ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 117 หนองน้ำโลหิต

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​พอได้​ยิน​คำ​นี้​ ​ผู้คน​ก็​อึ้ง​ไป​สักพัก​ ​ค่อย​เข้าใจ​ว่าที่​แท้​ท่าน​ปู่​ถัง​มีความสุข​มาก​จริงๆ​ ​จึง​รีบ​แยกย้าย​กัน​ไป​ทำงาน​ของ​ตน

​“​ท่าน​พ่อ​ ​ขอ​ท่าน​ตรึกตรอง​ให้​ถ้วนถี่​!​”

​ท่าน​ลุง​ถัง​ก็​อยู่​ใน​ขบวนรถ​ขนส่ง​เสบียง​ด้วย​ ​เขา​พยายาม​ปราม​พลาง​พยุง​แขน​ของ​ท่าน​ปู่​ถัง

​ขบวน​ขนส่ง​เสบียง​ที่​ยาวเหยียด​เช่นนี้​ ​ถ้า​ต้อง​เคลื่อน​ผ่าน​ยอดเขานั​่​วรื​่อ​หลั่ง​ตลอดทั้ง​คืน​ ​แล้วยัง​ต้อง​ไป​ช่องเขา​ซิงซิง​ต่อ​ ​ใน​มุมมอง​ทางทหาร​แล้ว​ ​ค่อนข้าง​เสี่ยงอันตราย​จริงๆ

​พอท​่าน​ปู่​ถัง​ได้ยิน​ ​ก็​ไม่พอใจ​อยู่​บ้าง​ ​ทว่า​ผ่าน​ไป​สักพัก​ ​ก็​หันหลัง​กลับ

​เขามอง​ท้องทุ่ง​รกร้าง​และ​เทือกเขา​ที่อยู่​ด้านหน้า​ ​ราวกับ​เห็น​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ที่อยู่​ห่าง​ออก​ไป​นับ​พัน​ลี้​ ​พลาง​น้ำตาไหล

​“​ก็​จริง​ ​รอมา​หนึ่ง​พันปี​แล้ว​ ​รอ​อีก​สักวัน​จะ​เป็นไร​ไป​”

​……

​……

​ยิ่ง​รอนาน​ ​ก็​ยิ่ง​ร้อนใจ​ ​แต่​ถ้า​กินเวลา​นาน​ถึง​พันปี​จริงๆ​ ​เช่นนั้น​ความอดทน​ของ​ผู้คน​ก็​เพิ่มมากขึ้น

​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​ใน​ตอนนี้​ ​ดู​ไป​แล้ว​มี​ความอดทน​มาก​ทีเดียว​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็นการ​ถอยทัพ​อย่าง​ฉับพลัน​ของกอง​ทัพ​เผ่า​มาร​ ​หรือ​นักรบ​ต่าง​ชน​เผ่า​นับ​แสน​จู่โจม​อย่างกะทันหัน​ ​ก็​ล้วน​ไม่มีทาง​ทำให้​แนวรบ​ของกอง​ทัพ​เผ่า​มนุษย์​สั่นคลอน​แม้แต่น้อย​ ​และ​ดูเหมือน​ไม่มี​เจตนา​ที่จะ​บุก​โจมตี​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า

​“​พอ​เห็น​เกา​ฮวน​ตาย​ ​ข้า​ก็​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​ตนเอง​ก็​อาจ​ตาย​ได้​ ​จึง​ต้อง​ระวัง​ให้​ดี​”

​ท่าน​ปู่​ถัง​มอง​ไป​ทาง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไป​พลาง​ว่า​ ​“​ข้า​ต้อง​เห็นภาพ​เมือง​แตก​กับ​ตา​ให้​ได้​ ​จึง​ไม่ต้องการ​ให้​เกิด​ความผิดพลาด​ใดๆ​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​เอ่ย​ ​“​มี​คน​มากมาย​ที่​อยาก​เห็นภาพ​นี้​กับ​ตา​”

​ท่าน​ปู่​ถัง​รับ​ชาร้อน​มา​ ​แล้ว​พยักหน้า​ชมเชย​สวี​โหย​่ว​หรง

​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์​ชงชา​ด้วยตัวเอง​ ​มอง​ไป​ใน​โลก​นี้​ ​น่าจะ​มี​เพียง​ท่าน​ปู่​ถัง​ที่​ได้รับ​การปรนนิบัติ​เช่นนี้​

