ตอนที่ 2425 เกือบเอาชีวิตไม่รอด!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“ไม่ได้การ! คลื่นพลังเช่นนี้หรือว่ามันจะเป็นวรยุทธแท้เต๋าสวรรค์ของเทียนเหอ?”

“ฮ่าๆๆ เจ้าเดาได้ถูกต้องแล้ว! วรยุทธแท้เต๋าสวรรค์ของท่านเทียนเหอนั้นมันคือวิชาที่เรียกว่าย่อโลกาเพียงนิ้ว! เจ้าเด็กคนนั้นมันคิดว่าจะรอดจากมือท่านเทียนเหอไปได้ น่าขันเสียจริง!”

ได้ยินคำพูดนั้นหนี่ซวนก็ต้องกัดฟันแน่นทันที

ย่อโลกาเพียงนิ้ว แค่ฟังชื่อของมันนี้ก็พอจะเดาได้ว่ามันคงเป็นวรยุทธแท้เต๋าสวรรค์รูปแบบการเคลื่อนไหวอย่างหนึ่ง

เดิมทีเทียนเหอนนั้นก็มีความเร็วที่เหนือล้ำอยู่แล้ว เวลานี้เมื่อผสานเข้ากับวรยุทธแท้เต๋าสวรรค์แล้วเย่หยวนย่อมจะไม่มีสิทธิไปถึงเขาแปดโมฆะได้เลย!

วินาทีนี้ตัวหนี่ซวนเริ่มกังวลขึ้นมาสุดใจ!

ส่วนอีกด้านทางว่านเจิ้นที่ยื้อทัพบุตรเทวะไว้นั้นก็ถูกทัพเผ่าเทวาอื่นๆ นำกำลังผ่านไปตามหลังพวกผางเจิ้น

เมื่อไม่มีเย่หยวนคอยสั่งการแล้ว พวกว่านเจิ้นทั้งหมื่นนี้ย่อมจะได้แต่ต้องต่อสู้อย่างยากลำบาก

การต่อสู้โดยไม่มีเปรียบเรื่องจำนวนทั้งยังเสียเปรียบด้านกำลังฝีมือ มันย่อมจะเป็นโศกนาฏกรรมดีๆ นี่เอง

โชคยังดีที่ตัวว่านเจิ้นนั้นบรรลุอาณาจักรเจ้าฟ้าดินได้แล้วจึงพอที่จะลดภาระของคนทั้งหลายลงได้บ้าง

เวลานี้เด็กชะตาไร้คาดเดามากมายต่างเสียชีวิตต่อสู้อย่างสุดตัว

บ้างนั้นก็ถึงขั้นยอมใช้วิชาลับที่ต้องแลกด้วยพลังชีวิตเพื่อเพิ่มกำลังฝีมือในระยะสั้นๆ

หลังจากต่อสู้อย่างดุเดือดมานานแม้พวกเขาจะฆ่าสังหารศัตรูไปได้มากมายแต่สุดท้ายตัวเองก็ต้องตายลงด้วยน้ำมือของเหล่าบุตรเทวะ

เวลานี้กำลังของทั้งสองฝ่ายนั้นมันลดลงอย่างมากล้น

ตูม!

คลื่นพลังรุนแรงปะทะส่งเสียงลือลั่นทั่วสนามรบ

มันเหมือนว่าทั้งโลกหล้านี้สั่นสะเทือนขึ้นมาพร้อมๆ กัน

เมื่อใช้วรยุทธแท้เต๋าสวรรค์ออกมาความเร็วของเทียนเหอมันจึงพุ่งทะยานล้ำ!

