คลื่นพลังรุนแรงนั้นพุ่งทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว
คลื่นพลังของตัวเทียนเหอนั้นมันกลบคลื่นพลังของเผ่าเทวาอื่นๆ ไปจนสิ้น
เขาแข็งแกร่งเกินไป!
เมื่อสัมผัสได้ถึงตัวหนี่ซวนและพวกเทียนเหอก็ออกคำสั่ง “หึ! แค่พวกแมลงก็คิดจะมาขวางทางข้าหรือ! พวกเจ้าไปรับมือพวกมันเสีย บรรพกาลผู้นี้จะไปล่าจัดการเจ้าเด็กคนนั้นด้วยตัวเอง! แล้วก็กองทัพนั้นจงสังหารอย่าให้เหลือรอด!”
เขานั้นก็ได้เห็นถึงความน่ากลัวของทัพไร้คาดเดาเช่นกันทำให้เกิดความคิดจะตัดไฟเสียแต่ต้นลมอีกครั้ง
ภายใต้คำสั่งนั้นมันจึงมียอดฝีมือมากมายนับพันๆ พุ่งตัวเข้าไปล้อมรอบพวกหนี่ซวนไว้สิ้นอย่างรวดเร็ว
จากนั้นมันก็เกิดการปะทะรุนแรงขึ้นทันที
ส่วนอีกด้านเมื่อเย่หยวนสัมผัสได้ถึงการมาของเทียนเหอเขาก็ส่งคำสั่งถอยในทันที
“ว่านเจิ้น ผางเจิ้น เราแยกกันถอยไปทางเขาแปดโมฆะ! อย่าได้พยายามต่อสู้กันให้มาก! แค่ถอยไปให้ถึงเขาแปดโมฆะก็พอแล้วพวกเจ้าจะชนะทันที!” เย่หยวนสั่ง
คนทั้งสองรีบตอบกลับในทันทีที่ได้ยิน
เมื่อบุกผ่านมาได้แล้วทัพไร้คาดเดาก็เริ่มเปิดระยะและถอยเข้าไปในเขาแปดโมฆะ
เทียนเหอนั้นสั่งฆ่าลงมาแล้ว ทำให้ทัพไร้คาดเดานี้กลายเป็นเป้าหมายหลักของทัพเผ่าเทวาทำให้ถูกไล่ตามติดมาทันทีที่คิดหนี
ส่วนตัวเย่หยวนนั้นเขาได้ใช้พลังของแนวคิดมิติเวลาออกมาจนสุดตัวพยายามพุ่งกลับไปยังยอดเขา
ด้วยกำลังของเขาในเวลานี้มันย่อมจะไม่อาจต้านทานเทียนเหอได้
เมื่อใดก็ตามที่เทียนเหอตามมาถึง มันย่อมจะเป็นความตายแน่แล้ว
“ฮ่าๆๆ เด็กน้อย เราได้เจอกันอีกแล้ว! วันนี้แหละบรรพกาลผู้นี้จะขอตอบแทนที่เจ้าตัดแขนข้าไว้เอง เจ้าจะหนีไปได้ถึงไหน?” ด้านหลังของเขานั้นมีเสียงเทียนเหอหัวเราะตามมา
เทียนเหอนั้นสมชื่อว่าเป็นยอดฝีมือระดับบรรพกาลของตระกูลสายเลือดสวรรค์ ความเร็วของเขานั้นกลับเหนือล้ำกว่าตัวเย่หยวนไป
กำลังของเขาแข็งแกร่ง
“หึ! น่าเสียดายที่ตอนนั้นข้ามีพลังบ่มเพาะไม่สูงพอ! ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ได้ปล่อยให้หมาเฒ่าอย่างเจ้าได้มีลมหายใจหมาๆ มาจนถึงวันนี้!” เย่หยวนตอบกลับไปอย่างไม่คิดหันหน้าใดๆ
เทียนเหอนั้นหัวเราะกลับมาจากด้านหลัง “เด็กน้อย โลกนี้มันไม่มีคำว่าไม่เช่นนั้นหรอก! เจ้าสังหารข้าไม่ได้และวันนี้จะถูกข้าสังหารลง เรื่องนี้มันเป็นลิขิตสวรรค์แล้ว! เจ้าหนีไปสิ ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะหนีไปได้ถึงไหน! มหาค่ายกลบนเขาแปดโมฆะนั้นมันคือมหาค่ายกลระดับกฎ เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะหนีขึ้นไปถึงยอดเขาได้ บรรพกาลผู้นี้ย่อมจะต้องสังหารเจ้าแน่แล้ว!”