​สวี​โหย​่ว​หรง​รู้​ว่า​เฉิน​ฉาง​เซิง​กำลังจะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​ที่​ไม่​สะดวก​หูกั​บท​่าน​ปู่​ถัง​ ​จึง​ยิ้มน้อย​ๆ​ ​แล้ว​ออกจาก​กระโจม​ไป

​ใน​กระโจม​เงียบสงบ​ยิ่ง​ ​และ​คง​ความ​เงียบ​ไป​อีก​พักใหญ่​ ​กระทั่ง​ควัน​ของ​ชาร้อน​ใน​ถ้วย​ค่อยๆ​ ​หมด​ไป

​“​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​ไม่ได้​ป่วย​ ​แต่​ถูก​พิษ​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​มอง​ตา​ท่าน​ปู่​ถัง​พลาง​ว่า​ ​“​ใต้เท้า​สังฆราช​สายตา​แหลมคม​ ​ย่อม​ดู​ไม่ผิด​ ​พิษ​นั้น​มีผล​ไม่​มาก​ ​เพียง​ทำให้​เขา​ไข้​ขึ้น​สูง​ไม่​ลด​”

​ท่าน​ปู่​ถัง​ไม่มี​เจตนา​ปิดบัง​อะไร​ ​ยอมรับ​ความจริง​หน้าตาเฉย​ ​“​บ้าน​สกุล​ถัง​จำเป็นต้อง​ให้​เขา​มีชีวิต​อยู่​”

​ที่​เขา​ยอมรับ​ ​เพราะ​เฉิน​ฉาง​เซิง​เดา​ความจริง​ใน​เรื่อง​นี้​ถูก​ ​แต่​ไม่ได้​พูด​ออกมา​ทันที​ ​และ​หมายความว่า​จะ​ไม่​พูด​ตลอดไป

​ท่าน​ปู่​ถัง​ออกจาก​กระโจม​ ​เดิน​ไป​ทาง​ทิศ​ที่ตั้ง​ของ​ภูเขา​ลูก​เล็ก​ที่อยู่​ห่าง​ออก​ไป

​สวี​โหย​่ว​หร​งก​ลับ​เข้าไป​ใน​กระโจม​

​วันนั้น​นาง​ไม่ได้​ถาม​ ​วันนี้​ก็​ไม่มีทาง​ถาม​ ​ทว่า​เฉิน​ฉาง​เซิง​รู้สึก​ว่า​ตนเอง​ควร​พูด​อะไร​บ้าง​ ​แต่กลับ​ไม่รู้​ว่า​จะ​พูด​อย่างไร​ดี

​“​ทุกคน​ล้วน​เห็นแก่ตัว​ ​โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ตอน​เสียสละ​”

​สวี​โหย​่ว​หรง​สรุป​เรื่อง​นี้​ด้วย​คำพูด​ที่​คลุมเครือ​เช่นนี้

​……

​……

​ชน​เผ่า​มาร​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​น่าจะ​รู้​ชะตากรรม​ของกอง​กำลัง​โดดเดี่ยว​ที่​นำ​โดย​เกา​ฮวน​แล้ว​ ​จึง​เริ่ม​ถอย​ออกจาก​แนวรบ​อย่างรวดเร็ว​ ​พล​หมาป่า​เผ่า​มาร​ที่​เข้าร่วม​เป็นกำลัง​รบ​ภายใต้​การคุ​้ม​ครอง​ของกอง​ทัพ​ ​สลัด​หลุด​จาก​การปะทะ​กับ​ทหารม้า​เกราะ​ดำ​อาวุธ​หนัก​และ​กลับ​เข้า​เมือง​ไป​ได้​ ​นักรบ​ต่าง​ชน​เผ่า​สอง​แสน​กว่า​คน​ ​ส่วนน้อย​ถูก​รับ​กลับ​เข้า​เมือง​ ​ส่วนใหญ่​ยัง​เหลืออยู่​นอกเมือง