พริบตาเดียวนั้นเขาก็ตามมาจนถึง

เขาแปดโมฆะนั้นมันอยู่ห่างไปแค่เอื้อมมือแต่เย่หยวนคงไม่อาจจะไปถึงมันได้แล้ว

บริเวณที่เทียนเหอยืนอยู่นั้นมันไม่อาจจะทนรับพลังรุนแรงนี้ได้จนแตกสลายลงถึงชั้นของมิติ

แม้แต่กระแสมิติทั้งหลายเองก็ยังถูกพัดทำลายลงไป! มันเป็นพลังที่ไม่เคยปรากฏให้เห็นที่ไหนมาก่อน!

ขนของเย่หยวนนั้นลุกชันขึ้นทั้งร่างราวกับว่าโลกจะแตกสลายลงตรงหน้า

เขานั้นไม่เคยจะพบเห็นพลังเช่นนี้และเป็นเวลานี้เองที่เขาได้เข้าใจว่าทำไมมันจึงถูกเรียกว่าสงครามสิ้นโลก

แม้แต่เทียนเหอยังทำได้ถึงขั้นนี้ หากเป็นเทียนชิงหรือเหล่าบรรพบุรุษอื่นๆ แล้วเล่า?

พลังเช่นนี้มันย่อมจะทำลายฟ้าดินลงได้อย่างแท้จริง

ในเวลานี้เองทั้งตีนเขาแปดโมฆะมันได้แตกสลายออก!

ราวกับได้มีหลุมดำปรากฏขึ้นมาที่ตีนเขานั้น

คลื่นพลังนี้มันทำให้คนทั้งหลายตกตะลึง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในทัพไร้คาดเดาและเหล่ายอดคนเบื้องบนของทัพผสมหลากเผ่าพันธุ์ พวกเขาทั้งหลายได้แต่ต้องอ้าปากค้าง

มันจะจบลงเช่นนี้?

“ท่านนักบุญฟ้าคราม!”

ผางเจิ้นนั้นร้องลั่นขึ้นมาด้วยดวงตาแดงก่ำเอ่อน้ำตา มองดูหลุมดำตรงหน้านั้นอย่างโกรธแค้น

น้ำตาค่อยๆ ไหลลงมาบนใบหน้าของเขา

เย่หยวนนั้นได้กลายเป็นผู้นำของเขาไปโดยที่แม้แต่ตัวเขานั้นก็ยังไม่ทันรู้

เวลานี้เมื่อผู้นำตายลงแล้วเขาก็เกิดเศร้าขึ้นมาจับใจ

มันมิใช่เพียงแค่เขา แต่เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาคนอื่นๆ เองก็เริ่มน้ำตาตกมาตามๆ กัน

“ทำไมมันเป็นเช่นนี้! หรือว่าท่านนักบุญฟ้าครามจะจากไปทั้งอย่างนี้จริง?”

“ข้าไม่เชื่อ! เป็นไปไม่ได้!”

“ความหวังของมนุษย์เราจะจบลงเท่านี้หรือ?”

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาจากทุกทิศ

คนทั้งหลายนั้นต่างเข้าใจว่าความตายของเย่หยวนมันหมายถึงสิ่งใด

“ฮ่าๆๆ… เจ้าเด็กอวดดี เจ้าคิดจริงหรือว่าจะรอดพ้นจากมือบรรพกาลผู้นี้ได้? เจ้านั้นไม่ได้รู้ถึงพลังของบรรพกาลผู้นี้ตอนที่ปกครองมหาพิภพถงเทียนเสียแล้ว! หมายความว่าทุกสิ่งมันจบลงแล้วสินะ!”

การได้สังหารความหวังนี้ เทียนเหอย่อมจะรู้สึกสะใจอย่างมาก

ตัวตนของเย่หยวนนั้นมันอันตรายจนเกินไป

การได้ดับความหวังนั้นมันจึงทำให้เขาพึงพอใจอย่างมาก

แต่ว่าในวินาทีนั้นเองมันกลับมีรอยแยกมิติขึ้นก่อนจะเผยให้เห็นร่างอาบเลือดเดินโซเซออกมา

ใช่แล้ว เดินโซเซ!