สำหรับเทียนเหอแล้วมหาค่ายกลบนเขาแปดโมฆะมันไม่ได้เป็นปัญหาใด
ตราบเท่าที่พลังของมันยังไม่ถึงขั้นกฎ มันย่อมจะไม่เป็นปัญหาแก่ตัวเขา
แล้วมีหรือที่จักรพรรดิเทพสวรรค์ตัวน้อยคนหนึ่งจะหนีไปถึงยอดเขาได้?
เรื่องเช่นนั้นมันจะเป็นไปได้อย่างไร?
เทียนเหอนั้นรู้ดีว่าเย่หยวนนั้นมีเต๋าค่ายกลอยู่แค่ต้นกำเนิดระดับสองเท่านั้น
และเวลานี้หลากเผ่าพันธุ์มันไม่มีใครที่จะขึ้นไปถึงยอดเขาได้!
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เอาสิ เจ้าก็ลองตามขึ้นมาสังหารข้าบนเขาดู! ข้าอยากรู้ว่าหมาเฒ่าอย่างเจ้าจะตามข้าไปได้จนถึงระดับไหน!”
คนทั้งสองนี้หนึ่งนำหนึ่งตามกันกลางอากาศพร้อมพูดจาโต้ตอบแต่ความเร็วนั้นไม่มีใครลดช้าลง ยังคงพุ่งตัวรวดเร็วเหมือนดาวหางที่ผ่านเหนือโลก
ส่วนอีกด้านฝั่งทัพไร้คาดเดานั้นก็กำลังถอยกลับอย่างสุดตัว
เพียงแค่ว่าเวลานี้ความคิดของเด็กชะตาไร้คาดเดามันเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมาก
การถอยของพวกเขานี้มันไม่ได้มีท่าทางตื่นตระหนกหวาดกลัวใดๆ
แต่ว่าเมื่อไม่มีเย่หยวนคอยควบคุมค่ายกลแล้วกำลังต่อสู้ของทัพไร้คาดเดามันก็ย่อมจะลดฮวบลงอย่างมาก
เพราะอย่างไรเสียด้วยกำลังของคนแค่เจ็ดหมื่นมันย่อมจะไม่มีทางต่อต้านกำลังของทัพนับร้อยล้านไปได้ ไม่ว่าพวกเขาจะเก่งกาจแค่ไหนมันก็ย่อมจะไม่มีทางถอยได้อย่างปลอดภัย
โชคยังดีที่เย่หยวนนั้นนำทัพฝ่ายการปิดล้อมออกมาได้แล้ว ทำให้เวลานี้พวกเขาแค่ต้องถอยไปให้ถึงเท่านั้น
แต่ตอนนั้นเองที่ทัพเผ่าเทวาได้งัดไม้ตายออกมาใช้บ้าง!
ทัพบุตรเทวะ!