​สถานการณ์​วุ่นวาย​ค่อยๆ​ ​สงบ​ลง​ ​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​มิได้​ไล่ตาม​ ​ศึก​ชี้​ชะตา​ที่เกิด​ขึ้น​อย่างกะทันหัน​นี้​มองเห็น​ฉาก​จบ​แล้ว​ ​นักรบ​ต่าง​ชน​เผ่า​ยืน​อยู่​ระหว่าง​ประตูเมือง​ที่​ปิด​สนิท​กับ​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​ที่​พร้อม​รบ​เต็มที่​

​แววตา​ของ​พวกเขา​เต็มไปด้วย​ความรู้สึก​ท้อแท้​ ​ท่ามกลาง​กระโจม​ที่​ไม่เป็นระเบียบ​ ​อบอวล​ไป​ด้วย​บรรยากาศ​แห่ง​ความสิ้นหวัง

​ขวัญ​และ​กำลังใจ​ของกอง​ทัพ​เผ่า​มาร​ตกต่ำ​ลง​ไปมาก​ ​แต่​อสูร​ที่​ถูก​กักบริเวณ​ยังคง​ต่อสู้​กัน​อยู่​ ​ซึ่ง​ฝั่ง​มนุษย์​รอ​อีก​สัก​ระยะ​ก็​ยัง​ได้​ ​เชื่อ​ว่า​เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป​ ​สถานการณ์​จะ​ดีขึ้น​ ​โดยเฉพาะ​นักรบ​ต่าง​ชน​เผ่า​ที่อยู่​นอกเมือง​เหล่านั้น​ ​กระทั่ง​อาจ​ไม่​รบ​และ​ล่าถอย​ไป

​ไม่รู้​เพราะเหตุใด​ ​หลังจาก​ได้รับ​รายงาน​ชิ้น​หนึ่ง​ที่​นก​อินทรี​แดง​ส่ง​มา​ ​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​ก็​ใช้เวลา​หนึ่ง​มื้อ​อาหาร​ขบคิด​ ​ก่อน​ออกคำสั่ง​ให้​เพิ่ม​ความแข็ง​แกร่ง​ใน​การบุก​โจมตี​ต่อ​ ​โดย​กองทัพ​เส้น​กลาง​ให้​เริ่ม​กวาดล้าง​นักรบ​ต่าง​ชน​เผ่า​ที่​มีอยู่​ทั่วทั้ง​ภูเขา​ ​ส่วน​กองทัพ​เส้น​ตะวันออก​กับ​กองทัพ​เส้น​ตะวันตก​ถูก​ขอให้​รีบ​ขยับ​เข้ามา​ใกล้

​แม่ทัพ​นายกอง​กับ​พลทหาร​หลาย​นาย​ล้วน​ไม่เข้าใจ​คำสั่ง​ทางทหาร​นี้​ ​แต่​ก็​ปฏิบัติตาม​อย่างรวดเร็ว​ ​เพราะ​ก่อน​คำสั่ง​จะ​ถูก​ประกาศ​ออกมา​ ​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​ได้​ไป​ที่​กระโจม​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​กับ​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​และ​ได้รับ​เสียง​สนับสนุน​จาก​พวกเขา​ ​อีกทั้ง​ซาง​สิง​โจว​ซึ่ง​อยู่​บน​ภูเขา​ลูก​เล็ก​ ​ก็​เงียบ​มาต​ลอด

​……

​……

​ทุกคน​มี​ความทรงจำ​ของ​ตนเอง​ ​คน​นับ​แสน​ก็​มี​ความทรงจำ​นับ​แสน​ ​สำหรับ​ความทรงจำ​ใน​เรื่อง​เดียวกัน​ ​เค้าโครง​คร่าวๆ​ ​อาจ​เหมือนกัน​ ​แต่​รายละเอียด​มัก​มี​ความคลาดเคลื่อน

