ตอนที่ 1,314 เอาชนะ

แข็งแกร่ง

ดุดัน

นั่นคือคำจำกัดความในคำพูดของเจี๋ยนเซียวเหยา

พานตั่วชิงแสยะยิ้ม หัวเราะเยาะตอบกลับไป “เจ้านี่มันไม่รู้จักฟ้าต่ำแผ่นดินสูงเสียแล้ว เจ้าคิดหรือว่า…”

พูดยังไม่ทันจบประโยค

วูบ!

คมกระบี่ก็สาดประกายวูบ

เป็นหลินเป่ยเฉินลงมือโจมตีแล้ว

กระบวนท่ากระบี่ที่หก

โจมตีในระยะประชิดตัว

นี่คือกระบวนท่าที่ช่วยชีวิตหลินเป่ยเฉินมานับครั้งไม่ถ้วน

“รนหาที่ตายนัก”

พานตั่วชิงระเบิดเสียงคำราม

เพราะเขาเองก็เตรียมรับมืออยู่เช่นกัน

แสงตะวันระเบิดออกมาจากร่างกายของพานตั่วชิง

หลังจากนั้น ทุกคนก็ได้เห็นชุดเกราะเป็นประกายแวววาวครอบคลุมทั่วจุดสำคัญบนร่างกายของพานตั่วชิงและแสงสว่างจากชุดเกราะนี้ก็ทำให้พานตั่วชิงแทบไม่ต่างไปจากดวงอาทิตย์ขนาดย่อม

“ยโสโอหังเหลือเกิน”

พานตั่วชิงระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หอกแห่งตะวันปรากฏอยู่ในมือ เขาเชิดศีรษะขึ้นสูง มวลอากาศปั่นป่วน แสงตะวันจากชุดเกราะครอบคลุมทั่วห้องโถงใหญ่ “กล้าทำร้ายผู้คนกลางงานเลี้ยงเบิกฟ้า… นี่สิถึงจะเป็นความผิดที่ให้อภัยไม่ได้ ฮ่า ๆๆ วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า ไม่ว่าผู้ใดก็มาขัดขวางไม่ได้”

เคร้ง!

กระบี่เพลิงโลกันตร์และหอกแห่งตะวันปะทะกัน

เปลวไฟและแสงตะวันสาดประกาย

ห้องโถงใหญ่เกิดแรงสั่นสะเทือน

ทุกผู้คนต่างก็รีบถอยหลังหนี

ไม่ว่าจะเป็นเจี๋ยนเซียวเหยาหรือพานตั่วชิงพวกเขาต่างก็เป็นดาวเด่นในการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่ ระดับพลังย่อมมีความแข็งแกร่งกว่าผู้เข้าแข่งขันทั่วไป หลายคนเกรงว่าหากตนเองได้รับลูกหลงจากการต่อสู้ของบุรุษหนุ่มคู่นี้ ก็คงมีหวังได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว

อาวุธสั่นไหว

ทันใดนั้น

เงาร่างของหลินเป่ยเฉินกับพานตั่วชิงก็พัวพันกัน

“ตายซะเถอะ”

หลินเป่ยเฉินโจมตีต่อเนื่องด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่งถึงกระบวนท่ากระบี่ที่เจ็ด เงากระบี่ของเขาครอบคลุมใส่พานตั่วชิงด้วยความหนักหน่วงรุนแรง

ในห้องโถงใหญ่ได้ยินแต่เสียงคมกระบี่ตัดผ่านอากาศ

“ฮ่า ๆๆ ยังไม่พอ ยังไม่พอ ยังไม่พอ”

พานตั่วชิงระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ

หอกแห่งตะวันในมือสะบัดวูบ แล้วเขาก็แสดงวิชายุทธ์ประจำเผ่าเทพแห่งตะวันออกมา

เงาหอกแผ่ครอบคลุมเงากระบี่ เกิดเป็นพลังกดดันมหาศาลรุนแรง

ทุกการโจมตีของหลินเป่ยเฉิน พานตั่วชิงสามารถรับมือได้ไม่มีปัญหา

เงาร่างของสองบุรุษหนุ่มเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง เปลี่ยนตำแหน่งฉับไว เลือนลางหายไปในอากาศ

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

การต่อสู้ของพวกเขาทำให้มวลอากาศในห้องโถงใหญ่ระเบิดตัวเป็นระยะ

กลุ่มคนดูรีบถอยหลังห่างออกมาอีกครั้ง

“ทั้งสองคนแข็งแกร่งจนน่ากลัวจริง ๆ”

