ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 127 วันที่แดดจ้า

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​ม่อ​อวี​่​ ​หลัว​หยาง​อ๋อง​ ​มหาราช​ครู​ไป๋​อิง​ ​และ​เหล่า​เสนาบดี​และ​องครักษ์​มอง​ย้อนกลับ​ไป​ด้วย​ความประหลาดใจ

​การแสดงออก​ของ​เซียง​อ๋อง​และ​หลิน​กง​กง​เปลี่ยนไป​อย่างกะทันหัน​ ​แม้แต่​ใบหน้า​ของ​เฉา​อวิ​๋น​ผิง​ก็​ยัง​แสดง​ความประหลาดใจ

​ไม่มีใคร​สังเกตเห็น​ว่า​ ​ขันที​ตัว​น้อย​ผู้​บอบบาง​บน​ชั้นสอง​ก็​หันกลับ​ไป​มอง​ด้วย​เช่นกัน

​หลัว​หยาง​อ๋อง​ลด​แขน​ลง​อย่าง​เหม่อลอย

​ในที่สุด​สีเหลือง​สุกใส​นั้น​ก็​ปรากฏ​ขึ้น​ต่อหน้า​ทุกคน

​จักรพรรดิ​อวี​๋​เห​ริน​แห่ง​ต้า​โจว

​“​ฝ่า​บาท​!​”

​หลาย​เสียง​ตะโกน​ดัง​ขึ้น

​อวี​๋​เห​ริน​มอง​ไป​ทาง​หลิน​กง​กง​ด้านล่าง​อย่างเงียบเชียบ

​ทันใดนั้น​หลิน​กง​กง​ก็​รู้สึก​ว่า​ตนเอง​ร้อน​ขึ้น​นิดหน่อย​ ​ไม่ใช่​ร่างกาย​ ​แต่​เป็น​ที่​ใบหน้า​ ​เพราะเหตุใด​กัน

​“​การ​ให้​ขันที​และ​นางใน​ซ่อนตัว​ใน​วัง​ ​มิใช่​เพราะ​บุตรบุญธรรม​ของ​ท่าน​ ​แต่​เป็น​ประสงค์​ของ​เรา​”

​สายตา​ของ​อวี​๋​เห​ริน​ทั้ง​อ่อนโยน​และ​สงบนิ่ง​ ​ยิ่ง​เปล่งเสียง​ออกมา​ก็​ยิ่ง​ดู​เป็นปกติ​มากขึ้น​ ​“​ดาบ​หอก​ไร้​ตา​ ​ราชกิจ​ของ​เมือง​ก็​ไม่เกี่ยว​ข้อง​กับ​พวกเขา​ ​จะ​ปล่อย​ให้​พวกเขา​ได้รับบาดเจ็บ​ ​หรือ​ตาย​ไป​เพื่อ​เหตุใด​”

​หลิน​กง​กง​เงียบ​อยู่​ครู่หนึ่ง​แล้ว​กล่าวว่า​ ​“​ฝ่า​บาท​เป็น​จักรพรรดิ​ผู้​มี​เมตตา​จริงๆ​”

​อวี​๋​เห​ริน​กล่าวว่า​ ​“​ท่าน​อาจารย์​และ​ท่าน​ต้องการ​ให้​ข้า​เป็น​จักรพรรดิ​ที่​มี​เมตตา​ ​แต่​ถ้า​เรา​ถูก​ขู่​ให้​สละราชสมบัติ​ด้วย​ชีวิต​ของ​ประชาชน​ ​นั่น​ย่อม​ไม่ใช่​จักรพรรดิ​ที่​มี​เมตตา​แต่​เป็น​จักรพรรดิ​ที่​อ่อนแอ​”

​วาจา​ของ​เขา​คล่อง​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​จนกระทั่ง​ไม่​ต่าง​จาก​คน​ปกติ​ ​แต่​เสียง​ของ​เขา​ยัง​แหบแห้ง​เล็กน้อย

​ไม่มีใคร​สังเกต​เรื่อง​ที่​เขา​พูด​กับ​หลิน​กง​กง​ ​เพราะ​ทุกคน​ต่าง​ตกใจ​ที่​เขา​พูด​ด้วย​ตนเอง

​ที่แท้​ฝ่า​บาท​ก็​ไม่ได้​เป็น​ใบ้​ ​เขา​พูด​ได้​?​ ​แล้ว​เหตุใด​เขา​ยาม​ปกติ​เขา​ไม่​พูด​ออกมา​ ​แม้แต่​หลิน​กง​กง​ที่​รับใช้​เขา​มาก​ว่า​สิบ​ปีก​็​ยัง​ไม่รู้