เสื้อผ้าสีขาวตัวโปรดของเขานั้นมันได้อาบไปด้วยสีเลือดแดงฉาน

กระดูกในร่างของเขามันแทบจะป่นปี้ลงสิ้น

คลื่นพลังจากกายของเขานั้นมันอ่อนแออย่างมาก

แต่เขากลับยังไม่ตาย!

เสียงหัวเราะของเทียนเหอต้องหยุดชะงักลงทันที

เขานั้นหันไปมองเย่หยวนด้วยสีหน้าตกตะลึง ไม่คิดอยากเชื่อสายตา

“มัน… เป็นไปได้อย่างไรกัน? ภาพลวงมิติเวลาหรือ? แต่บรรพกาลผู้นี้โจมตีทำลายลงแม้แต่มิติเวลา! มันยังรอดได้อย่างไร!”

เมื่อมีพลังถึงระดับเขานี้แต่ละก้าวย่างมันย่อมจะแฝงล้นไปด้วยพลังฟ้าดิน

แม้แต่มิติเวลาเองก็ไม่อาจหลบรอด

เทียนเหอนั้นย่อมรู้ถึงภาพลวงมิติเวลาของเย่หยวนและจึงได้โจมตีเข้าไปถึงมิติเวลาอย่างสุดแรงด้วย!

ภายใต้พลังนี้แม้จะเป็นเจ้าฟ้าดินห้าทลายเองก็คงไม่รอดชีวิต

แต่เย่หยวนกลับรอดออกมาได้!

นี่มันเกินกว่าที่จะทำใจเชื่อได้ไปมาก

“ข้าเข้าใจแล้ว! มันเป็นภาพลวงมิติเวลาหลายชั้น! ร้ายกาจจริง ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมีแนวคิดแห่งมิติเวลาที่เหนือล้ำไปจนถึงระดับนั้น! แต่นี่มันก็ยิ่งทำให้ข้าปล่อยเจ้าไว้ไม่ได้อีก!”

เทียนเหอนั้นได้เข้าใจว่าเรื่องราวตรงหน้ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร

ในวินาทีสุดท้ายนั้นเย่หยวนได้วางชั้นของมิติเวลาขึ้นมาหลายต่อหลายชั้นจนทำให้สามารถลดทอนหลบพลังโจมตีนั้นรอดตายไปได้หวุดหวิด

การวางภาพลวงมิติเวลาหลายชั้นนั้นมันไม่ได้เป็นเรื่องง่ายๆ เหมือนการวางหนึ่งชั้น

นี่มันคือการใช้พลังมิติเวลาออกมาอย่างถึงที่สุด มันมิใช่สิ่งที่แค่รู้แนวคิดแห่งมิติเวลาแล้วจะทำได้

แน่นอนว่าถึงจะทำเรื่องเหนือล้ำขนาดไหน ตัวเย่หยวนก็ยังแทบตายลงภายใต้พลังนั้น

เทียนเหอนั้นมีกำลังเหนือน่ากลัวจนเกินไป มันเหนือล้ำจนไม่ต้องสนใจแนวคิดใดๆ อีก

พลังแนวคิดของเย่หยวนนี้สามารถทำให้ยู่ฉินนั้นได้แต่เกาหัวไม่อาจตอบโต้แต่มันกลับไม่อาจหยุดเทียนเหอได้แม้แต่น้อย

“หมาเฒ่า มีปัญญาเจ้าก็ตามมาสังหารข้าให้ได้เถอะ!”

เย่หยวนกล่าวขึ้นมาทำให้คนทั้งหลายต้องสั่นสะท้าน

เสียงแหบแห้งนั้นมันกลับช่างฟังดูทรงพลัง

พูดจบเย่หยวนก็เดินหันหน้าเข้าเขาแปดโมฆะไป

เทียนเหอหัวเราะเย้ยขึ้น “เขาแปดโมฆะมันก็แค่ค่ายกลตาย มีหรือที่จะรับมือบรรพกาลผู้นี้ได้? เด็กน้อย เจ้ามันโง่เง่าเกินไปแล้ว!”