​โดย​กวน​เฟย​ไป๋​นึก​มาต​ลอด​ว่า​ ​นั่น​เป็น​วันหนึ่ง​ช่วง​กลางเดือน​เก้า​ ​เขา​นอน​อยู่​ใน​กระโจม​ ​กำลัง​รับ​การรักษา​จาก​ขุนนาง​เทพ​ของ​พระราชวัง​หลี​ ​จากนั้น​ก็ได้​ยิน​เสียง​กำแพงเมือง​ถูก​ระเบิด​ห่าง​ออก​ไป​หลาย​สิบ​ลี้​ ​พอ​เลิก​ม่าน​ขึ้น​ดู​ ​ก็​เห็น​ใบไม้​บน​ต้นไม้​ตรง​เนินเขา​ด้านหน้า​ ​เป็น​สีแดง​เหมือน​มี​โลหิต​ซึม​ออกมา​อย่างไร​อย่างนั้น​ ​แต่​ไป๋​ไช​่​ก็​ยืนยัน​ว่า​ ​นั่น​เป็น​วันหนึ่ง​ช่วงต้น​เดือน​เก้า​ ​ป่าไม้​นอกเมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ยัง​เหลือ​ความ​เขียว​สุดท้าย​ให้​เห็น​ ​ส่วน​ใบไม้​สีแดง​ที่​กวน​เฟย​ไป๋​เห็น​เหล่านั้น​ ​เพราะ​ตัว​เขา​เอง​สังหาร​ชน​เผ่า​มาร​มาก​จน​เกินไป​ ​จน​เลือดเข้าตา​ต่างหาก

​ถ้า​ไม่สน​ใจความ​คลาดเคลื่อน​ของ​รายละเอียด​ใน​ความทรงจำ​เหล่านี้​ ​สรุป​ก็​คือ​ ​ใน​วันหนึ่ง​ขณะ​ย่าง​เข้า​ฤดูใบไม้ร่วง​ ​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​ได้​เปิดฉาก​เผด็จศึก​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​อย่าง​ดุเดือด

​โดย​ยิง​ศรแสง​ศักดิ์สิทธิ์​สุดท้าย​เข้าไป​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ดุจ​ห่า​ฝน

​พล​หมาป่า​กอง​หนึ่ง​เตรียม​ออก​นอกเมือง​ไปรั​บนั​กรบ​ต่าง​ชน​เผ่า​ ​แต่กลับ​โชคร้าย​สุด​ๆ​ ​เมื่อ​ถูก​ฝน​ลูกธนู​ห่านี​้​ยิง​ใส่​ ​บาดเจ็บ​ล้มตาย​อย่าง​น่าอนาถ​

​เครื่อง​ยิง​หิน​ประหนึ่ง​ยักษ์​ ​เคลื่อนที่​มาถึง​ท้องทุ่ง​รกร้าง​หน้าเมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​ชน​เผ่า​มาร​ใน​เมือง​เหมือน​เห็น​วิญญาณ​บรรพบุรุษ​สกุล​กู้​ไอที​่​สูงใหญ่​ ​สีหน้า​จึง​ซีด​ขาว​ ​กอง​หิน​ผสม​ดินประสิว​ดุจ​ภูเขาเลากา​ ​ลอย​แหวก​อากาศ​เสียงดัง​หวีดหวิว​ ​วาด​โค้ง​สูง​มาก​ ​แต่​ไม่ได้​ตก​เข้าไป​ใน​เมือง​ ​ได้ยิน​เสียง​ทึบ​ตัน​ ​ก้อนหิน​หลาย​ก้อน​ตกลง​บน​กำแพงเมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​ไม่​สามารถ​สร้าง​ความเสียหาย​โดยตรง​ ​แต่​ได้​กระจาย​เป็น​ฝน​หิน​เต็ม​ท้องฟ้า​ ​ตกลง​บน​พื้นดิน​ ​ทำเอา​นักรบ​ต่าง​ชน​เผ่า​เหล่านั้น​หัว​ร้าง​ข้าง​แตก​เลือด​อาบ​ไป​ตาม​ๆ​ ​กัน