​หาก​บอกว่า​มีลูก​ไม้​อะไร​ซ่อน​อยู่​นั่น​ก็ช่าง​เถิด​ ​นี่​เป็น​เพียงแค่​การ​เอ่ย​วาจา​ออกมา​ก็​เท่านั้น​ ​เปลี่ยน​มา​เป็นความลับ​แล้ว​มีประโยชน์​อัน​ใด​กัน

​ท่ามกลาง​สายตา​ที่​ตกตะลึง​นับ​สิบ​ ​อวี​๋​เห​ริน​รู้​ว่า​ทุกคน​คิด​สิ่งใด​อยู่​ ​แต่ไหนแต่ไรมา​เขา​ไม่​อยาก​จะ​ตอบคำถาม​ ​แต่​หลังจากที่​คิดทบทวน​แล้ว​เขา​ก็ได้​ให้​คำตอบ​ออกมา

​“​ข้า​โกหก​ไม่​เป็น​ ​ดังนั้น​ตอนที่​ข้า​ยัง​เล็ก​ยาม​ที่​ออกจาก​จิง​ตู​ ​ท่าน​อาจารย์​บอก​ข้า​ไม่​ให้​พูด​ ​หลังจากนั้น​ข้า​จึง​ชิน​กับ​การ​ไม่​พูด​”

​“​ชีวิต​ที่​ซี​หนิง​ ​บางครั้ง​ก็​ไม่จำเป็น​ต้อง​ออกท่า​ทาง​กับ​ท่าน​อาจารย์​และ​ศิษย์​น้อง​ด้วยซ้ำ​ ​แค่​แววตา​ก็​สามารถ​รู้​ได้​ว่า​คิด​จะ​ทำ​สิ่งใด​ ​ยิ่ง​ไม่จำเป็น​จะ​ต้อง​พูด​ใดๆ​”

​“​ต่อมา​เมื่อมา​ถึง​จิง​ตู​ ​กลายเป็น​จักรพรรดิ​แล้ว​ ​สิ่ง​ที่​ทำ​มาก​ที่สุด​ทุกวัน​คือ​การ​อ่าน​ฎีกา​ ​ใช้​พู่กัน​เขียน​ก็ได้​แล้ว​ ​ยิ่ง​ไม่จำเป็น​ต้อง​พูด​”

​“​แม้แต่​ใน​การ​ว่าราชการ​ข้า​ก็​พบ​ว่า​แค่​ฟัง​เพียง​อย่าง​เดียว​ไม่​พูดดี​กว่า​ ​เพราะ​มัน​ช่วย​ลด​ปัญหา​ ​และ​เงียบสงบ​”

​“​ในเมื่อ​ไม่จำเป็น​ต้อง​พูด​ ​เช่นนั้น​ข้า​จะ​พูด​เพื่อ​สิ่งใด​เล่า​”

​……

​……

​เมื่อ​ไม่มี​ความจำเป็น​ ​ก็​เป็นธรรมดา​ที่จะ​ไม่​ทำ

​ไม่มีใคร​จะ​วิ่ง​รอบ​ดินแดน​ต้า​ลู่​เป็น​สิบ​รอบ​ ​สำรวจ​ทุ่งหญ้า​และ​ภูเขา​หิมะ​ทั้ง​สี่​ฤดู​นับ​ครั้ง​ไม่​ถ้วน​โดย​ไม่มีเหตุผล​ ​เว้นแต่ฮู​หยิน​ของ​เขา​จะ​จากไป​อย่าง​เงียบๆ​ ​กลางดึก

​เซียง​อ๋อง​พูดว่า​ ​“​ที่แท้​ฝ่า​บาท​ก็​แสร้งทำ​เป็น​ใบ้​และ​หูหนวก​”

​อวี​๋​เห​ริน​พูดว่า​ ​“​ใช่​ ​ข้า​ได้​อ่าน​บันทึก​ทั้งหมด​ของ​จักรพรรดิ​ไท่​จง​ ​และ​ยัง​ได้​อ่าน​อดีต​ของ​ราชวงศ์​ก่อน​ๆ​ ​จำนวน​หนึ่ง​ด้วย​ ​ข้า​พบ​ว่า​พวกเขา​เก่ง​มา​ใน​การ​แสร้งทำ​เป็น​ใบ้​และ​หูหนวก​”

​เมื่อ​เซียง​อ๋อง​ได้​ฟัง​ก็​ครุ่นคิด​ ​กลัว​ก็​ส่าย​ศีรษะ​เบา​ๆ​ ​พูดว่า​ ​“​ที่แท้​ฝ่า​บาท​ก็​ไม่ธรรมดา​จริงๆ​ ​แต่​โชคดี​ที่​พระองค์​ปิดบัง​เพียง​เรื่อง​ที่​พูด​ได้​เอาไว้​”