“พานตั่วชิงเป็นนักรบเทวะที่เผ่าเทพแห่งตะวันฝึกฝนมาหลายปี เดิมทีมีภาพลักษณ์แข็งแกร่งเทียมฟ้า แต่เมื่อได้เห็นการต่อสู้ของเขาด้วยตาตนเองเช่นนี้ ข้าก็รู้แล้วว่าข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับฝีมือของเขา ล้วนเป็นความจริงทุกประการ…”

“ว่าแต่เจี๋ยนเซียวเหยาเป็นใครมาจากไหนกันแน่ เขาปรากฏตัวอย่างไม่มีที่มาที่ไป เหตุไฉนถึงได้แข็งแกร่งเพียงนี้?”

“ข้าว่าพวกเขาสองคนสู้กันสองวันสองคืนก็ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะหรอก”

หลากหลายความคิดกล่าวออกมาจากปากของกลุ่มผู้เข้าแข่งขัน

ระหว่างที่พวกเขารับชมความแข็งแกร่งของพานตั่วชิง ทุกคนก็อดเหงื่อตกแทนเจี๋ยนเซียวเหยาไม่ได้

ในดินแดนทวยเทพ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะได้รับความเคารพ แต่แข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวยังไม่พอ บุคคลผู้นั้นจำเป็นต้องมีปูมหลังอันยิ่งใหญ่อีกด้วย

มิเช่นนั้นแล้วก็จะต้องพบกับจุดจบที่น่าอนาถนัก

บัดนี้ เจี๋ยนเซียวเหยาอาจมีความแข็งแกร่งเท่าเทียมกับพานตั่วชิง

แต่ปูมหลังของเขาเล่า?

ดูเหมือนจะแตกต่างกันมากเกินไป

“ฮ่า ๆๆ เจี๋ยนเซียวเหยา เจ้าทำให้ข้าผิดหวังแล้ว”

พานตั่วชิงร่ายรำกระบวนท่าคมหอกแห่งสงคราม แสงตะวันเจิดจรัส หัวเราะออกมาด้วยความสะใจ “เจ้าว่าจะฆ่าข้าไม่ใช่หรือ? มีฝีมือเพียงเท่านี้ยังห่างไกลนัก”

หลินเป่ยเฉินเร่งความเร็วกระบี่ของตนเองมากขึ้น

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

เขาโจมตีอีกหลายกระบวนท่า

พานตั่วชิงโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ทั่วร่างกาย แล้วชุดเกราะทองคำก็ยิงม่านพลังออกมาคุ้มกันการโจมตี

และทุกกระบวนท่าของกระบี่เพลิงโลกันตร์ หอกแห่งตะวันก็สามารถต้านรับได้อย่างทันท่วงที

“อ่อนหัดเกินไป อ่อนหัดเกินไป อ่อนหัดเกินไป เจี๋ยนเซียวเหยา เจ้าอ่อนหัดเกินไปแล้ว”

พานตั่วชิงยังคงหัวเราะเยาะเย้ยหยันต่อเนื่อง “กระบี่ในมือเจ้า ไม่สามารถทะลวงม่านพลังของข้าเข้ามาได้หรอก…”

เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย

“อ่อนหัดเกินไปใช่หรือไม่?”

รอยยิ้มอย่างผู้ชนะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเป่ยเฉิน

เปรี้ยง!

เขากระแทกกำปั้นออกมาข้างหน้า

เป็นการต่อยหมัดอย่างกะทันหัน

กำปั้นลุกเป็นไฟ

พลั่ก!

กำปั้นนั้นทะลวงเข้าใส่ท้องน้อยของพานตั่วชิง

ด้วยแรงกระแทกมหาศาล

“ฟู่… เจ้า…”

พานตั่วชิงถูกชกเข้าท้องน้อยจนตัวงอ โลหิตไหลทะลักออกจากปาก

เคร้ง!

