่สามชิ้นเท่านั้น ใช้เพื่อกลั่นแปรอัญเทพฟ้าได้มากมาย มูลค่านั้นยังมากกว่าไส้กระบี่พรสวรรค์ของเจ้าเสียอีก!” ตาเฒ่าประหลาดตวนมู่พูดด้วยความภาคภูมิใจ