ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 120 อาหารค่ำมื้อสุดท้ายกับการสนทนา

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​เช่นนั้น​ก็ตาม​นี้​

​ไม่ว่า​สุดท้าย​แล้ว​จะ​เป็น​แบบ​เพลง​จบ​ต่าง​คน​ต่าง​แยกย้าย​หรือไม่​ ​ก็​ต้อง​ทำ​เรื่อง​ที่อยู่​ตรงหน้า​ให้​ดี​ก่อน

​เช่นเดียวกับ​ที่​ซาง​สิง​โจว​พูด​ ​สิ่ง​ที่อยู่​ตรงหน้า​กลุ่มคน​ก็​คือ​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า

​ยิ่ง​ใกล้​มือ​เสวี​่ย​เหล่า​ ​ระยะห่าง​ระหว่าง​เฉิน​ฉาง​เซิง​กับ​รถ​คัน​เล็ก​คัน​นั้น​ก็​ยิ่ง​เข้าใกล้​กัน​ ​ตอนนี้​ห่าง​กัน​เพียง​สิบ​กว่า​ลี้​ ​จึง​สามารถ​มองเห็น​ฝั่ง​ตรงข้าม​ได้​อย่างชัดเจน

​ยังคง​เป็น​เนินเขา​เล็ก​ๆ​

​บน​เนิน​มีต​้น​ไม้​ที่​เหลือ​แต่​ก้าน​ต้นหนึ​่ง​ ​บน​นั้น​มีน​กกา​คอ​เทา​เกาะ​อยู่​สอง​สาม​ตัว​ ​ดวงตา​ของ​พวก​มัน​ไม่มี​สีแดง​ ​น่าจะ​ไม่เคย​กิน​เนื้อ​มนุษย์​มาก​่อน

​รถ​คัน​เล็ก​จอด​อยู่​ใต้​ต้นไม้​ ​นักพรต​น้อย​นั่งยองๆ​ ​อยู่​บน​พื้นดิน​ ​กำลัง​ขุด​อะไร​บางอย่าง

​เฉิน​ฉาง​เซิง​พลัน​พูด​ขึ้น​ ​“​ข้า​รู้สึก​ว่า​กระ​เรียน​ขาว​หลอก​เจ้า​”

​สวี​โหย​่ว​หรง​ใน​ชุด​เสื้อคลุม​ ​กำลัง​ยืน​กอดอก​ ​จึง​หัน​มอง​ ​“​หลอก​ข้า​เรื่อง​อะไร​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ลังเล​สักพัก​ ​ค่อย​ว่า​ ​“​ตอน​เป็น​เด็ก​ ​ข้า​ไม่ได้​ดูดี​ขนาด​นั้น​”

​สวี​โหย​่ว​หรง​ยิ้มน้อย​ๆ​ ​แล้ว​ว่า​ ​“​หึง​ละ​สิ​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​มองดู​เนินเขา​เล็ก​ๆ​ ​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไป​ ​พลาง​ส่งเสียง​อืม​เบา​ๆ

​สวี​โหย​่ว​หรง​พูด​ต่อ​ ​“​เจ้า​ตอน​เป็น​เด็ก​หน้าตา​เป็น​อย่างไร​นั้น​ ​น่าจะ​มี​แต่​ศิษย์​พี่​ของ​เจ้า​กับ​ท่าน​ท่าน​นั้น​ที่​จำได้​ ​มีโอกาส​ลอง​ไป​ถาม​ดูก​็​ดีนะ​”

​นึกไม่ถึง​ว่า​ ​โอกาส​จะ​มาถึง​อย่างรวดเร็ว

​เย็น​วันนั้น​ ​ซาง​สิง​โจว​เรียก​ให้​เฉิน​ฉาง​เซิง​เข้าพบ

​ศิษย์​อาจารย์​รับประทาน​มะละกอ​ปิ้ง​สอง​สาม​ลูก​ ​ซึ่ง​นักพรต​น้อย​ปิ้ง​ด้วยมือ​ตนเอง​ ​นับได้ว่า​รับประทาน​อาหารค่ำ​มื้อ​สุดท้าย​เรียบร้อย​ ​จากนั้น​ก็​เริ่ม​สนทนา​กัน