​เมื่อ​การสู้​รบ​ดำเนิน​ถึง​ช่วง​ดุเดือด​สุด​ ​พลัน​มี​กองกำลัง​ของ​ชน​เผ่า​ปีศาจ​สอง​กอง​บุก​เข้า​สังหาร​ชน​เผ่า​มาร​จาก​ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ​…​เป็น​ชน​เผ่า​ปีศาจ​จาก​ค่าย​ผิง​เป่ย​ ​ซึ่ง​หลัง​ออกจาก​ชง​โจว​ ​ก็​เคลื่อนไหว​อยู่​รอบ​บริเวณ​ท้องทุ่ง​รกร้าง​มาต​ลอด​ ​ที่แท้​นั่น​เป็น​เพียง​การ​พราง​ตัว​ของ​กำลัง​เสริม​จาก​เผ่า​ปีศาจ​จริงๆ​ ​โดยอ้อม​ไป​ทาง​ทุ่งหญ้า​ของ​ชน​เผ่า​ซิ่ว​หลิง​ ​ลัดเลาะ​ผ่าน​เทือกเขา​ตะวันตก​ชั้น​แล้ว​ชั้น​เล่า​ ​ก่อน​เข้าใกล้​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​อย่างไร​้​สุ้มเสียง​ภายใต้​การคุ​้ม​ครอง​ของกอง​ทัพ​เส้น​ตะวันตก​ ​เพียง​เพื่อ​จู่โจม​ให้​ชน​เผ่า​มารถึง​แก่​ชีวิต​ใน​ช่วงเวลา​ที่​สำคัญ​สุด

​พอก​อง​ทัพ​เผ่า​มาร​เจอ​กับ​ศัตรู​ที่​แข็งแกร่ง​อีก​ ​ขวัญ​และ​กำลังใจ​ก็​พังทลาย​ลง​ ​ชน​เผ่า​มาร​ต่างๆ​ ​ยิ่ง​มาก​็​ยิ่ง​แตก​กระจาย​ ​หนี​ตาย​ไป​ทุก​ทิศ​ทุก​ทาง

​อาทิตย์​อัสดง​ย้อม​ทั่วทั้ง​ทุ่งหญ้า​จน​แดงฉาน​ ​เนื่องจาก​ต้องการ​กู้​คลื่น​แห่ง​ความวุ่นวาย​ให้​คืน​กลับ​ ​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มารถึ​งกับ​เสี่ยงอันตราย​ ​แฝงตัว​เข้าไป​ใน​ค่าย​ใหญ่​ของกอง​ทัพ​ ​เป้าหมาย​คือ​ ​สังหาร​บุคคล​สำคัญ​อย่าง​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​เพื่อ​เปลี่ยน​สถานการณ์​ใน​สนามรบ​ ​หรือ​พูด​ได้​ว่า​ ​ชะลอ​ความพ่ายแพ้​ของ​ชน​เผ่า​มาร​ลง​ชั่วคราว

​ด้าน​ใต้​ของ​เมือง​มี​หนองน้ำ​แห่งหนึ​่ง​ ​หมอก​หนา​ชนิด​ลม​พัด​ไม่​กระจาย​ ​แสงสี​แดงสด​ของ​อาทิตย์​อัสดง​ไม่​สามารถ​ลอดผ่าน​ ​หวังผ​้​อรอ​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​อยู่​ที่นี่​มานาน​หลาย​วัน​แล้ว

​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​กะ​ฉวยโอกาส​ช่วง​ที่​พล​หมาป่า​นับ​ร้อย​บุก​แบบ​ฆ่าตัวตาย​เข้าไป​ ​แฝงตัว​เข้าไป​ใน​ค่าย​ใหญ่​ขณะ​พื้นดิน​เต็มไปด้วย​โลหิต​และ​ซากศพ​ ​แต่ก่อน​ที่​เขา​จะ​ทำ​เช่นนี้​ ​หวังผ​้​อก​็​ชักดาบ​ออกมา

​แสง​อัน​เจิดจ้า​ของ​ดาบ​ฟัน​หมอก​หนาบน​หนองน้ำ​กระจาย​ ​ส่องสว่าง​ทั่ว​ฟ้า​และ​ดิน

​หวังผ​้​อมิ​ได้​ลอบกัด​ ​กระทำการ​อย่าง​สง่าผ่าเผย

​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​มองดู​ค่าย​ใหญ่​ที่อยู่​ตรงหน้า​ ​แววตา​แสดง​ความรู้สึก​เสียดาย​ออกมา

​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​กำลัง​เคลื่อน​พล​มุ่งหน้า​ไป​ยัง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​ตำแหน่งที่ตั้ง​ของ​ค่าย​ใหญ่​ก็​เคลื่อน​ไป​ข้างหน้า​นับ​สิบ​ลี้

​เห็น​ร่าง​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​กับ​สวี​โหย​่ว​หรง​ได้​อย่างชัดเจน