แม้ว่าทัพบุตรเทวะนั้นจะสูญเสียกันไปอย่างมากแต่จำนวนทหารมันก็ยังมีอยู่ราวสี่ถึงห้าหมื่นคน
เมื่อเอาคนสี่ห้าหมื่นนี้มารวมกันอีกครั้ง พวกเขาก็ย่อมจะกลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งได้อีก
การปรากฏอีกครั้งของทัพบุตรเทวะนี้มันทำให้ความเร็วในการถอยของทัพไร้คาดเดาช้าลงอย่างมาก
แต่มันก็แค่ทำให้ช้าลง
เมื่อได้ปะทะกันอีกครั้งต่อให้ครั้งนี้เย่หยวนจะไม่อยู่ด้วยแต่กำลังของพวกเขามันก็แตกต่างจากก่อนหน้าสิ้นเชิง
ภายใต้การนำของว่านเจิ้นและผางเจิ้นทัพไร้คาดเดาจึงค่อยๆ ถอยกลับมาแบบผลัดสู้ผลัดถอยแต่ฝ่ายทัพบุตรเทวะนั้นกลับค่อยๆ มีคนบาดเจ็บล้มตายลงมากกว่า
เรื่องนี้มันทำให้เหล่าทหารทัพบุตรเทวะตกตะลึงอย่างสุดใจ
พวกเขานั้นไม่คิดไม่ฝันว่าผ่านไปแค่ศึกเดียวนั้นมันกลับทำให้ทัพไร้คาดเดามีพัฒนาการไปมากมายปานนี้
แต่จะอย่างไรคำสั่งของพวกเขาก็คือการตรึงไม่ให้ทัพไร้คาดเดาถอยกลับได้
ทัพบุตรเทวะนั้นจึงได้ต่อสู้อย่างไม่สนใจชีวิตมุ่งหน้าบุกทัพไร้คาดเดาราวกับจะฆ่าตัวตาย
นั่นทำให้ฝ่ายทัพไร้คาดเดาเริ่มได้รับความเสียหายมากขึ้น
ว่านเจิ้นขมวดคิ้วแน่นก่อนจะกล่าวขึ้น “ทำเช่นนี้ต่อไปมันคงไม่ได้การ! ข้าเกรงว่าก่อนจะถึงเขาแปดโมฆะได้เราคงเจ็บกันหนักแน่! ผางเจิ้น เจ้านำกำลังไปก่อน ข้าจะพากำลังสักหมื่นไปปิดหลังไว้!”
เมื่อผางเจิ้นได้ยินนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีไป “ไม่! อยากไปก็ไปด้วยกัน! อยากอยู่ต้านก็อยู่ด้วยกัน! มาทำตัวเป็นพระเอกเช่นนี้มันจะได้อะไร?”
หลังจากได้ร่วมศึกกันมาแล้วมันก็เกิดสายสัมพันธ์ของสหายร่วมรบขึ้นในจิตใจของคนทั้งสอง
ว่านเจิ้นนั้นเป็นคนความคิดดีไม่เห็นแก่ตัว แน่นอนว่าย่อมจะได้รับการยอมรับจากคนในทัพไร้คาดเดาอย่างมาก
แม้แต่ผางเจิ้นเองก็ยังอดชื่นชมเรื่องนั้นไม่ได้
ว่านเจิ้นตอบกลับมา “เลิกพูดเถอะ! ทำเช่นนี้มันจะไม่มีใครรอดไปได้เอา!”
ผางเจิ้นตอบกลับมาอย่างไม่พอใจ “หากใครจะรั้งท้ายปิดหลังทัพ มันย่อมควรจะเป็นข้ามากกว่า!”
ว่านเจิ้นตอบกลับไป “ไร้สาระ! เจ้านั้นมีพลังเหนือล้ำแต่ขาดความถึกทน! วางใจเถอะน่า ต่อให้ข้าจะถูกล้อมอย่างไรข้าก็มีวิธีเอาตัวรอดได้ ข้านั้นมีปัญญาพอจะปกป้องตัวเองไหว! ตราบเท่าที่พวกเราล่อมันเข้ามหาค่ายกลเขาแปดโมฆะได้แล้วข้าก็ย่อมจะปลอดภัย!”
ผางเจิ้นนั้นรู้ว่าว่านเจิ้นกล่าวถูก กำลังฝีมือของเขานั้นมันเหนือล้ำหน้าใครจริง แต่คนที่ถึกทนเหมาะกับสงครามนั้นมันคือว่านเจิ้น
เขายืนพยายามตัดสินใจตรงนั้นอีกพักใหญ่ก่อนจะกัดฟันตอบกลับไป “พี่น้องข้า ดูแลตัวเองด้วย!”