​ช่วง​เริ่มต้น​สนทนา​ ​พวกเขา​มิได้​พูดถึง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ที่อยู่​ตรงหน้า​ ​และ​มิได้​พูดถึง​เรื่อง​ใน​เมืองหลวง​ที่อยู่​ถัดไป​ ​ยิ่ง​มิได้​ถามถึง​อดีต​ชีวิต​ใน​วัด​เก่าแก่​ที่​เมือง​ซี​หนิง

​รูปแบบ​การ​สนทนา​ใน​ครั้งนี้​ ​คล้าย​กับ​ท่าที​ที่​ซาง​สิง​โจว​มีต​่​อโลก​ใบ​นี้​มาก​ ​และ​บางส่วน​ก็​มีกลิ่น​อาย​วิถี​กระบี่​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​โดย​เบื้องหลัง​ซ่อน​ความรู้สึก​ดูหมิ่น​อยู่​ลึก​ๆ​

​“​จักรพรรดิ​ขาว​เคย​พูดว่า​ ​ใน​ดินแดน​ต้า​ลู่​ ​ไม่มีใคร​เชื่อถือ​ข้า​ ​นี่​ก็​คือ​สิ่ง​ที่​ข้า​สู้​ท่าน​ไม่ได้​”

​ซาง​สิง​โจว​พูด​ต่อ​ ​“​นั่น​เป็น​เพราะ​พวก​เจ้า​ยัง​เยาว์วัย​ ​ยัง​มี​ความสามารถ​ไร้​ที่​สิ้นสุด​ ​แต่​ข้า​แก่​แล้ว​”

​ตรงกลาง​ระหว่าง​สอง​ประโยค​หัว​ท้าย​ ​ดูเหมือน​จะ​ไม่เชื่อม​ต่อกัน​ใน​เชิง​ตรรกะ

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ฟัง​อย่างสงบ​นิ่ง

​“​ความตาย​ ​สิ่ง​ที่​น่ากลัว​ที่สุด​ ​รอ​อยู่​ตรงหน้า​ ​ทุกคน​ล้วน​ยาก​สลัด​หลุด​”

​ซาง​สิง​โจว​พูด​ต่อ​ ​“​ด้าน​นี้​ ​ข้า​ไป​ไกล​กว่า​เจ้า​ ​ข้า​กังวล​มาก​ ​ดังนั้น​หลาย​ปี​มานี​้​ ​มี​หลาย​เรื่อง​ที่​ข้า​ต้อง​รีบ​ทำ​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​แน่ใจ​ว่า​ตน​เข้าใจ​แล้ว

​ที่แท้​เบื้องหลัง​ของ​ความรู้สึก​ดูหมิ่น​ ​ซ่อนเร้น​บางสิ่งบางอย่าง​ไว้

​และ​นี่​ก็​คือ​คำอธิบาย​ ​กระทั่ง​สามารถ​เข้าใจ​ได้​ว่า​ขอโทษ​ ​สรุป​ก็​คือ​ ​เป็น​สิ่ง​ที่​ซาง​สิง​โจว​ไม่​สามารถ​พูด​ออกมา​ตรงๆ​

​คนชรา​ก็​เป็น​เช่นนี้

​เฉิน​ฉาง​เซิง​พลัน​รู้สึก​เศร้า​อยู่​บ้าง​ ​จึง​ไม่​อยาก​พูดหัว​ข้อนี​้​ต่อ

​“​ข้า​รู้สึก​ว่า​เรื่อง​นี้​มีบา​งอย​่าง​ไม่​ถูกต้อง​”

​ซาง​สิง​โจว​มิได้​กังวล​กับ​การก​่​อกบฏ​ที่​เมืองหลวง​เลย​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​ใช่​ว่า​จะ​กังวล​มาก​ ​สิ่ง​ที่​ต้อง​กังวล​จริงๆ​ ​ยังคง​เป็น​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า