​อวี​๋​เห​ริน​ต้องการ​พูด​สิ่งใด​เสียหน่อย​ ​แต่กลับ​พูด​ไม่ทัน​ ​เพราะ​วันนี้​เป็นครั้งแรก​ที่​เขา​เปิดปาก​พูด​ ​ดังนั้น​การตอบโต้​ของ​เขา​ย่อม​ช้า​ลง​อย่าง​เลี่ยง​ไม่ได้

​“​ต่อไป​ ​ข้า​จะ​เรียนรู้​ที่จะ​แสร้งทำ​เป็น​ใบ้​และ​หูหนวก​”

​เซียง​อ๋อง​กล่าว​ต่อไป​ว่า​ ​“​แต่​โปรด​เขียน​พระราชกฤษฎีกา​สละราชสมบัติ​ก่อน​เสียเถิด​ ​เรื่อง​นี้​ท่าน​ไม่จำเป็น​ต้อง​เปิดปาก​พูด​ ​ใช้​เพียงแค่​พู่กัน​เท่านั้น​ ​ฝ่า​บาท​น่าจะ​คุ้นเคย​ดี​อยู่​แล้ว​”

​อวี​๋​เห​ริน​ไม่ได้​พูด​อะไร​ออกมา​ ​เพียงแต่​ส่าย​ศีรษะ​ไปมา​เท่านั้น

​เซียง​อ๋อง​ถอนหายใจ​ออกมา​หนึ่ง​ครั้ง​ ​พูดว่า​ ​“​เช่นนั้น​คง​ทำได้​เพียง​ขอประทาน​อภัยโทษ​เท่านั้น​”

​ในขณะนี้​ ​ขันที​น้อย​ที่​ยืน​อยู่​ตรง​ชั้นสอง​หลัง​รั้ว​ทอง​ ​ก็​เดิน​ออกมา​ ​และ​ถอด​หมวก​ของ​ตน​ออก​ทันที

​นาง​มอง​ไป​ยัง​เซียง​อ๋อง​และ​กล่าวว่า​ ​“​ท่าน​อ๋อง​ ​ท่าน​แน่ใจ​แล้ว​หรือ​ที่จะ​ทำ​เช่นนี้​ต่อไป​”

​ผม​สีดำ​ราวกับ​น้ำตก​ไหล​ลงมา​ ​สวยงาม​ราวกับ​ภาพวาด​ที่​เคลื่อนไหว​ได้​ ​กลุ่ม​เสนาบดี​เฒ่า​มากมาย​ใน​ตำหนัก​ ​ต่าง​นึกถึง​ตัวตน​ที่แท้​จริง​ของ​สตรี​นาง​นี้​ได้​อย่างรวดเร็ว

​“​ฝ่า​บาท​!​ ​ฝ่า​บาท​องค์​หญิง​!​”

​ทุกคน​คิด​ด้วย​ความตกใจ​ ​จู่ๆ​ ลั​่​วลั​่​วก​็​ปรากฏตัว​ขึ้น​ใน​พระราชวัง​ต้า​โจว​ ​พูด​ได้​หรือ​ไหม​ว่านาง​เป็นตัวแทน​การแสดง​ท่าที​ของ​เผ่า​ปีศาจ

​เช่นนั้น​แล้ว​เกิด​สิ่งใด​ขึ้นกับ​ค่าย​ผิง​เป่ย​ที่​กำลัง​ล้อม​พระราชวัง​กับ​กองทัพ​กบฏ​อยู่​ขณะนี้

​เมื่อม​อง​ไป​ยังลั​่​วลั​่ว​ ​เซียง​อ๋อง​ก็​ตกใจ​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​และ​ส่าย​ศีรษะ​ไปมา

​เฉา​อวิ​๋น​ผิง​ก็​ยิ้ม​ออกมา​ ​พูด​ด้วย​แววตา​อ่อนโยน​ว่า​ ​“​ฝ่า​บาท​ ​เลิก​ไร้สาระ​ได้​แล้ว​”

​มุมมอง​ที่​ผู้อาวุโส​มีต​่​ออนุ​ชน​เช่นนี้​ ​อย่างน้อยที่สุด​แล้วก็​ไม่​ควร​ปรากฏ​ออกมา​ในเวลานี้

ลั​่​วลั​่ว​เลิก​คิ้ว​ขึ้น​พูดว่า​ ​“​ก่อนที่​ข้า​จะ​เดิน​เข้า​วัง​มา​ข้า​ได้​ปราบ​ค่าย​ผิง​เป่ย​ไป​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ในเวลานี้​เซ​วี​ยน​หยวนผ​้​อก​็​อยู่​ที่​สำนัก​ฝึก​หลวง​แล้ว​ ​เพื่อที่จะ​หยุดยั้ง​พวก​ท่าน​”