ว่านเจิ้นยิ้มกลับไป “อย่าได้พูดเหมือนลาตายเช่นนั้นสิ ข้านั้นยังอยากจะได้คำแนะนำจากท่านนักบุญฟ้าครามและก้าวขึ้นไปเป็นยอดคนของยุคสมัยอยู่นะ!”
หลังกล่าวจบเขาก็ถามขึ้นมา “มีพี่น้องผู้ใดพร้อมที่จะไปตรึงเส้นทางถอยไว้กับข้าบ้าง!”
“ข้า!”
“ข้า!”
“ข้า!”
…
นายกองพันหลายต่อหลายคนรีบก้าวออกมารับคำทันที
จากทีแรกที่ผลัดกันไม่อยากสู้จนตอนนี้เป็นการอาสาเข้าทำสงครามเสี่ยงตาย
การเติบโตของเด็กชะตาไร้คาดเดานี้มันน่ากลัวจริง!
ว่านเจิ้นหัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆๆ พี่น้องที่ดี! หลินเสี่ยว หวู่เฉิง… พวกเจ้าทั้งสิบตามข้ามาตรึงทางถอยกัน คนอื่นๆ รีบถอยกลับไปก่อนเถอะ!”
คนที่อยู่เพื่อปิดทางนี้ย่อมจะต้องบาดเจ็บและสูญเสียอย่างมากมายเป็นแน่แล้ว บางทีอาจจะถึงขั้นถูกสังหารสิ้น!
แม้แต่ตัวว่านเจิ้น เจ้าฟ้าดินหนึ่งทลายคนนี้เองก็ยังอาจจะไม่รอดออกมา
แต่ไม่มีใครกลัว!
“ฆ่ามัน!”
ว่านเจิ้นไม่คิดถอยแต่กลับพุ่งตัวสวนทัพที่ตามหลังมาสังหารทัพบุตรเทวะลง
ยอดคนนั้นต้องมีความบ้าอยู่ในตัว!
เมื่อไม่ต้องถอยหนีคนทั้งหมื่นนี้จึงได้เข้าสู่สภาวะสงครามเต็มตัว ต่อสู้อย่างสุดชีวิต
ต่างฝ่ายนั้นต่างตกสู่ห้วงการปะทะอย่างไม่อาจเลี่ยง
คนทั้งหมื่นนี้ไม่ต้องห่วงกังวลใดๆ พวกเขานั้นไม่กลัวจะตายจึงเข้าไปหยุดกองทัพใหญ่ไว้ด้วยจำนวนเพียงแค่หมื่น!
แต่ไม่นานจากนั้นทัพหลักของเผ่าเทวาก็ตามมาถึงทำให้คนหมื่นคนนี้ถูกปิดล้อมเข้า
เมื่อผางเจิ้นเห็นภาพนั้นน้ำตาก็ค่อยๆ เอ่อขึ้นมาก่อนจะร้องลั่นไปด้านหลัง “ทุกคนจงฟัง ถอย!”
…
อีกด้านหนึ่งนั้นตัวเทียนเหอก็ยังคงไล่ตามติดอย่างกระชั้นชิดเข้าใกล้เย่หยวนในทุกวินาที
แต่ก่อนที่เย่หยวนจะทันเข้าไปถึงระยะของมหาค่ายกลเขาแปดโมฆะ
เวลานั้นเองที่เทียนเหอหัวเราะลั่นขึ้นมา “เด็กน้อย เจ้าคิดว่า… ข้าจะปล่อยให้เจ้าไปถึงเขาแปดโมฆะจริง? เสือนั้นแม้จะล่าหนูมันก็ล่าสุดแรง! วรยุทธแท้เต๋าสวรรค์ ย่อโลกาเพียงนิ้ว ทำงาน!”
………………….