​ชน​เผ่า​มาร​พ่าย​เร็ว​เกินไป

​ไม่เพียงแต่​พวกเขา​ศิษย์​อาจารย์​จะ​เห็นพ้องต้องกัน​ใน​ความเห็น​นี้​ ​ทั้ง​ราชสำนัก​และ​ผู้คน​ก็​รู้สึก​เช่นนี้

​เริ่มแรก​ตาม​แผนการ​นั้น​ ​ชน​เผ่า​มนุษย์​เตรียมพร้อม​ที่จะ​ทำศึก​ยาวนาน​ถึง​สาม​ปี​ ​แต่​แล้ว​ขณะนี้​ ​ยัง​ไม่​ถึง​ครึ่ง​ปีก​็​แก้ปัญหา​แล้วเสร็จ

​นี่​ทำให้​เฉิน​ฉาง​เซิง​ค่อนข้าง​วิตก

​“​คน​ชุด​ดำ​อาจ​คิด​ทำ​อะไร​ ​แต่​นาง​ไม่มีวัน​ทำสำเร็จ​ตลอดกาล​ ​ผู้​ที่​คุ้นเคย​กับ​ศาสตร์​ลับ​ ​ไม่มีทาง​รู้​ว่า​ ​กลยุทธ์​ที่แท้​จริง​คือ​อะไร​ ​สุดท้าย​ก็ได้แต่​ตาย​ใน​รัง​หนู​ของ​ศาสตร์​ลับ​ ​เมื่อ​สาม​ร้อย​ปีก่อน​ ​ถ้า​ไม่ใช่​เพราะ​หวัง​จือ​เช่อ​เข้า​ขวาง​ ​ข้า​กับ​อาจารย์​อา​เจ้า​คง​สังหาร​นาง​ไป​แต่แรก​แล้ว​ ​คน​ผู้​นี้​ไม่คู่ควร​ที่จะ​กล่าวถึง​”

​ซาง​สิง​โจว​วิจารณ์​กุนซือ​เผ่า​มาร​ผู้มีชื่อเสียง​โด่งดัง​ท่าน​นั้น​อย่าง​ไม่​ไว้หน้า​ ​โดย​ไม่เพียงแต่​แสดงความคิดเห็น​เกี่ยวกับ​คุณสมบัติ​ของ​ฝ่ายตรงข้าม​ใน​ด้าน​ของ​กลยุทธ์​และ​ศาสตร์​มืด​ ​ยัง​เป็น​เพราะ​เขา​กับ​คน​ชุด​ดำ​สู้​กัน​และ​คลับคล้าย​เรียกร้อง​ซึ่งกันและกัน​มา​เป็นเวลา​หลาย​ร้อย​ปี​แล้ว​ ​ต่าง​คน​ต่าง​จึง​รู้จัก​กัน​เป็น​อย่างดี

​เขา​หยิบ​ขวด​กระเบื้องเคลือบ​ขวด​หนึ่ง​ให้​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​แล้ว​ว่า​ ​“​สรรพคุณ​ของ​ยา​ชนิด​นี้​ไม่ได้​ดี​เท่า​ยาจู​ซาก​็​จริง​ ​แต่​ปรุง​ง่าย​ ​วัตถุดิบ​หลัก​คือ​ไฟ​วิญญาณ​บรรพบุรุษ​ใต้​เมือง​ไป๋​ตี้​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ฟัง​แล้วก็​อึ้ง​เล็กน้อย​ ​เปิด​ขวด​กระเบื้องเคลือบ​ดม​ดู​ ​ไม่แน่ใจ​อยู่​บ้าง​ ​“​ขอบ​เส้น​สีทอง​ใน​อาราม​ฉาง​ชุน​”

​ซาง​สิง​โจว​ตอบ​ ​“​ไม่ผิด​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ไม่เข้าใจ​จึง​ถาม​ ​“​ตอนแรก​ข้า​คิด​ใช้​ยา​ชนิด​นี้​ควบคุม​ความแรง​ของ​ยาจ​ริง​ๆ​ ​แต่ว่า​…​”