​เฉา​อวิ​๋น​ผิง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​หาก​ท่าน​นักพรต​และ​เฉิน​ฉาง​เซิง​นำ​ทัพ​กลับ​ไป​ทางใต้​ ​ท่าน​และ​เซ​วี​ยน​หยวนผ​้​อก​็​จะ​ถูก​ซุ่ม​โจมตี​ ​เพราะ​จักรพรรดิ​ขาว​จะ​ปรากฏตัว​ออกมา​เพื่อ​ช่วย​ข้า​กับ​เซียง​อ๋อง​ ​และ​กลายเป็น​ผู้​มีพ​ระ​คุณ​ที่​ช่วย​ดินแดน​ต้า​โจว​อย่าง​ช่วยไม่ได้​ ​แต่​หาก​ท่าน​นักพรต​มิได้​กลับมา​ ​นี่​ก็​หมายถึง​เขา​ได้​ละทิ้ง​สมเด็จ​พระจักรพรรดิ​แล้ว​ ​จักรพรรดิ​ขาว​ก็​จะ​ไม่​ออกมา​ ​ไม่ว่า​พวก​ท่าน​จะ​ทำ​สิ่งใด​ก็​ไม่มี​ความหมาย​ทั้งสิ้น​”

ลั​่​วลั​่ว​เข้าใจ​ความหมาย​ของ​เขา​ ​ใบหน้า​เล็ก​ๆ​ ​ของ​นาง​ก็​ซีด​ลง​เล็กน้อย

​ทุกอย่าง​อยู่​ภายใต้การควบคุม​ของ​จักรพรรดิ​ขาว​ ​ไม่เช่นนั้น​นาง​จะ​หนี​ออกจาก​เมือง​ไป๋​ตี้​อย่างง่ายดาย​ได้​อย่างไร​ ​แล้ว​เซ​วี​ยน​หยวนผ​้อ​จะ​ซ่อนตัว​อยู่​ใน​ค่าย​ผิง​เป่ย​เป็นเวลา​นาน​เช่นนี้​ได้​อย่างไร

​เซียง​อ๋อง​และ​เฉา​อวิ​๋น​ผิง​ไม่รู้​ถึง​การ​มีอยู่​ของ​นาง​และ​เซ​วี​ยน​หยวนผ​้อ

​แต่​นาง​และ​เซ​วี​ยน​หยวนผ​้อ​เป็น​เพียง​ตัว​หมาก​ ​หรือ​ตัวละคร​หนึ่ง​ ​ที่​เดินตาม​ความคิด​ของ​จักรพรรดิ​ขาว​ ​และ​เปลี่ยน​บทบาท​ของ​ตน​อยู่​ตลอดเวลา

​จนกระทั่งบัดนี้​จักรพรรดิ​ขาว​ก็​ยัง​ไม่​ปรากฏตัว​ออกมา​ ​นั่น​ก็​หมายความว่า​เขา​ได้​ตกลง​เป็น​พันธมิตร​กับ​เซียง​อ๋อง

​นี่​ก็​มีความหมาย​ตามที่​เฉา​อวิ​๋น​ผิง​กล่าว​ ​ทุกสิ่งทุกอย่าง​ที่ลั​่​วลั​่ว​และ​เซ​วี​ยน​หยวนผ​้อ​ทำไม​่​มีความหมาย​เลย

​ทันใดนั้นลั​่​วลั​่​วก​็​นึกถึง​เหตุการณ์​นั้น​เมื่อ​สิบ​ปีก่อน

​มู่​จิ​่ว​ซือ​และ​จักรพรรดิ​ดินแดน​ต้า​ซี​เสียชีวิต​ใน​ทะเล

ลั​่​วลั​่ว​เข้าใจ​มาโดยตลอด​ว่านี​่​คือ​การ​จัดการ​ของ​ซาง​สิง​โจว​ ​มาบั​ดนี​้​ดูเหมือนว่า​เรื่อง​นี้​จะ​เกี่ยวข้อง​กับ​เสด็จ​พ่อ​เป็นแน่

​หลังจาก​ได้​รู้​เกี่ยวกับ​พันธสัญญา​ระหว่าง​จักรพรรดิ​ขาว​และ​เซียง​อ๋อง​แล้ว​ ​นาง​จึง​แจ้ง​เฉิน​ฉาง​เซิง​ทันที​ ​จากนั้น​จึง​เดินทาง​แปด​หมื่น​ลี้​ตลอดทั้ง​กลางวัน​และ​กลางคืน​ไป​ยัง​จิง​ตู​ ​เผื่อ​จะ​ช่วย​สิ่งใด​ได้

​นาง​ไม่ได้​พักผ่อน​ให้​ดี​ๆ​ ​หลาย​วัน​แล้ว​ ​จู่ๆ​ ​ได้​มองเห็น​ความจริง​อัน​น่าเบื่อหน่าย​นั่น​ ​ความเหนื่อย​ล้า​ทั้งหลาย​ก็​หลั่งไหล​เข้ามา​ ​แล้ว​ร่าง​ของ​นาง​ก็​สั่น​ไหว​เล็กน้อย

