“จากที่ข้าดู รั่วอู่นั่นก็ไม่ธรรมดา”
เจ้าคางคกพลันเอ่ยขึ้น ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เมื่อสักครู่ มีคนกล่าวว่าหญิงผู้นี้ครอบครองโลงศพน้ำแข็งแผนที่ดาวอันเร้นลับ สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจจากเจ้าคางคก
“วิหคชาดเลือดบริสุทธิ์ เมื่อครั้งบรรพกาลสามารถจัดอยู่ในกลุ่มเผ่าพันธุ์ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นเดียวกับพวกมังกรเจินหลง หงส์เซียน เสือขาว เต่าดำเหล่านี้ หากหญิงผู้นี้มีที่มาตามที่กล่าว แน่นอนว่าต้องน่าทึ่ง”
นกทมิฬกล่าวแสดงความคิดเห็น
ด้านหลินสวินกลับนึกขึ้นได้ ว่าตอนข้ามแม่น้ำพรมแดนครั้งแรก เพื่อช่วงชิง ‘แหล่งกำเนิดวิญญาณ’ มาครอบครอง เคยเห็นหมียักษ์สีขาวเงินและตะพาบมังกรตัวหนึ่งมาก่อน
ขณะนั้นบนหลังตะพาบมังกรแบกโลงศพน้ำแข็งไว้ มีความยาวหนึ่งจั้ง ตัวโลงศพรายล้อมไปด้วยแสงดาราผุดผ่องเป็นสายๆ สลักเป็นลวดลายบุปผาปักษามัจฉาแมลง สุริยันจันทราภูผาธารา การเซ่นไหว้บูชาของคนในอดีตเป็นต้น แผ่กลิ่นอายลึกลับไพศาลออกมา
สิ่งที่น่าไหวหวั่นที่สุดคือ บนโลงศพน้ำแข็งนั้นเผยให้เห็นแผนที่ดาราผืนหนึ่ง ภายในนั้นเสมือนประกอบด้วยจักรวาลฟ้าดาราไพศาล ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน!
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ก็คือ ไม่ว่าจะเป็นหมียักษ์สีขาวเงินตัวนั้นหรือตะพาบมังกรที่แบกโลงศพน้ำแข็งนั่น เมื่อมองเห็นตนต่างกลัวจนตัวสั่น หนีหายไปด้วยความตื่นตระหนกทันใด
ปากยังร้องเสียงดังว่า ‘เจ้าเฒ่าบ้า’ ‘กลิ่นอายของเจ้าเฒ่าบ้า’ อะไรทำนองนี้
และตอนนี้เมื่อรู้ว่าเทพธิดารั่วอู่ที่รั้งอันดับสองของกระดานทองคำผู้กล้านั่นครอบครองโลงศพน้ำแข็งเร้นลับโลงหนึ่ง หลินสวินจึงอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่า นี่มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นทายาทเลือดบริสุทธิ์เผ่าวิหคชาด และอาจจะเป็น ‘เป้าหมาย’ ที่หมียักษ์สีขาวเงินและตะพาบมังกรคุ้มครองอยู่
“ข้าคิดว่าหยวนฝ่าเทียนก็มองข้ามไม่ได้ ลือกันว่าเขาเป็นลูกหลานของเผ่าวานรจมูกเชิด ความเป็นมาของเผ่านี้น่าประหวั่นมาก ว่ากันว่าพละกำลังไร้เทียมทาน สามารถขับไล่เทพผีทั้งปวง!”
“ไม่ผิด คนผู้นี้ลงมือเหี้ยมโหดและไม่หวั่นเกรงสิ่งใด ฝึกปราณหลอมกาย บรรลุถึงระดับอมตะเคราะห์ด่านหกแล้ว แค่ขยับตัวก็แปลงเป็นร่างทองหมื่นจั้ง สามารถเคลื่อนย้ายหินผาแหวกคลื่นสมุทร พลานุภาพดุดันทรงพลัง”
“ข้าเคยได้ยินคนกล่าวว่า วิธีฝึกปราณของหยวนฝ่าเทียนเป็นมรดกวิชาหลอมกายประหนึ่งเทียมฟ้าก็ไม่ปาน ชื่อว่า ‘วิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์’ ประวัติที่มายังคลุมเครือ…”
ไกลออกไปมีคนกำลังวิจารณ์ และดึงดูดความสนใจจากหลินสวินอีกครั้ง
วิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์!