พูดจบเขานั้นก็กระโดดขึ้นเขาแปดโมฆะตามมา

ตูม!

แน่นอนว่ามหาค่ายกลของเขาแปดโมฆะมันย่อมทำงานทันที

คลื่นพลังรุนแรงนั้นมันพุ่งทะยานใส่เทียนเหออย่างหนักหน่วง

แต่ว่าตัวเทียนเหอนั้นกลับทรงพลังกว่า เดินผ่านขึ้นไปอย่างไม่สนใจพลังปิดกั้นใดๆ ทั้งสิ้น

เขานั้นกลับใช้พลังที่เหนือล้ำของตัวเองต้านทานพลังของมหาค่ายกลแห่งเขาแปดโมฆะไว้

มหาค่ายกลนี้ที่คนอื่นๆ กลัวเหมือนเป็นปีศาจร้าย ตัวเทียนเหอนั้นกลับไม่คิดสนใจมันแม้แต่นิด

เทียนเหอนั้นวิ่งตามขึ้นไป แม้ว่าความเร็วของเขาจะตกลงอย่างมากแต่ก็ยังขึ้นเขามาได้อย่างรวดเร็ว

แต่เย่หยวนที่ด้านหน้านั้นได้แต่แอบยิ้มขึ้นในใจ

มหาค่ายกลเขาแปดโมฆะนี้มันเป็นเหมือนบ้านของเขา

ตราบเท่าที่เขาคิดไป เขาย่อมจะขึ้นถึงยอดได้ในทันที

แต่เขาเลือกจะไม่ทำ

เพราะในระยะนี้มหาค่ายกลยังไม่อาจจะใช้พลังที่มีทั้งหมดออกมาได้ ไม่อาจจะทำร้ายเทียนเหอได้มากมาย

เขาจึงได้วิ่งล่อให้เทียนเหอตามตนเองขึ้นเขามา

คนทั้งสองนั้นหนึ่งไล่หนึ่งหนีผ่านระดับสามพันกิโลเมตรไปจนถึงระดับเก้าพันกิโลเมตรจนถึงระดับหนึ่งหมื่นแปดพันกิโลเมตรและผ่านไปจนถึงระดับสี่หมื่นกิโลเมตร!

เทียนเหอนั้นยังคงติดตามอย่างกระชั้นชิดไม่คิดปล่อยไป

“เด็กน้อย เจ้าคงใกล้ถึงขีดจำกัดแล้วใช่หรือไม่? ข้าจะบอกให้ ตราบเท่าที่เจ้าไม่อาจขึ้นไปถึงยอดเขาได้เจ้าย่อมจะได้ตายลงแน่แล้ว! เจ้าคงสิ้นหวังมาก? ฮ่าๆๆ…” เทียนเหอวิ่งไปหัวเราะไป

เย่หยวนนั้นแค่ยิ้มขึ้นอย่างไม่คิดตอบกลับใดๆ มุ่งหน้าสู่ยอดเขา

ไม่นานนักคนทั้งสองก็ผ่านระดับหกหมื่นกิโลเมตรขึ้นมา

เทียนเหอนั้นหยุดร่างลงอย่างกะทันหันด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในใจ

ระยะนี้มันย่อมจะเกินกว่าที่เย่หยวนควรปีนถึงแล้ว!

แต่เย่หยวนยังคงมุ่งหน้าขึ้นไปเรื่อย!

เขานั้นเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังติดกับเข้า

ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่เย่หยวนได้หันหน้ากลับมาหัวเราะ “อะไรเล่า? กลัวหรือ? เจ้าบอกว่าจะไล่ข้าไปจนกว่าจะถึงยอดเขามิใช่หรือ? จะลองดูหน่อยไหมเล่า?”

………………