​มือ​ข้าง​หนึ่ง​ร่วง​ลงมา​บน​ไหล่​ของ​นาง​ ​ประคอง​นาง​ไว้

​มือ​นั้น​มั่นคง​และ​เอื้ออาทร​ ​สัมผัส​ได้​ถึง​ความอบอุ่น​ทั่ว​เสื้อผ้า​ที่​สัมผัส​อยู่

ลั​่​วลั​่ว​ตื่นขึ้น​มา​ ​และ​ถอย​ออกมา​ด้าน​ข้าง

​นาง​ก็​ไม่เข้าใจ​ว่า​เพราะเหตุใด​ตน​ต้อง​ทำ​เช่นนี้​ ​ดูเหมือนว่า​อาจารย์​จะ​สั่ง​อะไร​บางอย่าง​ ​แต่​นาง​ลืม​เสีย​แล้ว

​ก็​เหมือนกับ​สิ่ง​ที่​ม่อ​อวี​่​ ​หลัว​หยาง​อ๋อง​ ​มหาราช​ครู​ไป๋​อิง​ ​เหล่า​เสนาบดี​และ​องครักษ์​รับ​มา​และ​ทำต่อ​ไป​นั่นแหละ

​กลุ่มคน​แยก​ออกจาก​กัน​ราวกับ​กระแสน้ำ​ ​อวี​๋​เห​ริน​เดิน​ออกมา

​เขา​เคลื่อนไหว​อย่าง​เชื่องช้า​ ​เพราะ​ผู้คน​ทั่วหล้า​ต่าง​รู้​ว่า​ ​เท้า​ข้าง​หนึ่ง​ของ​เขา​พิการ

​ถึงแม้​จะ​เดิน​ช้า​สัก​เพียงใด​ ​ขอ​เพียง​ตั้งใจ​แน่วแน่​ ​สุดท้าย​ก็​จะ​สามารถ​ไป​ถึง​ฝั่ง​ได้​เสมอ

​ไม่ว่า​จะ​เป็น​ลำธาร​เล็ก​ๆ​ ​ใน​ซี​หนิง​หรือ​สายธาร​แห่ง​ปัญญา​ ​หรือ​ทอง​ใต้​แผ่นดิน​ที่​นำมา​ก่ออิฐ​เป็น​ลวดลาย​ของ​แม่น้ำ​และ​ท้องทะเล

​อวี​๋​เห​ริน​เดิน​ไป​ถึง​หน้า​กาย​ของ​เซียง​อ๋อง​ ​หยุด​ฝีเท้า​ลง

​เป็นครั้งแรก​ที่​เซียง​อ๋อง​ได้​มอง​เขา​ใน​ระยะใกล้​ขนาด​นี้

​ดวงตา​ที่​มองไม่เห็น​ ​ติ่งหู​ครึ่งหนึ่ง​ที่​หาย​ไป​ ​และ​ไหล่​ที่​เอน​ไป​ทางซ้าย​เล็กน้อย​ค่อยๆ​ ​หาย​ไป​จาก​การ​มองเห็น​ของ​เขา

​สุดท้าย​ ​เห็น​เพียง​ใบหน้า​สะอาด​นั้น​เท่านั้น

​ใน​แววตา​ของ​เซียง​อ๋อง​มี​ความ​สับสน​ปรากฏ​ขึ้น​เล็กน้อย​ ​และ​มี​ความสงสัย​บางอย่าง​ ​จากนั้น​ก็​กลายเป็น​ความตกใจ​ ​และ​ในที่สุด​ก็​กลายเป็น​สนใจ

​เขา​ตบ​เข้าที่​หัว​ของ​อวี​๋​เห​ริน​ฉาด​หนึ่ง

​ฝ่ามือ​นี้​นุ่มนวล​ราวกับ​ไม่มี​กระดูก​ ​ราวกับ​เปลวไฟ​ที่​มองไม่เห็น​ของ​ดวงอาทิตย์​ ​มีกลิ่น​อาย​ของ​ความ​น่ากลัว​อัน​หาที่เปรียบมิได้

​มีเสียง​อุทาน​ดัง​ขึ้น​ ​และ​ในที่สุด​เหล่า​องครักษ์​ก็​ฟื้น​สติ​ขึ้น​มา​ ​รีบ​วิ่ง​ไป​ข้างหน้า​โดย​ไม่​กลัว​เป็น​หรือ​ตาย​ ​ต้องการ​นำ​ร่างกาย​ของ​ตนเอง​ปกป้อง​ฝ่า​บาท​จาก​ฝ่ามือ​นั้น