เพียงแค่ชื่อของมันก็ทำให้หลินสวินคิดขึ้นมาได้ว่า ‘หยวนฝ่าเทียน’ คนนี้ จะต้องเป็นคุณชายน้อยที่จำศีลอยู่ใน ‘เกาะอริยะปัญจธาตุ’ ภายในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นเป็นแน่
ข้างกายเขายังมีวานรเฒ่าชุดเขียวที่บรรลุระดับอริยะคอยคุ้มครองอยู่!
‘ที่แท้คนผู้นี้ก็มายังแดนเก้าบนแล้ว ซ้ำยังติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้าอีกด้วย…’
หลินสวินเลิกคิ้ว
เขาพลันนึกอีกเรื่องขึ้นมาได้ วิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์เป็นส่วนหนึ่งในคัมภีร์อริยมรรค นัยเร้นลับของการหลอมกายที่บันทึกไว้มีความเกี่ยวโยงกับระดับอริยะ
แต่หยวนฝ่าเทียนกลับฝึกวิชานี้ทั้งที่ยังไม่เคยก้าวขึ้นสู่ระดับอริยะ เห็นชัดว่าภายในนั้นย่อมมีความลับที่ยิ่งใหญ่ซุกซ่อนอยู่!
‘หากมีโอกาส จะต้องแลกเปลี่ยนความรู้กับเขาเสียหน่อย ดูว่าจะมองทะลุความลับเหล่านั้นได้หรือไม่…’
หลินสวินลอบกล่าวในใจ
“สองปีมานี้โลกภายนอกเปลี่ยนไปมากจริงๆ”
เจ้าคางคกถอนสะอื้น “กาลสมัยไร้ซึ่งผู้กล้า พาให้ผู้ไร้นามได้เป็นใหญ่ ช่างน่าทุกข์เสียกระไร ยังดีข้าปรากฏตัวบนโลกอีกครา หลังจากนี้แดนเก้าบนจะต้องแซ่ซ้องสรรเสริญนามของข้าทุกแห่งหน!”
“เหอะๆ” นกทมิฬดูแคลน ขาดแค่ไม่ได้ถุยน้ำลายใส่เจ้าคางคกเท่านั้น เจ้าหมอนี่หลงตัวเองเกินไปแล้ว ทำเอามันขัดหูขัดตาอยู่บ้าง
เจ้าคางคกเมินความดูแคลนของนกทมิฬ แววตาจับจ้องไปยังหลินสวิน กล่าวว่า “จริงสิ เจ้าอยากลองดูสักหน่อยไหม”
หลินสวินอึ้งครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้าทันใด “ช่างมันเถิด”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการ ทว่าหากตอนนี้มี ‘ชื่อเสียง’ มากเกินไป จะต้องนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเองเป็นแน่
เขาไม่อยากเดินไปแห่งใดก็มีผู้คนเพ่งความสนใจมาที่ตนตลอดเวลา
พวกคนโดดเด่นเจิดจ้าอย่างเซ่าเฮ่า รั่วอู่ หยวนฝ่าเทียนในปัจจุบันนี้ ทั่วทั้งแดนเก้าบนต่างให้ความสนใจ แต่คิดดูให้ดีแล้ว พวกเขาจะต้องถูกสายตานับไม่ถ้วนจับจ้อง
นี่ก็คือชื่อเสียง มีทั้งคุณและโทษ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะเลือกอย่างไร
สำหรับหลินสวินแล้ว ย่อมมีโอกาสในการสร้างชื่อเสียงอยู่ไม่ขาดสาย
แน่นอนว่าเวลาจำเป็น เขาก็ไม่ได้รังเกียจจะสำแดงศักยภาพของตนออกมาเพื่อสยบพวกโฉดชั่ว
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่ไป”