หอกแห่งตะวันร่วงหล่นกระทบพื้นหิน

ร่างของพานตั่วชิงงอเป็นกุ้งแห้ง โลหิตไหลทะลักออกปากออกจมูกไม่หยุด…

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ

ชุดเกราะทองคำที่สวมใส่เริ่มเกิดรอยแตกร้าว

โดยเฉพาะแผ่นเกราะบริเวณหน้าท้อง ถึงกับแตกร่วงหล่นลงมาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

การต่อสู้อันดุเดือดคล้ายกับมีคนกดปุ่มหยุดชั่วคราวอย่างไม่มีสัญญาณเตือน

หรือบางทีอาจจะเป็นการกดปุ่มปิดฉากการต่อสู้ก็เป็นได้

บรรดาผู้รับชมยังไม่ทันได้ตั้งตัว

หืม…

เกิดอะไรขึ้น?

หลายคนมีสีหน้าว่างเปล่า

ติ๋ง! ติ๋ง! ติ๋ง!

โลหิตไหลหยดจากปากและจมูกของพานตั่วชิงตกลงบนพื้นหิน

“ไม่… เป็นไปไม่ได้ เจ้า…”

พานตั่วชิงใบหน้าบิดเบี้ยว เส้นเลือดจำนวนมากปูดโปนขึ้นมาราวกับเป็นอสรพิษเขียวตัวน้อย หมัดทมิฬเมื่อสักครู่นี้ทำให้พลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของเขากระจายหายไป พานตั่วชิงจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความไม่อยากเชื่อ กล่าวด้วยเสียงที่แหบแห้งว่า “มะ… หมัดนี้… เหตุไฉน… จึงได้มีพลัง…”

พลั่ก!

หลินเป่ยเฉินตอบคำถามด้วยการเตะตัดขา

เมื่อพานตั่วชิงล้มลงไปแล้ว หลินเป่ยเฉินก็กระแทกส้นเท้าลงไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย ส่งผลให้ศีรษะของพานตั่วชิงจมหายลงไปในพื้นหิน

เปรี๊ยะ!

พื้นหินขาวเกิดรอยแตกร้าวเป็นใยแมงมุมขนาดใหญ่ โดยที่มีจุดศูนย์กลางมาจากศีรษะของพานตั่วชิง

“ใช่ยังอ่อนหัดเกินไปอีกหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ไม่ทราบบัดนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

ระหว่างที่พูดมาถึงตรงนี้ กำปั้นซ้ายของเขาก็สวมถุงมือทองคำที่สาดประกายแวววาวสะดุดตาผู้คน

ย่อมต้องเป็นถุงมือของเทพเจ้าแห่งแดนรกร้าง

หมัดทมิฬของเขาเมื่อสักครู่ หลินเป่ยเฉินโจมตีออกไปด้วยถุงมือข้างนี้

สมควรแล้วที่เป็นของขวัญจากใต้เท้ากั้ว

เพียงหมัดเดียวเท่านั้น พานตั่วชิงก็ถึงกับลงไปนอนกองเรียบร้อยแล้ว

“ข้าจะขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะมอบศิลาเทวะออกมาหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินก้มหน้าลงไปถาม

“เจ้า… แค่ก ๆๆ …เก่งจริงเจ้าก็ฆ่าข้าสิ เจ้ากล้าหรือไม่?”

พานตั่วชิงแสยะยิ้ม ท้าทายกลับมาด้วยความบ้าระห่ำ

“ประเสริฐ ถือว่ามีอุดมการณ์หนักแน่น”

หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะ

ปลายกระบี่เพลิงโลกันตร์จี้ลงไปที่หน้าอกของพานตั่วชิง…

พร้อมกับมวลพลังกดดันมหาศาล

จึก จึก

คมกระบี่สอดผ่านรอยแตกร้าวบนชุดเกราะทองคำ แทงลึกลงไปบนหน้าอกของพานตั่วชิงอย่างช้า ๆ

“หยุดมือ!”

ในที่สุด ใต้เท้าหมิงรั่วผู้ยืนรับชมเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบก็คำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น “เจี๋ยนเซียวเหยา เจ้าจะหยุดหรือไม่? เจ้ารู้ไหมว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่?”

“หึหึ อย่าได้มาข่มขู่ข้าเลยจะดีกว่า”

หลินเป่ยเฉินหันหน้าไปพูดเสียงแข็งกระด้าง “บุคคลที่ห้าวหาญเช่นข้า มิกลัวกับคำขู่ของท่านหรอก และขอเตือนนะว่าหากท่านเสียงดังมากเกินไป ข้าอาจจะตกใจจนมือลั่น แทงกระบี่ทะลุหัวใจเจ้าหน้าโง่พานตั่วชิงขึ้นมาจริง ๆ ก็เป็นได้”