​ทันใดนั้น​ ​ลมปราณ​อัน​ทรงพลัง​ก็​เกิดขึ้น​ ​ราวกับ​กระแสน้ำ​จริงๆ​ ​ห่อหุ้ม​เหล่า​องครักษ์​ไว้​และ​พลัก​ไป​กระแทก​บันได

​รั้ว​สีทอง​พังทลาย​ลง​ ​เกิด​ฝุ่น​และ​ควัน​ขึ้น​ย่อมๆ

​……

​……

​จาก​การสืบสวน​ใน​ภายหลัง​ ​มี​คน​เพียง​ไม่​กี่​คน​เท่านั้น​ที่​เห็นภาพ​ฉาก​ในขณะนั้น

​แสง​จ้า​เกินไป​ ​หาก​ไม่​หลับตา​ให้​เร็ว​คงได้​ตาบอด​เป็นแน่

​แม้แต่​ม่อ​อวี​่​ ลั​่​วลั​่ว​ ​และ​คนที​่​มีระดับ​ขั้นสูง​มาก​คนอื่น​ก็​เห็น​แต่เพียง​ฉาก​ที่​เลือนราง​เท่านั้น

​ม่าน​แสง​จ้า​ปรากฏ​ขึ้น​ตรงกลาง​โถง​ใหญ่​ของ​ตำหนัก​ ​ในทางตรงกันข้าม​ ​แสง​ที่​ปล่อย​ออกมา​จาก​ไข่มุก​ราตรี​นั้น​เป็น​เหมือนกับ​ขี้เถ้า​ของ​วัชพืช​ที่​ถูก​ไฟไหม้​เท่านั้น

​ร่าง​สอง​ร่าง​มองเห็น​ได้​รางๆ​ ​ใน​ม่าน​แสง​ ​หนึ่ง​ใน​นั้น​อ้วน​กว่า​เล็กน้อย​ ​น่าจะเป็น​เซียง​อ๋อง​ ​อีก​ร่าง​หนึ่ง​ย่อม​เป็น​อวี​๋​เห​ริน​เป็นแน่แท้

​ฝ่ามือ​ทั้งสอง​ปะทะ​กัน​กลางอากาศ

​ม่าน​แสง​นั้น​เริ่มต้น​ตรงจุด​ที่สอง​มือ​ของ​พวกเขา​ปะทะ​กัน

​ที่​นั้น​มีด​วง​อาทิตย์​หนึ่ง​ดวง

​……

​……

​เมฆ​ดำ​ใน​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​กระจัดกระจาย​ไป​ทั่ว

​ดวงดาว​ที่​เพิ่ง​ปรากฏ​ออกมา​ ​ก็​ถูก​บดบัง​ไป​ใน​ชั่วพริบตา

​เส้น​แสง​จำนวนนับ​ไม่​ถ้วน​ถูก​ยิง​ขึ้น​สู่​ท้องฟ้า​จาก​เขต​พระราชฐาน

​จิง​ตูดู​ราวกับ​หวนคืน​สู่​ทิวากาล

​เหล่า​ลูกศิษย์​ที่​เฝ้าดู​แผ่น​ป้าย​อนุสรณ์​ใน​สุสาน​เทียน​ซูม​อง​ย้อนกลับ​ไป​ด้วย​ความประหลาดใจ​ ​กระรอก​ใน​ป่ายา​มรา​ตรี​ตื่นขึ้น​มา​ ​และ​กระโดด​ไม่​หยุด

​ ​ ​ภายใน​พระราชวัง​หลี​ ​ทหารม้า​ที่​รอ​อยู่​ใน​สนามรบ​ผลัก​กระบัง​หน้า​ออก​ ​มอง​ขึ้นไป​ยัง​ท้อง​นภา

​ ​ ​ผู้คน​ต่าง​ก็​เห็น​ดวงอาทิตย์​ดวง​หนึ่ง

​ ​ ​จง​ซาน​อ๋อง​กำลัง​รวบรวม​ทหารม้า​ที่​ถนน​ไท่​ผิง​ ​เตรียม​รีบ​เข้าไป​ใน​วัง​เพื่อ​ช่วย​องค์​จักรพรรดิ

​ ​ ​ครั้น​เมื่อ​ท้อง​ฟัง​ยามค่ำคืน​สว่าง​ขึ้น​ ​เขา​ก็​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​ ​และ​ไม่​สามารถ​ละสายตา​กลับ​ไป​ได้​อีก

​ ​ ​เขา​หรี่​ตาลง​ ​จ้องมอง​อยู่​เป็นเวลา​นาน​ ​จน​ดวงอาทิตย์​ค่อยๆ​ ​สลาย​หาย​ไป

​“​อา​ ​ดวงอาทิตย์​ช่าง​งดงาม​อะไร​เช่นนี้​…​”