หลินสวินเกิดความสงสัย เจ้าคางคกนี่มักชอบได้หน้าได้ตาเป็นที่สุด
“ในสายตาของข้า มีเพียงแค่อันดับหนึ่งเท่านั้นถึงคู่ควรกับข้า แต่น่าเสียดาย ตอนนี้ข้ายังไม่อยากได้ตำแหน่งนั้น”
เจ้าคางคกกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“พล่ามไร้สาระ ข้าว่าเจ้าไม่ใช่ไม่อยากหรอก แต่ไม่กล้าต่างหาก คงเกรงว่าหากลองแล้วแม้แต่ร้อยอันดับแรกยังไม่ติด นั่นคงเรียกว่าขายขี้หน้า”
นกทมิฬกล่าวเย้ยหยัน
“เจ้านกขี้ขโมย เจ้าอยากตายหรือ”
เจ้าคางคกอับอายจนกลายเป็นโกรธ ยกขาถีบไปทางนกทมิฬ
“หึๆ”
นกทมิฬสยายปีกโฉบบินขึ้นไปบนห้วงอากาศในทันใด แล้วหัวเราะอย่างไร้ยางอาย แค่ท่าทางเย้ยหยันเช่นนั้นก็ทำเอาเจ้าคางคกโกรธแทบคลั่งแล้ว
หากกล่าวถึงความสามารถในการยั่วยุ นกทมิฬและอาหลู่นับว่าเป็นคู่ที่สมน้ำสมเนื้อ ไม่เพียงถ่อย ยังโฉดชั่วอีกด้วย
“เอ๊ะ เหตุใดข้าถึงคุ้นหน้าคุ้นตานกทมิฬใหญ่ตัวนั้นอยู่บ้าง”
มีคนร้องออกมาอย่างแปลกใจ
ทันใดนั้นหลินสวินตระหนักได้ว่าฐานะของตนอาจถูกคนล่วงรู้แล้ว จึงรีบเรียกนกทมิฬและเจ้าคางคกแล้วจากไปทันที
“ชายผู้นั้นจะต้องเป็นเทพมารหลินแน่!”
ขณะที่พวกเขาจากไปไม่นานนัก ก็มีคนตะโกนว่า “เกือบจะสองปี เขาเผยร่องรอยให้เห็นอีกครั้งแล้ว”
“เทพมารหลินหรือ เขาถึงกับออกจากแดนธรรมสถูปแล้ว หรือว่าครั้งนี้จะมาเพราะศุภโชคในแดนโบราณหมื่นคชา”
มีคนสงสัย
“หากเป็นเช่นนี้จริง เช่นนั้นเขาก็มาช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว ตอนใครไม่รู้บ้างว่าว่าในแดนโบราณหมื่นคชา บริเวณรอบ ‘สุสานจักรพรรดิ’ ที่ปิดผนึกมาเนิ่นนานแห่งนั้นถูกครอบครองโดยผู้แข็งแกร่งมากมายแล้ว คนทั่วไปไม่อาจเข้าใกล้ได้เลย!”
“ไม่ผิด ข้าได้ยินว่าเหล่าบุคคลทรงอิทธิพลอย่างบุตรนรก ไป๋หลงถิง ยามนี้ล้วนแต่อยู่รอบๆ สุสานจักรพรรดิ”
ฝูงชนต่างวิพากษ์วิจารณ์
แดนโบราณหมื่นคชา เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งเผยโฉมที่แท้จริงออกมา ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าที่แห่งนั้นจะเป็นสุสานจักรพรรดิ!
สิ่งนี้ทำให้เกิดความอึกทึกครึกโครมครั้งใหญ่ ดึงดูดผู้แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยเร่งรุดมายังที่แห่งนี้
ทว่าความน่ากลัวก็อยู่ตรงนี้ ในช่วงระยะนี้รอบๆ สุสานจักรพรรดิเกิดการต่อสู้สังหารกันทุกวัน เลือดนองเป็นสายน้ำ ไม่รู้ว่าคร่าชีวิตผู้แข็งแกร่งไปแล้วกี่ราย!