​ซาง​สิง​โจว​พูด​ ​“​วิชาแพทย์​ของ​เจ้า​ ​ข้า​เป็น​คน​สอน​ ​หรือ​เจ้า​ยัง​จะ​เก่ง​กว่า​ข้า​อีก​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ฟัง​แล้วก็​พูดไม่ออก​ ​จากนั้น​สักพัก​ก็ดี​ใจ​ขึ้น​มา​ ​ใน​ใจคิด​ ​มิน่าเล่า​ครั้งนี้​จำนวน​ผู้บาดเจ็บ​ล้มตาย​ใน​กองทัพ​ถึง​ได้​ลดลง​ไปมาก

​ซาง​สิง​โจว​ว่า​ ​“​ต่อไป​ไม่ต้อง​ปรุงยา​จู​ซา​แล้ว​ ​และ​ก็​ไม่ใช่​สตรี​ ​ที่​เลือด​ไหล​ทุกๆ​ ​เดือน​แล้ว​ไม่เป็นไร​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​พูดไม่ออก​อีกครั้ง​ ​อ้า​ปาก​เล็กน้อย​ ​ไม่รู้​ควร​พูด​อะไร​ดี

​พอ​ซาง​สิง​โจว​เห็นท่า​ทาง​ของ​เขา​ ​ไม่รู้​ทำไม​ถึง​ได้​ฉุนเฉียว​ขึ้น​มา​ ​“​ไม่มี​อะไร​แล้ว​ ​ไป​เถอะ​”

​ยังคง​เกรี้ยวกราด​เหมือนเดิม​ ​บางครั้ง​ก็​เฉยชา​ยิ่ง

​เฉิน​ฉาง​เซิง​พลัน​นึกถึง​ตอน​เป็น​เด็ก​ ​ขณะ​อยู่​ใน​วัด​เก่าแก่​ที่​เมือง​ซี​หนิง​ ​ความรู้สึก​ที่​อาจารย์​มีต​่อ​ตนเอง​มักจะ​แกว่ง​ไปมา​ระหว่าง​ความ​เฉยชา​และ​ความ​เกรี้ยวกราด​ ​เหมือน​การ​สนทนา​ใน​วันนี้​ไม่มี​ผิด

​เกรี้ยวกราด​ดีกว่า​เฉยชา​มาก

​ที่​ซาง​สิง​โจว​เฉยชา​กับ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ใน​วัยเด็ก​ ​เพราะ​กลัว​ว่า​ตนเอง​จะ​เอ็นดู​นักพรต​น้อย​ที่​เลี้ยงดู​จน​เติบใหญ่​มากั​บมือ​ ​ด้วย​รู้​ว่า​ตนเอง​กำลัง​หลอก​ใช้​เฉิน​ฉาง​เซิง

​ต่อมา​ที่​เขา​เกลียดชัง​เฉิน​ฉาง​เซิง​เช่นนี้​ ​ก็​เพราะ​รังเกียจ​ความสัมพันธ์​ส่วน​ที่​ตน​เกี่ยวข้อง​กับ​เฉิน​ฉาง​เซิง

​เหล่านี้​ ​ศิษย์​อาจารย์​ทั้งสอง​ต่าง​รู้ดี​ ​ตอน​อยู่​ที่​สุสาน​เทียน​ซู​ใน​สำนัก​ฝึก​หลวง​ก็​เคย​คุย​กัน​แล้ว​ ​ตอนนี้​จึง​ไม่จำเป็น​ต้อง​คุย​กัน​อีก

​ซึ่ง​ซาง​สิง​โจว​ใน​ตอนนี้​ควร​มีความสุข​มาก​ ​เพราะ​เขา​ไม่ต้อง​กังวลใจ​ว่า​จะ​เอ็นดู​นักพรต​น้อย​ที่​ตนเอง​เลี้ยงดู​จน​เติบใหญ่​อีก

​ขณะ​มองดู​ใบหน้า​เล็ก​ๆ​ ​ที่​ถูก​รมควัน​จน​ดำ​ของ​นักพรต​น้อย​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​คิดในใจ​ ​เจ้า​ก็​มีความสุข​เช่นกัน