​ ​ ​จง​ซาน​อ๋อง​รู้สึก​ทอดถอนใจ​ ​โบกมือ​เพื่อ​ส่งสัญญาณ​ให้​ผู้ใต้บังคับบัญชา​ยกเลิก​แผนการ​โจมตี​พระราชวัง​ใน​ตอนกลางคืน

​เขา​หันหลัง​ลง​จาก​หลัง​ม้า​ ​ไป​อาบน้ำ​รอบ​หนึ่ง​ ​จากนั้น​ขอให้​พ่อครัว​เล็ก​ๆ​ ​ทำ​บะหมี่​ผัด​เครื่องเทศ​ชาม​หนึ่ง​ ​ใส่​กระเทียม​ป่า​ครึ่ง​ช้อน​แล้ว​กิน​อย่าง​เอร็ดอร่อย

​เมื่อม​อง​เห็นภาพ​ฉาก​นี้​ ​นางสนม​ผู้​งดงาม​คน​นั้น​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​เกิด​คำถาม​เดียว​กับ​ที่ปรึกษา​เสียชีวิต​ไป​ใน​กลางวัน​วันนั้น​ว่า​ ​บะหมี่​นี่​มัน​อร่อย​ถึง​เพียงนั้น​เลย​หรือ

​แน่นอน​ว่า​ ​นาง​ฉลาด​กว่า​ที่ปรึกษา​ท่าน​นั้น​มาก​ ​ดังนั้น​วาจา​ที่​เปล่ง​ออกมา​จึง​เปลี่ยนเป็น​ ​“​พวกเรา​ไม่​ไป​ช่วย​ฝ่า​บาท​หรือ​”

​จง​ซาน​อ๋อง​กิน​บะหมี่​ต่อ​ ​พูด​สอง​ประโยค​ที่​ค่อนข้าง​คลุมเครือ

​ประโยค​แรก​ที่นาง​สนม​นาง​นั้น​ได้ยิน​ที่​ท่าน​อ๋อง​พูด​คือ​ฝ่า​บาท​มิได้​ต้องการ​ความช่วยเหลือ​จาก​พวกเรา​ ​พวกเรา​ช่าง​โง่เขลา​นัก

​จากนั้น​นาง​ก็​ตั้งใจ​คิด​อย่างจริงจัง​ก่อนที่จะ​มั่นใจ​ว่า​ประโยค​ที่สอง​คือ​…​พรุ่งนี้​จะ​เป็น​วันที่​แดด​จ้า

​……

​……

​“​หลาย​ปีก่อน​ ​เป็น​เมื่อ​หลาย​ปี​ที่ผ่านมา​แล้ว​จริงๆ​ ​ดวงตา​ของ​เสด็จ​พ่อ​ยัง​ปกติ​ดี​ ​ท่าน​ก็​รู้​ ​โอ้​ ​ท่าน​ไม่รู้​ ​เมื่อก่อน​ที่นั่น​เคย​เป็น​ห้อง​อ่านหนังสือ​ ​เป็นครั้งแรก​ที่​ข้า​ได้ยิน​เคล็ด​วิชา​เพลง​ยุทธ์​ที่นั่น​ ​ตอนนั้น​ข้า​คิด​ว่าวิ​ชานี​้​มีพลัง​มาก​ ​ดวงอาทิตย์​ร้อนแรง​ขนาด​นั้น​ ​สว่าง​ขนาด​นั้น​ ​จะ​สามารถ​เก็บ​ไว้​ใน​ร่างกาย​ของ​ข้า​ได้​อย่างไร​กัน​”

​เซียง​อ๋อง​กล่าวว่า​ ​“​เสด็จ​พ่อ​พูดว่า​ข้า​คิดผิด​แล้ว​ ​ดวงอาทิตย์​ดวง​นั้น​จะ​กลายเป็น​ดวงอาทิตย์​จริงๆ​ ​ก็ต่อเมื่อ​ออกห่าง​จาก​ร่างกาย​ของ​เรา​ไป​เท่านั้น​ ​ข้า​ก็​คิดในใจ​ว่านั​่​นมั​นก​็​สุดยอด​มาก​!​ ​เพื่อ​จะ​ได้​เห็น​ดวงอาทิตย์​นั้น​ ​ข้า​ไม่​หยุด​ที่จะ​ฝึกฝน​ ​จนกระทั่ง​ข้ามี​ระดับ​ขั้นสูงสุด​ใน​ราชวงศ์​ต้า​โจว​ก็​ยัง​ไม่ได้​เห็น​ ​แม้​จะ​ข้าม​ธรณีประตู​ไป​เมื่อ​สิบ​ปี​ที่แล้ว​ ​ข้า​ก็​ยัง​ไม่ได้​เห็น​ดวงอาทิตย์​ดวง​นั้น​ ​ดังนั้น​ใน​ช่วง​สอง​สาม​ปี​มานี​้​ข้ามัก​จะ​สงสัย​อยู่​เสมอ​ว่า​ ​หรือ​ที่จริง​แล้ว​เสด็จ​พ่อ​กลั่นแกล้ง​ข้ามา​ตั้งแต่แรก​”