แม้แต่ผู้ทรงอิทธิพลบางคนยังเพลี้ยงพล้ำ จบชีวิตลงด้วยความคับแค้น
ฉะนั้นผู้แข็งแกร่งที่เข้าใจเหตุการณ์ภายในนั้นและรู้ตนว่าไม่มีกำลังมากพอ ย่อมไม่กล้าเสี่ยงชีวิตเข้าใกล้ เพราะเกรงจะเข้าไปพัวพันกับเหตุนองเลือดอันน่าสยดสยองนั้นเข้า
“สองปีก่อนเทพมารหลินสังหารเหล่าผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้า ทั้งอหังการและแข็งแกร่งขนาดไหน ก็ไม่รู้ว่าการปรากฏตัวคราวนี้ของเขาจะนำพาคลื่นลมเช่นไรมาด้วย”
มีคนคาดหวัง
“อย่าประเมินเขาไว้สูงเลย รอบๆ สุสานจักรพรรดิแห่งนั้นมีผู้แข็งแกร่งมากมาย ยอดฝีมือก็นับไม่ถ้วน ก็เหมือนหลุมใหญ่แห่งหนึ่ง ผู้ใดกระโจนเข้าไปย่อมต้องเดือดร้อน”
มีคนหัวเราะอย่างเย็นชา
…
แดนโบราณหมื่นคชา ตั้งอยู่ภายในพื้นที่อันตรายสระอสนีของแดนอสนีบูรพา เป็นสถานที่ที่หาได้ไม่ยาก
ตลอดเส้นทางหลินสวินสืบข่าวเพียงเล็กน้อยก็รู้ถึงข่าวคราวของแดนโบราณหมื่นคชา
กระนั้นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาก็คือ ผนึกของแดนโบราณหมื่นคชาแห่งนั้นเพิ่งสลายไปจนหมดไม่นานก่อนหน้านี้
บัดนี้ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากจึงเร่งเข้าไปปิดล้อม ‘สุสานจักรพรรดิ’ ที่ปรากฏขึ้นมาในแดนโบราณหมื่นคชา!
“สุสานจักรพรรดิ? นี่เป็นไปไม่ได้ ผู้ที่สามารถเหยียบย่างสู่ระดับจักรพรรดิได้ ล้วนแต่เป็นพวกน่ากลัวเหนือกว่าราชันอริยะเป็นไหนๆ จะมาร่วงหล่นที่นี่ได้อย่างไร”
เมื่อทราบข่าวเหล่านี้ เจ้าคางคกและนกทมิฬต่างมีท่าทีประหลาดใจอยู่บ้าง
จักรพรรดิ ระดับอันสูงส่ง อยู่เหนือกว่าพลังแห่งอริยบุคคล ประหนึ่งนายเหนือหัวแห่งผองอริยะ เพียงแค่บรรดาศักดิ์ก็สามารถสยบกาลเวลา เหยียดหยันปวงสวรรค์!
คนระดับนี้เรียกได้ว่าไม่เสื่อมสลาย สามารถมีอายุยืนยาวเป็นนิรันดร์ เว้นแต่จะประสบภัยมหาเคราะห์เย้ยฟ้าที่เหนือความคาดหมาย หาไม่กาลเวลายังยากจะดับทำลายพวกเขา!
และ ‘สุสานจักรพรรดิ’ แห่งนี้…
นั่นก็ยิ่งไม่อาจจินตนาการได้เลย!
“ไม่ว่าสุสานจักรพรรดิแห่งนี้เป็นจริงหรือเท็จ ข้ากังวลแค่ว่าอาหลู่จะอยู่ที่นั่นหรือไม่”
หลินสวินขมวดคิ้ว
สถานการณ์ดูไม่สู้ดีนัก ผนึกของแดนโบราณหมื่นคชาสลายไปก่อนเวลา มิหนำซ้ำบริเวณโดยรอบสิ่งที่เรียกกันว่า ‘สุสานจักรพรรดิ’ ในแดนโบราณหมื่นคชาก็ถูกผู้แข็งแกร่งมากมายเข้าควบคุม เพียงแค่เดินผ่านไปก็จะกลายเป็นหาเรื่องใส่ตัวไม่น้อยแล้ว
สองวันให้หลัง
เสียงอสนีบาตอันน่าสะพรึงราวกับกระแสน้ำก็ไม่ปาน ดังกู่ก้องกังวานทั่วฟ้าดินเป็นระลอกไม่หยุดหย่อน
ก็เห็นว่ากลางฟ้าดินไกลๆ ฟ้าผ่าดุจกระแสน้ำเชี่ยวกราก สาดซัดครั่นครืน สายฟ้าเจิดจ้าร่ายรำบ้าคลั่ง แผ่กลิ่นอายที่สามารถทำลายล้างโลกได้ออกมา
ที่นั่นพืชพรรณไม่งอกเงย เหนือผืนดินล้วนอาบชโลมด้วยกลิ่นอายสายฟ้า กลางห้วงอากาศพรั่งพรูเส้นสายฟ้าหลากสาย พาให้ผู้คนขนพองสยองเกล้า
ที่น่าหวาดหวั่นก็คือ ยิ่งเข้าไปลึกเท่าใด พลังของของสายฟ้าก็ยิ่งทวีความน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น แปรเปลี่ยนเป็นรูปแบบต่างๆ มากมายเจิดจ้า
ภาพเหตุการณ์ในขณะนี้ราวกับมาถึงดินแดนแห่งอสนี!