​“อ​๊า​กกก​!​”

​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​ส่งเสียง​ร้อง​อย่าง​โกรธแค้น​และ​ไม่​ยินยอม

​ซากศพ​พลทหาร​เผ่า​มนุษย์​และ​เผ่า​มาร​ที่อยู่​รอบ​ๆ​ ​ทยอย​กัน​ระเบิด​ออก​ ​ฝน​โลหิต​ตกลง​มา​ห่า​หนึ่ง

​โลหิต​ไหล​ออกจาก​ชุด​เกราะ​ของ​เขา​ ​ย้อมสี​เขียว​ของ​สนิม​สำริด​และ​อัญมณี​ที่​วาววับ​ ​เปล่ง​ความโหดร้าย​และ​บ้าคลั่ง​ออกมา

​เขา​หัน​กาย​ ​หยิบ​ดาบ​เล่ม​ใหญ่​เบ้อเริ่มเทิ่ม​ออกจาก​แผ่น​หลัง​ ​รับ​แสง​อัน​เจิดจ้า​ของ​ดาบ​เล่ม​นั้น

​เสียงดัง​ เปรี๊ยะ ​บน​ทุ่งหญ้า​ปรากฏ​รอยแตก​ยาว​หลาย​ลี้​ ​ใน​นั้น​คลับคล้าย​มีน​้ำ​พุ​ใต้ดิน​และ​หิน​หลอมเหลว

​ร่าง​ของ​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​โงนเงน​เล็กน้อย​ ​ก่อน​ยืนมั่น​ได้​อย่างรวดเร็ว

​ร่าง​เล็ก​ของ​เขา​ ​สูงใหญ่​สุด​จะ​เปรียบ​ใน​สายตา​ผู้คน

​เขา​ถือ​ดาบ​ยาว​ ​พุ่ง​เข้าหา​หนองน้ำ​นั่น

​พื้นดิน​สั่นสะเทือน​ ​ลมหนาว​กระจาย​ ​หมอก​หนา​ถูก​ตัดขาด​

​ดาบ​ที่​แข็งแกร่ง​สุด​ใน​โลก​สอง​เล่ม​ปะทะ​กัน​อีกครั้ง

​เจตจำนง​ที่​น่ากลัว​ของ​ดาบ​ทำให้​หมอก​หนา​ปั่นป่วน​ ​ราวกับ​พายุหมุน​ ​พริบตาเดียว​ก็​ปลิว​ออก​ไป​จน​หมดเกลี้ยง

​ผู้คน​นับ​แสน​บน​ท้องทุ่ง​รกร้าง​ล้วน​เห็นภาพ​ของ​หนองน้ำ​อย่างชัดเจน

​หนองน้ำ​สีดำ​เฉอะแฉะ​อ่อนนิ่ม​ไร้​ที่​เปรียบ​ ​ร่าง​ทั้งสอง​เคลื่อนที่​ด้วย​ความเร็ว​สูง​ ​จน​มองเห็น​ไม่ชัด

​แสงสว่าง​จาก​ดาบ​ทั้งสอง​เล่ม​ส่องสว่าง​ฟ้า​ดิน​เป็นระยะ​ ​โคลน​สีดำ​ปลิว​ว่อน​ท้องฟ้า

​ความจริง​ใน​หนองน้ำ​ที่​ถูก​ปกปิด​มานาน​หลาย​ปี​ ​ค่อยๆ​ ​ปรากฏ​ขึ้น​ ​ใน​นั้น​มี​กระดูก​ขาว​มากมาย​ ​มี​หีบ​สมบัติ​สะสม​เหรียญทอง​คำ​ ​ยัง​มี​ห้อง​ลับ​หลาย​ห้อง

​เหล่านี้​น่าจะเป็น​ประวัติศาสตร์​ที่​ถูก​ลืม​ ​เหล่านี้​น่าจะเป็น​อดีต​ที่​กลายเป็น​เรื่องราว​ใน​หนังสือ​ ​ซึ่ง​ถูก​ดาบ​ที่​แข็งแกร่ง​ทั้งสอง​เล่ม​ฟัน​จน​ขาดวิ่น