​ก่อน​จากไป​ ​ที่สุด​แล้ว​เขา​ก็​อดใจ​ไม่ไหว​ ​ถาม​คำถาม​นั้น​ออกมา

​“​อาจารย์​ ​ตอน​ข้า​เป็น​เด็ก​ ​หน้าตา​ไม่ได้เรื่อง​ใช่ไหม​”

​ซาง​สิง​โจว​คิด​ๆ​ ​ก่อน​ว่า​ ​“​นับว่า​ไม่เลว​นะ​”

​……

​……

​“​ลูกศิษย์​ทั้งสอง​ของ​เจ้า​คอย​ปรนนิบัติ​เจ้า​ ​ก็​นับว่า​ไม่เลว​แล้ว​”

​หลังจาก​เฉิน​ฉาง​เซิง​ไป​จาก​เนินเขา​ของ​ภูเขา​ลูก​เล็ก​ ​ท่าน​ปู่​ถัง​ก็​เดิน​อ้อม​หลัง​เขา​กลับมา

​หลาย​วันก่อน​ ​ตั้งแต่​มาถึง​แนวหน้า​ ​ท่าน​ปู่​ถัง​ก็​ไม่ได้​อยู่​กับ​คนที​่​บ้าน​ ​วัน​ๆ​ ​ขลุก​อยู่​แต่​กับ​ซาง​สิง​โจว​

​ซาง​สิง​โจว​ว่า​ ​“​เมื่อ​สิบ​ปีก่อน​ ​สอง​โจร​น้อย​ข่มเหง​ข้า​อย่างไร​ ​ใช่​ว่า​เจ้า​ไม่รู้​”

​ท่าน​ปู่​ถัง​ทอดถอนใจ​ ​แล้ว​ว่า​ ​“​ก็​ยัง​กตัญญู​กว่า​หลาน​แท้ๆ​ ​ของ​ข้า​เยอะ​ ​เจ้า​เดียรัจฉาน​น้อย​นั่น​เกือบจะ​พัง​ห้อง​บูชา​บรรพบุรุษ​ของ​บ้าน​ตัวเอง​ด้วยซ้ำ​”

​ซาง​สิง​โจว​เหลือบมอง​เขา​ ​ก่อน​ว่า​ ​“​เจ้า​อยาก​จะ​พูด​อะไร​กัน​แน่​”

​ท่าน​ปู่​ถัง​มองหน้า​เขา​ ​พลาง​ถาม​อย่างจริงจัง​ ​“​เจ้า​ยังดี​อยู่​หรือเปล่า​”

​ซาง​สิง​โจว​เงียบ​ไป​สักพัก​ ​ค่อย​ว่า​ ​“​ไม่​ค่อย​ดีนัก​”

​ท่าน​ปู่​ถัง​มอง​ไป​ยัง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ใต้​แสงดาว​ ​แล้ว​ว่า​ ​“​ไหน​ๆ​ ​ก็ได้​เวลา​แล้ว​ ​เจ้า​ต้อง​ทน​รอ​อีกหน่อย​”

​ซาง​สิง​โจว​ว่า​ ​“​ยัง​ไม่เห็น​คนที​่​ส่งออก​ไป​กับ​มือ​เหล่านั้น​ ​ข้า​ย่อม​ต้อง​เห็น​ให้​ได้​”

​……

​……

​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​มิได้​ถอยทัพ​ลง​ใต้​ ​เตรียม​บุก​ครั้งสุดท้าย​ต่อ​ ​กองทัพ​เส้น​ตะวันตก​กับ​กองทัพ​เส้น​ตะวันออก​แยก​ออกจาก​กัน​เป็น​รูป​พัด​ ​ทำความสะอาด​ฐานทัพ​และ​หมู่บ้าน​ทหาร​ที่อยู่​นอกเมือง​ ​แต่​ข่าว​การก​่​อกบฏ​อย่างไร​ก็​ไม่มีทาง​ปิด​มิด​ ​แถม​ยัง​กระจาย​ไป​อย่างรวดเร็ว​ ​บรรยากาศ​ใน​ค่ายทหาร​จึง​ตึงเครียด​ขึ้น​เรื่อยๆ