ด้วยความสามารถของพวกหลินสวิน ยามเห็นเหตุการณ์นี้ยังอดสูดหายใจหนาวเยือกไม่ได้ สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่หฤโหดยิ่งแห่งหนึ่งเป็นแน่!
และแดนโบราณหมื่นคชานั่น ก็ตั้งอยู่ลึกสุดภายในพื้นที่อันตรายสระอสนี
ทว่ายามเมื่อเข้าไปใกล้ พวกหลินสวินถึงพบว่าภายในมีเส้นทางประหนึ่งรุ้งขาวทอดยาวไปยังส่วนลึกของพื้นที่อันตรายสระอสนี เหมือนกับเป็นสะพานโค้งที่กั้นแบ่งอสนีบาตเต็มฟ้าเอาไว้ข้างนอก
นี่ทำให้พวกหลินสวินแอบโล่งใจไปเปราะหนึ่ง อันที่จริงหากไร้เส้นทางสายนี้ ต่อให้มอบความกล้าให้พวกเขาขนาดไหนก็คงไม่กล้าพอจะเข้าไปข้างในแม้เพียงสักก้าว
อสนีบาต จุดสำคัญของมันคือการฟาดสังหาร หนำซ้ำอัสนีบาตของที่นี่ราวกับพายุโหมกระหน่ำก็ไม่ปาน เต็มแน่นกลางฟ้าดิน แผ่กลิ่นอายที่สามารถปลิดชีพเทพผีได้ กล่าวได้ว่าไม่ต่างอะไรกับเคราะห์ใหญ่แห่งยุค!
“สมัยก่อนย่อมไม่มีเส้นทางสายนี้เป็นแน่ คงเพราะผนึกของแดนโบราณหมื่นคชาสลายไปจนหมด ถึงได้ปรากฏเส้นทางรอดตายสายหนึ่ง มอบโอกาสให้ผู้ฝึกปราณได้เข้าไปข้างใน”
นกทมิฬใคร่ครวญแล้วกล่าวออกมา
“เป็นธรรมดาอยู่แล้ว”
เจ้าคางคกพยักหน้า
“พวกเราไปก่อน หลังจากถึงแดนโบราณหมื่นคชาข้าค่อยติดต่อกับธิดาเทพหลิ่นเสวี่ย ดูว่าจะรู้ข่าวอะไรบ้างจากทางนั้น”
หลินสวินตัดสินใจ
จากนั้นเขาพานกทมิฬและเจ้าคางคกไปพร้อมกัน เดินไปยังเส้นทางที่ราวกับรุ้งขาวสายนั้น
เปรี้ยง ปัง!
ตูม! กลางเวิ้งฟ้า อสนีบาตรดุจทลายหินผาคว่ำสมุทร ผ่าฟาดลงมาเป็นระลอกราวกับจะผลาญโลกอย่างไรอย่างนั้น พาให้ผู้คนสิ้นหวัง
ทว่าขณะที่เข้าใกล้เส้นทางดุจรุ้งขาวสายนั้น ก็ถูกพลังผนึกอันไร้รูปชั้นหนึ่งต้านไว้
ทำให้แม้พวกหลินสวินจะวางใจเรื่องสายฟ้า กระนั้นก็ยังไม่กล้าประมาท และยิ่งระแวดระวังขึ้น
ทอดสายตามองออกไปไกลๆ อสนีบาตนั่นประหนึ่งไร้สิ้นสุด ไม่รู้ว่าแผ่คลุมพื้นที่มากน้อยเท่าไร ทั้งไร้หนทางล่วงรู้อีกด้วยว่าอสนีบาตเหล่านี้ถือกำเนิดมาเช่นไร
อีกทั้งยิ่งมุ่งหน้าไปลึกเท่าใด พลังของอสนีบาตยิ่งทวีความหนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น
ถึงขั้นที่พวกหลินสวินต่างตะลึง เมื่อเห็นว่าในอสนีบาตรปั่นป่วนกลางฟ้าดินนั้น ยังปรากฏเงามายาคล้ายกับวิญญาณสายฟ้าตนแล้วตนเล่าท่องอยู่ภายในนั้น…
……………