​ขณะ​สุดยอด​พลัง​อยู่​ตรงหน้า​ ​ทุกสิ่ง​ล้วน​เปลี่ยนเป็น​ไร้​ซึ่ง​ความหมาย

​เสียง​ ตูม​ ดังสนั่น​ ​ดาบ​โลหะ​ของ​หวังผ​้​อกั​บดาบ​ใหญ่​ของ​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​ปะทะ​กัน​ซึ่ง​ๆ​ ​หน้า

​น้ำ​ทั้งหมด​ใน​หนองน้ำ​ถูก​กระแทก​จน​กระเด็น​ขึ้น​สู่​ท้องฟ้า​ ​กลายเป็น​ฝน​โคลน​ ​ดินดำ​ที่​เฉอะแฉะ​อ่อนนิ่ม​ก็​ถูก​ยกตัว​ขึ้น​ ​แล้ว​ตกลง​บน​พื้นดิน​ใน​รัศมี​หลาย​สิบ​ลี้​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็น​พลทหาร​เผ่า​มาร​ ​หรือ​พลทหาร​เผ่า​มนุษย์​ ​ล้วน​ถูก​น้ำ​และ​โคลน​รด​เต็มใบ​หน้า​และ​ศีรษะ​ ​โชย​กลิ่น​เหม็น​ไป​ทั่ว

​บน​ทุ่งหญ้า​ปรากฏ​ร่อง​ลึก​ยาว​สิบ​กว่า​ลี้​

​หวังผ​้อ​ยืน​อยู่​ตรง​หัวร่อง​ ​ครึ่ง​ร่าง​ฝัง​อยู่​ใน​ดิน

​ใบหน้า​เขา​ซีด​ขาว​ ​มุม​ปาก​มี​โลหิต​ไหล​ออก​เป็น​สอง​สาย​ ​มือ​ที่จับ​ดาบ​โลหะ​สั่น​น้อย​ๆ​ ​ตัว​ดาบ​มี​รอย​บิ่น​เพิ่มขึ้น​อีก​หนึ่ง​รอย

​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​ก็​ไม่ได้​มีส​ภาพ​ที่​ดี​ไป​กว่า​กัน​เท่าไหร่​ ​บน​ท้องฟ้า​เกิด​เส้น​สีขาว​ขึ้น​เส้น​หนึ่ง​ ​เขา​ชน​เข้ากับ​กำแพงเมือง​เสวี​่ย​เหล่า​อย่าง​จัง

​พลทหาร​เผ่า​มาร​ทั้งหมด​บน​กำแพงเมือง​ล้วน​ได้ยิน​เสียงดัง​ลั่น​ ​และ​รู้สึก​ได้​ถึง​แรง​สั่นสะเทือน

​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​กระอัก​โลหิต​ออกมา​คำ​หนึ่ง​ ​ชีพจร​ดีขึ้น​เล็กน้อย​ ​ขณะ​จะ​เหาะ​กลับ​ขึ้น​ด้านบน​กำแพงเมือง​ ​เงา​ร่าง​สาย​หนึ่ง​พลัน​ทาบ​ลง​บน​ใบหน้า​เขา

​เงา​ร่าง​สาย​นี้​มาจาก​ว่าว​ยักษ์​ตัว​หนึ่ง

​ภายใต้​แสงอาทิตย์​ใน​แนว​เฉียง​ ​ว่าว​ตัว​นั้น​คล้าย​กำลัง​ไหม้​ไฟ

​ซึ่ง​เข้ากันได้ดี​กับ​รูป​ใน​ภาพ​ที่​แขวน​อยู่​ใต้​ว่าว​ตัว​นั้น

​นอกจาก​ภาพ​ที่​ชื่อว่า​ ​ไฟไหม้​วัด​มหายาน​แล้ว​ ​ด้านล่าง​ของ​ว่าว​ยัง​มี​คน​ผู้​หนึ่ง​ผูก​ติด​อยู่

​ลม​พัด​กระดาษสี​ขาว​เสียงดังพึ่บพั​่บ

​เซียว​จาง​กำลังจะ​กระโดด​ลง​บน​กำแพงเมือง​ ​ใน​มือจับ​ทวนน้ำ​ค้าง​เทพ​ ​ปาก​ก็​ส่งเสียง​แปลก​ๆ​ ​ออกมา

​“ย​๊า​กกก​”