​ไม่รู้​ว่า​ราชา​มาร​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​รู้​ข่าว​เรื่อง​ความวุ่นวาย​ใน​ชน​เผ่า​มนุษย์​หรือยัง​ ​อุตส่าห์​จัด​พล​หมาป่า​ให้​ดำเนินการ​ตอบโต้​หลายครั้ง​ ​ก็​ล้วน​ถูก​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​ตีกลับ​อย่าง​เฉียบขาด​ ​แต่​ที่​ทำให้​ผู้คน​รู้สึก​แปลกใจ​ก็​คือ​ ​จนถึง​ตอนนี้​ ​ชน​เผ่า​มาร​ชั้นสูง​ก็​ยังคง​ไม่มี​วี่แวว​จะ​ทิ้ง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​และ​ไม่รู้​ว่า​พวกเขา​คิด​อะไร​กัน​อยู่

​เช้า​วันหนึ่ง​ ​ราว​ตีห้า​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ลืมตา​ตื่น​ ​ทำสมาธิ​ด้วย​การกำ​หนด​ลมหายใจ​เข้าออก​ ​แล้วจึง​ลุกขึ้น​จาก​เตียง​ ​สวม​เสื้อ​ใส่​รองเท้า​โดย​มี​อัน​หวา​คอย​รับใช้​ ​ล้างหน้า​แปรงฟัน​ ​ค่อย​เดิน​ออกจาก​กระโจม​ ​เดิน​ไป​ตาม​เนิน​สูง​ต่ำ​ที่​ล้อมรอบ​กระโจม​บัญชาการ​กลาง​อยู่​หลาย​รอบ​ ​จากนั้น​ก็​มอง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ใน​หมอก​ที่​บางเบา​ ​ก่อน​ยืน​นิ่ง​อยู่​อย่างนั้น

​หลังจาก​เขา​ท้า​ลิขิต​พลิก​โชคชะตา​ที่​สุสาน​เทียน​ซู​ ​ชีวิต​ของ​เขา​ก็​ยังคง​เรียบง่าย​และ​แข็งแรง​ ​แต่​ในที่สุด​เขา​ก็​ไม่ได้​ปฏิบัติตาม​กฎเกณฑ์​และ​บากบั่น​บำเพ็ญ​เพียร​เหมือน​ที่​เคย​ทำ​มาต​ลอด​สิบ​ปี

​ความจริง​ ​นาน​มาก​แล้ว​ ​ที่​เขา​ไม่ได้​ตื่น​เช้า​แบบนี้

​หก​โมง​ ​สวี​โหย​่ว​หร​งก​็​ตื่น​ ​ทั้งสอง​ทานอาหาร​เช้า​ร่วมกัน

​พอทาน​โจ๊ก​ข้าวสาลี​สีเหลือง​หมด​ไป​สอง​ชาม​ ​สวี​โหย​่ว​หร​งก​็​ตัดสินใจ​นอน​ต่อ​อีกหน่อย​ ​ส่วน​เฉิน​ฉาง​เซิง​รู้สึก​เบื่อ​ๆ​ ​จึง​ตัดสินใจ​ออก​ไป​เดินเล่น​สักพัก

​ดวงอาทิตย์​ค่อยๆ​ ​ขึ้น​ ​หมอก​บาง​ค่อยๆ​ ​จาง​ลง​

​สร้อยข้อมือ​ของ​เขา​สั่น​น้อย​ๆ​ ​ใน​นั้น​ก็​มีเสียงลั​่​วลั​่ว​ดัง​มา

​เฉิน​ฉาง​เซิง​เหลือบมอง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ที่​ค่อยๆ​ ​แจ่มชัด​ขึ้น​อีกครั้ง​ ​แล้วจึง​เดิน​ไป​ที่​เนินเขา​เล็ก​ๆ​ ​ซึ่ง​อยู่​ห่าง​ออก​ไป​สิบ​กว่า​ลี้

​เขา​ยืน​อยู่​หน้า​รถ​ ​พลาง​ว่า​ ​“​ได้เวลา​แล้ว​”

​ซาง​สิง​โจว​เงียบ​ไป​พัก​หนึ่ง​ ​แล้ว​ว่า​ ​“​เข้า​เมือง​”