​อวี​๋​เห​ริน​พูดว่า​ ​“​ไม่ใช่​”

​เซียง​อ๋อง​มอง​เขา​และ​เงียบ​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​พูดว่า​ ​“​ใช่​ ​จนกระทั่ง​วันนี้​ ​ข้า​จึง​ได้​รู้​ว่านี​่​เป็นเรื่อง​จริง​ ​เสด็จ​พ่อ​มิได้​หลอก​ข้า​”

​อวี​๋​เห​ริน​ก็​เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​พูดว่า​ ​“​ข้า​เอง​ก็​เพิ่งจะ​รู้​วันนี้​”

​เซียง​อ๋อง​พูด​ ​“​ในเมื่อ​วิชา​สุริยัน​แผดเผา​แข็งแกร่ง​เช่นนี้​ ​จักรพรรดิ​ไท่​จง​ตอนนั้น​ก็​ไม่ใช่​เพียง​เช่นนี้​กระมัง​”

​อวี​๋​เห​ริน​พูด​ ​“​ข้า​ไม่รู้​”

​เซียง​อ๋อง​พูด​ด้วย​อารมณ์​ ​“​ฝ่า​บาท​ทรง​แม้​ร่างกาย​พิการ​แต่​จิตวิญญาณ​เปี่ยม​ไป​ด้วย​พลัง​ ​เป็น​แสงสว่าง​แห่ง​สำนัก​เต๋า​ ​และ​แสงสว่าง​แห่ง​ตระกูล​เฉิน​อย่างแท้จริง​”

​นี่​คือ​คำชม​ที่จริง​ใจ​ที่สุด

​แต่​เขา​ก็​ยัง​ไม่เข้าใจ​เล็กน้อย

​“​เหตุใด​ฝ่า​บาท​จึง​ต้อง​ปกปิด​ระดับ​บำเพ็ญ​ของ​ตน​กัน​”

​เซียง​อ๋อง​พูด​อย่าง​ขมขื่น​ว่า​ ​“​ถ้า​ข้า​รู้​เช่นนี้​มาก​่อน​ ​พวก​ข้า​จะ​คิด​ก่อ​กบฏ​ได้​เช่นไร​กัน​”

​อวี​๋​เห​ริน​เอ่ย​อย่าง​รู้สึก​ขออภัย​ ​“​ไม่มี​ผู้ใด​เคย​ถาม​มาก​่อ​น.​..​และ​ ​ข้า​ก็​ไม่มี​โอกาส​ได้​ใช้​สิ่ง​เหล่านี้​”

​เซียง​อ๋อง​ได้ยิน​ก็​ตกตะลึง​ ​หลังจากนั้น​ก็​อด​หัวเราะ​ออกมา​ไม่ได้

​ยังคง​เป็น​เหตุผล​เช่นเดียวกับ​ที่​พูด​ก่อนหน้านี้

​อวี​๋​เห​ริน​สามารถ​พูด​ได้​ ​แต่​เขา​ไม่​พูด

​เขา​สามารถ​สร้าง​ดวงอาทิตย์​ขึ้น​มา​ใน​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​ของ​จิง​ตู​ได้​ ​แต่​เขา​ก็​ไม่​ทำ

​เพราะว่า​เขา​ไม่ต้องการ​ ​และ​ไม่มี​ความจำเป็น​ต้อง​ทำ​เช่นนี้

​นี่​ก็​เป็น​สิ่ง​ที่​เขา​ต้องการ

​“​ฝ่า​บาท​สมควร​แล้ว​ที่​เป็น​บุตร​โดย​สายเลือด​ของ​เสด็จ​พ่อ​และ​เสด็จ​แม่​”

​ในที่สุด​เซียง​อ๋อง​ก็​โล่งใจ​ ​แต่​ก็​หลีกเลี่ยง​ไม่ได้​ที่จะ​เสียใจ​อยู่​บ้าง

​“​เหตุใด​ข้า​จึง​ไม่​เกิด​มา​เป็น​บุตร​โดย​สายเลือด​ของ​เสด็จ​แม่​บ้าง​”

​หลังจาก​พูด​เช่นนี้​แล้ว​ ​ร่างกาย​ของ​เขา​ก็​เกิด​ลำแสง​นับไม่ถ้วน​ทะลุ​ออกมา​ ​แตก​กระจาย​ออก​เป็น​เม็ด​ผลึก​ที่​เล็ก​ละเอียด​ที่สุด​ ​แล้ว​ถูก​สายลม​ยามค่ำคืน​พัด​หาย​ไป​อย่างไร​้​ร่องรอย